ยุทธศาสตร์มดแดงล้มช้าง: รับ ยัน รุก รุกฆาต ของพลเมืองตื่นรู้
เราส่องให้เห็นโครงสร้างที่บดบังศักยภาพของคนเดินดินทั้งแผ่นดิน
เมื่อเราพูดถึง “มดแดงล้มช้าง” หลายคนอาจนึกถึงภาพการลุกฮือแบบเร้าใจ แต่ในความเป็นจริง พลังของประชาชนไม่ได้เริ่มจากการปะทะ หากเริ่มจาก การตื่นรู้และการปฏิเสธที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้ระบบที่ไม่เป็นธรรม ดำรงอยู่ต่อไปต่างหาก
ยุทธศาสตร์ของพลเมืองตื่นรู้จึงสามารถมองได้เป็นสี่จังหวะสำคัญ คือ รับ – ยัน – รุก – รุกฆาต ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นผ่านคำสั้น ๆ ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง คือคำว่า “ไม่” ไม่ใช่ “ไม่เอะอะโวยวาย” แต่เป็น “ไม่ให้ความชอบธรรม” แก่อำนาจที่ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป คำว่า “ไม่” ของประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้เป็นเพียงท่าทีทางอารมณ์ แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ทางสังคมและการเมืองอย่างมีสติ
1. จังหวะ “รับ”: สร้างภูมิคุ้มกันด้วยการไม่ยกสมองให้ใครครอบครอง
จุดเริ่มต้นของพลเมืองตื่นรู้ไม่ได้เริ่มที่ถนน แต่เริ่มที่ในหัวใจและในหัวของแต่ละคน จังหวะ “รับ” คือช่วงที่เราหยุดนิ่งเพื่อสังเกตโลกและสังคมรอบตัวอย่างมีสติ เรายอมรับข้อเท็จจริงว่าโครงสร้างอำนาจซับซ้อนและแยบยลกว่าที่เราถูกสอนในหนังสือเรียน และเราตัดสินใจอย่างเงียบ ๆ ว่า จะไม่ปล่อยให้ใครใช้ความไม่รู้ของเราเป็นเครื่องมืออีกต่อไป
ในจังหวะนี้ พลเมืองตื่นรู้เริ่มจาก “ไม่หลงเชื่อ” ง่าย ๆ อีกต่อไป ข่าวลือ คลิปตัดต่อ โฆษณาชวนเชื่อ คำพูดที่สวยหรูแต่ขัดกับข้อเท็จจริง เขา ไม่ยอมรับโดยอัตโนมัติ อีกต่อไป นี่คือการถอนตนออกจากฐานะ “ผู้เสพข้อมูลอย่างเชื่อฟัง” แล้วก้าวเข้าสู่ฐานะ “ผู้ใช้วิจารณญาณของตนเอง”
พร้อมกันนั้น พลเมืองตื่นรู้ยัง “ไม่ถูกหลอกให้เกลียดกันเอง” เมื่ออำนาจใดพยายามแบ่งแยกประชาชนเพื่อปกครองได้ง่ายขึ้น เขามองเห็นเกมทันทีและไม่ตกเป็นเหยื่อของกลยุทธ์นั้นอีก
2. จังหวะ “ยัน”: ยืนหยัดอย่างสงบ แต่ไม่ยอมเป็นฟันเฟืองของความอยุติธรรม
เมื่อเห็นโครงสร้างแล้ว ขั้นต่อมาคือการ ยืนหยัดไม่เติมพลังให้โครงสร้างนั้น นี่คือจังหวะที่ประชาชนค่อย ๆ ถอนฟันเฟืองออกจากเครื่องจักรความอยุติธรรมทีละซี่
พลเมืองตื่นรู้เริ่มจาก “ไม่ร่วมมือ” กับกติกาที่ไม่เป็นธรรม แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ใต้โต๊ะ เส้นสาย หรือการโกงที่ “ใคร ๆ ก็ทำ” การไม่ร่วมมือคือการบอกว่า “เราจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการกดทับตัวเองอีกต่อไป”
พร้อมกันนั้น เขายัง “ไม่ส่งเสริม” อำนาจหรือพฤติกรรมที่ทำร้ายส่วนรวม ไม่ช่วยเชียร์ ไม่ช่วยแชร์ ไม่ช่วยปั้นภาพให้โครงสร้างที่เอาเปรียบประชาชนดูดีเกินจริง
และในทุกวัน พลเมืองตื่นรู้เลือกที่จะ “ไม่เพิกเฉย” เมื่อพบเห็นความอยุติธรรม ไม่บอกตัวเองว่า “ไม่ใช่เรื่องของเรา” เพราะรู้ดีว่าความเพิกเฉยคือปุ๋ยของระบบที่ไม่เป็นธรรม
3. จังหวะ “รุก”: เปลี่ยนจากการไม่ยอม เป็นการลุกขึ้นกำหนดทิศทางใหม่
เมื่อการไม่หลงเชื่อ ไม่ร่วมมือ ไม่ส่งเสริม และไม่เพิกเฉยแพร่กระจายในสังคม พลังของประชาชนจะเปลี่ยนสถานะจากผู้ตั้งรับ เป็นผู้ผลักดันทิศทางใหม่อย่างสันติ
ในจังหวะนี้ พลเมืองตื่นรู้ “ไม่ยอมรับ” ว่าความอยุติธรรมคือวิถีปกติของสังคมไทย เขาไม่ยอมให้โครงสร้างเก่า ๆ ถูกทำให้ดูเหมือน “ธรรมชาติของบ้านเรา”
เขายัง “ไม่รับเงื่อนไขที่ทำให้ประชาชนต่ำต้อย” ไม่ยอมให้ภาษา สัญลักษณ์ หรือกติกาใดลดทอนความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีของพลเมือง
และเหนือสิ่งอื่นใด เขา “ไม่ยอมให้ใครผูกขาดอนาคตชาติแทนเรา” เพราะประเทศคือสมบัติร่วมกันของประชาชนทุกคน ไม่ใช่อำนาจตกทอดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
4. จังหวะ “รุกฆาต”: ทำให้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมอยู่ไม่ได้ด้วยน้ำหนักของความจริง
จังหวะสุดท้ายไม่ได้ใช้กำลัง แต่ใช้การเปลี่ยนสมดุลพลังในสังคม ทำให้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม “อยู่ไม่ได้” โดยธรรมชาติของมันเอง
พลเมืองตื่นรู้ “ไม่ให้อยู่เหนือการตรวจสอบ” อีกต่อไป ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะอยู่ในสถานะใด ย่อมต้องตอบต่อสาธารณะ
เขายัง “ไม่ให้คงอยู่ในรูปแบบที่เอาเปรียบประชาชน” ไม่ยอมให้กฎหมาย ช่องโหว่ หรืออภิสิทธิ์ที่ขัดต่อความเสมอภาคดำรงอยู่เป็นนิรันดร์
และที่ลึกที่สุดคือ “ไม่รับความกลัวเป็นเครื่องมือปกครอง” เมื่อประชาชนจำนวนมากเลือกว่า “เราจะไม่ถูกข่มขู่ให้เงียบ” อำนาจที่ตั้งอยู่บนความกลัวจะเสื่อมพลังลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงจุดนั้น สังคมก็เดินมาถึงจังหวะ “ไม่ยอมให้อนาคตชาติถูกกำหนดโดยคนไม่กี่คนอีกต่อไป” นี่ไม่ใช่คำสโลแกน แต่คือผลรวมของพฤติกรรมเล็ก ๆ แต่มั่นคงของประชาชนทั้งแผ่นดิน
บทส่งท้ายจากใจ ดร. เพียงดิน รักไทย
คำว่า “ไม่” ของประชาชนในยุทธศาสตร์ทั้งสี่จังหวะ ไม่ใช่คำปฏิเสธเพื่อทำลาย แต่คือคำปฏิเสธเพื่อปลดปล่อย— ปลดปล่อยมนุษย์จากการถูกทำให้เชื่อฟังโดยไร้เหตุผล ปลดปล่อยสังคมจากการกดทับแบบยาวนาน และปลดปล่อยอนาคตของชาติให้กลับไปอยู่ในมือของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง
มดแดงตัวหนึ่งอาจทำอะไรไม่ได้ แต่มดแดงทั้งรังที่ตื่นรู้ เดินไปในทิศทางเดียวกัน สามารถทำให้ช้างที่ดูยิ่งใหญ่เกินแตะต้อง สั่นสะเทือนได้ด้วยพลังของความจริง และหัวใจของประชาชนที่ไม่ยอมก้มหน้าอีกต่อไป
ตัวอย่างที่น่าสนใจ