Thursday, March 17, 2016

“สิริพรรณ” วิเคราะห์ 7 ข้ออันตรายร่างรัฐธรรมนูญ

"สิริพรรณ" วิเคราะห์ 7 ข้ออันตรายร่างรัฐธรรมนูญ

http://www.matichon.co.th/news/74559

เมื่อ วันที่ 16 มี.ค.2559 รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงข้อวิเคราะห์ร่างรัฐธรรมนูญที่ได้นำเสนอในเวที "Thailand's Draft Constitution and Referendum: Principles, Stakes, Directions" จัดโดย ISIS Thailand โดยมี นรชิต สิงหเสนี อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปัจจุบันทำหน้าที่โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมเป็นวิทยากร

สรุปข้อวิเคราะห์ได้ว่า

1.ร่างรัฐธรรมนูญใน เรื่องการให้พรรคเสนอชื่อใครก็ได้ 3 คน ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการเลือกตั้งขัดแย้งกับหลักการอำนาจประชาธิปไตยเป็นของ ปวงชน

2. ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม (MMA) จะนำไปสู่การแข่งขันเลือกตั้งที่เน้นตัวบุคคลมากกว่านโยบายพรรค การซื้อเสียงจะสูงขึ้น เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นจะกลับมา พรรคเล็กไม่สามารถแข่งขันได้ แรงจูงใจในการสร้างสถาบันพรรคการเมืองจะลดลง ประชาชนจะขาดความรู้สึกมีประสิทธิภาพทางการเมืองเพราะไม่ได้เป็นผู้เลือก นายกรัฐมนตรี และเกิดความสับสนระหว่างความชอบผู้สมัคร vs. พรรค และผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

3. การให้อำนาจองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบรัฐสภาและรัฐบาลฝ่ายเดียว ขัดแย้งกับหลักตรวจสอบ ถ่วงดุล

4. ศักดิ์ศรี สิทธิ และการมีส่วนร่วมของประชาชนลดลง

5. การทำประชามติต้องคำนึงถึงมาตรฐานและหลักการสากล ต้องให้รณรงค์ได้ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายไม่รับ อย่าให้เหมือนการรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และการไม่แจกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้ประชาชน แจกเฉพาะบทสรุป จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสรุปได้ตรงความหมายโดยปราศจากอคติ

6. ข้อเสนอของ คสช.ในบทเฉพาะกาล 5 ปี ให้เพิ่มจำนวน ส.ว.จาก 200 เป็น 250 เท่ากับครึ่งหนึ่งของ ส.ส. เปลี่ยนจากการเลือกกันเองระหว่างกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม มาเป็น การสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาและให้สำรองที่นั่ง 6 ที่ไว้สำหรับ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น ชัดเจนว่าเป็นความพยายามให้วุฒิสภาทำหน้าที่เป็นกลไกคัดง้างสภาผู้แทนราษฎร ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน นอกเหนือไปจากการติดตั้งกลไกคัดง้างเสียงข้างมากไว้ที่องค์กรอิสระและศาล รัฐธรรมนูญแล้ว

วุฒิสภาตามข้อเสนอของ คสช.จะมีอำนาจใกล้เคียงหรือเทียบเท่าสภาผู้แทนราษฎรเลยทีเดียว กล่าวคือ สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ ควบคุมการบริหารของรัฐบาลได้ด้วย ที่ยังไม่ชัดเจนคือมีอำนาจยับยั้งร่างกฎหมายจนถึงที่สุดหรือไม่

**ดู เหมือนแนวคิดนี้ จะคล้ายกับบทเฉพาะกาล 4 ปี ของรัฐธรรมนูญ 2521 ขาดก็แต่ข้อเสนอของ คสช. ยังไม่ไปไกลขนาดให้อำนาจวุฒิสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร

7. ข้อเสนอของ คสช. อีกประการคือ ให้การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี 3 คนของพรรคการเมืองเป็นความลับ ไม่เปิดเผยระหว่างการเลือกตั้ง ผลในประการนี้ก็จะกลับไปคล้ายอดีตกาลของประเทศไทย ที่สภาเป็นผู้โหวตด้วยเสียงข้างมากเลือก "ใครก็ได้"เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเปิดพื้นที่ต่อรอง แลกเปลี่ยนระหว่างชนชั้นนำด้วยกันเอง

สิ่งที่ได้ทราบในวันนี้คือ
a. มาตรา 207 ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญอย่างล้นเหลือ ถูกปรับให้กลับไปคล้ายมาตรา 7 เดิม แต่จะมีข้อความที่ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ จะระบุว่าในภาวะวิกฤติ องค์กรใดบ้างที่จะมาทำหน้าที่แก้ปัญหาร่วมกัน ต้องรอดูเนื้อความจริง ในวันที่ 29 มีนาคม ว่าองค์กรแก้วิกฤติจะคล้ายกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดอง แห่งชาติ (คปป.) ในร่างชุดอาจารย์บวรศักดิ์หรือไม่

b. ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกใส่กลับเข้าไปในมาตรา 4 แต่ดูเหมือนคณะกรรมการยกร่างไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า วิธีเขียนเรื่องสิทธิในร่างฉบับนี้ ได้ลดทอนสิทธิที่ประชาชนพึงมี เคยมี และถูกรับรองในรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับ ก่อนหน้านี้อย่างไร
ดังที่ อาจารย์มีชัยเคยเปรียบเทียบไว้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญได้ให้ฮีทเตอร์ (Heater) แล้วทำไมประชาชนยังต้องการผ้าห่มอีก

จึง ตอบประเด็นนี้ไปว่า **เหตุผลที่ประชาชนยังต้องการผ้าห่ม แม้กรรมการร่างจะเสนอฮีทเตอร์ให้ เพราะประชาชนเป็นคนควบคุมผ้าห่มเองได้ ส่วนฮีทเตอร์นั้นถูกเปิดและปิดโดยรัฐ ประชาชนไม่มีส่วนร่วม**

c. การทำประชามติจะใช้เกณฑ์ "เสียงที่มากกว่า" เช่น หากโหวตรับ มีจำนวนมากกว่าโหวตไม่รับ ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่าน โดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้มาใช้สิทธิ

d. กรรมการยกร่างยังไม่ยืนยันว่าจะรับข้อเสนอของ คสช. ทั้งหมด แต่เชื่อได้ว่า ณ เวลานี้ ใครจะกล้าปฎิเสธคำขอจาก"The Power That Be"

ราชทัณฑ์รับจ่ายเงินเยียวยาแม่จำเลย (เสื้อแดง) ที่ตายในเรือนจำ

ราชทัณฑ์รับจ่ายเงินเยียวยาแม่จำเลย 'คดียิงแกนนำ กปท.' ที่ตายในเรือนจำ
Thu, 2016-03-17 21:51

นัดฟังไกล่เกลี่ยคดี 'จำเลยคดียิงแกนนำ กปท.' เสียชีวิตระหว่างถูกคุมตัวในเรือนจำ เบื้องต้นราชทัณฑ์จะจ่ายเงินเยียวยาแก่แม่ของผู้ตาย ส่วนนัดกำหนดประเด็นข้อพิพาท เลื่อนไป 7 เม.ย.

17 มี.ค. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลแพ่งนัดไกล่เกลี่ยและนัดชี้สองสถาน (นัดกำหนดประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลย) ในคดีที่นางอารีย์ ชัยมงคล แม่ของนายสุรกริช ชัยมงคล ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อกรมราชทัณฑ์ว่า จงใจหรือประมาทเลินเล่อละเลยต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้นายสุรกริชเสียชีวิตกระทันหันขณะอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2557 ระหว่างการฝากขัง จากการที่นายสุรกริชตกเป็นผู้ต้องหาในกรณียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เสียชีวิตที่วัดศรีเอี่ยม ย่านบางนา ขณะนำมวลชนปิดจุดรับลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2557

นางอารีย์ซึ่งเป็นโจทก์และกรมราชทัณฑ์ จำเลย รายงานผลการไกล่เกลี่ยว่า ทางกรมราชทัณฑ์ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ฟ้อง แต่ได้เลื่อนนัดการกำหนดประเด็นข้อพิพาทออกไปเป็นวันที่ 7 เม.ย. 2559 เนื่องจากศาลเห็นว่ายังอยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ย

การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายครั้งนี้ มีสาเหตุจากนางอารีย์เชื่อว่ามีการทำร้ายร่างกายนายสุรกริชจนเสียชีวิต เนื่องจากก่อนเสียชีวิตนายสุรกริชสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสภาพศพมีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย ทั้งนี้ การเสียชีวิตของนายสุรกริชเกิดขึ้นในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ จึงมีกระบวนการไต่สวนการตาย โดยศาลมีคำสั่งเมื่อวันที 7 ก.ค. 2558 ว่า เสียชีวิตจากการมีเลือดออกมากในระบบทางเดินอาหาร ภายในเรือนจำ

ทั้งนี้ การชี้สองสถานหรือการกำหนดข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลย คือกระบวนการที่ศาลแพ่งจะพิจารณาคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยว่าหากมีข้อใดที่ฝ่ายโจทก์อ้างแล้วจำเลยไม่ยอมรับ ศาลจะกำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาท และกำหนดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานมาสืบ



ทรราช คสช.นำคนไทยสู่ทางตัน

คนต้องเท่ากับคน 16 มีค 59 

เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน

เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน  http://www.mediafire.com/download/iw25k3zd0dexih5/yenlompa-suda-17-03-16.mp3



เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน

เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา ลุงเย็นลมป่า รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน  http://www.mediafire.com/download/iw25k3zd0dexih5/yenlompa-suda-17-03-16.mp3



รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน หัวข้อ "เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา"

รายการ รู้ไหม ใครทำให้คนไทยยากจน หัวข้อ "เปิดโปง เปรม&ปีย์ สองเฒ่ากาลีศักดินา"
วิทยากร: ลุงเย็นลมป่า
ผู้ดำเนินรายการ: สุดา อ.หวาน

ดูรายการสด หรือดูย้อนหลัง คลิกที่นี่ลิงค์นี้เลยค่ะ --D https://youtu.be/su2HgidTErY

Wednesday, March 16, 2016

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 16 มีนาคม 2559 โดยจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

รายการคนต้องเท่ากับคนประจำวันที่ 16 มีนาคม 2559 โดยจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ

---------

เถียงแทนเจ้า # 001/1 โดย ดี.เจ.ตีโต้-คุณหญิงศิรินเทพ16-03-2016.

----------------


โด่ง อรรถชัย..

------------

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???
หรือ
หรือ
----------------------
อย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ๆ ด้วยนะครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร? ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร?
ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

 

https://youtu.be/kuV3NLE15Ik

หรือ

https://youtu.be/G83nbfNgUXk

หรือ

https://youtu.be/7Rly-lRHun0

 




----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

 

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร? ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

ขบวนมดแดงล้มช้าง ถึงไหน และจะไปไหนต่อ อย่างไร?
ดร. เพียงดิน รักไทย 17 มีนาคม 2559 ตอน "มดแดงล้มช้าง คือ หอกทมิฬทิ่มเผด็จการ"

 

https://youtu.be/kuV3NLE15Ik

หรือ

https://youtu.be/G83nbfNgUXk

หรือ

https://youtu.be/7Rly-lRHun0

 




----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

 

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ผลพวงที่อำมาตย์ทหาร ได้เกาะกินประเทศมาอย่างยาวนาน

โจทย์ของประเทศในวันนี้ 

-
อันเป็นผลพวงจากอดีต ที่อำมาตย์ทหารได้เกาะกินประเทศมาอย่างยาวนาน

-
(1) ด้านเศรษฐกิจที่มีโครงสร้างไม่รองรับการพัฒนาของโลกพึ่งพาปัจจัยภายนอกประเทศ และประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตรโดยปราศจากการเสริมสร้างความเข้มแข็ง 

-
- แม้ รัฐบาลทรราช คสช. ก็ปล่อยให้ชาวนา ต้องเผชิญชะตากรรมด้วยตัวเอง และกันน้ำไว้ให้ ธุรกิจ ของ นายทุนอำมาตย์สามาลย์ ทั้งอาบอบนวด สนามกอล์ฟ และ โรงแรม อีกทั้งธุรกิจน้ำเมา

-
(2) ด้านสังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำในทุก ๆ ด้าน 

-
- หากเรามอง ค่าแรงของคนปกติทั่วประเทศ ได้ค่าแรงวันละ 300 แต่กลับ อำมาตย์ทรราช คสช. ได้เบี้ยประชุมวันละ 9 พันบาทต่อวัน ความเหลื่อมล้ำ ที่พอสรูปได้ มีความแตกต่างกัน กว่า 70 เท่าโดยมวลรวม

-
(3) ด้านการเมืองที่มอมเมาและลวงตาประชาชน ทั้ง "ตาบอดสี" ไม่เห็นสีอื่น เห็นแต่สีตนทั้ง ๆ ที่ทุกคนเป็นสี "ธงไตรรงค์" เหมือนกัน กลับสาดสี แบ่งแยกแบบผิด ๆ อีกทั้ง "สายตาสั้น" มองความสุขเพียงอายุรัฐบาล ถูกกล่อมขายฝัน รอกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ยั่งยืน "ยื่นปลา ไม่ยื่นเบ็ด ไม่สอนวิธีหาปลา"

-
- รัฐบาล ทรราช คสช.ไม่ใช่แค่ไม่สอนวิธีหาปลา แต่กลับ หักเบ็ด ที่ เพื่อไทยได้ให้ไว้ ทั้งใช่ความ อยุติธรรม แบ่งสี หากเป็นฝั่งสีเหลือง หรือ แมงสาป และ กปปส. ทำอะไรไม่เคยถูก ดำเนินคดี ทั้ง การยึด สนามบิน ยึด สถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้ง และ ยิงประชาชน ตายกว่า 99 ศพ ในราชประสงค์ 

-
ผู้นำ ทรราช คสช. บ่นปัญหาเวลานี้คือ ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทรราช คสช . สาเหตุเพราะ 

-
หาก แนวทางประชารัฐที่รัฐบาลทรราช คสช.นำเสนอ จะเป็นการปฏิรูป ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น

-
"ประชาชนไม่ได้เป็นศูนย์กลาง" แม้ว่าประชาชนจะเป็นเจ้าของประเทศ 

-
รัฐบาลทรราช คสช. ยัดเยียด "ความ อยุติธรรมจากภายใน" และอาศัยอำนาจ ม.44 ตัดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ด้วยเทคนิค ด้วยการเอาปืนจี้ 

-
"ความรู้ รัก สามัคคี" ของคนในสังคม ตั้งแต่ระดับฐานราก แบ่งแยก สี อย่างชัดเจน
เพราะ รัฐบาล ทรราช คสช. ไม่เคยฟังเสียงของประชาชน เลย ตลอดระยะเวลาที่ยึดครองอำนาจ 
-

การกระทำของ รัฐบาล ทรราช คสช. ไม่ใช่แค่ไม่ฟังเสียงของประชาชนเท่านั้น หากแต่ ประชาชน คนใหน ออกมาพูด ถึงความ อยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม หรือ พูดถึงความ ล้มเหลวของ รัฐบาล ทรราช คสช. ก็จะถูก ปรับทัศนคติ จนประชาชน บางคนถูก ปรับทัศนคติ ซ้ำๆ กว่า 4 - 5 ครั้ง 

-
" ผมเชื่ออย่าง บริสุทธ์ใจว่า งาช้างไม่เคยงอกออกจากปากสุนัขฉันใด ประชาธิปไตยก็ไม่เคยได้จากการปกครองของ ทรราช ฉันนั้น "

-
เสรีชน


ฮูโก ชาเวส โดย อ. ใจ อึ๊งภากรณ์

ฮูโก ชาเวส

ใจ อึ๊งภากรณ์

ฮูโก ชาเวส ซึ่งพึ่งเสียชีวิตไป ประกาศตัวเป็น "นักสังคมนิยม" แต่เราต้องประเมินว่าเขาสร้างพรรค และสามารถปลุกระดมให้ประชาชนยึดอำนาจ เพื่อปกครองตนเองและเป็นใหญ่ในแผ่นดินแค่ไหน อย่างไรก็ตามเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้นำที่ให้ความหวังมากมายกับคนจนในลาตินอเมริกาและที่อื่น

ต้นกำเนิดของรัฐบาล ฮูโก ชาเวส

     เวเนสเวลา เป็นประเทศในลาตินอเมริกาที่ร่ำรวยเพราะมีน้ำมัน แต่ในอดีตผลประโยชน์ตกอยู่กับอำมาตย์อภิสิทธิ์ชนไม่กี่คน โดยมีการเอาใจกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจน้ำมัน ซึ่งได้ส่วนแบ่งบ้าง รัฐวิสาหกิจน้ำมันนี้เดิมเสมือน "รัฐอิสระ" ที่ให้ประโยชน์กับคนส่วนน้อย โดยเกือบจะไม่จ่ายเงินเข้าคลังของรัฐเลย นอกจากนี้มีการ "จัดการ" ระบบเลือกตั้งให้พรรคของพวกอภิสิทธิ์ชนชนะเสมอ และสื่อทั้งหมดอยู่ในมือของกลุ่มนายทุนผู้มีอำนาจอีกด้วย ผลคือประชาชนที่เหลือยากจนและอาศัยอยู่ในสลัม 

     พอถึงปี ค.ศ.1989 ประชาชนทนไม่ไหว มีการลุกฮือครั้งใหญ่ในเมืองหลวง คาราคัส เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกว่า "การลุกฮือ คาราคาโซ (Caracazo)" ปรากฏว่ารัฐบาลอำมาตย์ฆ่าประชาชนตาย 2000 คนเพื่อปราบปรามอย่างเลือดเย็น

     ฮูโก ชาเวส เป็นสมาชิกกลุ่มนายทหารหนุ่มที่ไม่พอใจกับระบบการปกครองของอำมาตย์ พวกเขาต้องการพัฒนาสังคมและการนำรายได้จากน้ำมันมาสร้างความเป็นธรรม เขามองด้วยว่าจักรวรรดินิยมสหรัฐมีอิทธิพลในประเทศเขามากเกินไป ในปี1992 ชาเวส จึงพยายามทำรัฐประหารล้มรัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ เลยติดคุกสองปี แต่ประชาชนที่เจ็บปวดจากการปราบปรามของรัฐบาลในปี 1989 หันมาสนใจ ชาเวส

     ในปี1998 ชาเวสลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และชนะด้วย 58% ของคะแนนทั้งหมด หนึ่งปีหลังจากนั้น เขาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีกลไกตรวจสอบนักการเมือง มีการเพิ่มงบประมาณรัฐให้โรงเรียนและลดบทบาทสถาบันศาสนาคริสต์ที่เคยสนับสนุนอำมาตย์ สตรีมีสิทธิเลือกทำแท้ง มีมาตราเพื่อปฏิรูปสื่อและปฏิรูปอุตสาหกรรมน้ำมัน ปรากฏว่า 71% ของประชาชนสนับสนุนรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับนี้

     ต่อมาในปี 2000 ชาเวส ชนะการเลือกตั้งอีกรอบด้วยคะแนน 59% คราวนี้มีการออกกฎหมายเพื่อบังคับเพิ่มเงินที่บริษัทน้ำมันต้องจ่ายให้รัฐ และมีการนำเงินนี้มาเพิ่มงบประมาณการศึกษาและสาธารณสุขสำหรับประชาชน  มีการปฏิรูปที่ดินด้วย

     อย่างไรก็ตาม ในปี 2002 ทหารฝ่ายขวาทำรัฐประหาร โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ และ ชาเวส ถูกจับเข้าคุก ไม่มีใครในกองทัพช่วยแม้แต่เพื่อนเก่าก็ไม่ทำอะไร แต่เมื่อประชาชนคนจนออกมาต่อต้านเผด็จการบนท้องถนนเป็นแสน รัฐประหารฝ่ายขวาก็ล้มเหลวและ ชาเวส ถูกปล่อยตัว จึงกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เราจะเห็นได้ชัดว่าพลังมวลชนเป็นเรื่องชี้ขาด

     ในปี 2004 ชาเวส จัดให้มีประชามติเพื่อดูว่าประชาชนอยากให้เขาดำรงตำแหน่งต่อจนครบวาระหรือไม่ ตามกติกาใหม่ที่เขาเคยเสนอเพื่อให้ประธานาธิบดีต้องฟังเสียงประชาชน ชาเวส ชนะด้วยเสียง 58.3% และในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2006 ก็ชนะอีกด้วยเสียง 62% ล่าสุดชาเวสชนะการเลือกตั้งในปี 2012 ด้วยคะแนน 55%

ปัญหาของรัฐ

     ปัญหาใหญ่สำหรับ ชาเวส และประชาชน เวเนสเวลา คือถึงแม้ว่า ชาเวส จะได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ในประเทศซึ่งเป็นคนจน และมวลชนพร้อมจะออกมาปกป้องเขา แต่โครงสร้างรัฐอำมาตย์เก่ายังอยู่ และพยายามทุกวิธีที่จะคัดค้านนโยบายรัฐบาล นอกจากนี้นายทุนฝ่ายค้านก็คุมสื่อส่วนใหญ่ นอกจากสื่อของรัฐบาลเอง และมีการประโคมข่าวเท็จด่ารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

     ในระดับหนึ่ง ชาเวส พยายามสร้างรัฐใหม่คู่ขนานกับรัฐเก่า เช่น มีการสร้างสภาชุมชนที่ประกอบไปด้วยคนรากหญ้า มีธนาคารชุมชนเพื่อเน้นการลงทุนสำหรับคนจน มีการตั้งสหภาพแรงงานใหม่ที่ไม่สนับสนุนอำมาตย์ และในบางสถานที่มีการทดลองให้กรรมกรคุมการผลิตเอง ทั้งหมดนี้เพื่อจะลดการพึ่งพาอาศัยข้าราชการและกลุ่มอำนาจเก่า แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้รื้อถอนรัฐเก่าอย่างเป็นระบบเลย

     ยิ่งกว่านั้น ชาเวส มองว่าเผด็จการ "คอมมิวนิสต์" ของ คิวบา เป็นแม่แบบในการสร้างสังคมใหม่ ซึ่งในรูปธรรมหมายความว่า ชาเวส จะเน้นการนำพรรคพวกของเขาเข้าไปเป็นข้าราชการในโครงสร้างรัฐเก่า แทนที่จะเน้นพลังมวลชนในการรื้อถอนทำลายรัฐเก่าและสร้างรัฐใหม่ และข้าราชการหลายคนของชาเวส กลายเป็นคนโกงกินที่ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ ช่วงนี้ ชาเวส สร้างพรรคสังคมนิยมของตนเองขึ้นมา และกลายเป็นพรรคมวลชน แต่คำถามสำคัญคือ ชาเวส สร้างพรรคนี้เพื่อผลักดันการปฏิวัติมวลชน หรือเพื่อควบคุมมวลชนกันแน่?

     การทำการปฏิวัติสังคมแค่ครึ่งทาง โดยไม่ทำลายรัฐเก่า และไม่ยึดปัจจัยการผลิตทั้งหมดจากนายทุนเพื่อให้ประชาชนบริหารเอง มีปัญหามากและอันตราย  เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่มีอำนาจเต็มที่ ในการบริหารประเทศ และไม่สามารถพัฒนาสภาพชีวิตของคนจนได้ตามความต้องการของประชาชน นอกจากนี้การแปรรูปสถานประกอบการต่างๆ เพื่อให้มีการบริหารเองโดยคนงาน ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ผ่านการออกกฏหมายอย่างเดียว ต้องมีการปลุกระดมมวลชนให้กระตือรือร้น และต้องมีการยึดสถานที่ทำงานโดยมวลชนกรรมาชีพเอง ผลของการทำการปฏิวัติครึ่งทางคือ เริ่มมีคนจนที่ผิดหวังกับผลงานของ ชาเวส และในเดือนธันวาคม 2007ชาเวสแพ้ประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ก้าวหน้ามากขึ้น อันนี้น่าจะเป็นสัญญาณเตือนภัย

     ชาเวส ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นำที่ต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ในการต่อต้านจักรวรรดินิยม เขาไปจับมือกับเผด็จการใน คิวบา และ อิหร่าน ซึ่งเกลียดสหรัฐ และเคยชม กาดาฟี่ ในลิบเบีย อีกด้วย แต่ถ้าจะมีการปลดแอกประชาชนภายใน เวนเนสเวลา ก็ต้องสนับสนุนประชาชนที่กำลังสู้กับเผด็จการทั่วโลก

     ฝ่ายซ้ายหลายกลุ่มใน เวเนสเวลา เช่นกลุ่ม "ต่อสู้ชนชั้น" และกลุ่ม Por Nuestras Luchas (กลุ่ม "โดยการต่อสู้ของเราเอง") เสนอว่าต้องมีการปลุกระดมมวลชนชั้นล่าง กรรมกร เกษตรกร และคนพื้นเมือง เพื่อปฏิวัติอย่างถาวร และเขามองว่าต้องปฏิวัติภายในกระแสที่สนับสนุน ชาเวส

     หลังจากที่ ชาเวส จากโลกนี้ไป เครื่องชี้วัดว่าเขาเปลี่ยนสังคมเวนเนสเวลาได้อย่างจริงจังหรือไม่ คือความสามารถของมวลชนและพรรคสังคมนิยมที่จะนำการเมืองต่อไป และสร้างสังคมใหม่ โดยไม่พึ่งพาวีรบุรุษคนเดียว


-- 
ใจ อึ๊งภากรณ์
+44(0)7817034432
http://redthaisocialist.com/ 

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 29 เราสู้กับใคร???

https://youtu.be/bUzaxbwR-Ws

หรือ

https://youtu.be/z8RC-eMpEFo

หรือ

https://youtu.be/rSjuX50YJ8s

----------------------

อย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ๆ ด้วยนะครับ

 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

Tuesday, March 15, 2016

เขาได้อะไร .... ?

ร่วมมือกันขับไล่ทรราช คสช.

ศาลเป็นของใคร ?

ศาลเป็นของใคร ? ( แทนของเดิมที่ถูกปิด)
อ.หวาน คุยกับลุงสนามหลวง เรื่องความเป็นมาของตุลาการไทย
ที่กลายมาเป็นตุลาการโจรของระบอบภูมิพล

ไอ้ทรราช ประยุทธ์ นี้ไง กูงัดมาให้มึงเห็น เรื่องที่ ทหารทรราช โกงแผ่นดิน

ไอ้ทรราช  ประยุทธ์ นี้ไง กูงัดมาให้มึงเห็น เรื่องที่ ทหารทรราช โกงแผ่นดิน

----------------------

อำมาตย์ ทรราช เกลียดคนโกงจริงหรือ?))))))

ทหารทรราช โกงกินเงินงบประมาณตลอดมี จนถึงปัจจุบัน 

กลิ่นเหม็นรถถัง "ยูเครน" ... คำถามใหญ่ที่กองทัพต้องตอบ



  "ประพันธ์ คูณมี"แฉ! รถถังยูเครน7,200 ล้านใช้เครื่องยนต์เรือ ท้าผบ.ทบ.ถ้าดีจริงโปรดเอามาวิ่งโชว์ - 



ข่าว ผบ ทบ  ประยุทธ์ จันทรโอชา  GT200 ใช้งานได้........หากเชื่อมั่น...(ถุย)




CNN แฉ GT200 ที่ทหารทรราช คสช.ไทยใช้ ลวงโลก



สัสเสธ.ไก่อู .สรรเสริญ  เหี้ยกำเนิด  ยืนยัน GT200 ใช้งานได้จริง "ไอ้สัส กูฮา"




2010 02 16 CH3 GT200ผลสอบ หมอพรทิพย์หน้าแหก ยันใช้ต่อแม้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์



อย่างฮากับความเห็นโ่ง่ๆ เรื่องGT200  ของ99 ศพ   ฆาตกรอภิสิทธิ์



------------------------------------



ไล่ลำดับเหตุการณ์ เรือเหาะ..

       10 มี.ค.52 - คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบอนุมัติงบประมาณจำนวน 350 ล้านบาท จัดหาระบบเรือเหาะตรวจการณ์ เพื่อใช้ในงภารกิจตรวจการณ์ทางอากาศของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) หนึ่งในยุทธการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ 350 ล้านบาท แบ่งออกเป็นตัวเรือบอลลูนจำนวน 260 ล้านบาท, กล้องส่องกลางวันและกลางคืน จำนวน 70 ล้านบาท และอุปกรณ์สื่อสารภาคพื้นดินอีก 20 ล้านบาท ทั้งหมดรวมเป็นระบบเรือเหาะ 1 ชุด
-
       
       ในเดือนเดียวกัน หลังถูกหลายฝ่ายวิจารณ์การจัดซื้ออย่างหนัก ทั้งเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานและความปลอดภัยซึ่งอาจถูกยิงตกได้ ด้านโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ออกมาชี้แจงต่อสาธารณะถึงความจำเป็นในการจัดซื้อระบบเรือเหาะตรวจการณ์ พร้อมกล่าวยืนยันว่าเรือเหาะบินได้สูงกว่าระยะยิงภาคพื้นดิน
       
-
       เม.ษ. 52 - กองทัพบก ดำเนินการทำสัญญาจัดซื้อเรือเหาะจาก บริษัทเอเรีย อินเตอร์เนชันแนล คูเปอเรชัน
       
-
        ธ.ค. 52 - เรือเหาะ ถูกส่งเข้าประจำการ ภายในโรงจอดหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กองพลทหารราบที่ 15 อย่างเป็นทางการ ครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
    
-   
       ม.ค. 53 - ฤกษ์งามยามดี กองทัพกำหนดให้เป็นวันเริ่มแรกของการนำเรือเหาะขึ้นปฏิบัติการ แต่กลับประสบปัญหาทางเทคนิคส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ในส่วนของการลงนามรับมอบสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตก็เลื่อนออกไป
    
-   
        มี.ค. 53 - ทางคณะกรรมการตรวจรับเรือเหาะ กองทัพบก จัดการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานเรือเหาะเป็นการภายใน โดยไม่อนุญาติให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าว ในส่วนผลการทดสอบพบปัญหาหลายประการ ทั้งกล้องและตัวบอลลูน อย่างคุณสมบัติที่ระบุเอาไว้ว่าบินได้สูง3,000 เมตร การทดสอบกลับทำได้เพียง 1,000 เมตร เท่านั้น แน่นอนว่าไม่พ้นระยะยิงจากพื้นดิน
    
-   
       เดือนเดียวกัน ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงษ์ ลงพื้นที่เพื่อร่วมตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบเรือเหาะอีกครั้ง หลังประสบปัญหามากมาย แต่ก็ยืนยันว่าระบบรวมยังใช้งานได้ดี
  
-     
        มิ.ย. 53 - รองเจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก แถลงข่าวชี้แจ้งกรณีโครงการจัดซื้อระบบเรือเหาะตรวจการณ์ในทุกประเด็น อย่างเรื่อง ที่เพดานบินที่ทำได้สูง เพียง 1,000 เมตร จากสเปก 3,000 เมตร ก็ได้อธิบายว่าความสูงที่ 3,000 เมตรจะเป็นเฉพาะเรือเหาะเปล่าๆ ที่นี้เมื่อติดกล้อง และมีเจ้าหน้าขึ้นไปเลยบินต่ำลงเป็นเรื่องธรรมดา
      
        ก.ค. 53 - ระบบเรือเหาะทั้งระบบ ถูกลงนามรับมอบโดย คณะกรรมการตรวจรับฯ เป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางคำถามที่ยังคาใจหลายฝ่าย
 
-      
        ส.ค. 53 - เป็นประเด็นร้อนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2554 ส.ส. ฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีการจัดซื้อระบบเรือเหาะตรวจการณ์ ทั้งทำสัญญาโดยไม่ผ่านการพิจารณาของสำนักอัยการสูงสุด ทั้งยังเบิกงบฯ ครบตามจำนวนโดยไม่มีการขอให้บริษัทคู่สัญญานำสินค้าตัวอย่างมาให้ทดลองใช้งาน ท้ายที่สุดระบบเรือเหาะก็ไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถใช้งานได้
   
-    
        ก.ย. 53 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็นผบ.ทบ. หลัง พล.อ. อนุพงษ์ เกษียณอายุราชการ
    
-   
        ก.พ. 54 - หลังมีกระแสข่าวการเปลี่ยนผ้าใบที่รั่วซึมจากบริษัทผู้ผลิต ทางกองทัพบกทดลองนำเรือเหาะขึ้นบินเพื่อทดสอบอีกครั้ง
   
-    
       มี.ค. 54 - ตรวจความพร้อมเรือเหาะก่อนใช้งานจริง ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์
   
-    
       ก.ค. 54 - กองทัพบกใช้งบประมาณกว่า 25 ล้านบาท เติมก๊าซฮีเลี่ยมเพื่อให้เรือเหาะไม่เสื่อมสภาพไปกว่าเดิม
    
-   
        ก.พ. 55 - มีการนำเรือเหาะลอยขึ้นทดสอบระบบสัญญาณ หลังปรับแก้ไขอุปกรณ์บางส่วนเสร็จสิ้น ลอยสูงประมาณ 500 เมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
       
       ก.ย. 55 - พล.อ.ประยุทธ์ ผลักดันให้เรือเหาะใช้งานได้จริงเสียที ด้านกองทัพบกทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท เวิลด์วาย แอร์โรว์ คอร์ป และ บริษัท เอ็มแลนดาร์ช จำกัด เพื่อให้ซ่อมแซมแก้ไขให้เรือเหาะลำนี้ใช้งานได้ ใช้งบประมาณจ้างรวมกว่า 50 ล้าน
      
       ล่วงเวลาไปกว่า 4 ปี ก็ไม่รู้ว่าการดำเนินการแก้ไขในครั้งนี้จะลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่
       
-
       350 ล้านบาท(++) ซื้อยุทโธปกรณ์เพื่อใคร?
-
       อย่างที่แจงแจงไว้ข้างต้น ครั้นถึงเวลาทดสอบการปฏิบัติการครั้งแรกเรือเหาะก็พบปัญหาทางเทคนิค ต่อมาก็ไม่สามารถเหินขึ้นท้องฟ้าได้ดังคุณสมบัติที่ระบุเอาไว้ บินได้สูงเพียง 1,000 เมตร จากสเปก 3,000 เมตร จนเกิดการวิจารณ์ว่าแบบนี้ถ้าเอาไปใช้งานในพื้นที่ชายแดนใต้คงตกเป็นเป้านิ่งแน่นอน งานนี้เลยจอดแน่นิ่งที่ โรงเก็บ จ.ปัตตานี แถมผลาญค่าก๊าซฮีเลี่ยมอีกเดือนละ 2-3 แสนบาท เพื่อคงสภาพกันรั่วเอาไว้
       
-
       พอเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปลายปี 2553 ก็มีการเทงบประมาณจัดซ่อมเรือเหาะตรวจการณ์อย่างเรื่อยมา ล่าสุด กองทัพบก ก็ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัทต่างชาติเข้ามาซ่อมแซมแก้ไขให้เรือเหาะลำนี้ใช้งานได้ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
       
-
       ซึ่งก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันออกมาอีกเพราะเรือเหาะมีอาการไม่ปกติตั้งแต่การส่งมอบของบริษัทเอเรีย อินเตอร์เนชันแนลฯ แล้ว อีกทั้งตอนเสียหายก็ยังอยู่ในประกัน ทำไมไม่เรียกร้องให้ทางบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ
       
-
       จากการค้นข้อมูลเก่าปรากฏชัดถึงข้อถกเถียงในหลายกรณีสำหรับการนำระบบเรือเหาะเข้ามาใช้ในการทหารชายแดนใต้ตั้งแต่ก่อน ครม. จะอนุมัติโครงการ บ้างให้เหตุผลว่าเรือเหาะตรวจการณ์ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่มั่นใจว่าประสิทธิภาพของมันจะควบคุมหรือเหมาะสมกับสถานการณ์ในชายแดนใต้ได้หรือไม่
     
-
  
       หรือในเรื่องการตั้งข้อสังเกตในเรื่องราคาจัดซื้อ 360 ล้านที่แพงหูฉี่ ถูกเปรียบเทียบกับเรือเหาะของบริษัทแอร์ชิป เอเซีย เฉพาะตัวบอลลูน ราคาเพียง 30-35 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกับเรือเหาะ สกาย ดรากอน แต่ราคาสูงถึง 260 ล้านบาท



            ~~~~~~~~~~~~


ฟ้องครม.-บิ๊กป้อม-ป๊อกเอี่ยวรถหุ้มเกราะฯฉาว

ASTVผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553          ASTVผู้จัดการรายวัน - ฟ้องกราวรูด ครม.กลาโหม-บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก ปลัดกลาโหม เจ้ากรมสรรพาวุธทัพบก พัวพันโครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะยูเครนฉาว ร้องเพิกถอนข้อสัญญาผูกพันและคำสั่งอนุมัติแผนจัดซื้อ
-

          ในที่สุดโครงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครนของกองทัพบกที่มีปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง ก็ถูกนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อหาข้อยุติโดยกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ฟ้องคดี ได้มอบอำนาจให้ ว่าที่ ร.ต.เจษฎากรณ์ คุณคำเท็ญเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่6 ก.ย. 2553 และยื่นคำฟ้องเพิ่มเติมในวันที่ 9 ก.ย. 2553 โดยมีผู้ถูกฟ้องคดีรวม 11 ราย ประกอบด้วย 1) คณะรัฐมนตรี 2) กระทรวงกลาโหม 3)รมว.กระทรวงกลาโหม 4) กองทัพบก 5)ผู้บัญชาการทหารบก 6) คณะทำงานคัดเลือกแบบยานเกราะล้อยาง (จำนวน 16 คน) 7) คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์กองทัพบก(จำนวน 19 คน) 8) กรมสรรพาวุธทหารบก 9)เจ้ากรมสรรพาวุธ 10) ปลัดกระทรวงกลาโหม11) สำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม

-
          คดีนี้ ผู้ฟ้องกล่าวหาผู้ถูกฟ้องว่าเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กระทำการไม่สุจริต ขัดต่อกฎหมายกฎ คำสั่ง ระเบียบ เกี่ยวกับการจัดซื้อยานเกราะล้อยางเข้าประจำการในกองทัพบก โดยคณะกรรมการคณะทำงานคัดเลือกแบบยานเกราะล้อยางได้เอื้อประโยชน์ให้บริษัทUKRSPETSEXPORT จำกัด และบริษัท เอ็นจีวีเอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ประสานงานตัวแทนประเทศยูเครน เข้าเสนอข้อมูลภายหลังกำหนดการปิดรับตามประกาศเชิญชวนคัดเลือกแบบยานเกราะฯ และได้รับคัดเลือกเป็นผู้ชนะการประกวดราคาโดยผิดเงื่อนไขทั้งการไม่มายื่นเอกสารข้อมูลตามวันเวลาที่กำหนด และยานเกราะของยูเครน ไม่ผ่านคุณลักษณะทั่วไป

-
          นอกจากนั้น การเสนอราคาของบริษัทในขั้นตอนคัดเลือกแบบแตกต่างราคาที่ตกลงซื้อขายกันจริงโดยมีราคาแพงขึ้น อีกทั้งประเทศไทยและประเทศยูเครนไม่มีข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการทหารกับกองทัพบกไทยจึงไม่สามารถจัดซื้อยุทโธปกรณ์จากยูเครนได้

-
          ยานเกราะล้อยางที่ยูเครนนำมาเสนอขายยังเป็นรถเก่าที่รัสเซียเคยมอบไว้ให้ยูเครนหลังแยกออกมาตั้งประเทศใหม่ แล้วยูเครนนำรถรัสเซียมาดัดแปลงขาย การดัดแปลงรถยังทำให้เกิดข้อเสียเพราะวัตถุประสงค์ของยานเกราะหุ้มล้อยางเพื่อไปใช้นำพลรบออกจากที่รวมพลไปยังแนวตีหรือลาดตระเวนคุ้มครองเส้นทาง ไม่ได้ออกแบบมาเป็นรถพร้อมรบทำให้อำนาจการป้องกันตัวต่ำกว่าหรือด้อยกว่ารถถังขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ที่ใช้กันทั่วโลกจะเป็นภยันตรายต่อกองกำลังพล เป็นการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส ไม่เป็นไปตามหลักเสมอภาคการกระทำของผู้ถูกฟ้องจึงขัดต่อกฎหมาย เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

-
          กรณีนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้ตรวจสอบและท้วงติงในหลายประเด็นและขอให้ทบทวนกระบวนการจัดซื้อของผู้ถูกฟ้องคดี อีกทั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมแก่นักการเมืองข้าราชการและประชาชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังได้ตรวจสอบและมีมติว่าการจัดซื้อยานเกราะล้อยางจากยูเครนเป็นการจัดซื้อที่ไม่โปร่งใส ผิดไปจากขั้นตอนการดำเนินการที่ทางราชการกำหนดและขัดต่อหลักธรรมาภิบาลซึ่งเป็นหลักที่ใช้ใน

-
          การบริหารงานราชการ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีกลับมิได้ฟังคำท้วงติงแต่อย่างใด
          ต่อมา เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กระทรวงกลาโหม ลงนามอนุมัติจัดซื้อโดยให้สตง.เข้าร่วมตรวจรับเพื่อ ความโปร่งใสด้วย  แต่การลงนามซื้อขายแบบ G TO G ระหว่างกองทัพบกโดยกรมสรรพาวุธทหารบกกับประเทศยูเครน ซึ่งทางยูเครนเบิกเงินล่วงหน้าไปแล้ว 15% ของมูลค่าสัญญาประมาณ 3,800 ล้านบาท ทาง สตง.ไม่ได้เข้าร่วมเป็นกรรมการตรวจรับแต่อย่างใด

-
          ภายหลังจากนั้นทางยูเครนยังมีปัญหาในการผลิตเครื่องยนต์ เพราะผู้ผลิตเครื่องยนต์ยี่ห้อ DEUTZ BF 6 M 1015 ของเยอรมนีไม่ยอมจำหน่ายเครื่องยนต์ดังกล่าวตามยูเครนเสนอไว้ในขั้นตอนการคัดเลือกแบบ และเสนอขอเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นยี่ห้อ MTU ของเยอรมนีแทน ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติในการนำเสนอข้อมูลในการคัดเลือกแบบยานหุ้มเกราะ
-
          ถือว่าสอบตกและต้องถูกตัดสิทธิดังกรณีประเทศจีน
-
          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ครม.ได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนเครื่องยนต์ดังกล่าว ซึ่งการกระทำของคณะรัฐมนตรีถือว่าเป็นการแก้ไขสาระสำคัญของสัญญา ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 มาตรา 190 บัญญัติว่า หนังสือสัญญาใดที่มีบทเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือผลผูกพันทางการค้า การลงทุน... จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา...ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์และระบบเกียร์ถือเป็นสาระสำคัญของสัญญา

-
          การกระทำของผู้ถูกฟ้อง เป็นการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส ไม่เที่ยงธรรม เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท UKRSPETSEXPORT จำกัดประเทศยูเครน ทำให้ประเทศชาติเสียหายสูญเสียงบประมาณแผ่นดินจากโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางจากยูเครน โครงการที่ 1 จำนวน 96 คัน วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาทและโครงการที่ 2 จำนวน 121 คัน วงเงินประมาณ5,000 ล้านบาท ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสได้รับยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและเป็นของใหม่สูญเสียอำนาจในการป้องกันประเทศด้านความมั่นคงและด้านการทหาร

-
          ในท้ายคำฟ้อง ผู้ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการชำระเงินตามสัญญา และห้ามผู้ถูกฟ้องคดีเข้าทำสัญญาหรือข้อผูกพันใดๆ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลปกครองรับคำฟ้องและพิเคราะห์คำขอไต่สวนฉุกเฉินเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องไต่สวนฉุกเฉิน แต่ศาลจะได้ตรวจสอบข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงเพื่อมีคำสั่งในคดีนี้โดยเร็วต่อไป



บทความวิเคราะห์: การเมืองบ้านใหญ่ & dynastic politics ใต้ระบอบคณาธิปไตยไทย

คันฉ่องส่องไทย • การเมืองเชิงโครงสร้าง การเมืองบ้านใหญ่: เมื่ออำนาจไม่เคยออกจากตระกูล แต่ประเทศกลับไม่เคยก้...