Friday, July 20, 2012

สมชาย ปรีชาศิลปกุล: เสื้อแดงนอกเงาเพื่อไทย


สมชาย ปรีชาศิลปกุล: เสื้อแดงนอกเงาเพื่อไทย


ประชาไท 20 กรกฎาคม 2555 >>>ความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยบุคคลในพรรคเพื่อไทยในห้วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงมวลชนคนเสื้อแดงว่าคงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนท่าทีและความสัมพันธ์ระหว่างกันเสียที
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในความเคลื่อนไหวหลายประการที่คนเสื้อแดงเข้าไปมีส่วนอย่างสำคัญ ล้วนถูกมองข้ามหรือไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเพียงพอจากพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด การผลักดันการแก้ไขมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งประชาชนได้ร่วมกันล่าลายชื่อสนับสนุนก็ไม่ปรากฏว่า ส.ส.เพื่อไทย คนใดได้มีความเห็นสนับสนุนอย่างจริงจัง และเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะถูกคว่ำอย่างไม่เป็นท่า

การค้นหาความจริงของเหตุการณ์เมษา/พฤษภาหฤโหดใน พ.ศ. 2553 ก็ไม่มีความคืบหน้ามากมายนักนอกจากการใช้วาทะในการหาคะแนนนิยมไปเรื่อยๆ ทั้งที่บัดนี้ก็อยู่ในสถานะที่จะทำให้กระบวนการค้นหาข้อเท็จจริงสามารถเกิดขึ้นได้มากกว่าในยามเป็นฝ่ายค้าน ยิ่งกับกรณีของ “อากง” ก็มีแต่เห็นความเงียบชนิดเป่าสาก

แม้กระทั่งกับกรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าบรรดาเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทยต่างมุ่งจะปกป้องความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่าการจะต่อสู้เพื่อสถาปนาอำนาจสูงสุดของประชาชนในระบบการเมืองให้บังเกิดขึ้น คนเสื้อแดงทั้งหลายยังพึงพอใจกับท่าทีในแนวทางเช่นนี้ของพรรคเพื่อไทยอยู่หรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในท่ามกลางคนเสื้อแดงก็มิได้มีความเป็นอันเหนึ่งอันเดียวกันไปในทุกด้าน มีหลากหลายกลุ่มในฐานะของขบวนการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้มีการจัดตั้งแบบแนวดิ่ง ประเด็นซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันอาจเป็นการต่อต้านอำนาจนอกระบบ ซึ่งมักจะถูกหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อระดมไพร่พลในการแสดงพลังหรือกดดันพลังการเมืองแบบอำมาตย์ อันทำให้ดูราวกับว่าเป็นประเด็นนำของการเคลื่อนไหว

แต่ในความเป็นจริงของความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้มองเห็นได้ว่าในท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสีนั้น บัดนี้ได้มีการรอมชอมกันในหมู่ชนชั้นนำบังเกิดขึ้นแม้ว่าความรอมชอมนี้อาจไม่ยังไม่เป็นเอกภาพมากนักเนื่องจากความใหญ่โตและสลับซับซ้อนของเครือข่าย แต่ก็สามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในบางลักษณะให้กันและกัน

ดังเช่นหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ให้สามารถกระทำได้แต่ก็จะถูกจำกัดให้อยู่ในขอบเขตเพียงบางประเด็นเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขในทุกประเด็นที่เป็นโครงสร้างของระบบการปกครอง ไม่เพียงแค่ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” เท่านั้น หากยังหมายรวมถึงอีกหลายสถาบันที่ยังต้องดำรงอยู่อีกต่อไป ในขณะที่การล้มรัฐบาลด้วยการทำงานองค์กรอิสระก็จะไม่บังเกิดขึ้นเช่นกัน

จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเมื่อทางคนในพรรคเพื่อไทยเองกลับออกมาเป็นผู้โจมตีข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เรื่องยุบเลิกศาลรัฐธรรมนูญอย่างสาดเสียเทเสีย ทั้งที่เป็นข้อเสนอเพื่อจะนำไปสู่การสถาปนาอำนาจนำในทางการเมืองของรัฐสภาจากระบบเลือกตั้ง
ความคาดหวังว่าพรรคการเมืองนี้จะเป็นผู้ถือธงนำในการเปลี่ยนแปลงจึงห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก
แม้ว่าในพรรคเพื่อไทยอาจมีผู้มากความสามารถในการใช้วาทะปราศรัยเฉกเช่นเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่พรรคถูกรุมเร้าจากคู่แข่งขันทางการเมืองหรือในการต่อสู้ในห้วงเวลาคับขัน หรือในยามที่เกิดปัญหาขึ้นกับ “ตัวเอง” ก็จะพาร้องแรกแหกกระเชอถึงความอยุติธรรมเชิงโครงสร้าง แต่นอกจากเวทีปราศรัยแล้วนักปราศรัยเหล่านี้ก็ไม่ได้ปรากฏบทบาทในการขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด

ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะความแหยหรือเพราะเป็นความไม่ได้เรื่องของบุคคลเท่านั้น แต่ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้กระทั่งในห้วงเวลาปัจจุบันพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ใช่สถาบันทางการเมืองที่ประชาชนสามารถเข้าไปกำหนดทิศทางได้ตามความต้องการ นายทุนหรือผู้มีอิทธิพลภายในพรรคยังสามารถชี้นิ้วให้นโยบายต่างๆ เดินหน้าหรือถอยหลังได้ ด้วยการมองถึงผลประโยชน์หรือความมั่นคงเฉพาะกลุ่มเฉพาะบุคคล
คนเสื้อแดงที่อยู่ภายใต้เงาของพรรคเพื่อไทยจึงอาจจะต้องผิดหวังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ตระหนักถึงความเป็นจริงข้อนี้

คนเสื้อแดงทั้งหลายจึงต้องมองหาทางเดินของตนที่เป็นอิสระรวมถึงการสร้างอำนาจในการต่อรองกับพรรคเพื่อไทยให้เพิ่มมากขึ้น การจัดตั้งตนเองในทางสังคมจำเป็นต้องมีมากขึ้นไม่ว่าจะอยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็ตาม โดยเป้าหมายสำคัญคือทำให้เสียงและความต้องการของกลุ่มตนต้องได้รับการให้ความสำคัญมากขึ้น กลไกต่างๆ เพื่อทำให้เสียงของคนเสื้อแดงได้รับการเคารพมากขึ้นต้องถูกผลักดันให้เกิดขึ้น เช่น การหยั่งเสียงข้างต้นภายในพรรคในการส่งผู้สมัคร ส.ส. เป็นต้น
การร่วมทางกันสามารถเกิดขึ้นได้ในประเด็นที่มีความเห็นร่วมกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินตามต้อยๆ ไปในทุกแนวทางกับพรรคเพื่อไทยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะคนเท่านั้น

แม้การเดินออกนอกร่มเงาของพรรคเพื่อไทยอาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการลดทอนพลังในการต่อสู้กับฝ่ายอำมาตย์หรือชนชั้นนำ แต่เช่นเดียวกันการอยู่ภายใต้ร่มเงาของพรรคโดยที่ไม่ได้มีกระบวนการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแม้แต่กระผีกก็ไม่มีความหมายอันใดเช่นกัน

ในทางตรงกันข้าม การสร้างฐานของคนเสื้อแดงให้มั่นคงมากขึ้นบนทิศทางที่เป็นประชาธิปไตยและสันติ อาจนำมาสู่การเชื่อมร้อยกับกลุ่มองค์กรต่างๆ ในทางสังคมได้มากขึ้น เพราะการผูกติดกับพรรคเพื่อไทยและการแสวงหาประโยชน์ของบางคนในพรรคก็เป็นข้อจำกัดในการทำให้คนเสื้อแดงไม่สามารถหา “พันธมิตร” ในทางการเมืองได้กว้างขวางเท่าที่ควร
การเดินออกจากร่มเงาของพรรคเพื่อไทยเพื่อเป็น “คนเสื้อแดง” มากขึ้นอาจเป็นจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่สำคัญอันหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคตอันไม่ไกลนี้




 

 

 

 

Thursday, July 19, 2012

ใครว่าความสวยเซ็กซี่ ไม่มีผลกับจิตใจเวลาตัดสินผลงาน? ผมเถียงครับ อิ ๆ

 
 
 
 

Wednesday, July 18, 2012

คำถามจากประชาชน ถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร


เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ก่อนอื่น ขอแสดงความขอบคุณที่คุณยิ่งลักษณ์ได้พยายามทำงานอย่างขยันขันแข็ง สุขุมเยือกเย็น รับฟังเสียงของฝ่ายต่าง ๆ และไม่เล่นการเมืองอันสกปรกแบบประชาธิปัตย์  และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับการช่วยเหลือพี่น้องเสื้อแดงที่เป็นเหยื่อของการสังหารโหดและการจับกุมคุมขังอย่างป่าเถื่อน ไร้การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน เราเชื่อว่ามั่น ท่านได้พยายามทำงานอย่างเต็ม ที่ในการบำบัดเยียวยาพี่น้องที่ต้องชะตากรรมดังกล่าว และรวมถึงผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุไม่สงบ ในสามจังหวัดภาคใต้ และเหยื่อน้ำท่วมฟ้าประทานเมื่อปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มีสิ่่งคงค้างและคาใจพี่น้องเสื้อแดงและหลากสี ที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตยแท้จริง อยู่หลายประการ  ที่อยากให้ท่านนายกฯ ได้ช่วยตอบให้หายข้องใจ ดังนี้

หนึ่ง ทำไมพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนไม่แตะ กฎหมายอาญามาตรา 112  กฎหมายนี้ขัดกับหลักเสรีภาพ เสมอภาคใต้กฎหมาย และขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานชัดเจน แถมพี่น้องไทยและแม้แต่ต่างชาติ จำนวนมาก ถูกจองจำโดยไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียภาพลักษณ์  ขอท่านนายกฯ อธิบายเหตุผลด้วย จักขอบคุณยิ่ง

สอง ทำไมท่านไม่ลงนามรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับคดีความของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นพลเมืองของอังกฤษ  หรือง่าย ๆ คือทำไมท่านไม่มีความพยายามที่จะลงสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศไปเลย  ประชาชนถูกฆ่าโดยไม่มีการเอาผิดผู้ก่อการมากี่ครั้งแล้ว และยังมีแนวโน้มจะทำอีก ท่านรักประชาชน รักชีวิตของพวกเขาที่หลายส่วนทำให้ท่านได้มาเป็นนายกฯ หรือไม่? ทำไมท่านไม่ทำ?  หากมีการฆ่าฟันประชาชนอีก แล้วท่านจะอธิบายอย่างไร?

สาม ตุลาการ เป็นองค์คณะที่มาจากอำนาจมืด อำนาจเผด็จการรัฐประหาร และมีเจตนารมย์ชัดเจนว่า ต้องการทำลายล้างพรรคเพื่่อไทย รัฐบาลของประชาชน โดยยกตัวเหนืออำนาจบริหารของท่าน และอำนาจนิติบัญญัติในสภา ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของประชาชน  การอยู่เฉย ๆ หรือยอมรับอำนาจเถื่อนนี้ อาจจะทำให้ท่านสามารถประคองสถานการณ์ไปได้ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดแล้วเขาก็จะหาทางล้มท่าน  แล้วท่านจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้การเล่นการเมืองของท่านและพรรค ไม่กระทบกับหลักการคานอำนาจ คือไม่ให้อำนาจตุลาการที่มาจากอำนาจลึกลับที่เป็นกบถ สามารถยกตัวเหนืออำนาจของประชาชน ที่มอบให้ท่านและรัฐสภา?

สี่ คำว่าประชาธิปไตยในความหมายของท่าน คืออะไร? ต้องมีสถาบันกษัตริย์หรือไม่ หากมีจะเอาไว้ตรงไหน เหมือนเดิมทุกประการ หรือควรปรับเปลี่ยน อย่างไร?

ห้า ท่านจะดำเนินการอย่างไรกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนตอนหาเสียง ว่าจะคืนอำนาจให้พวกเขา ให้พวกเขาเลือก สสร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญในฝัน อันปราศจากกลไกพิษที่เป็นมะเร็งร้ายทำลาประชาธิปไตย
ท่านมีรายละเอียดใด ที่จะชี้แจงหรือยืนยันว่า ท่านจะไม่ทรยศกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน

หก ท่านทราบหรือไม่ ว่าท่านขึ้นมาสู่ตำแหน่งด้วยหยาดเหงื่อ แรงกายแรงใจ เงินทอง และแม้แต่ชีวิตเลือดเนื้อของมวลชนเสื้อแดง ท่านทำงานเพื่อคนไทยทุกคนย่อมเป็นเรื่องถูกต้อง  แต่สำหรับคนเสื้อแดง ท่านทราบไหมว่า พวกเขาต้องการอะไรจากท่าน และท่านทำได้ดีแค่ไหนแล้ว และจะทำอะไรต่อไป
เจ็ด ท่านทราบหรือไม่ว่าเมืองไทยอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่งออกเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก  แต่เนื่องจากมีนโยบายกินรวบ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่คนไม่กี่กลุ่มที่รวมหัวกันยึด ปตท.  ท่านมีนโยบายต่อเรื่องนี้อย่างไร?

ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่พวกเราชื่นชมและเอาใจช่วย ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยและความดีที่ท่านและคณะได้ร่วมกันกระทำ คุ้มครองรักษาทุกท่าน ให้พ้นจากภัยพิบัติ มีสติปัญญาและศีลธรรมจรรยา ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง  
จากประชาชนผู้แสวงหาเสรีประชาธิปไตย



 

 

 

 

 

Sunday, July 15, 2012

กลับตัวกลับใจเถิด โดยเฉพาะอย่างท่านผู้สูงวัยที่เจ็บป่วย

โลกนี้คือละคร... เพลงที่สอนใจมนุษย์ทุกคน


โลกนี้คือละคร...

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครหนีพ้น
จะไพร่พลหรือเจ้าเราย่อมเห็น
เศรษฐ๊รวยล้ำฟ้าข้าลำเค็ญ
ไม่อยู่เป็นถึงวันวายตายทุกที

หลงก่อกรรมทำชั่วเพราะกลัวเสีย
สร้างภาพเพลียเมียผัวกลัวใช้หนี้
ฆ่าหมู่คนวนฆ่าไม่ปราณี
หวังภักดีไม่ได้ก็ให้กลัว

จะให้กลัวอย่างไรไม่มีเหตุ
จะให้กราบก็ทุเรศใจคนทั่ว
จะให้รักแต่ผลักไสใส่บาปนัว
จะทำชั่วเชิญบุญมีคุณฤา

จะต้องตายภายรุ่งอย่ายุ่งคิด
เมื่อชีวิตสั้นลงปลงอย่าหื่อ
ทำดีไถ่บาปเก่าให้เขาลือ
ว่ายังคือคนดีที่เคยเลว


============================
 
 

Saturday, July 7, 2012

สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยประชาชน



ยินดีต้อนรับสู่แหล่งวิชาการของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน -----------------------------------------------------



หรือจะกดเครื่องเล่นชนิดต่าง ๆ Save แล้วกดเปิดในเครื่องเล่นนั้น ๆ ได้ที่



 

 

 

 

 

เพียงแค่แก๊งค์เหี้ย... หันไปมองตัวอย่างดี ๆ บ้าง...


ผมเดินทางถึงที่หมายและรอเช็คอินเข้าที่พักที่เมืองแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ช่วงนี้มีการแข่งขันเทนนิสหญิงวิมเบิลดันพอดี สรุปผลว่า เซเรน่า วิลเลียมส์ชนะเลิศ ชัยชนะของเธอ หากเป็นเมื่อสี่ห้าปีก่อนหรือแม้แต่เกือบสิบปีก่อนคงไม่มีอะไรพิเศษ เพราะเธอแข็งแรงยิ่งกว่าผู้ชายจำนวนมาก เสริฟแรง ตีแบบกล้าเสียงและมีเชิง เร็วทั้ง ๆ ที่ตัวใหญ่มาก ฯลฯ แต่วันนี้ เธออยู่ในวัยสามสิบ เพิ่งกลับมาจากจุดต่ำสุดของชีวิตคือ เจ็บป่วยเกือบเอาตัวไม่รอด คือหวังแค่ได้มีชีวิตยืนยาวต่อไปแค่นั้น แถมต้องผ่าตัดข้อเท้าทั้งสองข้าง  การได้กลับมาแข่งแกรนด์แสลมระดับโลก จึงเป็นสิ่งที่เหมือนจะเหลือเชื่อ ไม่ต้องพูดถึงการเข้ารอบลึก หรือการเป็นแชมเปี้ยน!!!




ผมดูการตีของเธอปลายเซ็ตแรก ที่เธอชนะ 6:1 เป็นเหมือนเธอได้เกิดใหม่ นึกถึงเวลาผมได้ลงแข่งสนามหญ้าสวย ๆ หลังจากซ้อมมานานหรือรอมานานโดยไม่มีโอกาส ความสุขจากการได้สัมผัสหญ้าและการได้เคล้าคลึงและเตะลูกบอลตามใจปรารถนา เซเรน่าในเซ็ตแรกนั้น เสริฟคมและตีได้ดีเหมือนกับที่เคยเห็นเธอในวัยกำลังรุ่ง แต่คราวนี้ ผมเห็นความนิ่ง ความตั้งใจ และการควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างมีสติและมั่นใจ  แม้ว่าในเซ็ตที่สอง เธอจะถูกคู่ต่อสู้ที่พยายามและทำได้ดีมากเฉือนเอาชนะไป 7 ต่อ 5 เกม เธอกลับมาได้และเอาชนะอย่างขาดลอยอีกครั้งในเซ็ตที่สาม  เมื่อชนะแล้ว เธอดีใจเหมือนเด็กน้อย ตัวโตเหมือนยักษ์แต่กระโดดโลดเต้นด้วยความสุข ฉลองกันมันอย่างไม่ต้องยั้ง ไม่ต้องแคร์ใครมากมาย เธอปีนขึ้นไปหาพ่อแม่ พี่สาว และทีมงานที่คอยช่วยเหลือเธอ ท่ามกลางเสียงปรบมือ และความสุขของคนดู ที่ได้เห็นการกลับมาอันยิ่งใหญ่ของเธอ หลังจากผ่านช่วงวิกฤติของชีวิตเธอมาได้ ความสวยงามนี้ ไม่ได้เกิดง่าย ๆ หรือด้วยการเข้าข้างหรือช่วยเหลือพิเศษจากคณะอัมไพร์ที่ช่วยกันตัดสิน เป็นเกมที่เธอต้องสู้แบบลูกต่อลูก ต้องออกแรง ต้องปาดเหงื่อ ฯลฯ  แต่ทุกอย่างอยู่บนกติกาที่เป็นธรรม โปร่งใสเกิดขึ้นต่อหน้าคนนับหมื่น เมื่อมีข้อสงสัย ก็มีการใช้เทคโนโลยีตัดสินแบบไม่มีการโกงหรือใช้อคติ  ไม่มีใครแกล้งโห่ฮาหรือทำตัวป่านเถื่อน ไปฟ้องร้องหรือฝืนกติกาใด ๆ ภาพอันสวยงามนี้ แม้จะเป็นภาพจากสนามเทนนิสแห่งหนึ่งแค่นั้น แต่มันสะท้อนสภาพสังคมที่สร้างสรรค์แบบตะวันตก สังคมที่ให้กำลังใจนักต่อสู้ที่ชนะด้วยกติกามารยาท สังคมที่ส่งเสริมคนใช้ศักยภาพและความสามารถใต้กติกาที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความสุขและประโยชน์แก่คนหมู่มาก  สังคมที่รู้แพ้ รู้ชนะ ยกย่องคนดี

เมื่อกลับมานึกถึงสังคมไทย ทำไมภาพมันจึงแตกต่างกันมากมายนัก เหมือนสวรรค์กับนรกเลยก็ไม่ปาน

ผมนึกถึงการซักถามพยานของผู้ร้องทั้งสี่ห้าตัวเมื่อวาน มันช่างเต็มไปด้วยอคติ
เป็นนิสัยที่ชอบหาเรื่องเอาเปรียบและตอแหลกับตัวอักษร
การพยายามใช้ความหยาบคาย เหยียบย่ำฝ่ายตรงข้ามให้มีภาพไม่น่าเชื่อถือ
เพื่อยัดเยียดความเสียเปรียบให้กับคนที่ออธิบายหลักกฎหมายและหลักประชาธิปไตย

แล้วผมก็นึกถึงสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย
ตั้งแต่การตั้งแก็งค์กันใส่ร้ายป้ายสี ดร. ทักษิณ อย่างโหดเหี้ยมด้วยเล่ห์ร้าย
การลอบฆ่าคนที่ทำงานหนักยิ่งกว่าควาย เพื่อให้เจ้าและประชาชนพอใจ
การเอากำลังทหารยึดอำนาจประชาชน แล้วหาทางเขียนกฎกติกาต่าง ๆ อย่างแยบยล เพื่อทำลายการเติบโตของประชาธิปไตย
การกล่าวหาและยัดคดีความให้ฝ่ายตรงข้าม
การใส่ร้ายป้ายสีอย่างต่อเนื่องบนสื่อทีตัวเองสั่งการได้
แล้วก็นำไปสู่การดันเด็กนรกอย่างอภิสิทธฺิ์ขึ้นเป็นนายกฯ ด้วยการใช้กำลังบังคับนักการเมืองให้หักหลังประชาชน
จนนำไปสู่การฆ่าประชาชนจำนวนมากมาย
แล้วคนสั่งยังลอยหน้า คนฆ่ายังลอยนวล มาสร้างวาทกรรมเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นไปวัน ๆ
แทนที่จะแย่งกันทำดี ส่งเสริมคนที่ทำดี ยกย่องกัน เพื่อให้คนทุกคนทำดี
จนถึงวันนี้ ความพยายามดึงประเทศถอยหลังและฆ่าฟันประชาชนที่แสวงหาสิ่งที่ดีกว่าให้กับบ้ามือง ก็ยังไม่หยุด
ตุลาการวิบัติ เป็นสิ่งชี่วร้ายที่สะท้อนระบอบที่ระยำยิ่งกว่าเสียอีก นั่นคือระบอบที่สานพลังกันอย่างมีเลศนัยล้ำลึก
และเมื่อคนจับได้อ่านทัน มันก็ผันมาเป็นเกมดาด ๆ ที่อาศัยคนโง่จริง ๆ และเสื่อมทางความคิดจริง ๆ เท่านั้นจึงจะกล้าทำได้

ผมไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่าแค่เล่าเรื่องเล็กน้อยให้ฟัง
หากจะให้สรุป ก็คงอยากตะโกนถามเหี้ยถามไพร่หรือไม่ไพร่ทั้งหลายว่าว่า
ทำไมบ้านอื่นเมืองอื่น เขาไม่มีเรื่องไร้สาระ โกหก ตอแหล ทำลายตัวเองและกันเอง เหมือนบ้านเรา?
ทำไมพวกเขาเหล่านั้น ไม่รู้จักเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีธรรม จริงใจ
และครองอำนาจเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามบ้าง
และหากจะให้บอกความปรารถนาสักข้อหนึ่ง ก็อยากบอกว่า

"จงรีบล้มระบอบเหี้ยกันเถอะ"

เพราะเราต้องการประชาธิปไตยเต็มใบเท่านั้น


ควรมีกษัตริย์ หรือ ไม่ควรมีกษัตริย์: That's THE question!



ควรมีกษัตริย์ หรือ ไม่ควรมีกษัตริย์: That's THE question!


รายการชวนคิดชวนคุย กับมหาวิทยาลัยประชาชน http://tprud.org

อาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2555

------------------------------------------------------
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
  1. กษัตริย์คือคนธรรมดา กิน ขี้ ปี้ นอน เกิด แก่ เจ็บ และตาย มีกิเลส ตัณหา ดี เลว เหมือนมนุษย์ทั่วไป หากกษัตริย์คิดจะทำชั่วและเลว กลับสามารถทำได้ง่ายกว่า และทำเลวได้มหันต์
  2. กษัตริย์สืบทอดกันมาโดยสายเลือด ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้รับการเลือกตั้ง หรือสอบถามความยินยอมของประชาชน
  3. กษัตริย์มีบุญมากกว่าใครในชาติปางก่อน เป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้
  4. การจงรักภักดี เป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ แม้่ว่าจะสามารถสร้างภาพ ล้างสมอง หรือสร้างสภาวะแวดล้อมให้หลงไป เคลิ้มไปเหมือนดูหนังเรื่องซึ้ง ๆ แต่เมื่อมองความจริง  เหตุผลและความจริง คือสิ่งที่เราต้องเผชิญ
  5. ราชวงศ์ทั่วโลก มีแต่หดหายไป ไม่เคยงอกเงย เพราะเหตุใด?
  6. กษัตริย์สามารถสร้างกลไก เครือข่ายเพื่อเอามารับใช้ แต่กษัตริย์ก็สามารถถูกใช้ได้ด้วยเช่นกัน
  7. หลายประเทศในโลกไม่มีกษัตริย์ก็อยู่ได้
  8. แผ่นดินบนโลกนี้ ย่อมเป็นของพลเมืองของชาติต่าง ๆ ในขอบเขตของตน ไม่ใช่เป็นของบุคคลคนเดียว หรือตระกูลเดียว
  9. การเป็นเจ้าชีวิต เจ้าเหนือหัว เป็นความคิดที่ล้าหลังไม่เหมาะกับกาลสมัย
  10. กษัตริย์ไทย เคยถูกปลดไปแล้ว แต่สามารถยึดอำนาจและสร้างกลไก ทำให้คืนสู่อำนาจได้อีก ดังนั้น หากจะมีการยึดอำนาจคืน ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องใหม่
  11. สถาบันกษัตริย์ที่สมสู่กันในวงตระกูลใกล้ชิด มักมีปัญหาทางสุขภาพและสติปัญญา
  12. คนตระกูลเดียว หรือคนเดียวที่บังเอิญถูกอุปโลกว่าเป็นกษัตริย์ จะเก่งกว่าคนทั่วไปเพราะบุญบารมีไม่ได้ ต้องอยู่ที่การฝึกฝน เรียนรู้  และดังนั้น การจะยกกษัตริย์ให้ปกครองบ้านเมืองเหมือนในอดีต จึงไม่่สมควรอีกต่อไปแล้ว
มีกษัตริย์ไว้ ดีอย่างไร?
  • เป็นศูนย์รวมจิตใจ?
  • เอาไว้แก้ปัญหาเวลาทุกฝ่ายไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร?
  • ช่วยพัฒนาประเทศ?
  • เหมือนพ่อแม่ ประมุข ผู้อาวุโส  ร่มโพธิ์ ร่มไทร?
ทำไมไม่ควรมีกษัตริย์
  1. ผิดหลักเสมอภาค เป็นรากเหง้าของสังคมชนชั้น เผด็จการ ศักดินานิยม ระบบอุปถัมน์และเส้นสาย เจ้าพ่อเจ้าแม่ และการเอารัดเอาเปรียบกันในทุกทาง
  2. เสรีภาพภายใต้กฎหมายของประชาชน ถูกจำกัดเมื่อเกี่ยวเนื่องด้วยกษัตริยื เช่น กรณีมาตรา 112 ในไทย
  3. พฤติกรรมของกษัตริย์และราชวงศ์ มักทำให้ความชอบธรรมและความเหมาะสมในการปกครองประเทศในปัจจุบันลดลง เช่น การเอาแต่ใจตัวเอง การงมงาย เป็นตัวอย่างไม่ดี ทำร้ายคนรอบข้าง ผิดลูกผิดเมีย ตอแหลหลอกลวง และเป็นพิษภัยกับบ้านเมือง
  4. ความสิ้นเปลืองงบประมาณของแผ่นดิน
  5. การกระจุกของทรัพยากร อันนำไปสู่การขัดต่อระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและเอื้ออำนาจให้ประชาชนส่วนใหญ่
  6. กลุ่มผลประโยชน์ฉกฉวยและแอบใช้อำนาจกษัตริย์ กลายเป็นระบอบเผด็จการที่ทำร้ายประชาชนส่วนใหญ่ แล้วเบียดบังเอาความอยู่ดีกินดีไปสู่คนกลุ่มน้อยที่ใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์
  7. เป็นรากเหง้าของความงมงาย ล้าหลัง โบราณ ขัดขวางการก้าวไปช้างหน้าบนหลักเหตุผลและวิทยาศาสตร์
  8. กษัตริย์หลายชาติ มักโหดร้าย บ้าเลือด ใจดำ  ทำให้เกิดการใช้อำนาจที่เป็นภัยต่อชนที่แสวงหาเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
  9. กษัตริย์ที่สั่งฆ่าประชาชนและเป็นคนอยู่เบื้องหลังการฆ่าฟัน ยกทหารและอำมาตย์เป็นใหญ่เหนือประชาชน งุบงิบเอาทรัพย์สินของประเทศไปแบ่งกันในกลุ่มคนไม่กี่คน ย่อมไม่สมควรอยู่ต่อไป
กษัตริย์จะอยู่แบบไหนในโลกปัจจุบันนี้
  • แทบจะไม่ได้เลย เพราะหาเหตุผลสนับสนุนไม่ได้
  • หากจะอยู่ได้ ต้องอาศัยที่ยังมีบารมี ช่วยและร่วมมือกับประชาชน ยอมอยู่ใตัรัฐธรรมนูญ รักษาสถานภาพประมุข ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง  โดยยืนข้างประชาชน แล้วตัดสัมพันธ์กับกลุ่มผลประโยชน์ที่ทรยศหรือยืนตรงข้ามประชาชนและหลักประชาธิปไตยเสียให้สิ้น
หากกษัตริย์ไม่ยอมล่ะ?
  1. ประชาชนจะต้องสู้แบบทำลายไม้ค้ำยัน แล้วบีบให้กษัตริย์ลงจากอำนาจแบบสันติที่สุด อาจจะมีการต่อรอง สั่งสอน และให้ข้อคิดไปเรื่อย ๆ  (สำหรับประเทศไทย ทักษิณอาจจะเป็นตัวเชื่อมได้)
  2. ประชาชนจะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันกษัตริย์ทั้งบนดินและใต้ดิน แล้วตีให้ตรงจุด เพื่อนำไปสู่การปรับที่หัวอย่างเด็ดขาด เปิดเผยความจริงอย่างเต็มสูบแล้วเร่งรัดให้มีการลงประชามติ  เอาหัวออกแล้วค่อยปรับส่วนอื่น ๆ ให้เข้าที่ในที่สุด
  3. ลุกฮือ ยึดอำนาจแบบไม่ไว้หน้า โดยให้มีทัพที่ครบพร้อมของประชาชน มีแผนชัดเจนทั้งก่อนทำศึก ระหว่างศึก และหลังชนะศึกแล้ว
สรุปได้ว่า ระบอบกษัตริย์เป็นใหญ่ไม่เหมาะสมกับโลกปัจจุบัน หากไม่ปรับตัวและพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมเดิม ๆ อันเลวร้ายแต่ไม่พัฒนาสร้างสรรค์จริง ประชาชนก็จะเกิดอาการตาสว่างและความเกลียดชัง จนต้องลุกมากำจัดสถาบันกษัตริย์และระบอบกษัตราธิปไตยหรือราชาธิปไตย หรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่ในที่สุด

Sunday, July 1, 2012

จับกระแสการเมือง เพื่อการเตรียมทัพด่วน

หากจับกระแสการเมืองหลังเลือกตั้งมาแล้วนั้น เราจะเห็นภาพต่าง ๆ ที่ซ้อนกันอยู่ และมีพัฒนาการไปในหลายแนว กับตัวละครหน้าเดิม ๆ แต่สลับหน้ากันออกมาหน้าฉากของโรงลิเกน้ำเน่าแห่งตอแหลแลนด์

สิ่งที่คนไทยต้องรู้จักทำ คือวิเคราะห์ภาพที่หลากหลายเหล่านี้ ว่ามีอะไรบ้าง แบ่งเป็นประเภทบุคคลใดบ้าง มีีที่มาที่ไปอย่างไร  พฤติกรรมนั้น ๆ มีเป้าหมายใด แล้วพยายามตัดสินว่า ลับ ลวง พราง หรือไม่เพียงใด  แล้วเอามาสานกันเป็นภาพรวมให้ได้  เพื่อเราจะได้เข้าใจว่า มีความพยายามของภาคีอำนาจเผด็จการ ที่อ้างการรักษาสถาบันกษัตริย์ แต่ที่จริงแล้ว เพียงแค่ต้องการปิดสันหลังที่เหวอะหวะ และปกป้องโอกาสในการฉกฉวยผลประโยชน์จากอำนาจเผด็จการที่พวกเขาร่วมกันปล้นมาจากประชาชน และได้ใช้สำหรับการกอบโกยอย่างตะกละ ในช่วงเวลาที่เบียดบังมาได้กว่าสามปีในระยะห้าปีกว่า ๆ หลังการรัฐประหารสี่เก้า

ในขณะที่ฝ่ายเผด็จการ ทำอะไรต่าง ๆ มากมาย ส่งตัวละครออกมาหลากหน้า เราไม่จำเป็นต้องงง หรือทดท้อ  เพราะหากจะดูวัตถุประสงค์แล้ว พวกนี้ต้องการรักษาอำนาจกษัตริย์ไว้ เพื่อเอามาอ้างความชอบธรรมให้ตัวเองและคณะ และเพื่อหาทางกำจัดพรรคเพื่อไทย และสกัดประชาชน ไม่ให้เข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยได้โดยสมบูรณ์





 
 
 
 







Wednesday, June 20, 2012

พรรคประชาชนไทย

ชื่อพรรค:                                พรรคประชาชนไทย
ตราประจำพรรค:                    ขอคิดก่อน
หัวหน้าพรรค:                         ประชาชน
เลขาธิการพรรค:                    ประชาชน
คณะกรรมการบริหารพรรค:  ประชาชน
สโลแกนพรรค:                       พรรคของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง บนหลักการสร้างเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ และความมั่งคั่งอันถาวรให้แก่ประเทศไทย

นโยบายพรรค:
  1. สะสางปัญหาขัดแย้งทางการเมืองด้วยการจัดกระบวนการยุติธรรมพิเศษ ที่มีองค์กรเป็นกลางเข้ามามีส่วนร่วมสังเกตุการณ์  แนะนำ และกำกับ เพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ แล้วผลักดันทุกคดีของทุกฝ่าย โดยไม่มีข้อยกเว้นเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม จากนั้น ให้มีการตัดสินคดีความ แล้วสร้างหลักเกณฑ์การอภัยโทษตามความเหมาะสม และจัดขบวนการเผยแพร่ความจริง เพื่อนำไปสู่การสรุปบทเรียนต่าง ๆ เพื่อเป็นนโยบายการจัดการประเทศต่อไป
  2. ยกเลิกองค์กรอิสระที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารทุกองค์กรทันที และปลดผู้ปฎิบัติงานออกมา ในฐานะผู้ร่วมก่อการกบถ  แล้วนำเข้าสู่ขบวนการตามนโยบาย ข้อ 1
  3. จัดให้มีการศึกษาปัญหาเชิงโครงสร้างอำนาจอธิปไตย โดยนักวิชาการไทยและระดับโลก เพื่อสร้างโมเดลสำหรับการปฎิวัติประเทศไทย เพื่อให้มีการคานอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการที่ผูกโยงกับอำนาจของประชาชนทั้งหมด
  4. ลงสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศทันที ยกเลิกกฎหมายใด ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่เงื่อนไขของการเข้ารับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ
  5. ขอประชามติของประชาชน เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่่่ผ่านมาโดยด่วน เพื่อตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญจะมีสาระต่าง ๆ ที่สะท้อนนโยบายทุกข้อต่อไปนี้
  6. จัดการให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญและการกำกับของรัฐสภาโดยสมบูรณ์  ทรงดำรงตำแหน่งเท่าที่รัฐสภากำหนด โดยไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจอธิปไตยหรือทางตรงหรือทางอ้อม
  7. ยกเลิกกฎหมายและกฎระเบียบใด ๆ อันเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วให้รัฐสภากำหนดขอบเขตใหม่
  8. ทรัพย์สินอันของพระมหากษัตริย์และส่วนอื่น ๆ อันเป็นของแผ่นดิน จะถูกยึดเป็นของแผ่นดิน แต่กษัตริย์และราชวงศ์จะได้รับส่วนแบ่งแต่สมฐานะ และรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามสมควรแต่ละปี
  9. บริหารงานเพื่อให้ทหาร ตำรวจ และระบบราชการ ต้องรับใช้ประชาชน และตัวแทนสูงสุดจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และการเข้ารับตำแหน่งระดับสูงของข้าราชการระดับกระทรวงและระดับตัวแทนประเทศ จะต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากตัวแทนของรัฐสภา
  10. ดำเนินการเพื่อประกันว่าทหารจะต้องถูกจัดระเบียบใหม่ โดยกองทัพจะมีศักดิ์ศรี ฐานะ และความเป็นอยู่ที่มีเกียรติ โดยไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงหรือทางอ้อมได้  
  11. ทรัพยากรธรรมชาติและสมบัติของชาติ จะต้องถูกจัดสรรโดยโปร่งใส โดยหลักการให้ประโยชน์เป็นของประชาชน ไม่ถูกเอาไปใช้โดยกลุ่มคนใด ๆ หรือต่างชาติ  
  12. ระดมผลิตบุคลากรเพื่อรองรับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับการจัดทรัพยากรธรรมชาติอันมหาศาลของชาติโดยเร็วที่สุด
  13. แก้กฎหมายทุกมาตรา ทุกระดับ ในประเทศไทย ที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน
  14. ปฎิวัติการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมอย่างจริงจังเป็นระบบ เพื่อให้ประเทศไทยมีอุดมการณ์ของชาติที่ชัดเจน โดยมีประชาชนที่มีอารยธรรมและคุณภาพตามอุดมคติที่จะได้มีการดำเนินการศึกษา วิจัยและระบุอย่างชัดเจน เพื่อให้พลเมืองไทยมีคุณภาพ คุณธรรม และศักยภาพที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสันติสุข วัฒนธรรม มาตรฐานชีวิต และวิถีชีวิตที่เจริญทัดเทียมหรือเหนือกว่าประเทศพัฒนาแล้วใด ๆ ในโลกนี้
  15. จะประกาศนโยบายให้ประเทศไทยเป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ เป็นมิตรกับทุกประเทศและจะไม่ก่อสงครามกับเพื่อนบ้าน  
  16. ทำประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางศาสนาพุทธที่แท้จริง และมุ่งส่งเสริมทุกศาสนาให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติและสร้างสรรค์ เป็นแบบอย่างให้กับชาวโลก
  17. ให้สิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิมนุษยชนพื้นฐานอย่างเต็มที่แก่พี่น้องมุสลิมภาคใต้ แต่จะต้องถือหลักนิติธรรมอย่างเที่ยงตรง
  18. จัดขบวนการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกระดับ โดยสร้างหรือสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างสร้างสรรค์ตามระบอบ ประชาธิปไตย
  19. สร้างประเทศไทยให้เป็นนิติรัฐโดยสมบูรณ์ การบังคับใช้กฎหมายทุกระดับ จะต้องมีการตรวจสอบเพื่อประสิทธิภาพและความโปร่งใส
  20. สานต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เน้นการสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนระดับกลางและล่าง
  21. ส่งเสริมสมรรถภาพในการแข่งขันทางธุรกิจระดับนานาชาติ

Friday, May 18, 2012

คดีจตุพร...ไม่ใช่เข็มขัดสั้น แต่เป็นสัญญาณสำคัญยิ่งสำหรับคนหลายคน

เชื่อว่าหลายคนรอวันสำคัญนี้อย่างสนใจหรือเข้าชั้นใจจดใจจ่อ
คือลุ้นว่า จตุพรจะโดนเชือดหรือไม่
เชื่อว่ามีคนคิดอยู่แล้ว ว่าคงจะโดน  ด้วยเหตุผลหลายประการ
หนึ่ง ประวัติของศาลระยำเหล่านี้ มันไม่เคยอยู่กับร่องกับรอย หรือยึดหลักเหตุผลปกติเลย
สอง ศาลระยำนี้ มันเหี้ยมากกว่าดี
สาม การมีจตุพรไว้ในสภา มันเป็นอันตรายยิ่งต่ออำมาตย์  ทั้งตัวพ่อตัวแม่ โดยเฉพาะตัวแม่นั้น...
เกลียดจตุพรยิ่งกว่าเด็กไฮโซเกลียดคางคกหรือใส้เดือน
แถมพ่อบ้านปากจู่ ก็ไม่ใช่จะไม่มีความแค้นจตุพรอยู่
ดังนั้น จะให้ปล่อยผ่านง่าย ๆ  ย่อมเป็นไปไม่ได้

นี่อาจจะเป็นเหตุผลระดับตื้น ๆ ที่ใครก็คิดล่วงหน้้าได้
กรณีคดีจตุพร ที่ตัดสินออกมาแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเข็มขัดสั้น

ผมจะนำเสนอทฤษฎีตามใจฉันหน่อยนะครับ ออกแนวละครน้ำเน่านิด ๆ
ว่าทำไม จตุพรจึงต้องตาย (แฮ่ๆ คล้ายชื่อหนังที่โดนแบนเลย)
มันมีนัยสำคัญเชิงการเมืองอย่างไร

จตุพรถูกตัดสินแบบค้านสายตาชาวบ้านครั้งนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
นอกจากความอันตรายของจตุพรในฐานะตัวแทนคนเสื้อแดง และนักสู้ฝีปากกล้าในสภา
รวมถึงความอาฆาตเคียดแค้นของพ่อบ้านปากจู่และนางปากแดงแล้ว
ผมว่าคงจะมีหลายเหตุผลประกอบกันเป็นคำอธิบายดังนี้

ในขณะที่ประชาชนเข้มแข็งและแหลมคมมากจนน่ากลัว...
เขาดึงทักษิณไปเป็นเกราะกันชน หรือ buffer กันกระแทก
ใช้บารมีและทรัพย์สินของทักษิณเป็นเกราะกำบังและพิทักษ์อำนาจโบราณ
ซึ่งใครล่ะจะเถียงว่ามันไม่ได้ผล
เมื่อสิ่งนี้ได้ผล สิ่งที่ตามมาก็คือ ความแตกแยกระหว่างทักษิณกับขบวนการแดง
ยิ่งเห็นแผล (เช่นการเลือกตั้ง) เขายิ่งย้ำ
ดังนั้น สายสะพายจึงรีบออกมาแจกอย่างอุตลุต คดีความเสื้อแดงจึงยิ่งถูกตัดสินแบบจงใจ
จนคนแก่ตายคาคุก และคนท้าทายเจ้าถูกปฎิเสธการถอนประกันแบบไม่ไยดีไม่รู้กี่ครั้ง
ขณะเดียวกัน เขามีประชาธิปัตย์คอยทิ่มแทงทุกแผล ย้ำแล้วย้ำอีก
เขามีทหารที่เป็นเสือนอนกินอย่างสบายอารมณ์ข้างนายกคนสวย
ไม่ใช่นอนอย่างเด็กน้อยเรียบร้อยว่านอนสอนง่าย
แต่อยู่อย่างเสือ ค้ำหัวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรอวันถูกสั่งให้ขม้ำรัฐบาลปูน้อย หากถึงวาระจำเป็นสุดท้าย
นอกจากนี้ เขายังมีตัวละครอื่น ๆ ที่พร้อมเล่นทุกบท
ภายใต้การบงการและสนับสนุนของอภิสิทธิชนที่กลัวทักษิณคืนนคร
และภายใต้เครือข่ายพ่อบ้านปากจู่

ฝ่ายดร. ทักษิณ ก็คงคิดว่าตัวเองเหนือชั้นเสียเต็มประดา
อาจจะแอบวาดฝันเห็นผลประโยชน์และทางแห่งความสำเร็จอยู่เบื้องหน้าเมื่อเปลี่ยนรัชกาลอยู่รำไร
จึงกล้าขัดสายตามวลชน กล้าใช้เครือข่ายสกัดมวลชนไม่ให้แตกแถว กล้าทำตัวต้านกระแสปฎิวัติ
แม้ว่าจะไม่ได้ทำตัวเป็นศัตรูชัดแจ้ง แต่นโยบายและแนวทางที่เลือกทำหรือไม่ทำ มันเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของขบวนปฎิวัติอย่างเลี่ยงไม่ได้ ... โดยเพื่อไทยไม่ได้อะไรมากมาย
นอกจากการได้อยู่บนอำนาจ และหาโอกาสสู้ด้วยอำนาจนิติบัญญัติและบริหารในมือ...
ซึ่งมองแบบเห็นแก่ตัวและเด็ก ๆ ก็คิดกันได้ว่าดีกว่าเป็นฝ่ายค้านหรือเสียงส่วนน้อยในสภา
ไม่ต้องสู้อะไรมาก แค่ประคองตัวแล้วก็เก็บเกี่ยวผลงานและผลประโยชน์ไปเรื่อย ๆ

กองเชียร์คุณทักษิณก็ดูจะพอใจอย่างมาก ชมกันไม่อายปากว่า ดร. ท่านเลิศล้ำนัก...
แต่ความจริงอันปฎิเสธไม่ได้จากกรณีจตุพร ก็ปรากฎมาเตือนสติอีกครั้ง
ดังกระจกบานใหญ่ ที่สะท้อนภาพเหล่านี้... เหมือนละครเลย...

ทักษิณยิ่งใหญ่ด้วยประชาชน เขาก็เอาทักษิณมาใช้งาน เพื่อลดความใหญ่และน่ากลัวของมวลชน
ทักษิณมีบารมีมาก เขาก็เอาบารมีของทักษิณไปอยู่ใต้ตีน โยนสายสะพายให้น้องปูระเริงเล่น
ประชาชนแหลมคมมาก เขาก็ทำให้อ่อนด้วยการโยนแผนปรองดองมาให้เพื่อไทยเล่น เพื่อสกัดมวลชน
เรื่องใดที่แหลมคม เขาสั่งสกัดได้ดังใจ เพราะไม่มีบุคคลใดในแนวรบสำคัญได้ประกันตัวเลย
และเมื่อเขาเห็นว่า เพื่อไทยเริ่มเป๋ เริ่มแตกกับมวลชน....
การตัดสินจตุพรไม่ให้ไปต่อในฐานะสส.
ก็เพื่อแสดงหรือบอกให้สังคมรู้ว่า

หนึ่ง ศาลของกู กูสั่งได้เฟ้ย จำใส่หัวเอาไว้ 
สอง กูจะดูน้ำหน้ามวลชนของมึง ว่าตัดสินแบบนี้แล้ว จะมีใครกล้าทำอะไรไหม 
พลังพวกมึงมีแค่ไหน
น้ำหน้าพวกมึง จะหาญกล้ามาเทียบชั้นกับกูได้หรือไม่
 
สาม กูจะบอกให้มึงรู้ว่า หากมึงแหยมมากกว่านี้ 
โดยที่มวลชนมึงไม่เข้มแข็งหรือกล้าลุกฮือมาช่วย...
กูสามารถโยงเรื่องยุบพรรคมึงได้  ตุลากาลวิบัติ อยู่ในมือกูเฟ้ย มึงจะทำอะไรพวกกูได้
กูกำลังทดสอบมวลชนพวกมึงอยู่นะเว้ย ไอ้ทักษิณ มึงดูซะ ตอนนี้มึงและแกนนำ นปช.
ไม่ศักดิ์สิทธิ์ในสายตามวลชนอย่างเก่าแล้ว  กูจะยุบพรรคพวกมึง ก็คงไม่มีมวลชนมาช่วย
เพราะไอ้พวกที่หัวรุนแรง กล้า และสามารถ พวกมึงก็ไปขัดใจพวกมันแล้ว
พวกนี้ไม่ยอมมาตายแทนมึงหรือเพื่อมึงง่าย ๆ อีกแล้ว เหอ ๆ ๆ ๆ

สี่ จงกราบและสยบยอมพวกกูซะดี ๆ อย่าเผยอมาแตะแม้แต่ปลายก้อยนิ้วตีนกู
 เรื่องกรรมต่อจากนี้ มึงระวังตัวให้ดี เดินเกมให้ดี เพราะกูพร้อมจะเด็ดหัวพวกมึงได้ทุกเวลา
เห็นยัง เห็นยัง!!!!  ดังนั้น 112 อย่าบังอาจแตะ  หมวดเหี้ย ๆ ในรัฐธรรมนูญ ก็อย่าสนับสนุนแดงก้าวหน้าเด็ดขาด!!!

ห้า ไอ้ทักษิณ เกมการเมืองนี้ มึงว่ามึงเหนือกว่ากู แต่กูจะให้มึงเห็นว่า มึงกับกูคนละชั้น
กูมีศาลเหี้ย ๆ ไว้รับใช้ และสั่งได้ดั่งใจในทุกเวลาต่อจากนี้  กูยังมีสมุนเลวคอยป่วนสภาและป่วนเมือง  กว่ามึงจะผ่านด่านมาถึงกูได้ มึงก็แทบรากเลือดแน่ เพราะกูมันเจ้าสำนักเฟ้ย ผ่านมาให้ได้สิบด่าน  ก็ยังไม่ถึงตัวกูได้ง่าย ๆ  
 
เพราะกูมีขุนพลคู่ใจที่พร้อมปราบมึงอยู่เสมอ... เหอ ๆ ๆ  
ดังนั้น จงกราบและยอมสยบพวกกูต่อไป จงนอบน้อมจงรักภักดีกับกู อย่าได้เผยอ
มึงต้องยอมศิโรราบให้กับกูอย่างเต็ม ๆ กูจึงจะไว้ชีวิตพวกมึง
  
หรือยอมให้พวกมึงใช้อำนาจกระจอก ๆในสภาและในทำเนียบต่อไป... 
เพื่อรักษาระบอบของกู โดยสมุนพวกกู และเพื่อกูและสมุนเป็นหลัก ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆๆ


---------------------------------------------------------------------------------