Thursday, February 25, 2016

อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 25 ก.พ. 2559 ตอน พระเทพ พบฮุนเซน และ ดร. ทักษิณ ออกจากถ้ำ????

อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 25 ก.พ. 2559 ตอน พระเทพ พบฮุนเซน และ ดร. ทักษิณ ออกจากถ้ำ????
https://youtu.be/XcFsMsdyGBo หรือ
https://youtu.be/BOd-1KqLkQM
รายการทางออกประเทศไทย อ,ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ วันที่ 25 -02-16 ตัดต่อแล้ว http://www.mediafire.com/listen/8fnc5xahmc587ty/chupong-usa-25-02-16.mp3 
https://www.youtube.com/watch?v=Nsum7fqaGjc&feature=youtu.be ตอนสถานการณ์พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์ สอบถาม สถานะการณ์ ทางการเมืองไทย ไม่เกรงใจ คสช บิก๊จ๋ีว ออกมาติว พิเศษ เรื่อง รัฐธรรม กับเรื่อง ประชาธิปไตย ๒ป. กับ ๓ ป.ใครแน่กว่ากัน ฆ่ากันหรือหลอก

----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ตอนสถานะการณ์ พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์

หลวงตาชูพงศ์ ณ บัดนาว
https://youtu.be/vpCwUZPAhiw
หรือ
https://youtu.be/xr8JZiT4GRg

ตอนสถานะการณ์ พิเศษ พระเทพฯ พบฮุนเซน ทักษิณ ออกจากออกจากถ้ำ เปิดสัมภาษณ์ สื่อต่าง ประเทศ สามวันติดๆกัน UN ส่งผู้แทนเข้าพบยิ่งลักษณ์ สอบถาม สถานะการณ์ ทางการเมืองไทย ไม่เกรงใจ คสช บิก๊จ๋ีว ออกมาติว พิเศษ เรื่อง รัฐธรรม กับเรื่อง ประชาธิปไตย ๒ป. กับ ๓ ป.ใครแน่กว่ากัน ฆ่ากันหรือหลอก เรียกเรตติ้ง เวลาสามทุม่เมืองไทย

หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง



หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุดของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนาและการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือ ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ

สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)

สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ
(วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ

ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง

หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)

เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง

แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน

เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด

สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด

ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn

ดร. เพียงดิน รักไทย
25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554)

หัวใจสำคัญของแนวทางปฏิวัติมดแดงล้มช้าง



หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุดของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนาและการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือ ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง

สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ

สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)

สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ
(วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้าง ให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ

ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบัน ต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง

หก เป้าหมายของการปฏิวัติ เป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามภาววิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อ สาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)

เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการสังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศ บนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง

แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน

เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภาววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด

สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชนเป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด

ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn

ดร. เพียงดิน รักไทย
25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554)

Wednesday, February 24, 2016

รอยเตอรส์: อิทธิพลของนายกทักษิณมีสัญญาณแผ่ว

http://www.reuters.com/article/us-thailand-politics-thaksin-idUSKCN0VX0PA

Ousted Thai PM Thaksin's influence shows signs of waning
รอยเตอรส์: อิทธิพลของนายกทักษิณมีสัญญาณแผ่ว Hmmmm.... มีสัมภาษณ์คุณธิดาด้วย และสัญญาณแปร่ง ๆ ชอบกลครับ

"ทำยังไงประชาชนจึงจะลุกขึ้นสู้พร้อมๆกัน ก่อนมันจะสายคะ?"

"ทำยังไงประชาชนจึงจะลุกขึ้นสู้พร้อมๆกัน ก่อนมันจะสายคะ?"
https://www.youtube.com/watch?v=xx7ToGsT2i8

ดร. เพียงดิน 27 ธ.ค. 2558 ตอน การ "สิ้นชาติ" แบบซีเรีย จะเกิดกับไทยได้ไหม?  ทำไงดี??
https://youtu.be/fGSK3SmWdbE
หรือ
https://youtu.be/OblFuNhUt7A

Tuesday, February 23, 2016

เปิดปาก "พยานปากเอก" ไขปมศพเกลื่อนที่กรือเซะ "ขบวนการหลอกชาวบ้าน แล้วทหารถูกใครหลอก?

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304592749&grpid=01&catid&subcatid

วันที่ 06 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:30:00 น.

โศกนาฏกรรมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เหตุการณ์กรือเซะ" ซึ่งก่อความสูญเสียชีวิตผู้คนและเจ้าหน้าที่รัฐรวม 108 ชีวิตนั้น จนถึงวันนี้ยังคงเป็นปริศนาดำมืดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุใดวัยรุ่นและชายฉกรรจ์มุสลิมนับร้อยคนซึ่งส่วนใหญ่มีเพียง "มีด" กับ "กริช" จึงกล้าบุกเข้าโจมตีป้อมจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ซึ่งมีอาวุธครบมือ

 

และเหตุใดจึงมีการ "ตายหมู่" ที่มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์อิสลามในดินแดนปลายสุดด้ามขวานเขตประเทศไทย โดยคำตอบของคำถามดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเป็นแค่ลักษณะกำปั้นทุบดินที่ว่า "เพราะทหารยิงอาวุธหนักเข้าไป" แต่สิ่งที่น่าค้นหาคือทำไมสถานการณ์จึงประจวบเหมาะและจบลงตรงสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งนั้น


การสืบเสาะค้นหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์มีมาตลอดหลายปีทั้งจากฝ่ายความมั่นคงเอง และคณะกรรมาธิการวิสามัญบางชุดของวุฒิสภา ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงนั้นเชื่อว่าเป็นความพยายามของกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนวาดแผนการนี้ขึ้นและจงใจให้เกิดความสูญเสียขนาดใหญ่ เพื่อยกประเด็นแบ่งแยกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รัฐปาตานีในอดีต) ขึ้นสู่เวทีนานาชาติ


ขณะที่ฝ่ายกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาบางท่าน (ปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) ซึ่งเคยลงพื้นที่ไต่สวนเรื่องนี้เห็นว่า เป็นการวางแผนของฝ่ายความมั่นคงที่รู้ข้อมูลการข่าวมาก่อนล่วงหน้า แต่จงใจให้เกิดการปะทะ โดยเชื่อว่าจะสามารถกวาดล้างขบวนการที่มีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนได้ทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่


อย่างไรก็ดียังมีข้อมูลจากบุคคลในพื้นที่อีกหลายชุดที่อาจจะยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ซึ่งจะเรียกว่าเป็น "พยานปากเอก" ก็น่าจะได้ เพราะเขารอดชีวิตโดยบังเอิญจากความรุนแรงที่ไม่แน่ชัดว่าฝ่ายใด "จัดฉาก" ให้เกิดขึ้น

เปิดปาก "พยานปากเอก"


มิง (นามสมมติ) ชายหนุ่มวัยใกล้ 30 ปี คือบุคคลที่เรากำลังพูดถึง เขายืนยันว่ารอดชีวิตจากเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ เพราะไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุตามนัด!


เรื่องราวของมิงเป็นที่รับรู้กันในวงแคบ คือเฉพาะตัวเขากับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ เขาต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา กระทั่งเวลาล่วงผ่านมานานปี ในวาระครบรอบ 7 ปีเหตุการณ์กรือเซะ เขาจึงยอมเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเป็นครั้งแรกเพื่อบอกเล่าความจริงบางด้านของเหตุการณ์ร้ายในครั้งนั้นที่เขา(เกือบ) เคยมีส่วนร่วม


 

"จริงๆ ผมน่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ หากวันนั้น (วันที่ 28 เมษาฯ 2547) ผมไม่มีปัญหาทางบ้านพอดี" มิงเริ่มต้นเรื่องราวของเขาด้วยภาษามลายูถิ่น


 

มิง เล่าว่า ช่วงปี 2547 เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา เขาต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี จึงเลือกเข้าเรียนกะเช้า เพื่อจะได้มีเวลาทำงานในตอนเย็น


"ช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าห้อง ทุกๆ สัปดาห์อุสตาซ (ครู) จะเรียกหัวหน้าห้องทุกห้องไปประชุม ทุกครั้งที่มีการประชุมกัน อุสตาซจะให้หัวหน้าห้องทุกห้องหาเด็กในห้องของตนเองมาเข้าร่วมประชุมด้วย 5 คน โดยเน้นว่าต้องเป็นเด็กดี เรียนเก่ง ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าอุสตาซให้หาเด็กมาทำอะไร เพราะเขาบอกเพียงว่ามาทำฮิดายะห์ (นำทาง หรือการชี้นำ) ผมก็นึกว่าเป็นการอบรมธรรมดาทั่วไป"


 

"ทุกครั้งที่เด็กมาร่วมประชุม อุสตาซจะบรรยายเรื่องประวัติศาสตร์ของรัฐปาตานีในอดีต จากนั้นก็จะพูดให้เกลียดชังคนนอกศาสนาและเจ้าหน้าที่รัฐ สัปดาห์หนึ่งจะนัดไปฟังบรรยาย 5 วัน โดยผู้ที่มาบรรยายไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ไม่มีนักเรียนรู้จัก"


มิง เล่าต่อว่า เมื่อเสร็จจากการอบรม หรือ "ฮิดายะห์" แล้ว อุสตาซก็จะนัดพวกนักเรียนให้ไปอบรมต่อตามมัสยิดในพื้นที่ต่างๆ โดยผู้บรรยายจะเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนหัวข้อบรรยายไปเรื่อยๆ เช่น ความรุ่งเรืองของรัฐปาตานีในอดีต, ความเกลียดชังคนไทยพุทธ, ความอยุติธรรมของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อคนมลายู


"บรรยากาศตอนบรรยายจะนั่งฟังร่วมกับชาวบ้าน ในมัสยิดเงียบกริบ ไม่มีเสียงอื่นใดเลยนอกจากเสียงของผู้บรรยาย คนที่เข้าร่วมอบรมจะนั่งฟังด้วยความตั้งใจ สนใจ บางคนถึงกับหน้าแดงร้องไห้ บางคนก็แสดงอาการโกธรเกลียดรัฐและคนนอกศาสนา"


มิง บอกว่า หลังจากเดินสายฟังบรรยายได้ประมาณ 2 เดือน ก็เริ่มเข้าสู่การฝึกอบรมขั้นต่อไป


"อุสตาซนัดให้ผมกับเพื่อนนักเรียนไปรวมกันที่ชายทะเลแถวๆ อ.เทพา จ.สงขลา และ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อทดสอบร่างกาย โดยครั้งแรกครูที่เป็นคนฝึกจะให้วิ่งจับเวลา จากนั้นจะฝึกหลายอย่างมาก มีการฝึกใช้อาวุธโดยใช้ไม้แทนปืนด้วย ฝึกอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อฝึกเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนนั้นผมเริ่มรู้ข้อมูลว่ามีการฝึกกันแบบนี้มาหลายรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ากี่รุ่น รู้แต่เพียงว่ารุ่นของผมเป็นรุ่นสิบกว่าๆ"


และแล้วก็ถึงวันสำคัญซึ่งกลุ่มนักเรียนที่ผ่านการฝึกอบรมไม่มีใครรู้ล่วงหน้า...


"ช่วงก่อนวันที่28 เมษาฯ อุสตาซก็นัดเด็กนักเรียนไปรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่ง (มิงไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นที่ไหน) ผมกับเพื่อนๆ ก็เดินทางไปตามนัด เมื่อไปถึงก็เจอผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนบาบอ (ครูสอนศาสนาชั้นผู้ใหญ่) จากนั้นชายคนนี้ก็เรียกให้ทุกคนไปนั่งร่วมประชุม ซึ่งมีคนไปประมาณร้อยกว่าคน เสร็จแล้วก็ให้ท่องบทสวดเป็นภาษาอาหรับ 3 บท ตอนที่ท่องบทสวดนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองใหญ่กว่าคนอื่น เห็นคนอื่นเล็กไปหมด คิดว่าทุกคนที่ไปร่วมพิธีก็รู้สึกแบบเดียวกัน ใครพูดไม่ถูกหูก็จะเข้าไปบีบคอทันที ไม่กลัวใครเลย ยิ่งเห็นทหาร ตำรวจจะเข้าไปบีบคอให้ได้ จากนั้นก็มีการพูดปลุกระดมเรื่องรัฐปาตานีอีก"


"ต่อมาวันที่ 27 เมษาฯ ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน อุสตาซคนเดิมได้นัดให้ไปรวมตัวกันที่น้ำตกแห่งหนึ่งในพื้นที่ โดยกลุ่มของผมไปกัน 20 คน เมื่อไปถึงที่หมายก็ตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนที่มาประชุมคราวนี้มีมากกว่าที่ผ่านๆ มา จากที่ได้สอบถามเพื่อนทั้ง 20 คนที่มาด้วยกัน ไม่มีใครรู้จักคนอีกหลายร้อยที่กำลังเข้าร่วมประชุมในคืนนั้นเลย"


มิงเล่าอีกว่า คืนนั้นได้พบกับบาบอคนเดิม และก็มาปลุกระดมเหมือนกับทุกครั้ง เรื่องที่พูดก็เป็นข้อมูลเชิงลบของรัฐ คนนอกศาสนา และตำรวจ ทหาร ขณะที่เขานั่งฟังอยู่อย่างสงบ ก็มีโทรศัพท์จากทางบ้านตามตัวให้เขากลับบ้านด่วน


"จู่ๆ ที่บ้านก็โทร.มา บอกว่ามีปัญหาให้กลับด่วน ผมจึงชวนเพื่อนอีกคนให้กลับด้วยกัน อุสตาซก็ไม่ว่าอะไร เพราะคนเยอะมาก และไม่รู้เรื่องอีกเลยว่าที่น้ำตกแห่งนั้นในคืนนั้นเขาทำอะไรกันต่อ"


มิงบอกว่า เขามาได้ข่าวเกี่ยวกับเพื่อนๆ ที่ไปร่วมประชุมวันนั้นในอีก 1 วันถัดมาว่ามีหลายคนเสียชีวิต


"เพื่อนสิบกว่าคนที่ร่วมประชุมด้วยกันที่น้ำตกไปตายในวันที่ 28 เมษาฯ ตายที่ อ.สะบ้าย้อย (จ.สงขลา) 3 คน (เป็นนักกีฬาทีมฟุตบอลเยาวชน) ส่วนที่เหลือตายที่มัสยิดกรือเซะ ทีแรกเพื่อนที่กลับมาด้วยกันมาบอก ผมไม่เชื่อ หาว่าเขาโกหก เลยชวนกันไปดู แทบล้มทั้งยืนเลย เพราะในใจรู้แล้วว่าถูกหลอก แต่ไม่รู้ว่าใครหลอก รู้แต่ว่าถูกหลอกแน่นอน หลอกให้เกิดเรื่องแบบนี้ และมีการตายเกิดขึ้น ถือว่าโชคเข้าข้างผม ไม่อย่างนั้นก็คงต้องตายเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มอย่างแน่นอน"


ทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 7 ปีแล้ว แต่มิงบอกว่ายังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นได้ดี เมื่อครบรอบเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯในแต่ละปี เขาจะมานั่งคิดย้อนไปถึงช่วงนั้นว่าเขากับเพื่อนๆ ไปทำอะไรกัน โดยเฉพาะการประชุมที่น้ำตกในคืนก่อนวันที่ 28 เมษาฯ


"มันเป็นอะไรที่ลืมยากมาก เพื่อนต้องเจอจุดจบเพราะถูกหลอก เพราะรู้ไม่ทันคน"


แม้จะรู้ว่าถูกหลอก แต่เครื่องหมายคำถามก็ยังมีอยู่มากมายในหัวใจของมิง...


"ผมกับอีกหลายคนที่รอดชีวิตจากวันนั้นได้มานั่งถามกันเองว่าถูกใครหลอกกันแน่ เพราะบาบอและอุสตาซที่มาปลุกระดมก็หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตาย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐเองก็รู้ทัน แม้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีการสับเปลี่ยนกำลัง ผมเลยไม่รู้ว่าการตายครั้งนั้นเกิดจากกลุ่มขบวนการหลอกหรือเจ้าหน้าที่รัฐหลอกกันแน่" มิงตั้งคำถามทิ้งท้าย


คำถามอันแหลมคมของมิง จะว่าไปก็เป็นคำถามที่กรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาบางท่านเคยตั้งมาแล้วว่าฝ่ายความมั่นคงน่าจะรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่28 เมษาฯ แต่ทำไมถึงเลือกใช้วิธีการในลักษณะกวาดล้าง หรือเพราะประเมินว่ากำลังคนของฝ่ายก่อความไม่สงบน่าจะมีอยู่เท่านี้


ทว่าสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเหตุการณ์วันที่ 28 เมษาฯ โดยเฉพาะที่มัสยิดกรือเซะนั้น ได้กลายเป็นการสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เกิดการปลุกปั่นปลุกระดมและความแค้น มีเครือข่ายแนวร่วมก่อความไม่สงบขยายวงกว้างมากขึ้นจนเหตุการณ์ความไม่สงบบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน


ฉะนั้นหากเด็กหนุ่มอย่างมิงและเพื่อนๆของเขาถูกคนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนหรืออ้างว่ามีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนหลอกเพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง คำถามที่รัฐต้องตอบก็คือ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะฝ่ายทหารที่ปฏิบัติการในวันนั้นถูกใครหลอก...


ใครกันที่ทำให้เหตุการณ์กรือเซะกลายเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล และเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟใต้คุโชน?


( เรื่อง / ภาพ ทีมข่าวอิศรา     )

Monday, February 22, 2016

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วนอ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก 23 ก.พ. 2559 ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน 23 ก.พ. 2559 ตอน 2 (กับ ป้าหนิง) ตอนระวังเผด็จการราชามันหลอก
หรือ
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Sunday, February 21, 2016

อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน ๒๒ กพ ๒๕๕๙ ตอน ระวังเผด็จการราชามันหลอก

.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน  ๒๒ กพ ๒๕๕๙   ตอน ระวังเผด็จการราชามันหลอก  

https://youtu.be/ayvjXW9QaWM หรือ

https://youtu.be/DF1SX_E3ssM

และ https://youtu.be/0zSGcQgtAeA (สถานีหลวงตาชูพงศ์)

บ้านเมืองจะสงบได้ต้อง.... (ความเห็นจากไลน์)

คสช.ยึดอำนาจมาเพื่อแก้ปัญหาการแตกแยก และปราบทุจริต แต่เกือบสองปีแล้ว ทุจริตก็แก้ไม่ได้แถมมีข่าวคราวพวกเดียวกันทุจริตเสียเอง ส่วนการเรื่องการปรองดองไม่ต้องพูดถึงเพราะที่ผ่านมาดูเหมือนจะแตกแยกมาขึ้นดังจะเห็นได้ชัดเจนจากกรณีความแตกแยกร้าวลึกเข้าไปในวงการสงฆ์ สาเหตุก็เพราะประเทศเราขณะนี้ขาดคนกลางที่เชื่อถือได้ การกระทำของคสช.ที่ผ่านมาก็เห็นว่าเลือกข้างอย่างชัดเจน แล้วบ้านเมืองจะสงบได้อย่างไร

บ้านเมืองจะสงบได้ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนและต้องยึดหลัก ปชตกับหลักการเคารพสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องเท่าเทียมเสมอภาพกัน มีเสรีภาพสมบูรณ์มีอะสระภาพบริบูรณ์. มีความยุติธรรมให้ทุกฝ่ายทุกคนโดยไม่เลือกปฎิบัติ เพื่อพัฒนาประเทศชาติไปสู่ความสุขดังใจทุกคนปราถนา

อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” แล้วปล่อยให้ไฟชาตินิยมเผาทั้งการทูตและประชาธิปไตย

คันฉ่องส่องไทย • เตือนภัย “เรื่องเล่า” ที่ทำให้เราอ่านเกมผิด อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” แล้วปล่อยให้ไฟชา...