Thursday, April 21, 2016

ถุยยยยยยยยยยยยยย…….ถุย โพลบ้านพ่อมึงซิ ไอ้สถุนนพดล กรรณิกา

Edit

ซุเปอร์โพลเผย เศรษฐกิจยุคบิ๊กตู่ ปชช.มีเงินเก็บเพียบ อีสานแชมป์รายได้-

-
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายนพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "สำรวจเงินในกระเป๋าของประชาชน ยุครัฐบาลบิ๊กตู่" โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา มุกดาหาร ขอนแก่น อุดรธานี ปทุมธานี ลพบุรี นครปฐม ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 6,157 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1- 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า หลังจากตัดจำนวนเงินของกลุ่มคนที่สูงสุดโต่งออกจากการวิเคราะห์ พบเงินในกระเป๋าของประชาชนยุครัฐบาลบิ๊กตู่ มีรายได้ค่ากลางรวมต่อเดือนจำนวน 17,031.41 บาท ขณะที่รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 11,662.78 บาท โดยมีส่วนต่าง ส่วนเหลือเก็บแต่ละเดือนเดือนละ 5,368.63 บาท เมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า ผู้ชายมีเงินเหลือเก็บแต่ละเดือนสูงกว่าผู้หญิง และหาเงินหารายได้ได้มากกว่า โดยผู้ชายมีรายได้เดือนละ 17,500.65 บาท รายจ่ายอยู่ที่เดือนละ 11,613.37 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,887.28 บาท ส่วนผู้หญิงมีรายได้เดือนละ 16,529.54 บาท รายจ่าย 11,678.16 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 4,851.38 บาท และพบว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมีรายได้สูงกว่าคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเกือบสามเท่า และมีเงินเหลือเก็บต่อเดือนสูงกว่าเกือบสี่เท่า

-
นายนพดล กล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงคือ คนอีสานมีรายได้สูงสุด แต่ก็ใช้จ่ายสูงสุด คนภาคใต้มีรายได้ต่ำสุดและมีเงินเหลือเก็บน้อยสุด คือ คนอีสานมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 18,580.92 บาท มีรายจ่าย 13,665.78 บาท มีเงินเหลือเดือนละ 4,915.14 บาท คนภาคใต้มีรายได้เดือนละ 13,237.05 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 9,783.64 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 3,453.41 บาท ขณะที่คนกรุงเทพฯ มีรายได้เดือนละ 17,531.61 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 11,137.58 บาท มีเงินเหลือเก็บสูงกว่าคนในภาคอื่นเดือนละ 6,394.03 บาท คนเหนือมีรายได้เดือนละ 17,197.33 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 12,123.32 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,074.01 บาท และคนภาคกลางมีรายได้เดือนละ 17,863.02 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 12,121.48 บาท มีเงินเหลือเดือนละ 5,741.54 บาท

-
"ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนในรัฐบาลยุคปัจจุบัน ยังมีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าของประชาชน โดยค่ากลางอยู่ประมาณห้าพันบาทต่อเดือน จึงน่าจะทำให้ประชาชนแต่ละคนได้สำรวจตรวจสอบดูว่าเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายสูงกว่า หรือต่ำกว่าห้าพันบาท ถ้าต่ำกว่าก็น่าจะพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการใช้จ่ายของตน และที่น่าเป็นห่วงคือ รายได้ของประชาชนแต่ละภาคไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่ประชาชนในทุกภาคของประเทศควรมีโอกาสรวยหรือจนเท่าๆ กัน คนอีสานกลับมีรายได้สูงกว่าคนทุกภาค แต่ก็มีรายจ่ายสูงกว่า จนน่าเป็นห่วงที่คนอีสานอาจจะต้องหากลไกบางอย่างลดรายจ่ายเพื่อให้มีเงินเหลือแต่ละเดือนให้มากขึ้น และที่น่าจะสะท้อนข้อมูลไปยังฝ่ายนโยบาย คือ คนภาคใต้ที่ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าคนทุกภาคและมีเงินเหลือแต่ละเดือนต่ำสุด ดังนั้น การบริหารจัดการการกระจายรายได้จึงต้องใช้ควบคู่ไปกับการรณรงค์การใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนรู้จักคิดรู้จักบริหารจัดการรายได้รายจ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายนพดล กล่าว

-
Cr. MatichonOnline



Edit

ถุยยยยยยยยยยยยยย…….ถุย โพลบ้านพ่อมึงซิ ไอ้สถุนนพดล กรรณิกา

Edit

ซุเปอร์โพลเผย เศรษฐกิจยุคบิ๊กตู่ ปชช.มีเงินเก็บเพียบ อีสานแชมป์รายได้-

-
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นายนพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "สำรวจเงินในกระเป๋าของประชาชน ยุครัฐบาลบิ๊กตู่" โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา มุกดาหาร ขอนแก่น อุดรธานี ปทุมธานี ลพบุรี นครปฐม ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 6,157 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1- 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่า หลังจากตัดจำนวนเงินของกลุ่มคนที่สูงสุดโต่งออกจากการวิเคราะห์ พบเงินในกระเป๋าของประชาชนยุครัฐบาลบิ๊กตู่ มีรายได้ค่ากลางรวมต่อเดือนจำนวน 17,031.41 บาท ขณะที่รายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 11,662.78 บาท โดยมีส่วนต่าง ส่วนเหลือเก็บแต่ละเดือนเดือนละ 5,368.63 บาท เมื่อจำแนกออกตามเพศ พบว่า ผู้ชายมีเงินเหลือเก็บแต่ละเดือนสูงกว่าผู้หญิง และหาเงินหารายได้ได้มากกว่า โดยผู้ชายมีรายได้เดือนละ 17,500.65 บาท รายจ่ายอยู่ที่เดือนละ 11,613.37 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,887.28 บาท ส่วนผู้หญิงมีรายได้เดือนละ 16,529.54 บาท รายจ่าย 11,678.16 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 4,851.38 บาท และพบว่าคนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมีรายได้สูงกว่าคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเกือบสามเท่า และมีเงินเหลือเก็บต่อเดือนสูงกว่าเกือบสี่เท่า

-
นายนพดล กล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจและน่าเป็นห่วงคือ คนอีสานมีรายได้สูงสุด แต่ก็ใช้จ่ายสูงสุด คนภาคใต้มีรายได้ต่ำสุดและมีเงินเหลือเก็บน้อยสุด คือ คนอีสานมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 18,580.92 บาท มีรายจ่าย 13,665.78 บาท มีเงินเหลือเดือนละ 4,915.14 บาท คนภาคใต้มีรายได้เดือนละ 13,237.05 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 9,783.64 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 3,453.41 บาท ขณะที่คนกรุงเทพฯ มีรายได้เดือนละ 17,531.61 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 11,137.58 บาท มีเงินเหลือเก็บสูงกว่าคนในภาคอื่นเดือนละ 6,394.03 บาท คนเหนือมีรายได้เดือนละ 17,197.33 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 12,123.32 บาท มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,074.01 บาท และคนภาคกลางมีรายได้เดือนละ 17,863.02 บาท มีรายจ่ายเดือนละ 12,121.48 บาท มีเงินเหลือเดือนละ 5,741.54 บาท

-
"ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนในรัฐบาลยุคปัจจุบัน ยังมีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าของประชาชน โดยค่ากลางอยู่ประมาณห้าพันบาทต่อเดือน จึงน่าจะทำให้ประชาชนแต่ละคนได้สำรวจตรวจสอบดูว่าเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายสูงกว่า หรือต่ำกว่าห้าพันบาท ถ้าต่ำกว่าก็น่าจะพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการใช้จ่ายของตน และที่น่าเป็นห่วงคือ รายได้ของประชาชนแต่ละภาคไม่เท่ากัน ทั้งๆ ที่ประชาชนในทุกภาคของประเทศควรมีโอกาสรวยหรือจนเท่าๆ กัน คนอีสานกลับมีรายได้สูงกว่าคนทุกภาค แต่ก็มีรายจ่ายสูงกว่า จนน่าเป็นห่วงที่คนอีสานอาจจะต้องหากลไกบางอย่างลดรายจ่ายเพื่อให้มีเงินเหลือแต่ละเดือนให้มากขึ้น และที่น่าจะสะท้อนข้อมูลไปยังฝ่ายนโยบาย คือ คนภาคใต้ที่ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าคนทุกภาคและมีเงินเหลือแต่ละเดือนต่ำสุด ดังนั้น การบริหารจัดการการกระจายรายได้จึงต้องใช้ควบคู่ไปกับการรณรงค์การใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนรู้จักคิดรู้จักบริหารจัดการรายได้รายจ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายนพดล กล่าว

-
Cr. MatichonOnline



Edit

ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ผู้นำ ทรราช คสช ที่อาการผิดปกติทางอารมณ์แบบสองขั้ว

Edit

ประชาชนควรที่จะรู้เกี่ยวกับการป่วยทางจิตของ ไอ้ตูบ ประยุทธ์
-
เรื่องราวของ ผู้นำ ทรราช คสช ที่อาการผิดปกติทางอารมณ์แบบสองขั้ว และโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง 
-
จนออกอาการให้สื่อทั้งในและต่างประเทศ นำไปประจานอยู่บ่อยครั้ง 
เช่น 
-
ปากหมาแท้ๆ !
ไอ้ตูบประยุทธ์ กล่าวในงาน "อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย"
ติงคนวิจารณ์ทหารมีไว้ทำไม ว่า
มีไว้รักษาแผ่นดิน
กว่า 5แสน ตร.กม.ให้ หมาพูด
-
อย่าคิดแต่เรื่อง ประชาธิปไตยโดยไม่คำนึงถึง กฏหมาย
จนได้รับเสียงตอบรับทั่วทุกสารทิศ เช่น
-
ประชาชน ก็ไม่ได้จ่ายภาษี – ซื้ออาวุธ
-
และให้หมา เอามาใช้ปล้นอำนาจเหมือนกัน
-
และประชาชนไม่ได้ไม่เคารพกฏหมาย
หากแต่ประชาชนเขาไม่เคารพกฏโจรต่างหากเล่า
-
หรือ
-
คนไม่เคารพกฏหมายแต่เสือกแหกปาก
ให้คนอื่น เคารพกฏหมาย ถุยยยย
-
หรือ
-
ก็ถูกแล้วนะครับ ผมก็เห็น หมาพูดทุกวันๆ จนเบื่อ แล้วเนี่ย
-
เมื่อกล่าวถึงกองทัพ ของทรราช คสช. เรื่องทหาร
-
ก็มีเสียงของประชาชนกล่าวว่า
-
รักษาแผ่นดิน…?   กองทัพก็ควรไปตั้งอยู่ชายแดน จะมาอยู่อะไรกลางเมืองหลวง ถ่วงความเจริญล่ะมากกว่า
-
และอาการป่วยทางจิด ของไอ้ตูบ ไม่หมดแค่นั้น เมื่อสอง สามวันนี้ ก็ ออกมาเป่าประกาศ ว่า คนตัดหญ้า และ ประชาชน มันโง่ มันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตย 
-
ก็มีเสียงตอบรับจากประชาชนเช่นกันว่า 
-
รู้สึกจะมีพวกแดกภาษีจาก ประชาชนโง่ เป็นเงินเดือน โดยไม่เคยเห็นพัวของประชาชน อีกทั้งคอยกดขี่ เหยียบหัวประชาชน เหมือนไม่ใช่คน 
-
แล้วอย่างนี้ พี่น้องประชาชน ยังทนให้มันเหยียบหัวอยู่อย่างนี้อีกหรือ 
-
เมื่อไอ้ตูบ ประยุทธ์ เปรียบประชาชนเป็นดั่งหมา 
-
และบ่อยครั้งที่ ด่ากลาดว่า 
สื่อมวลชน เป็น หมาขี้เรื้อน

-

หากไอ้ตูบ ประยุทธ์ ไม่ป่วยทางจิต แล้วจะเรียกว่าอะไร 
ภาวะผู้นำไม่มีเลยจริงๆ
-
คำถามคือ ทหารทรราช คสช รักษแผ่นดินนี้ให้ใคร?
-
ให้กับ อำมาตย์ทรราช และนายทุนสามาน ผูกขาด และหรือ เหล่านักการเมืองชั่ว ๆ อย่าง พรรคร่วมรัฐบาลของ ประชาธิปัตย์ ในวาระครองอำนาจ เมื่อปี 2553
-
รักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ ทรราช เหล่านั้น กดขี่ประชาชนต่อไปอีกข้างหน้าด้วย นายก คนนอก สว. ลากตั้งและ องค์กรขยะ ที่มีอำนาจ มากกว่า ประชาชนกว่า 60 ล้านคนงั้นหรือ 
-
จนมีเสียงของประชาชน กล่าวกันว่า 
-
เรามีนายกฯที่ป่วยทางจิตนะครับ
-
พร้อมคำด่าไอ้ตูบ ประยุทธ์ ว่า  
-
คนอย่างมัน ฟังหมาพูดรู้เรื่อง แดรกเงินที่หมาต้องเสียภาษีหาให้. ถุยยยย

-
 หรือ แม้แต่
-

เด็กๆ ว่ะ ระดับนายกวุฒิภาวะ มีแค่เนี้ยะ.. ไปสมัครเป็น ยามบริษัท ยังไม่มีใครกล้ารับเลย นับประสาอะไร จะมาเป็น นายก กำหนด อำนาจของชาติ อีก 20 ปี ข้างหน้า   เอาแค่วันนี้เพื่อนบ้านรอบ ๆ ประเทศ ก็ไม่มีใครคบค้าด้วยแล้ว

-
ทั้งปัญหา ละเมิดสิทธฺมนุษยชน
แรงงานทาส
ปัญหาโกงกินในกองทัพ และใช้เส้นสาย ช่วยเหลือ ครอบครัว ตระกลู จันทรโอชา ไม่ว่าจะเรื่องเงินหลวงเอาเข้าบัญชีเมีย เรื่องขายที่ดิน เรื่องให้หลานชาย ติดยศ ร้อยตรี ฯลฯ
-
แม้ในวันนี้ เสีบงของประชาชน ยังสงสัยเคลือบแคลง ในอำนาจของกองทัพ ที่ทำตัวเป็นโจร ปล้นประเทศ ของตนเอง 
-
จนมีประชาชน กล่าวไว้ว่า 

-
ไม่จริงม้างงง ที่รักษาชายแดนจริงๆมีไม่กี่นายหรอก ที่เหลือแดกส่วนต่างกันเพลิน อาชีพหลักมันคือยึดอำนาจ แล้วรวย  ไม่ใช่หรือ
-
แล้วอ้างสรรคุณ ของทหารไว้เลิศหรู หากแท้จริงแล้ว.... สถุน ดี ๆ นี้เอง 
-
คำกล่าวของสื่อ รับใช้ ทรราช คสช. ว่า 
-
เก่ง ฉลาด สายตายาวไกล มีเหตุมีผล วาจาสุภาพ ละมุน อ่อนหวาน คมคาย ลึกซึ้งยิ่งนัก ผ่านการเลี้ยงดูฝึกฝนอบรมมาเนี้ยบ มากๆครับ
-
นั้นมันคำโกหก หลอกลวง เพราะไอ้ตูบ และ คณะ คสช. ไม่มีภาวะดังกล่าวเหลืออยู่ใน กมนสันดานเลย 
-
จบข่าว
-
เสรีชน


Edit

ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ผู้นำ ทรราช คสช ที่อาการผิดปกติทางอารมณ์แบบสองขั้ว

Edit

ประชาชนควรที่จะรู้เกี่ยวกับการป่วยทางจิตของ ไอ้ตูบ ประยุทธ์
-
เรื่องราวของ ผู้นำ ทรราช คสช ที่อาการผิดปกติทางอารมณ์แบบสองขั้ว และโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง 
-
จนออกอาการให้สื่อทั้งในและต่างประเทศ นำไปประจานอยู่บ่อยครั้ง 
เช่น 
-
ปากหมาแท้ๆ !
ไอ้ตูบประยุทธ์ กล่าวในงาน "อาชีวศึกษาทวิภาคีไทย"
ติงคนวิจารณ์ทหารมีไว้ทำไม ว่า
มีไว้รักษาแผ่นดิน
กว่า 5แสน ตร.กม.ให้ หมาพูด
-
อย่าคิดแต่เรื่อง ประชาธิปไตยโดยไม่คำนึงถึง กฏหมาย
จนได้รับเสียงตอบรับทั่วทุกสารทิศ เช่น
-
ประชาชน ก็ไม่ได้จ่ายภาษี – ซื้ออาวุธ
-
และให้หมา เอามาใช้ปล้นอำนาจเหมือนกัน
-
และประชาชนไม่ได้ไม่เคารพกฏหมาย
หากแต่ประชาชนเขาไม่เคารพกฏโจรต่างหากเล่า
-
หรือ
-
คนไม่เคารพกฏหมายแต่เสือกแหกปาก
ให้คนอื่น เคารพกฏหมาย ถุยยยย
-
หรือ
-
ก็ถูกแล้วนะครับ ผมก็เห็น หมาพูดทุกวันๆ จนเบื่อ แล้วเนี่ย
-
เมื่อกล่าวถึงกองทัพ ของทรราช คสช. เรื่องทหาร
-
ก็มีเสียงของประชาชนกล่าวว่า
-
รักษาแผ่นดิน…?   กองทัพก็ควรไปตั้งอยู่ชายแดน จะมาอยู่อะไรกลางเมืองหลวง ถ่วงความเจริญล่ะมากกว่า
-
และอาการป่วยทางจิด ของไอ้ตูบ ไม่หมดแค่นั้น เมื่อสอง สามวันนี้ ก็ ออกมาเป่าประกาศ ว่า คนตัดหญ้า และ ประชาชน มันโง่ มันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตย 
-
ก็มีเสียงตอบรับจากประชาชนเช่นกันว่า 
-
รู้สึกจะมีพวกแดกภาษีจาก ประชาชนโง่ เป็นเงินเดือน โดยไม่เคยเห็นพัวของประชาชน อีกทั้งคอยกดขี่ เหยียบหัวประชาชน เหมือนไม่ใช่คน 
-
แล้วอย่างนี้ พี่น้องประชาชน ยังทนให้มันเหยียบหัวอยู่อย่างนี้อีกหรือ 
-
เมื่อไอ้ตูบ ประยุทธ์ เปรียบประชาชนเป็นดั่งหมา 
-
และบ่อยครั้งที่ ด่ากลาดว่า 
สื่อมวลชน เป็น หมาขี้เรื้อน

-

หากไอ้ตูบ ประยุทธ์ ไม่ป่วยทางจิต แล้วจะเรียกว่าอะไร 
ภาวะผู้นำไม่มีเลยจริงๆ
-
คำถามคือ ทหารทรราช คสช รักษแผ่นดินนี้ให้ใคร?
-
ให้กับ อำมาตย์ทรราช และนายทุนสามาน ผูกขาด และหรือ เหล่านักการเมืองชั่ว ๆ อย่าง พรรคร่วมรัฐบาลของ ประชาธิปัตย์ ในวาระครองอำนาจ เมื่อปี 2553
-
รักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ ทรราช เหล่านั้น กดขี่ประชาชนต่อไปอีกข้างหน้าด้วย นายก คนนอก สว. ลากตั้งและ องค์กรขยะ ที่มีอำนาจ มากกว่า ประชาชนกว่า 60 ล้านคนงั้นหรือ 
-
จนมีเสียงของประชาชน กล่าวกันว่า 
-
เรามีนายกฯที่ป่วยทางจิตนะครับ
-
พร้อมคำด่าไอ้ตูบ ประยุทธ์ ว่า  
-
คนอย่างมัน ฟังหมาพูดรู้เรื่อง แดรกเงินที่หมาต้องเสียภาษีหาให้. ถุยยยย

-
 หรือ แม้แต่
-

เด็กๆ ว่ะ ระดับนายกวุฒิภาวะ มีแค่เนี้ยะ.. ไปสมัครเป็น ยามบริษัท ยังไม่มีใครกล้ารับเลย นับประสาอะไร จะมาเป็น นายก กำหนด อำนาจของชาติ อีก 20 ปี ข้างหน้า   เอาแค่วันนี้เพื่อนบ้านรอบ ๆ ประเทศ ก็ไม่มีใครคบค้าด้วยแล้ว

-
ทั้งปัญหา ละเมิดสิทธฺมนุษยชน
แรงงานทาส
ปัญหาโกงกินในกองทัพ และใช้เส้นสาย ช่วยเหลือ ครอบครัว ตระกลู จันทรโอชา ไม่ว่าจะเรื่องเงินหลวงเอาเข้าบัญชีเมีย เรื่องขายที่ดิน เรื่องให้หลานชาย ติดยศ ร้อยตรี ฯลฯ
-
แม้ในวันนี้ เสีบงของประชาชน ยังสงสัยเคลือบแคลง ในอำนาจของกองทัพ ที่ทำตัวเป็นโจร ปล้นประเทศ ของตนเอง 
-
จนมีประชาชน กล่าวไว้ว่า 

-
ไม่จริงม้างงง ที่รักษาชายแดนจริงๆมีไม่กี่นายหรอก ที่เหลือแดกส่วนต่างกันเพลิน อาชีพหลักมันคือยึดอำนาจ แล้วรวย  ไม่ใช่หรือ
-
แล้วอ้างสรรคุณ ของทหารไว้เลิศหรู หากแท้จริงแล้ว.... สถุน ดี ๆ นี้เอง 
-
คำกล่าวของสื่อ รับใช้ ทรราช คสช. ว่า 
-
เก่ง ฉลาด สายตายาวไกล มีเหตุมีผล วาจาสุภาพ ละมุน อ่อนหวาน คมคาย ลึกซึ้งยิ่งนัก ผ่านการเลี้ยงดูฝึกฝนอบรมมาเนี้ยบ มากๆครับ
-
นั้นมันคำโกหก หลอกลวง เพราะไอ้ตูบ และ คณะ คสช. ไม่มีภาวะดังกล่าวเหลืออยู่ใน กมนสันดานเลย 
-
จบข่าว
-
เสรีชน


Edit

ศาลทหารทรราช คสช. ให้ประกันตัว 'วัฒนา เมืองสุข' เตรียมปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพคืนนี้ ไม่เกิน 2 ทุ่ม

Edit

ศาลทหารทรราช คสช. ให้ประกันตัว 'วัฒนา เมืองสุข' เตรียมปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพคืนนี้   ไม่เกิน 2 ทุ่ม
-------------------------------------------------
เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าในเวลา 18.30 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางเอกสาร เนื่องจากนายวัฒนา เป็นผู้ต้องขัง ในสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามคำสั่งศาล แต่ได้รับการประกัน ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายวัฒนา ก็ต้องมาทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ลงทะเบียนงานเอกสารธุรการตามขั้นตอนปกติ ตรวจสอบหมายปล่อยตัว คาดว่าไม่น่าจะเกิน 20.00 น. จะปล่อยตัวนายวัฒนาได้

-

Cr. MatichonOnline



Edit

ศาลทหารทรราช คสช. ให้ประกันตัว 'วัฒนา เมืองสุข' เตรียมปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพคืนนี้ ไม่เกิน 2 ทุ่ม

Edit

ศาลทหารทรราช คสช. ให้ประกันตัว 'วัฒนา เมืองสุข' เตรียมปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพคืนนี้   ไม่เกิน 2 ทุ่ม
-------------------------------------------------
เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าในเวลา 18.30 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวนายวัฒนา เมืองสุข อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางเอกสาร เนื่องจากนายวัฒนา เป็นผู้ต้องขัง ในสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามคำสั่งศาล แต่ได้รับการประกัน ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายวัฒนา ก็ต้องมาทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ ลงทะเบียนงานเอกสารธุรการตามขั้นตอนปกติ ตรวจสอบหมายปล่อยตัว คาดว่าไม่น่าจะเกิน 20.00 น. จะปล่อยตัวนายวัฒนาได้

-

Cr. MatichonOnline



Edit

ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ประชามติ บ้านพ่อมึง หรือ? ที่ไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ

Edit

ประชามติ รับร่าง รััฐธรรมนูญ ฉบับ ทรราช คสช.สั่งต้องไม่มี ...........ไม่ต้องทำ
-
ถาม........... ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ประชามติ บ้านพ่อมึง หรือ?  ที่ไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ 

------------------------------------------------------------------------
14.30 น. 19 เม.ย.ไอ้ตูบ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า ทรราช คสช. กล่าวถึงกรณีการรณรงค์รับหรือไม่รับประชามติ ว่า วันนี้ได้สั่งการไปแล้วว่าต้องไม่มี ไม่ต้องทำ

-
เมื่อถามว่า ที่นักวิชาการออกมารณรงค์แสดงความเห็นเชิงวิชาการนั้นทำได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ…. ยังไม่โปรดเกล้าฯลงมา แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก็โดนหมด กฎหมายเขียนว่าห้ามรณรงค์รับหรือไม่รับ แค่นี้ทำไม่ได้หรืออย่างไร ไม่เข้าใจภาษาไทยหรือจึงต้องแปลไทยเป็นไทย

-
เมื่อถามว่า ใส่เสื้อโหวตโน หรือโหวตเยส ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ ทรราช กล่าวว่า ใช่แล้ว รณรงค์ให้รับหรือไม่รับก็ไม่ได้ทั้งนั้น

-
"เมื่อ พ.ร.บ.ประชามติฯ ออกมาจะมีบทลงโทษถึง 10 ปี ถ้าไม่กลัวก็ตามใจ ซึ่งสื่อก็โดนด้วย ขอให้ไปบอกแก่นายทุนสื่อด้วย วันนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้ากฎหมายออกมาเมื่อไหร่ ก็จะโดนเมื่อนั้น
-
"จะฟ้องศาลกันหมด"
-
แต่เย็นวันเดียวกัน หนังม้วนใหม่ก็เปิดตัว
-
18.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มพลเมืองโต้กลับนัดหมายประชาชนใส่เสื้อขาวรวมตัวกันเพื่อต่อต้านการควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 18 เมษายน
-
แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย มาเตรียมพร้อมก่อนเวลานัดหมาย
-
เมื่อ นายอานนท์ นำภา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และพรรคพวกเดินทางมาถึงบริเวณสกายวอล์ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดันฝูงชนลงจากสกายวอล์ก
-
ขณะเดียวกันประชาชนที่สวมเสื้อสีขาว ก็โบกมือให้กำลังใจผู้ที่ถูกจับกุม และชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายอานนท์ และนายสิรวิชญ์ขึ้นรถตู้ทหาร โดยมี นายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ คนขับรถแท็กซี่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ และ นายณัฐภัทร อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลที่เสียชีวิตจากการระดมยิงในวัดปทุมวนารามปี 2553 ขอติดตามขึ้นรถไปด้วย
-
ก่อนจะปล่อยตัวออกมาในค่ำวันเดียวกัน
-
และในเย็นวันเดียวกันนั้น
-
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน 6 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (Enlaw) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์ให้ยุติการคุกคาม แทรกแซงและปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่อร่างรัฐธรรมนูญ
-
โดยระบุว่า การดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญกระทำโดยคนเพียงบางกลุ่ม และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเพียงพอ
--
ในเชิงเนื้อหาก็ถูกตั้งคำถามในหลายประเด็น อาทิ ประเด็นเรื่องสิทธิในการศึกษา สิทธิชุมชน สิทธิผู้บริโภค ที่มาของนายกรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. อำนาจขององค์กรอิสระ การรับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำและการใช้อำนาจจาก คสช. เป็นต้น

แม้ผู้มีอำนาจจะกำหนดให้มีการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว แต่บรรยากาศการมีส่วนร่วมและการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนก็ยังถูกจำกัด
-
ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้มีอำนาจออกมาข่มขู่อยู่เสมอๆ อาทิ การห้ามไม่ให้ใส่เสื้อ Vote No หรือขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ทำการรณรงค์ในทางที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
-
รวมไปถึงการควบคุมตัว นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อวันที่ 18 เมษายน
-
จึงเรียกร้องต่อรัฐบาลและทรราช คสช. ให้ปล่อยตัวนายวัฒนาโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
-
เคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความเชื่อและความคิดเห็นโดยสันติวิธี สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญ
-
ยุติการคุกคาม ข่มขู่ แทรกแซงและปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนทุกกลุ่ม
-
ในบรรยากาศที่ฝ่ายหนึ่งเข้มขึง อีกฝ่ายหนึ่งยืนกราน
-
โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ "น้ำผึ้ง" เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
-
น่าสนใจและชวนระทึกใจ



Edit

ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ประชามติ บ้านพ่อมึง หรือ? ที่ไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ

Edit

ประชามติ รับร่าง รััฐธรรมนูญ ฉบับ ทรราช คสช.สั่งต้องไม่มี ...........ไม่ต้องทำ
-
ถาม........... ไอ้ตูบ ประยุทธ์ ประชามติ บ้านพ่อมึง หรือ?  ที่ไม่ต้องฟังเสียงของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ 

------------------------------------------------------------------------
14.30 น. 19 เม.ย.ไอ้ตูบ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า ทรราช คสช. กล่าวถึงกรณีการรณรงค์รับหรือไม่รับประชามติ ว่า วันนี้ได้สั่งการไปแล้วว่าต้องไม่มี ไม่ต้องทำ

-
เมื่อถามว่า ที่นักวิชาการออกมารณรงค์แสดงความเห็นเชิงวิชาการนั้นทำได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ…. ยังไม่โปรดเกล้าฯลงมา แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก็โดนหมด กฎหมายเขียนว่าห้ามรณรงค์รับหรือไม่รับ แค่นี้ทำไม่ได้หรืออย่างไร ไม่เข้าใจภาษาไทยหรือจึงต้องแปลไทยเป็นไทย

-
เมื่อถามว่า ใส่เสื้อโหวตโน หรือโหวตเยส ก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ ทรราช กล่าวว่า ใช่แล้ว รณรงค์ให้รับหรือไม่รับก็ไม่ได้ทั้งนั้น

-
"เมื่อ พ.ร.บ.ประชามติฯ ออกมาจะมีบทลงโทษถึง 10 ปี ถ้าไม่กลัวก็ตามใจ ซึ่งสื่อก็โดนด้วย ขอให้ไปบอกแก่นายทุนสื่อด้วย วันนี้ปล่อยไปก่อน แต่ถ้ากฎหมายออกมาเมื่อไหร่ ก็จะโดนเมื่อนั้น
-
"จะฟ้องศาลกันหมด"
-
แต่เย็นวันเดียวกัน หนังม้วนใหม่ก็เปิดตัว
-
18.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มพลเมืองโต้กลับนัดหมายประชาชนใส่เสื้อขาวรวมตัวกันเพื่อต่อต้านการควบคุมตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 18 เมษายน
-
แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 กองร้อย มาเตรียมพร้อมก่อนเวลานัดหมาย
-
เมื่อ นายอานนท์ นำภา กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว และพรรคพวกเดินทางมาถึงบริเวณสกายวอล์ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดันฝูงชนลงจากสกายวอล์ก
-
ขณะเดียวกันประชาชนที่สวมเสื้อสีขาว ก็โบกมือให้กำลังใจผู้ที่ถูกจับกุม และชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายอานนท์ และนายสิรวิชญ์ขึ้นรถตู้ทหาร โดยมี นายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ คนขับรถแท็กซี่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ และ นายณัฐภัทร อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลที่เสียชีวิตจากการระดมยิงในวัดปทุมวนารามปี 2553 ขอติดตามขึ้นรถไปด้วย
-
ก่อนจะปล่อยตัวออกมาในค่ำวันเดียวกัน
-
และในเย็นวันเดียวกันนั้น
-
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน 6 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC) มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (Enlaw) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์ให้ยุติการคุกคาม แทรกแซงและปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่อร่างรัฐธรรมนูญ
-
โดยระบุว่า การดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญกระทำโดยคนเพียงบางกลุ่ม และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเพียงพอ
--
ในเชิงเนื้อหาก็ถูกตั้งคำถามในหลายประเด็น อาทิ ประเด็นเรื่องสิทธิในการศึกษา สิทธิชุมชน สิทธิผู้บริโภค ที่มาของนายกรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. อำนาจขององค์กรอิสระ การรับรองความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการกระทำและการใช้อำนาจจาก คสช. เป็นต้น

แม้ผู้มีอำนาจจะกำหนดให้มีการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว แต่บรรยากาศการมีส่วนร่วมและการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนก็ยังถูกจำกัด
-
ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้มีอำนาจออกมาข่มขู่อยู่เสมอๆ อาทิ การห้ามไม่ให้ใส่เสื้อ Vote No หรือขู่ว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ทำการรณรงค์ในทางที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
-
รวมไปถึงการควบคุมตัว นายวัฒนา เมืองสุข เมื่อวันที่ 18 เมษายน
-
จึงเรียกร้องต่อรัฐบาลและทรราช คสช. ให้ปล่อยตัวนายวัฒนาโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
-
เคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความเชื่อและความคิดเห็นโดยสันติวิธี สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญ
-
ยุติการคุกคาม ข่มขู่ แทรกแซงและปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนทุกกลุ่ม
-
ในบรรยากาศที่ฝ่ายหนึ่งเข้มขึง อีกฝ่ายหนึ่งยืนกราน
-
โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ "น้ำผึ้ง" เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
-
น่าสนใจและชวนระทึกใจ



Edit

THAILAND: Trafficking Bill Needs Rethink

Edit

FOR PUBLICATION
AHRC-ART-018-2016
21 April 2016

An Article by the Asian Human Rights Commission

By Phattranit Yaodam

THAILAND: Trafficking Bill Needs Rethink

On 26 January 2016, the Prime Minister, General Prayuth Chan-ocha, wrote a letter to the Chairperson of the National Legislative Assembly (NLA) regarding the draft Act on Trafficking in Persons Procedure Code. He wrote about the rationale and provided a summary of the main issues, and urged the NLA to give priority to the Bill. As a result, on 11March 2016, in its third read, the NLA has reportedly voted to endorse the draft Act.

In its reasoning for urging the NLA to rush through the promulgation of the Bill, the Cabinet has claimed that it wants improve the trafficking procedure code in the criminal justice process, by shifting away from the existing accusatorial procedure, whereby both parties are able to present evidence, and check the same among themselves, based strictly on the evidence taking rule, with the Court confining its role as an adjudicator.

The Cabinet expressed a wish to move to an inquisitorial procedure, whereby the Court would have direct interaction with the defendant, and the prosecutor would assist the Court in establishing the facts. The aim is that the procedure would also provide for the taking of evidence from various sources, which may help accelerate the process in compliance with the safeguard of the rights of trafficking victims, as per the 2008 Anti-Trafficking in Persons Act.

Nevertheless, on 26 March 2016, a rights coalition in Thailand, which consists of the Human Rights and Development Foundation (HRDF) and the Migrant Working Group (MWG), submitted an open letter to Prime Minister and Chairperson of the National Legislative Assembly (NLA); they presented some observations regarding the procedure and the principle encapsulated and envisioned in the Bill.

According to the legislative process of the draft Act on Trafficking in Persons Procedure Code B.E., the rights coalition in Thailand has found that in order to upgrade the trafficking in persons procedure, to make it respond more promptly and serve justice, the government should begin by reviewing problems stemming from the enforcement of the existing Criminal Procedure Code. The government should first establish if the delay could be attributed to the accusatorial procedure itself, or whether it is due to other problems in its enforcement. The promulgation of a new legislation without carefully reviewing the effectiveness of the existing one shall not bring any benefit to law enforcement officers. Rather, it might bring them more problems in enforcement.

In addition, the rights coalition has found that the drafting process was devoid of input from various concerned agencies, particularly the law enforcement agencies. Also, no attempts have been made to publicize the contents of the Bill. It is not feasible now to seek judicial review regarding constitutionality, but given that the content of the Bill may severely infringe upon the rights and liberty of those who have to undergo the new criminal justice proceedings, the agencies proposing the Bill should pay due attention to their concerns instead of just focusing on pushing through a legislation to suppress trafficking offences.

Furthermore, regarding to The 2000 United Nations Convention against Transnational Organized Crime (UNTOC) and the Protocol to Prevent, Suppress and Punish Trafficking in Persons, Especially Women and Children, it only defines a serious offence as one that carries the punishment of imprisonment of four years or more and when the offence involves transnational organized criminal syndicates participating in trafficking offences.

But according to the domestic law of Thailand, a trafficking offence is treated as an offence related to "the public order and moral high ground of society". Therefore, it is included in the same category of offences concerning arson and illegal drugs. Only drug-related offences have their own procedure code, according to the 2007 Narcotics Act, separate from the Criminal Procedure Code. Still, the Narcotic Act relies chiefly on the accusatorial procedure.

Apart from promptness, the rights coalition deems it unnecessary to replace the accusatorial procedure with the inquisitorial procedure in trafficking offences, particularly in light of the practice in similar offences, as aforementioned.

Likewise, the definition of trafficking offences, the scope of application, advance witness examination, the determination of reparation and other damages, the temporary release, the taking of evidence in the Court and the appeal of the verdict at the Appeal and Supreme levels have all been adjusted to make them consistent with the inquisitorial procedure according to the Bill.

On this front, the rights coalition has found that several major provisions in the Bill deprive the defendant of their rights by treating them as an object of proceedings without applying the general rule of the Criminal Procedure Code. For instance, prior conditions have been set forth for the temporary release of an alleged offender or a defendant: the requirement that the defendant has to, by himself, adduce to establish his innocence; the design of the proceeding in which the defendant is assumed a guilty party since the beginning; the waiver of the presumption of innocence rule; the admissibility of the evidence given by the defendant for his own incrimination; and by defining the defendant as a direct party with the Court, all of which have made it more challenging for the defendant to defend themselves.

The rights coalition has stated that the "inquisitorial procedure" in the Bill focuses on punishing the defendant without according due respect to his rights. This makes it vulnerable to the infringement of human rights. A criminal proceeding, in breach of the rule of law and the human rights principles, is not considered proper by civilized nations. It certainly is a deviation from democracy and the rule of law.

Therefore, for the aforementioned reasons, the Thai government, the Cabinet, the NLA, and other concerned agencies should review the principle of the draft Act on Trafficking in Persons Procedure Code B.E., and reconsider the necessity to promulgate the Act. In addition, an attempt should be made to provide for public consultation, allowing concerned agencies from the State, public sector, and academics working to promote and assist the State to protect the rights of trafficking victims, to provide their input regarding the Bill.

This will benefit the future solutions to the problems of trafficking in persons, making it more effective and compliant with both domestic laws and international obligations.

# # #

The Asian Human Rights Commission (AHRC) works towards the radical rethinking and fundamental redesigning of justice institutions in order to protect and promote human rights in Asia. Established in 1984,  the Hong Kong based organisation is a Laureate of the Right Livelihood Award, 2014.

Read this Article online

Edit

Wednesday, April 20, 2016

เมื่อข้าราชการ ฯ เป็นเศษขยะ

Edit

เมื่อข้าราชการ ฯ เป็นเศษขยะ 

----------------------------------------------------------------------

มองไปทางไหนเจอแต่ทหาร ตำรวจ เกลื่อนกลาดไปหมด ไม่ใช่ว่าจะได้ความรู้สึกดีๆว่ามีเจ้าหน้าที่มาปกครองคุ้มครอง และ ความรู้สึกกลายเป็นความขยะแขยงที่มีแต่บุคคลเหล่านั้นมาเพ่นพ่านในกลุ่มสาธารณชนเหมือนขยะมูลฝอยที่ปลิวติดตามรองเท้า

-
เมื่อไรขยะเหล่านั้นจะหมดไปจากสายตาและสังคม 
-
มีสะสมมานาน 70-80 ปีเชื่อว่าคงเก็บกวาดกำจัดไม่ง่าย แต่ถ้าไม่พยายามเริ่มที่จะทำอะไรสักอย่าง ขยะเหล่านั้นจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และ เมื่อไรประเทศไทย สังคมไทย และประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินที่แท้จริงจะได้อยู่ได้เดินไปมาอย่างสุขสะดวกสบายโดยที่ไม่มีขยะปลิวตามหรือต้องเดินหลบเศษขยะเหล่านั้น

-
ทุกวันนี้ เศษขยะนั่นไม่ใช่ขนาดของเศษขยะ แต่เป็นกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งภายในและนอกประเทศ 
-
มีใครอยากมาเห็นกองขยะ มีใครอยากได้กลิ่นกองขยะ ไม่ใครอยากเข้าใกล้

- .. ตอบว่าไม่มี และอีกไม่นานประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีครบตั้งแต่เศษขยะทุกหย่อม จนถึงเป็นกองขยะตามสถาที่ราชการต่างๆ และ กลิ่นที่โชยมาทุกครั้งที่(ขี้)ข้าราชการอ้าปาก .. 

-
อยากจะอยู่กันแบบนี้เหรา 

-

Cr. DARE  กล้าเสนอความจริงที่พวกทุจริตกลัว


----------------------------------------------------------------

ผมไปอ่านเจอ บทความสั่น ๆ แต่ได้ใจความ และเข้าใจอย่างง่ายๆ เมื่อประชาชนมอง ข้าราชการฯ  เป็นแค่เศษขยะ   

-
สาเหตุและผลกระทบของขยะทรราช ในสังคมไทย

-
ขยะทรราช เป็นปัญหาสําคัญของหลาย ๆ ท้องถิ่นเกือบทั่วโลก ขยะทรราชส่วนใหญ่มักจะ กด ขี่ ข่มเห่ง ประชาชน ใต้ปกครอง เหมือนอย่างเช่น กรณี ของ วัฒนา เมืองสุข 

-
ขยะทรราช ที่เป็นๆ เศษเดน ของอำมาตย์ทรราช ที่ครอบงำประเทศมาอย่างยาวนาน  และทิ้งประชาชน ให้จมลงในดิน  ด้วยการกดขี่
-

และขยะทรราช เหล่านั้นก็กองท้วมหัวประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ 

-
ขยะทรราช  เหล่านั้น มีสารประกอบมากมาย ทั้งข้าราชการโกงกิน นายทุนหน้าเลือด นักการเมืองเลว อย่างประชาธิปัตย์ และ พรรคร่วมรัฐบาล ในปี 2553 ที่ร่วมกัน ฆ่า พี่น้อง ประชาชน  

-
ขยะทรราช เหล่านี้ไม่มีวันล้มสลาย

-
แม้จะทําลายโดยการเผา หรือการตีแผ่ความชั่ว ของขยะทรราช ได้ หากแต่ขยะเหลานั้น กำลังเพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็ว มีความเป็นพิษสูงและย่อยสลายยากเช่น การบรรจุ ลูกหลานเครื่อข่าย ทรราช ไว้ในกรมกอง อย่าง สนช.  หรือกรมตำรวจ และ กลาโหม เพื่อสืบสาร อำนาจ ทรราช สืบต่อไป 

-
หรือการร่าง รัฐธรรมนูญที่ กำลัง เข้าโหมด ประชามติ ในวันที่ 7  สิงหาคม 2559  ที่ระบุ ถึง นายก คนนอก องค์กรเศษขยะที่มีอำนาจล้นฟ้า และ ส.ว. มาจากการลากตั้งของ ทรราช คสช.  250 เดนนรก 

-
ขยะทรราช เหล่านี้ มีพิษร้ายแรงยิ่งกว่า  โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ยิ่งกว่า ปลิง ที่คอยดูดเลือดของประชาชนเป็นอาหาร และ เมื่อร่าง รัฐธรรมนูญ ผ่าน ก็ถูกวางลงบนดิน หรือหัวของประชาชน แล้ว ทําให้ ประชาชน เสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดสภาพเป็นพิษ ๆ ที่มาจากรัฐธรรมนูญโจร  คสช.  เป็นอันตรายต่อลูกหลาน ของคนรากหญ้าส่วนใหญ่  เพราะ ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับทรราช คสช. นี้  จะทำให้สังคมไทย และประเทศไทยยิ่งประสบปัญหา ของชนชั่น  และการใช้อำนาจแบบ สองมาตรฐาน
-

ซึ่งแน่นอนว่า ชนชั่นผูได้เปรียบ ทั้งลูกท่านหลานเธอ ก็จะกดขี่ข่มเห่ง เหยียบคอประชาชน ที่อยู่ในฐานะที่ด้อยกว่า ต่อไป  หรือแม้แต่การเข้าถึงการศึกษา ที่ถูก ทรราช คสช. ตัดเหลือแค่ 9 ปี 

-

ดูอย่างกรณี ของลูกชาย ปรีชา จันทรโอชาเป็นตัวอย่าง ที่ได้รับการบรรจุ เข้ารับราชการโดยใช้ อำนาจ ของ ปรีชา น้องชาย ทรราช ประยุทธ์ เป็นคนเซ็น  หากพี่น้องประชาชน ยังไม่รู้ถึงพิษภัยของขยะ ทรราช  ก็จงโปรดเห็นแก่อนาคตของลูกหลานเรา อย่าให้พวกเขาต้องเจอสภาพ เหมือนที่เราได้เจอในปัจุจบันนี้อีกเลย 

-

เสรีชน


Edit

บทสะท้อนเชิงหลักการต่อรัฐไทยในความขัดแย้งไทย–กัมพูชา

บทสะท้อนเชิงหลักการต่อรัฐไทยในความขัดแย้งไทย – กัมพูชา บทนำ : การเลือกข้างที่ไม่ละทิ้งหลักการ ในความขัดแย้งระหว่างรัฐ การ “ ไม่เลือกข้าง ”...