คันฉ่องส่องไทย
เมื่อการอ้างความ “รักชาติ” ถูกใช้แทน "ความสามารถ" และการเลือกตั้งกลายเป็น "พิธีกรรมหลอกตัวเอง"
ทุกครั้งที่ประเทศเข้าใกล้การเลือกตั้ง กระแสหนึ่งจะถูกปลุกขึ้นมาเสมอ
กระแสที่พูดง่าย จำง่าย และกระแทกอารมณ์ได้เร็ว นั่นคือ
ชาติ ศาสนา กษัตริย์ ความสามัคคี และศัตรูของชาติ
คำเหล่านี้ไม่ผิดในตัวมันเอง
แต่ปัญหาคือ มันถูกใช้เป็น ม่านควัน เพื่อกลบคำถามที่สำคัญกว่ามาก นั่นคือ
ประเทศนี้กำลังมีปัญหาอะไรที่ต้นตอ และต้องการผู้นำแบบไหนมาแก้จริง ๆ
1. ชาตินิยมที่ไม่ถาม “อย่างไร” คือการเมืองแบบปลุกฝูงชน
นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมจำนวนไม่น้อย ไม่เคยอธิบายเชิงระบบ
ไม่เคยบอกว่า
-
จะแก้เศรษฐกิจที่ผูกขาดอย่างไร
-
จะแก้รัฐราชการที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างไร
-
จะแก้การทุจริตเชิงโครงสร้างอย่างไร
-
จะแก้กฎหมายที่เอื้ออภิสิทธิ์อย่างไร
แต่เลือกใช้คำว่า
“ผมรักชาติ”
“ผมเลือดเข้มข้น”
“ผมยืนข้างสถาบัน”
คำถามที่คนไทยต้องถามคือ
รักชาติแบบไหน? ด้วยนโยบายอะไร? และต้องเสียอะไรไปบ้าง?
2. การปกป้องสถาบัน ไม่ใช่ข้ออ้างให้ประเทศหยุดคิด
การอ้าง “ปกป้องสถาบันกษัตริย์” ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อ ปิดปากคำถาม และ ปิดการตรวจสอบ
แต่ความจริงเชิงหลักการคือ
-
สถาบันจะมั่นคงได้ ต้องอยู่บนรัฐที่โปร่งใส
-
ความจงรักภักดีไม่อาจทดแทนความสามารถ
-
การบริหารประเทศผิดพลาด ไม่ได้กลายเป็นเรื่องถูกต้องเพียงเพราะอ้างความศักดิ์สิทธิ์
การใช้สถาบันเป็นเกราะกำบังทางการเมือง
ไม่ใช่การปกป้อง
แต่คือการ ดึงสถาบันลงมาเสี่ยงกับความล้มเหลวของรัฐบาล
3. “ความสามัคคี” ที่ไม่แตะความไม่เป็นธรรม คือการบังคับให้คนเงียบ
คำว่า “สามัคคี” ฟังดูดี
แต่ในทางปฏิบัติ มันมักถูกใช้ในความหมายเดียวคือ
อย่าวิจารณ์ อย่าตั้งคำถาม อย่าทำให้ผู้มีอำนาจลำบากใจ
นี่ไม่ใช่ความสามัคคี
แต่มันคือ การทำให้ความอยุติธรรมอยู่ต่อได้อย่างสงบ
ประเทศที่ปัญหาถูกกดไว้ใต้พรม
จะไม่สงบในระยะยาว
มันเพียงแค่ รอวันปะทุ
4. พรรคที่ “อยากมีอำนาจ” มากกว่า “กล้าแก้โครงสร้าง” จะทำอะไรไม่ได้จริง
แม้บางพรรคจะพูดว่าจะแก้ปัญหา
แต่เมื่อพิจารณาให้ลึก จะพบว่า
-
ฐานอำนาจของเขาผูกกับทุนผูกขาด
-
แนวร่วมของเขาคือระบบราชการเก่า
-
ความอยู่รอดของเขาขึ้นกับกลไกนอกการเลือกตั้ง
คำถามคือ
คนที่ต้องพึ่งโครงสร้างเดิม จะกล้าทำลายโครงสร้างเดิมได้อย่างไร?
คำตอบคือ ไม่ได้
หรือ ไม่กล้า
หรือ ทำเป็นพูด แต่ไม่ทำจริง
5. ประเทศไทยวันนี้ ไม่ได้ต้องการ “นักรบ” แต่ต้องการ “หมอผ่าตัดระบบ”
ปัญหาของไทยไม่ใช่ศึกภายนอกเป็นหลัก
แต่คือ
-
ระบบเศรษฐกิจที่เอื้อคนส่วนน้อย
-
การเมืองที่ไม่รับผิด
-
กฎหมายที่ไม่เท่าเทียม
-
การศึกษาและสื่อที่ทำให้ประชาชนคิดไม่เป็น
ประเทศเช่นนี้
ไม่ได้ต้องการคนตะโกนเสียงดัง
ไม่ได้ต้องการผู้นำที่โชว์ความเข้ม
แต่ต้องการ ผู้นำที่กล้าแตะผลประโยชน์ กล้าเสียคะแนน และกล้ารับแรงต้าน
6. เลือกตั้งครั้งนี้ อย่าดูว่าใคร “รักชาติ”
แต่จงดูว่าใคร “รักความจริง”
คนที่รักชาติจริง
-
ต้องยอมรับปัญหา ไม่ปิดบังมัน
-
ต้องยอมให้ตรวจสอบ ไม่กลัวคำถาม
-
ต้องกล้าเปลี่ยนโครงสร้าง แม้จะกระทบพวกเดียวกัน
ถ้าคนไทยยังเลือก
จากอารมณ์
จากความกลัว
จากคำขวัญที่ฟังแล้วอุ่นใจ
เราจะได้รัฐบาลแบบเดิม
ปัญหาแบบเดิม
และอนาคตที่เลื่อนออกไปไม่รู้จบ
คำเตือนสุดท้ายจากคันฉ่องส่องไทย
ชาติไม่ได้พังเพราะศัตรูภายนอกเป็นหลัก
แต่มักพังเพราะประชาชนยอมให้คนไม่เหมาะสม
ใช้ “ชาติ” เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจไปใช้ โดยไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาชาติ และพวกนี้ก็มักใช้อำนาจแสวงประโยชน์ในกลุ่มก้อนของตน
การเลือกตั้งไม่ใช่พิธีกรรมแห่งความภักดีหรือมองนักการเมืองว่ามีบุญคุณ หรือรักชาติกว่าใคร
แต่คือ การตัดสินใจเชิงเหตุผล เพื่ออนาคตของลูกหลาน
ถ้าเรายังเลือกด้วยหัวใจอย่างเดียว
โดยไม่ใช้สมอง
ประเทศนี้จะยังถูกปกครองด้วยคำพูดที่กลวงเปล่า
ไม่ใช่ด้วยความจริง เพราะคนที่อ้างว่ารักชาติดัง ๆ นั้น เนื้อแท้มักมีน้ำลายไหลยืดซ่อนอยู่
—
คันฉ่องส่องไทย
