2549 (ค.ศ. 2006)
-
8 พ.ค. 2549 — คำวินิจฉัยให้ “การเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549” เป็นโมฆะ
เหตุผลหลัก: การจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาค/เป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ และมีปัญหาการจัดคูหาที่เปิดให้สังเกตหมายเลขได้ เป็นต้น (นำไปสู่วิกฤตทางการเมืองต่อเนื่องในปีเดียวกัน).
2550 (ค.ศ. 2007) —
คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ
-
30 พ.ค. 2550 — “ยุบพรรคไทยรักไทย” และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหาร 111 คน 5 ปี
คดีมาจากการทุจริตเลือกตั้ง/จ้างพรรคเล็กในการเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549; พรรคประชาธิปัตย์ “รอด” ไม่ถูกยุบในคดีเดียวกัน.
2551 (ค.ศ. 2008)
-
9 ก.ย. 2551 — ให้ “สมัคร สุนทรเวช” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เหตุ: มีสัญญาจ้างทำรายการโทรทัศน์ (ถือเป็นลูกจ้างเอกชน ขัดคุณสมบัติ).
-
2 ธ.ค. 2551 — “ยุบพรรคพลังประชาชน, ชาติไทย, มัชฌิมาธิปไตย”
เหตุ: ทุจริตเลือกตั้ง/คดีเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค—ทำให้นายกฯ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” พ้นตำแหน่งโดยผลของคำวินิจฉัย.
2553 (ค.ศ. 2010)
-
ปลาย พ.ย.–ต้น ธ.ค. 2553 — “ยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์”
มติ 4–2 เหตุผลสำคัญ: ขั้นตอน/กำหนดยื่นคำร้องไม่ชอบ (พ้นกำหนด 15 วัน) จึงไม่วินิจฉัยประเด็นอื่น.
2555 (ค.ศ. 2012)
-
13 ก.ค. 2555 — คำวินิจฉัยที่ 18–22/2555 (คดีแก้รัฐธรรมนูญ ม.291/ม.68)
ศาลยกคำร้อง “ล้มล้าง” แต่ “วางหลัก” ว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต้องผ่านประชามติ/ขั้นตอนที่เหมาะสมก่อน (เป็นจุดเริ่มของแนวทาง “ต้องมีประชามติ” หากจะยกร่างใหม่ทั้งฉบับ).
2556 (ค.ศ. 2013)
-
20 พ.ย. 2556 — แก้ที่มา “วุฒิสภาเลือกตั้งทั้งหมด” ขัดรัฐธรรมนูญ
ศาลชี้กระบวนการตราและเนื้อหาแก้ไขไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (วุฒิสภาควรมีที่มาหลากหลาย/ตรวจถ่วงดุล).
2557 (ค.ศ. 2014)
-
21 มี.ค. 2557 — “โมฆะการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557”
ให้เหตุผลว่าไม่สามารถจัดให้ลงคะแนน “วันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร” ได้ และการจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ.
-
7 พ.ค. 2557 — ให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เหตุ: โยกย้ายเลขาธิการ สมช. (นายถวิล เปลี่ยนศรี) โดยมิชอบ ขัดหลักคุณธรรม/มาตรฐานจริยธรรม.
2562 (ค.ศ. 2019)
-
7 มี.ค. 2562 — “ยุบพรรคไทยรักษาชาติ”
เหตุ: เสนอชื่อทูลกระหม่อมอุบลรัตนฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ขัดหลักการปกครอง/สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ.
-
11 ก.ย. 2562 — ไม่รับคำร้อง “ถวายสัตย์ไม่ครบ” (นายกฯ ประยุทธ์)
ศาลชี้เป็นเรื่องการเมือง/อยู่นอกอำนาจวินิจฉัยของศาล.
-
18 ก.ย. 2562 — วินิจฉัย “ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช. ไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”
จึงไม่ติดลักษณะต้องห้าม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้.
-
20 พ.ย. 2562 — วินิจฉัย “ธนาธร” ขาดคุณสมบัติ ส.ส. (ถือหุ้นสื่อ V-Luck Media ณ วันสมัคร) พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.
2563 (ค.ศ. 2020)
-
21 ก.พ. 2563 — “ยุบพรรคอนาคตใหม่” + แบนกรรมการบริหาร 10 ปี
เหตุ: เงินกู้จากหัวหน้าพรรคเป็น “เงินบริจาคเกินเพดาน/แหล่งที่มาไม่ชอบ” ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง.
-
2 ธ.ค. 2563 — คดีบ้านพักทหารของ “ประยุทธ์”
วินิจฉัย “ไม่ผิด” — อยู่บ้านพักทหารได้ ไม่ขัดข้อห้ามรับประโยชน์.
2564 (ค.ศ. 2021)
-
10 พ.ย. 2564 — คำวินิจฉัยที่ 19/2564
ชี้ว่า “ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ” ของแกนนำชุมนุม 10 สิงหา 2563 เข้าข่าย “ล้มล้างการปกครอง” และสั่ง “งดกระทำ” การดังกล่าว.
2565 (ค.ศ. 2022)
-
24 ส.ค. 2565 — ศาลรับคำร้อง “ครบ 8 ปี” และ “สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่” ชั่วคราว (ประยุทธ์);
30 ก.ย. 2565 — วินิจฉัยนับวาระ 8 ปีตั้งแต่ 6 เม.ย. 2560 (รัฐธรรมนูญ 2560 มีผล) จึงยังดำรงตำแหน่งต่อได้จนถึงปี 2568.
2566–2567 (ค.ศ. 2023–2024)
-
24 ม.ค./3 เม.ย. 2567 — คดีหุ้นสื่อ iTV ของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
ศาลวินิจฉัยว่าไม่เป็น “สื่อ” ตามข้อห้ามในวันสมัคร ส.ส. (ยกคดี/ไม่ผิด).
-
31 ม.ค. 2567 — สั่ง “พรรคก้าวไกล” ยุติการผลักดันแก้ ม.112
เหตุถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ (มาตรา 49) — คำสั่ง “ให้หยุดกระทำ”.
-
7 ส.ค. 2567 — “ยุบพรรคก้าวไกล” + แบนผู้บริหาร 10 ปี
สืบเนื่องจากคดี 31 ม.ค. 2567 ข้างต้น.
-
14 ส.ค. 2567 — ให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เหตุ: แต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม/ขัดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง (มติ 5–4).
2568 (ค.ศ. 2025)
-
29 ส.ค. 2568 — ให้ “แพทองธาร ชินวัตร” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เหตุหลัก: พฤติการณ์ขัดจริยธรรมร้ายแรงจากกรณีโทรศัพท์คุยกับ “ฮุน เซน” (มติ 6–3) — ศาลเห็นว่าไม่เหมาะสมต่อประโยชน์ชาติในภาวะวิกฤตชายแดน.
-
10 ก.ย. 2568 — วางหลัก “ทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติ 3 ครั้ง” ให้ประชาชนเห็นชอบ “จะยกร่างใหม่ทั้งฉบับหรือไม่”; 2) เห็นชอบ “ที่มา/องค์ประกอบ ส.ส.ร.”; 3) เห็นชอบ “ร่างฉบับสุดท้าย” ก่อนประกาศใช้. (เสียงข้างมาก 5–2 / รายงานข่าวระบุ 6–1 ในบางสำนัก).
กรณี “ฮั้ว สว.” ที่เป็นข่าวล่าสุด
-
คดี “ภูมิธรรม - ทวี”
คำร้องกล่าวหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าแทรกแซงฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยใช้ DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เป็นเครื่องมือเพื่อแทรกแซง/ครอบงำการตรวจสอบของ กกต. ในกระบวนการเลือก ส.ว.
-
ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกพยานบุคคลและเอกสารเพิ่มเติมภายใน 15 วัน เพื่อให้ชี้แจงประเด็นข้อเท็จจริงและความเห็นตามประเด็นที่ศาลกำหนด และเอกสารที่เกี่ยวข้องต้องรับรองความถูกต้อง
-
นอกจากนี้ศาลอนุญาตให้ขยายเวลาในการจัดทำความเห็นและส่งเอกสารหลักฐาน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณา คดีถอดถอน “ภูมิธรรม-ทวี” หลังถูกสมาชิกวุฒิสภา 92 คนยื่นเรื่อง
-
-
คดี “กกต. เอื้อภูมิใจไทย – เนวิน / เครือข่าย”
-
นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่ากกต. และเลขาธิการกกต. มีการจัดการเลือก ส.ว. ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม โดยเอื้อต่อพรรคภูมิใจไทยและนายเนวิน ชิดชอบ/เครือข่าย ฯลฯ
-
ศาลรัฐธรรมนูญ มติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา คดีนี้
-
-
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.