Monday, December 15, 2025

อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” แล้วปล่อยให้ไฟชาตินิยมเผาทั้งการทูตและประชาธิปไตย

คันฉ่องส่องไทย • เตือนภัย “เรื่องเล่า” ที่ทำให้เราอ่านเกมผิด

อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา”
แล้วปล่อยให้ไฟชาตินิยมเผาทั้งการทูตและประชาธิปไตย

เขียนในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่อยากชวนพี่น้องร่วมชาติคิดให้ลึกขึ้นอีกนิด—ก่อนที่อารมณ์จะนำเราไปไกลกว่าความจริง

เตือนสติรัฐบาลไทยและคนไทย ประเด็น: ชายแดน • เกมมหาอำนาจ • การเมืองไทย
ภาพประกอบ: เอกสารเผยแพร่ที่ถูกอ้างว่าสหรัฐหนุนกัมพูชา

เวลาบ้านเมืองมีเรื่องชายแดนหรือความตึงเครียดกับประเทศเพื่อนบ้าน ผมสังเกตอยู่เสมอว่า “เรื่องเล่า” ที่ลามเร็วที่สุด มักไม่ใช่ความจริงที่ซับซ้อน แต่เป็นคำอธิบายแบบง่าย ๆ ที่ทำให้เราโกรธได้ทันที หนึ่งในนั้นคือประโยคทำนองว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” หรือหนักขึ้นไปอีกว่า “ตะวันตกมันเล่นเรา” และหนังสืออ้างความสัมพันธ์ (ตามภาพ) ของบริษัทที่อยู่ในเมืองหลวงสหรัฐที่เสนอความช่วยเหลือต่อกัมพูชานั้น ถูกนำเสนอในทำนองนั้นอย่างจริงจังมาก

ผมไม่ได้บอกว่าเราห้ามวิจารณ์สหรัฐนะครับ ประเทศใดก็มีผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น แต่ผมอยากชวนคนไทยมองให้ตรงจุดว่า ถ้าเราเชื่อเรื่องเล่าแบบนี้แบบเหมารวม เรามีโอกาสสูงมากที่จะ อ่านเกมผิด และความเสียหายจะไม่ได้อยู่แค่เรื่องอารมณ์ในโลกออนไลน์ มันจะไปลงที่ “การทูต” และ “การเมืองในประเทศ” แบบเจ็บจริง

บางครั้งศัตรูที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ประเทศอื่น แต่คือ “เรื่องเล่า” ที่ทำให้เราใช้ความโกรธแทนเหตุผล

ก่อนอื่น ต้องแยกคำว่า “ฟัง” ออกจาก “เข้าข้าง” ให้ชัด ในโลกการทูต สหรัฐ (รวมถึงทุกมหาอำนาจ) สามารถ ฟัง เรื่องจากกัมพูชาได้ ฟังจากไทยได้ ฟังจากอีกหลายฝ่ายได้ การที่เขา “ฟัง” ไม่ได้แปลว่าเขาจะ “เข้าข้าง” ใครแบบอัตโนมัติ

ที่สำคัญ ถ้ากัมพูชาพึ่งพาจีนมากขึ้นจริง—ไม่ว่าจะด้านอาวุธหรือความร่วมมือความมั่นคง— นั่นยิ่งเป็นเหตุให้สหรัฐ ระมัดระวังการปะทุ มากขึ้น เพราะสหรัฐไม่ต้องการให้เหตุชายแดนกลายเป็นจุดที่ทำให้จีนได้พื้นที่อิทธิพลเพิ่มขึ้น ดังนั้นภาพแบบ “สหรัฐต้องเข้าข้างกัมพูชา” จึงไม่ใช่ข้อสรุปที่สมเหตุสมผลนัก ถ้าเรามองแบบผลประโยชน์ของสหรัฐเอง

อีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยเริ่มเห็นคือ “บริษัทล็อบบี้ในวอชิงตัน” หรือทีมที่รับงานด้านภาพลักษณ์/นโยบายให้รัฐบาลต่างชาติ เราต้องมองอย่างมีสติว่า ล็อบบี้ ≠ สั่งนโยบายสหรัฐ บริษัทเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยลูกค้า “สื่อสาร” “วางกรอบ” “สร้างการรับรู้” และ “เข้าถึงเครือข่าย” แต่ไม่ได้มีอำนาจวิเศษที่จะบังคับให้รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจสวนผลประโยชน์ของตัวเอง

สรุปแบบบ้าน ๆ: เขา “พยายามพูดให้คนในวอชิงตันได้ยิน” ได้ แต่เขา “สั่งให้วอชิงตันเลือกข้าง” แบบตามใจไม่ได้

แล้วทำไมเรื่องเล่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” ถึงอันตรายเป็นพิเศษในไทย? เพราะในไทยเรามีกลุ่มความคิดต้านตะวันตก/เกลียดชังอเมริกาอยู่จริง และความคิดแบบนี้มักถูกนำมา “เติมไฟ” ได้ง่ายมากในยามวิกฤต พอไฟติด สิ่งที่ตามมาคือการถกเถียงเชิงเหตุผลจะถูกไล่ให้ถอยไปอยู่มุมมืด เหลือแต่เสียงดังกับการกล่าวหา

ตรงนี้เองที่ผมอยากเตือนรัฐบาลไทยและคนไทยทั่วไป: เรื่องเล่าแบบนี้มัน เอื้อ ต่อวาระการเมืองภายในอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนต้องการรวบอำนาจ หรืออย่างน้อยต้องการ “กลบกระแสประชาธิปไตย” ก่อนการเลือกตั้ง เพราะเมื่อปลุกชาตินิยมสำเร็จ การตรวจสอบรัฐบาลจะถูกตีตราเป็น “ไม่รักชาติ” การวิจารณ์ผู้มีอำนาจจะถูกมองเป็น “ทำลายความมั่นคง” และสุดท้ายประชาชนจะถูกบังคับให้เลือกข้างด้วยอารมณ์แทนหลักการ

อย่าปล่อยให้ “ศัตรูภายนอก” ถูกใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อปิดปาก “คำถามภายใน” ที่สำคัญกว่า

ในเกมมหาอำนาจ จีนและสหรัฐอาจไม่ได้อยากเห็นสงครามลุกลามจริง แต่มหาอำนาจทุกฝ่ายย่อมใช้ “ข้อมูล” “ภาพจำ” และ “อิทธิพล” เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง ฉะนั้น ประเทศที่จะเสียเปรียบที่สุด คือประเทศที่ปลืน “เรื่องเล่าง่าย ๆ” เข้าไป แล้วปล่อยให้อารมณ์ในประเทศกำหนดท่าทีทางการทูต

ผมอยากให้รัฐบาลไทยยึดสิ่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางเสมอ: ความชอบธรรมและข้อมูล พูดให้น้อยแต่ชัด ทำให้มากแต่สุขุม ไม่ใช่ปล่อยให้การสื่อสารแบบประชดประชันหรือการปลุกอารมณ์พาเราไปไกลกว่าหลักการ

คำเตือนถึงคนไทยแบบตรง ๆ: วิจารณ์สหรัฐได้ วิจารณ์ใครก็ได้ แต่โปรดอย่าให้ความโกรธทำให้เราหลงว่า “การฟัง” คือ “การเข้าข้าง” และอย่าปล่อยให้ไฟชาตินิยมถูกใช้เป็นเครื่องมือกลบประชาธิปไตย

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าความรักชาติที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่การตะโกนดังที่สุด แต่คือการยืนให้มั่นบนเหตุผล และไม่ให้ใครใช้วิกฤตชายแดนมาเป็นบันไดทางการเมือง เพราะถ้าเราพลาด เราอาจเสียพร้อมกันสองอย่าง— เสียพื้นที่บนเวทีสากล และ เสียพื้นที่ประชาธิปไตยในบ้านเราเอง

ระบอบไม่สำคัญจริงหรือ? เมื่อ “คนดี” ถูกยกให้แทนกติกา

คันฉ่องส่องไทย ข้อคิดจากบทเรียนการเมืองโลก—ย้อนมองสังคมไทยแบบไม่เลือกข้าง แต่เลือกหลักการ บทความนี้สังเคราะห์จากการศึกษาเชิงเปรียบเทียบเรื่อ...