ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Thursday, September 18, 2025

ยุทธศาสตร์ “ทวงคืนบากรัม” กับภูมิรัฐศาสตร์สหรัฐ-จีน-รัสเซีย


ทรัมพ์ประกาศในแถลงข่าวร่วมกับนายกฯ สตาร์เมอร์ว่าสหรัฐฯ “กำลังพยายามเอาฐานบากรัมคืน” โดยชูเหตุผลด้านระยะใกล้จีนและศักยภาพยุทธศาสตร์ของฐานนี้ หลังการถอนทัพปี 2021 ที่ปล่อยให้ตาลีบันยึดครองไป (ไม่มีรายละเอียดเรื่องการคุยกับตาลีบัน)    บากรัมเคยเป็นหัวใจปฏิบัติการของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน และถูกทิ้งในกรกฎา 2021 ตามกรอบข้อตกลง “โดฮา” ปี 2020 ที่เปิดทางสู่การถอนกำลังเต็มรูปแบบภายใน 14 เดือนและการปล่อยนักโทษตาลีบัน 5,000 คน (ข้อตกลงไม่พูดถึงการคงบากรัม) 

เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ชู

  • ทำเล/ระยะต่อจีน: บากรัมอยู่ไม่ไกลพรมแดนจีนบริเวณซินเจียงผ่าน “วาคานคอร์ริดอร์” (พรมแดนจีน-อัฟกานิสถานยาว ~92 กม.) ช่วยเพิ่มมิติข่าวกรอง/ข่มขวัญต่อทรัพย์สินยุทธศาสตร์ของจีนแถบนี้ เมื่อเทียบฐานสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิกที่ไกลกว่าอย่างมาก 

  • สกัด BRI/CPEC: จีนผลักดันเหมือง-โครงสร้างพื้นฐานในอัฟกานิสถาน และการต่อขยาย CPEC เชื่อมกวาดาร์-เอเชียกลาง หากสหรัฐฯ มีจุดยืนทางทหาร/ข่าวกรองในอัฟกานิสถาน จะเพิ่มอำนาจต่อรองต่อเส้นทางบกของจีน-ปากีสถาน 

  • คานรัสเซียในเอเชียกลาง: รัสเซียยังมีอิทธิพลความมั่นคงในเอเชียกลางผ่านเครือข่ายฐาน/พันธมิตรเดิม การกลับไปยืนใกล้ “หลังบ้าน” ของ CSTO จะเพิ่มแต้มต่อเชิงภูมิรัฐศาสตร์ให้วอชิงตัน (ท่ามกลางข้อจำกัดหลังปิดฐานคีร์กีซฯ/อุซเบกิสถานไปก่อนหน้า) 

ข้อจำกัด/อุปสรรคใหญ่

  1. อธิปไตยของตาลีบัน: จะกลับไปได้ต้องได้ “ยินยอม” โดยปริยายหรือกรอบข้อตกลงใหม่กับตาลีบัน (ซึ่งกำลังใกล้ชิดจีนมากขึ้น) มิฉะนั้นเสี่ยงเป็นการละเมิดอธิปไตยและจุดชนวนความไม่สงบรอบใหม่ 

  2. การเมืองภูมิภาค: ปากีสถาน (CPEC), จีน (ความมั่นคงซินเจียง/เหมือง), รัสเซีย (อิทธิพลในเอเชียกลาง), อิหร่าน (ชายแดนตะวันตก) ล้วนเป็น “วีโต้เพลเยอร์”

  3. โลจิสติกส์/เส้นทางส่งกำลัง: สหรัฐฯ ไม่มีฐานแนวหน้าในเอเชียกลางแล้ว การคงกำลังที่บากรัมต้องพึ่งเส้นทางบิน/บกผ่านปากีสถานหรือรัฐเอเชียกลาง—เสี่ยงถูก “ปิดคอขวด” ได้ทุกเมื่อ 

  4. ต้นทุนทางการเมือง: ภาพจำการถอนตัวปี 2021 และเหตุระเบิด Abbey Gate ทำให้การ “รีเอ็นทรี” ต้องอธิบายต่อสาธารณะอย่างหนักว่าคุ้มความเสี่ยง/ค่าใช้จ่ายหรือไม่ (ทรัมพ์ใช้ประเด็นนี้โจมตีไบเดนอยู่แล้ว) 


ฉากทัศน์ (3–4 แบบ ที่อาจจะเกิดขึ้น)

ฉากทัศน์ A: ดีลจำกัดกับตาลีบัน (“Bagram-lite”)

สหรัฐฯ ไม่ปักธงเต็มรูปแบบ แต่ได้สิทธิใช้งานบางส่วน: จุดเติมเชื้อเพลิง/ข่าวกรอง/โดรน แลกกับผ่อนคลายคว่ำบาตร/ความช่วยเหลือเศรษฐกิจ ตาลีบันรักษาหน้า-จีนยอมได้บางระดับถ้าคุมเงื่อนไขต่อต้านกลุ่มติดอาวุธในซินเจียงเข้มข้นขึ้น 


ฉากทัศน์ B: “ฐานร่วมมนุษยธรรม-ต่อต้านก่อการร้าย” หลายฝ่าย

กรอบพหุภาคีผ่านยูเอ็น/โอไอซี ใช้บากรัมเป็นฮับช่วยเหลือมนุษยธรรม-CT เฉพาะกิจ ลดธงชาติสหรัฐฯ ให้เป็น “นานาชาติ” ลดแรงเสียดทาน แต่ประสิทธิภาพด้านข่าวกรอง/ข่มขวัญจีน-รัสเซียจะลดลง


ฉากทัศน์ C: ไม่ได้ฐาน แต่ได้ “สิทธิบิน/สิทธิข่าวกรอง”

สหรัฐฯ ได้ corridor การบิน/การเข้าถึงทรัพย์สินข่าวกรองในอัฟกานิสถาน-ปากีสถานแทนการกลับไปตั้งฐานจริง ผลเชิงยุทธศาสตร์ปานกลางแต่เสี่ยงน้อยกว่า


ฉากทัศน์ D: ชนวนปะทุ

จีน-ปากีสถาน/รัสเซียใช้แรงกดดันรวม (การทูต-เศรษฐกิจ-ข่าวสาร) ให้ตาลีบัน “ห้าม” สหรัฐฯ กลับฐาน ทำให้วอชิงตันต้องถอยไปใช้ฐานห่างไกลเดิม และหันไปเพิ่มแรงกดในอินโด-แปซิฟิกแทน


ตัวชี้วัดที่ต้องจับตา (What to watch)

  • สัญญาณ “ช่องทางลับ” สหรัฐฯ-ตาลีบัน (เชิงดีลผ่อนคว่ำบาตร/ปล่อยตัว/แลกข่าวกรอง) 

  • ความคืบหน้า CPEC-Afghanistan และโครงการจีน (เช่น เหมือง Mes Aynak, เครือข่ายถนน-ทางรถไฟ Gwadar-Termez) ซึ่งยิ่งคืบ สหรัฐฯ ยิ่งมีแรงจูงใจกลับไปคานอิทธิพล 

  • ท่าทีรัสเซีย-จีนต่อ “สถานะทางกฎหมาย” ของกองกำลังต่างชาติในอัฟกานิสถาน (แรงกดดันผ่าน SCO/CSTO)

  • สัญญาณจากเพนตากอนเรื่องโลจิสติกส์: เส้นทางบิน, สิทธิ์ผ่านน่านฟ้า, ขีดความสามารถโดรน/ISR ระยะไกลแทนการตั้งฐาน

เราอาจสรุปได้ว่า การ“ทวงคืนบากรัม” คือการทวง “เลเวอเรจภาคพื้น” ใกล้ซินเจียง-เอเชียกลาง เพื่อกดดัน BRI/CPEC และคานอิทธิพลรัสเซีย แต่กุญแจเปิดประตูชื่อ ตาลีบัน—และเบื้องหลังคือ จีน-ปากีสถาน-รัสเซีย ที่ถือสิทธิยับยั้งทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่ หากเกิดขึ้นจริง โฉมหน้าความมั่นคงแถบเอเชียกลางจะเปลี่ยนทันที; หากไม่สำเร็จ สหรัฐฯ น่าจะหันไป “ทางเลือกกึ่งไฮบริด” คือสิทธิข่าวกรอง-การบิน และเสริมแรงกดทางทะเล/อากาศฝั่งอินโด-แปซิฟิกควบคู่กันไป

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.