Sunday, November 1, 2015

เงินพันล้านบาท เอาไปสร้างภาพเทิดทูนคนเจ็ดคน... ขณะที่เด็กและคนชรา ขายตัวและตกทุกข์นับล้าน

Credit: http://travelwatthai.com/?p=1918

โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกองทัพบกใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท




กรกฎาคม 27, 2015 | เปิดอ่าน 704 | คอมเม้น 0


12

อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์

 

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร มหาราชถึงอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่ในวันนี้ (27 ก.ค.) ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญองค์สมเด็จพระบูรพ กษัตริย์แห่งสยาม สมเด็จพ่อขุนรามคำแหงมหาราชขึ้นประดิษฐานบนแท่นประทับ

โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกองทัพบกใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาทโดยกองทัพบกระดมทุนจากเงินบริจาคทั้งหมด กองทัพบกระบุว่าอุทยานแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระ มหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหง สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

กองทัพบกเริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ แล้ว ขณะนี้พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงและพระนเรศวรถึงอุทยานฯ แล้ว ส่วนพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระนารายณ์เกิดการแตกร้าวระหว่างขนย้ายจึง ต้องนำกลับไปซ่อมที่โรงหล่อลพบุรี

วันนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. จะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญองค์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม สมเด็จพ่อขุนรามคำแหงมหาราชขึ้นประดิษฐานบนแท่นประทับในเวลา 08.39 น. โดยสำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ได้กำหนดตำแหน่งที่ประดิษฐาน ให้สายพระเนตรมองไปยังศูนย์กลางของ อุทยานราชภักดิ์ในระยะ 250 เมตร

นายสมควร อุ่มตระกูล ผู้อำนวยการสำนักช่างสืบหมู่กล่าวว่า พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของช่างฝีมือดี ของประเทศ นับเป็นความภาคภูมิใจของกรมศิลปากร และสำนักช่างสิบหมู่ เพราะเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

อุทยานราชภักดิ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ 222 ไร่เศษ ภายในพื้นที่ของกองทัพบก มีโครงสร้างหลักที่สำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ โดยพิจารณาเลือกพระมหากษัตรย์แต่ละยุคสมัยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ชึ่งพระนามแต่ละพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รูปแบบของพระบรมราชานุสาวรีย์ จะจัดสร้างในลักษณะพระอิริยาบถทรงยืน ความสูงเฉลี่ยไม่เกิน 13.9 เมตร หล่อด้วยโลหะสำริดนอก

ส่วนที่ 2 เป็นลานอเนกประสงค์ เนื้อที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพและรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และส่วนที่ 3 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์-ห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ ใช้เวลาการก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557-สิงหาคม 2558 รวมระยะเวลา 10 เดือน

 

———————————————————-

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
ข้อมูล : กองบัญชาการกองทัพบก /  Sanook.com
ภาพถ่าย :  ข่าวข้น รับอรุณ

——————————————————

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้าง
"พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์

โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า "อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ๗ พระองค์ ได้แก่

๑.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
๒.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๓.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๔.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
๕.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๖.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๗.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ซึ่งทุกพระองค์ล้วนทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ

เงินพันล้านบาท เอาไปสร้างภาพเทิดทูนคนเจ็ดคน... ขณะที่เด็กและคนชรา ขายตัวและตกทุกข์นับล้าน

Credit: http://travelwatthai.com/?p=1918

โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกองทัพบกใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท




กรกฎาคม 27, 2015 | เปิดอ่าน 704 | คอมเม้น 0


12

อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์

 

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร มหาราชถึงอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่ในวันนี้ (27 ก.ค.) ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญองค์สมเด็จพระบูรพ กษัตริย์แห่งสยาม สมเด็จพ่อขุนรามคำแหงมหาราชขึ้นประดิษฐานบนแท่นประทับ

โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกองทัพบกใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาทโดยกองทัพบกระดมทุนจากเงินบริจาคทั้งหมด กองทัพบกระบุว่าอุทยานแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระ มหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามคำแหง สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

กองทัพบกเริ่มดำเนินการเคลื่อนย้ายพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ แล้ว ขณะนี้พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงและพระนเรศวรถึงอุทยานฯ แล้ว ส่วนพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระนารายณ์เกิดการแตกร้าวระหว่างขนย้ายจึง ต้องนำกลับไปซ่อมที่โรงหล่อลพบุรี

วันนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. จะเป็นประธานในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญองค์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม สมเด็จพ่อขุนรามคำแหงมหาราชขึ้นประดิษฐานบนแท่นประทับในเวลา 08.39 น. โดยสำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ได้กำหนดตำแหน่งที่ประดิษฐาน ให้สายพระเนตรมองไปยังศูนย์กลางของ อุทยานราชภักดิ์ในระยะ 250 เมตร

นายสมควร อุ่มตระกูล ผู้อำนวยการสำนักช่างสืบหมู่กล่าวว่า พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญของช่างฝีมือดี ของประเทศ นับเป็นความภาคภูมิใจของกรมศิลปากร และสำนักช่างสิบหมู่ เพราะเป็นงานที่ละเอียดอ่อน ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

อุทยานราชภักดิ์ตั้งอยู่ในพื้นที่ 222 ไร่เศษ ภายในพื้นที่ของกองทัพบก มีโครงสร้างหลักที่สำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ โดยพิจารณาเลือกพระมหากษัตรย์แต่ละยุคสมัยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ชึ่งพระนามแต่ละพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รูปแบบของพระบรมราชานุสาวรีย์ จะจัดสร้างในลักษณะพระอิริยาบถทรงยืน ความสูงเฉลี่ยไม่เกิน 13.9 เมตร หล่อด้วยโลหะสำริดนอก

ส่วนที่ 2 เป็นลานอเนกประสงค์ เนื้อที่ประมาณ 91 ไร่ ใช้สำหรับกระทำพิธีที่สำคัญของกองทัพและรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และส่วนที่ 3 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์-ห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ ใช้เวลาการก่อสร้างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557-สิงหาคม 2558 รวมระยะเวลา 10 เดือน

 

———————————————————-

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
ข้อมูล : กองบัญชาการกองทัพบก /  Sanook.com
ภาพถ่าย :  ข่าวข้น รับอรุณ

——————————————————

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้าง
"พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์

โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า "อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ๗ พระองค์ ได้แก่

๑.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
๒.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๓.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๔.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
๕.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๖.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๗.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ซึ่งทุกพระองค์ล้วนทรงสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ

Saturday, October 31, 2015

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!

https://youtu.be/9FiHRVb_uE0

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!    Download

อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations

อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations 

 https://youtu.be/K5H5w3_QTG0

 

Download

บทเรียนจากซีเรีย...คนไทยควรศึกษา BBC Syrian Uprising Documentary

https://youtu.be/IF7sRdOJMD0

BBC Syrian Uprising   Documentary

Download

การบินไทย....ทำไมถึงเจ๊ง โดย มติชนทีวี

https://youtu.be/L4Lu75ZMgTE

 การบินไทย....ทำไมถึงเจ๊ง  โดย มติชนทีวี

Download

ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์

ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์
„ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย แพทย์ได้วินิจฉัยให้ส่งตัว "หมอหยอง" ผู้ต้องขังคดีความผิด 112 กลับไปควบคุมในเรือนจำชั่วคราวภายใน มทบ.11 แล้ว หลังได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2558 เวลา 12:12 น."

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/357870


ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์

ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์
„ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย แพทย์ได้วินิจฉัยให้ส่งตัว "หมอหยอง" ผู้ต้องขังคดีความผิด 112 กลับไปควบคุมในเรือนจำชั่วคราวภายใน มทบ.11 แล้ว หลังได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2558 เวลา 12:12 น."

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/357870


เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสาร-ลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ224ศพ ญาติร่ำไห้ระงม

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:07:00 น.
เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสาร-ลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ224ศพ ญาติร่ำไห้ระงม



มาแล้ว!!! 'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

เครดิต ประชาไท

http://prachatai.org/journal/2015/10/62202

Sat, 2015-10-31 16:24


หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการสอนในสถาบันอุดมศึกษาทำให้มีการต่อ ต้านรัฐบาล เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้ การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพนั้น ไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ
 
31 ต.ค. 2558 เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์ "มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร" ระบุว่าหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในสถาบัน อุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้เป็น ประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้ง เพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
 
แถลงการณ์เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย
เรื่อง มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร
 
จากการที่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนใน สถาบันอุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้ เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น ในฐานะคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย ขอแสดงปฏิกิริยาต่อคำวิจารณ์ดังกล่าว ดังต่อไปนี้
 
ประการแรก "เสรีภาพ" เป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความงอกงามในทางความรู้  การแสดงความเห็นจากมุมมองหรือวิธีคิดที่แตกต่างบนพื้นฐานของการใช้เหตุผล และข้อเท็จจริง จะนำไปสู่ความเข้าใจใหม่ในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้มนุษย์และสังคมมีความรู้และสติปัญญามากขึ้น สามารถจัดการปัญหาและเผชิญหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  การจัดการเรียนการสอนของคณาจารย์จำนวนมากในมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้เป็นการสอน ให้ท่องจำและยึดมั่นในวิธีคิดและอุดมการณ์แบบใดแบบหนึ่งโดยปราศจากการโต้ แย้ง เพราะบทเรียนจากประวัติศาสตร์ทั้งในสังคมไทยและสังคมอื่นๆ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการปลูกฝังอุดมการณ์หรือ "ความเชื่อ" หนึ่งๆ เพื่อครอบงำสังคมหมายถึงการทำให้คนในสังคมยอมรับโครงสร้างอำนาจแบบใดแบบ หนึ่งที่คนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจส่งผลให้มีการใช้ความรุนแรงหรือแม้กระทั่งการเข่นฆ่าผู้คนร่วมสังคม ที่ปฏิเสธโครงสร้างอำนาจดังกล่าว ดังนั้น คณาจารย์จำนวนมากจึงเห็นว่าการทำให้เกิดทัศนะวิพากษ์หรือมุมมองที่แตกต่าง เป็นเรื่องสำคัญยิ่งในสังคม เพื่อให้ผู้คนในสังคมสามารถคิดได้เอง และมีความเคารพตลอดจนความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจในผู้คนที่มีมุมมองแตก ต่างจากตนเองอย่างแท้จริง 
 
ประการที่สอง ในสังคมไทยยุคโลกาภิวัตน์ที่ชีวิตและความคิดของผู้คนมีความแตกต่างหลากหลาย การใช้อำนาจบังคับให้บุคคลต้องปฏิบัติไปในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะโดยอำนาจ จากปากกระบอกปืนหรืออำนาจกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม อาจจะทำให้เกิดความสงบราบคาบขึ้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำพาสังคมไทยไปสู่ภาวะแห่งสันติสุขได้อย่างแท้จริง  การสร้างความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องต่างๆ รวมทั้งความชอบธรรมในการใช้อำนาจจำเป็นต้องมีรากฐานอยู่บนการถกเถียงกันด้วย ความรู้ เหตุผล และข้อเท็จจริง ในบรรยากาศของความเสมอภาคและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย 
 
พวกเราในฐานะคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาหลายสถาบัน มีความเห็นร่วมกันว่าการที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่ สังคมที่มีสันติภาพ ความเสมอภาคและความเป็นธรรมในระยะยาวได้นั้น หลักการพื้นฐานคือต้องสร้างสังคมที่สามารถยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง มีกระบวนการในการจัดการกับปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เป็นธรรมและโปร่งใส มีระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางและตรวจสอบได้ ซึ่งสังคมในลักษณะดังกล่าวก็คือสังคมที่ปกครองในรูปแบบเสรีประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสร้างความเป็นธรรมและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาทุกระดับย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการสร้างสังคมแบบประชาธิปไตย ดังกล่าวนี้  มิใช่ทำให้ยอมรับการข่มขู่ด้วยอำนาจซึ่งมีแต่จะนำพาสังคมไทยให้จมดิ่งลงไป สู่ความมืดมนทางปัญญาและไม่อาจปรับตัวได้ในโลกปัจจุบันและอนาคต
 
ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อสังคมไทย
เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย

มาแล้ว!!! 'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

เครดิต ประชาไท

http://prachatai.org/journal/2015/10/62202

Sat, 2015-10-31 16:24


หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการสอนในสถาบันอุดมศึกษาทำให้มีการต่อ ต้านรัฐบาล เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้ การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพนั้น ไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ
 
31 ต.ค. 2558 เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์ "มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร" ระบุว่าหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในสถาบัน อุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้เป็น ประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้ง เพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
 
แถลงการณ์เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย
เรื่อง มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร
 
จากการที่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนใน สถาบันอุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้ เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น ในฐานะคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย ขอแสดงปฏิกิริยาต่อคำวิจารณ์ดังกล่าว ดังต่อไปนี้
 
ประการแรก "เสรีภาพ" เป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความงอกงามในทางความรู้  การแสดงความเห็นจากมุมมองหรือวิธีคิดที่แตกต่างบนพื้นฐานของการใช้เหตุผล และข้อเท็จจริง จะนำไปสู่ความเข้าใจใหม่ในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้มนุษย์และสังคมมีความรู้และสติปัญญามากขึ้น สามารถจัดการปัญหาและเผชิญหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  การจัดการเรียนการสอนของคณาจารย์จำนวนมากในมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้เป็นการสอน ให้ท่องจำและยึดมั่นในวิธีคิดและอุดมการณ์แบบใดแบบหนึ่งโดยปราศจากการโต้ แย้ง เพราะบทเรียนจากประวัติศาสตร์ทั้งในสังคมไทยและสังคมอื่นๆ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการปลูกฝังอุดมการณ์หรือ "ความเชื่อ" หนึ่งๆ เพื่อครอบงำสังคมหมายถึงการทำให้คนในสังคมยอมรับโครงสร้างอำนาจแบบใดแบบ หนึ่งที่คนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจส่งผลให้มีการใช้ความรุนแรงหรือแม้กระทั่งการเข่นฆ่าผู้คนร่วมสังคม ที่ปฏิเสธโครงสร้างอำนาจดังกล่าว ดังนั้น คณาจารย์จำนวนมากจึงเห็นว่าการทำให้เกิดทัศนะวิพากษ์หรือมุมมองที่แตกต่าง เป็นเรื่องสำคัญยิ่งในสังคม เพื่อให้ผู้คนในสังคมสามารถคิดได้เอง และมีความเคารพตลอดจนความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจในผู้คนที่มีมุมมองแตก ต่างจากตนเองอย่างแท้จริง 
 
ประการที่สอง ในสังคมไทยยุคโลกาภิวัตน์ที่ชีวิตและความคิดของผู้คนมีความแตกต่างหลากหลาย การใช้อำนาจบังคับให้บุคคลต้องปฏิบัติไปในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะโดยอำนาจ จากปากกระบอกปืนหรืออำนาจกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม อาจจะทำให้เกิดความสงบราบคาบขึ้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำพาสังคมไทยไปสู่ภาวะแห่งสันติสุขได้อย่างแท้จริง  การสร้างความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องต่างๆ รวมทั้งความชอบธรรมในการใช้อำนาจจำเป็นต้องมีรากฐานอยู่บนการถกเถียงกันด้วย ความรู้ เหตุผล และข้อเท็จจริง ในบรรยากาศของความเสมอภาคและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย 
 
พวกเราในฐานะคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาหลายสถาบัน มีความเห็นร่วมกันว่าการที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่ สังคมที่มีสันติภาพ ความเสมอภาคและความเป็นธรรมในระยะยาวได้นั้น หลักการพื้นฐานคือต้องสร้างสังคมที่สามารถยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง มีกระบวนการในการจัดการกับปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เป็นธรรมและโปร่งใส มีระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางและตรวจสอบได้ ซึ่งสังคมในลักษณะดังกล่าวก็คือสังคมที่ปกครองในรูปแบบเสรีประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสร้างความเป็นธรรมและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาทุกระดับย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการสร้างสังคมแบบประชาธิปไตย ดังกล่าวนี้  มิใช่ทำให้ยอมรับการข่มขู่ด้วยอำนาจซึ่งมีแต่จะนำพาสังคมไทยให้จมดิ่งลงไป สู่ความมืดมนทางปัญญาและไม่อาจปรับตัวได้ในโลกปัจจุบันและอนาคต
 
ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อสังคมไทย
เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย

ข่าวลับกรองแล้ว 1 พฤศจิกายน 2558 "หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่า ยังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"

ข่าวลับกรองแล้ว 1 พฤศจิกายน 2558 

"หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"


สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/


*ทำไมหมอหยองและทีมงานจึงถูกกวาดล้างอย่างหฤโหด?ใครเป็นคนทำ?และทำไมจึงต้องทำอย่างนี้?...ไม่ต้องถามเพราะคนที่ทำไม่บอกและก็บอกแล้วว่าห้ามถาม!!เพราะเป็นเรื่องของมือที่มองไม่เห็นที่มีหลายมือ...คำตอบมีเพียงว่า"วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"แต่ก่อนจะถึงมือที่มองไม่เห็นในฐานะคนสั่งการจะตายชาวบ้านทั้งเหลืองทั้งแดงจะต้องตายกันก่อนอย่างที่เห็น


*นามสกุล"วารุณประภา"ก็ไม่ใช่เล็กๆแต่ก็ต้องไปรับศพพ.ต.ต.ปรากรม คนในครอบครัวอย่างโศรกเศร้าและห้ามทุกคนในครอบครัวพูดในเงื่อนไขต้องรีบเอาไปเผาทันทีจึงจะรับไปได้,ส่วนศพพลตรีพิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุทธยา ในฐานะราชองครักษณ์ใกล้ชิด,เห็นนามสกุลก็รู้เป็นสายพันธุ์เจ้าเหลืองก็ยิ่งหนักใหญ่,อ้างว่าฆ่าตัวตายเอง,อย่าว่าแต่ไม่มีใครในครอบครัวที่จะกล้าพูดแม้แต่ข่าวหนังสือพิมพ์ที่เป็นทางการก็ไม่ให้ลงทั้งๆที่ยศและตำแหน่ง,เครื่องราช,สายสกุลต้องได้รับพระราชทานเพลิงศพก็ต้องเผากันอย่างเงียบๆ


*ใกล้ครบรอบปีการกระโดดตึกตายในค่ายทหาร(ตามข่าว)ของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ยศสูงระดับผบก.1กองปราบสายตรงของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ เมื่อวันที่ 25พฤศจิกายน2557ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จับนายแต่ลูกน้องก็ต้องไปกระโดดตึกตายทันทีและก็นำไปเผาในวันนั้นทันทีสูตรเดียวกันกับพ.ต.ต.ปรากรมคือญาติๆไม่กล้าถามและไม่กล้าสงสัย


*ตาสว่างกันหรือยังเสื้อเหลืองเพื่อนหมอหยองและเพื่อนปรากรม?...ยังอยากจะตายตามไปรับใช้เจ้าในชาติหน้ากันอีกใหม?

*สำหรับเสื้อแดงชัดแล้วต้องเปลี่ยนระบอบเท่านั้นชีวิตคนไทยจึงจะดีขึ้น...เสื้อเหลืองส่วนหนึ่งคงตาสว่างแต่อีกส่วนยังแกล้งโง่แต่คงแกล้งโง่ได้อีกไม่นานก็ต้องเห็นความจริงว่าในครอบครัวอลเวงนี้เลวทุกคน"เห็นประชาชนผู้เสียภาษีเลี้ยงตัวเองเป็นข้าทาส"...เห็นข้าทาสที่รับใช้ใกล้ชิดเป็นมดปลวก...ใช้ให้ไปหาเงินมาถวายมีปัญหาก็ฆ่าทิ้ง...แม้แต่คนที่เข้ามาเป็นเมียเป็นผัวก็ไม่เว้นวันนี้ศพหมอเก้งผัวจุฬาภรณ์ยังหาทรากไม่เจอแต่ก็ช่วยกันตอแหลด้วยจงรักภักดีว่า"ยังไม่ตายบวชพระอยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่!!"แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีข่าวจริงรอดมาให้เห็นเลย

*ถ้าไม่รู้ว่าเขาหาเงินกันอย่างไรให้พลิกไปอ่านข่าวลับกรองแล้วเมื่อ 1ธันวาคม2557 สปท.เคยจำแนกไว้แล้ว(กดลิ้งดูใหม่ยังทันสมัย)

-------------

ข่าวลับกรองแล้ว 1 ธันวาคม 2557


-------------


*สปท.บอกให้เอาบุญสำหรับทหารตำรวจเหลืองที่ยังหน้ามืดตาบอดต้องการจะรับใช้หาเงินถวายแล้วไม่ต้องตาย,แบบนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิตคือ(1)หาส่งส่วยตามระบบคือเก็บส่วยหวย,บ่อน,ซ่องกระหรี่จากสถานีตำรวจระดับอำเภอส่งขึ้นจังหวัด,ภาค,จนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วผบ.ตร.,ผบ.ชน.นำขึ้นถวายทุกพระองค์(หากมีการโกงกันบ้างในเส้นสายข่าวรั่วบ้างแต่ไม่ถึงคนรับสูงสุดก็ไม่เป็นไร)และท่านทุกพระองค์ก็จะช่วยคุ้มครองให้ทุกคนที่ช่วยเก็บส่วยถวายได้มีอยู่มีกินอิ่มหนำสำราญแบ่งส่วนกันไปด้วยการไม่อนุญาติให้ทุกรัฐบาลนำหวยใต้ดินขึ้นบนดินและไม่อนุญาติให้เปิดบ่อนคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนประเทศทั่วไปเพราะจะทำให้ทุกคนขาดรายได้(เจ้ามือหวยขนาดเล็กตามอำเภอต้องจ่ายมือละ30,000-50,000บาทต่อเดือน,ส่วนมือใหญ่ต้องแสนขึ้นอำเภอหนึ่งมีเจ้ามือ5-8ราย)/(2)จัดตีกอล์ฟ,จัดกีฬาต่างๆรายได้ถวายเป็นพระราชกุศล (3)พ่อค้านายทุนแบ่งกำไรที่ตราครุฑหน้าบริษัทช่วยให้เสียภาษีน้อยลงก็จะนำเงินไปถวายแล้วก็ได้ออกข่าวทีวีสองทุ่ม

*การหาเงินที่เป็นอันตรายและต้องระวังและตายมาหลายคนแล้วคือการจัดหาเงินเพียงต่อเดียวแล้วทูลเกล้าถวายเลยเพราะตรวจสอบการอมและเกิดการระแวงได้ง่าย,ก่อนหน้านี้ก็มีตายเซ่นสังเวยให้เห็นแล้วเช่นนายประเสริฐ วงศ์ลาวัลย์ ทั้งๆที่หนีไปบวชแล้วก็ถูกสังหารในผ้าเหลืองทิ้งศพไว้ที่จังหวัดชัยนาทเมื่อ 18 กันยายน 2552(ถามอากู๋เกิลดูได้)หรือล่าสุดการตายของ'เสี่ยอู๊ด'นายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระคนดังที่มีผลงานล่าสุดคือสร้าง'พระสมเด็จเหนือหัว'ขายทุกส่วนราชการและทุกรัฐวิสาหกิจ,ก็ต้องติดคุกสังเวยแบบเดียวกับหมอหยองเพราะอมหัวคิวมากไปแต่ถวายทูลเกล้าน้อยและสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตอย่างมีปริศนา(หลังออกจากคุก)ในโรงแรมที่จังหวัดพิษณุโลก,หรือแม้แต่ท่านผู้หญิงวิริยา ที่จัดหาเงินถวายเป็นประจำตามสั่งก็ถูกขับไล่ไม่ให้เข้าวังเมื่อไม่พอพระทัยและระแวงตามคำเพ็ดทูลของขี้ข้าด้วยกันเป็นต้น,การหาเงินที่รับจากผู้จ่ายสายตรงต่อเดียวถึงผู้รับเลยนี้อันตรายมากถ้าพลาดหรือผิดอารมณ์เป็นตายหรือติดคุกมืดอย่างทรมานดังเช่นหมอหยองและพรรคพวกวันนี้(แต่สำหรับผู้ที่มีเกราะคุ้มกันชั้นท่านผู้หญิงหรือวรชายาก็อาจจะรอด)

*วิธีหาเงิน"แนวพระราชนิยม"ที่ทำกันทุกคนในครอบครัวอลเวงคือตั้งมูลนิธิสารพัดมูลนิธิเพื่อทำการค้าและรับเงิน(บีบ)บริจาคเพื่อการกุศล(บังหน้า)และการจัดโครงการกิจกรรมตามพระราชประสงค์ซึ่งลักษณะนี้กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาไพร่,หมอดูและพวกทรงเจ้าเข้าผีที่เห็นช่องทางเพราะบรรดามรว.,มล.เชื้อพระวงศ์ทั้งหลายส่วนมากจะหน้าบางไม่กล้าเข้าพบเพื่อตบทรัพย์บรรดาเจ้าสัว,ดังนั้นวันนี้รอบๆทุกพระองค์แม้แต่เทพถ่างในส่วนงานหาเงินขึ้นทูลเกล้าก็จะมีพวกนามสกุลไพร่เปลี่ยนใหม่ดึงกันเป็นสายเข้ามารับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทเป็นแถวเป็นทิวซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นละครสมบทบาทตามแต่พระทัยประสงค์(สอพลอ)ถึงขนาดประทับทรงได้ทุกรัชกาล(รัชกาลที่9ถ้าไม่มีการกวาดล้างหมอผีความงมงายคงได้ประทับทรงเร็วๆนี้)


*ก่อนหมอหยองจะโด่งดังถึงขนาดเจ้าสัวซีพีและเบียร์ช้างต้องเอาเงินไปถวายผ่านพร้อมกราบไหว้หมอหยองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ว่าที่รัชกาลที่10 ก็หากินรับงานประทับทรงตั้งศาลพระพรม,ดูฮวงจุ้ยทั้งในไทยและอาเซี่ยนแม้แต่บริษัทกาแฟดาวเรืองในลาวยังเคยพึ่งบารมี'เทพหยอง',เมื่อไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆถึงขั้นหมอบคลานปัดละอองธุรีที่พระเกือกฟ้าชายได้,มีหรือที่ตำรวจทหารจะไม่หวังพึ่งเทพหยองในการถวายเงินเพื่อเลื่อนยศ

*หมดหมอหยองยังมีอีกหลายหมอทั้งที่อยู่รอบตัวทุกพระองค์และพร้อมจะเดินเข้าไปตายใหม่ๆอีกเพราะความหอมของผลประโยชน์และอำนาจที่อบอวลอยู่ในวัง,และยิ่งได้นายกฯโง่ๆแบบประยุทธ์ที่พร้อมจะปิดประเทศเพื่อปกป้องครอบครัวอลเองก็ยิ่งเป็นหลักประกันในผลประโยชน์ของพวกไพร่ที่สอพลอเพราะหมายถึงเม็ดเงินงบประมาณจำนวนมากที่คสช.จะประเคนไปให้วังเพื่อทำโครงการเหลวไหลต่างๆซึ่งแม้จะเสี่ยงภัยแต่กำไรสูงจึงจูงใจมาก


*อำนาจมาก,ผลประโยชน์มาก,งมงายมากและห้ามตรวจสอบจากสาธารณะคือลักษณะพิเศษของวังไทยซึ่งเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งของแต่ละวังของทุกคนในครอบครัวอลเวงรวมทั้งขี้ข้าที่ต่างวังก็ทะเลาะกัน...รายงานข่าวจากชั้นในว่า..จะมีใบปลิวบัตรสนเท่ห์ของขี้ข้าที่ด่าแทนนายและด่ากันเองว่อนข้ามวังกันทุกวันดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุที่ผิดปกติเช่นการจับกุมและสังหารโหดในราชสำนักซึ่งได้กลายเป็นตัวเร่งให้ประชาชนต่าสว่างอย่างรวดเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ

*ทำไมต้องสังหาร?...เพราะรู้เรื่องเน่าๆในวังมากและเคยไว้วางใจให้ไปทำเรื่องเน่าๆนั้นด้วยเมื่อเกิดปัญหาเจ้าไม่พอใจจะต้องดำเนินคดีก็กลัวว่าพวกนี้จะปากสว่างแล้วไปทำให้ประชาชนตาสว่าง


*เกิดการรัฐประหารเพื่อราชสำนักไม่ถึง6เดือนก็เกิดการกวาดล้างในราชสำนักกรณีศรีรัศมิ์-พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ จนถึง นายบุญธรรม บุญเทพประทาน(ป๋าชื่นไพร่คนดังย่านพระราม9)ต้องติดคุกคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาเทพประทานอ.ปากช่องและพ่วง112ด้วยคงจำกันได้,พอเริ่มขึ้นปีที่2ของคสช.ก็เกิดคดีไพร่หมอหยองและพวกขึ้นอีก...อย่างนี้คสช.จะตอบคำถามสังคมอย่างไรเพราะการรัฐประหารไม่ได้ทำให้ราชสำนักมั่นคงขึ้นเลย

*นับแต่นี้ไปเรื่องเน่าที่หลากหลายแนวจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆเพราะการแตกร้าวในวังใกล้ถึงจุดแตกหักและยิ่งคสช.ใช้อำนาจเถื่อนโดยให้ทหารมือสังหารเข้าไปจัดการกับผู้ต้องหาตามความประสงค์ของราชสำนักโดยผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างป่าเถื่อนทั้งตำรวจ,ศาลและทหารร่วมมือกันหมดต่างประเทศก็ยิ่งต่อต้าน,ราชสำนักก็จะยิ่งพังทะลายเพราะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของนานาชาติ,และเมื่อประธานใหญ่ใกล้สิ้นใจนับแต่นี้เหตุการณ์ต่างๆก็จะถาโถมมากยิ่งขึ้น...ภาวะอาการป่วยที่รักษาไม่ได้เช่นนี้หมอไทยแผนโบราณวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคน้ำเหลืองเสียเครื่องในเน่าจะมีอาการผุผองเกิดขึ้นตามร่างกายเรื่อยๆจนเน่าตายไป...แต่อีกไม่นานมันจะพุผองที่ตาทั้งสองข้างวันนั้นก็จะเห็นคนชั้นสูงสูงตายและติดตะรางกันแทนไพร่กันบ้างซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่มากับการรัฐประหารซ้อนในภาวะที่มีวิกฤติการตายของกษัตริย์ภูมิพล...อีกไม่นานอีกไม่นาน!!


*ข่าวหมอหยองนอกจากจะเป็นอันตรายต่อราชสำนักแต่ก็มีผลดีคือทำให้เปลี่ยนความสนใจลืมเรื่องของประธานคณะกรรมการงมงายแห่งชาติที่นอนหมดสภาพอยู่ที่ศิริราชชั้น16ไปได้ชั่วครู่ใหญ่ๆ...แต่สปท.ไม่เคยลืมเพราะหัวใจของวิกฤติอยู่ที่นั่นและทันทีที่เป่าแตรสังเพลงธรณีกรรแสงจะเห็นการเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่ายกันยุ่งเหยิงอินุงตุงนังกันในวันนั้น,การจัดขั้วอำนาจใหม่ใครจะฟัดใครจะหนักหน่วงกว่าที่ฟัดพงศ์พัฒน์กับหมอหยองและปรากรมกันในวันนี้

*ข่าวล่าสุดคุณลุงหมดสภาพแล้วความจำเหลือไม่ถึง10%การลงนามไม่ต้องพูดถึงทำไม่ได้มานานแล้ว,ปรับครม.รอบใหม่ยังจะจับลุงมาตั้งแล้วลืมตาได้หรือไม่ยังเป็นปัญหามาก,ประยุทธ์ประวิทรู้ดีจึงเกิดอาการหงุดหงิดในสภาโดยตีนักการเมืองในสภากระทบทักษิณถึงขั้นขู่จะปิดประเทศเพราะ คสช.ใกล้ชะตาขาดตามชะตาคิง,มีทางเดีที่คสช.จะรอดคือหาเหตุเพื่อจะสืบอำนาจต่อไปด้วยหวังว่าเผื่อจะเกิดช่องลอดทางสว่างที่หวังอย่างลมๆแร้งๆ

*สมคิดรองนายกคงสมประสงค์ที่จะไม่ถูกปลดออกแม้แก้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้เพราะการโปรดเกล้าเข้าเฝ้าของครม.ใหม่ยากกว่าการแก้วิกฤติเศรษฐกิจเสียอีก


*วิกฤติอาการป่วยของคุณลุงทำให้คณะหมอผู้ถวายการรักษาแบ่งออกเป็น2ฝ่ายตามสายทายาท,สายหนึ่งเกาะนโยบายเทพถ่างบ่างเปรมด้วยพยามยามไม่ให้ออกแถลงการณ์อาการป่วยถ้าจำเป็นต้องมีแถลงการณ์ก็มีให้น้อยที่สุดเพื่อดึงไม่ให้เกิดการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินในเวลาอันใกล้นี้เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย/อีกสายหนึ่งเกาะนโยบายเสี่ยโดยต้องการให้มีแถลงการณ์รายงานอาการป่วยเป็นระยะตามปกติโดยไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการยื้อการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน

*สายแรกเป็นคณะแพทย์ที่ไม่ปรากฎตัวแต่สายหลังปรากฎตัวชอบเข็นรถและสายนี้จะรายงานสายตรงไปเยอรมัน

*พบกันใหม่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายไม่หยุดหย่อนของวังที่คสช.ก็ต้องระวังและการแก้วิกฤติเศรษฐกิจของสมคิดก็ต้องพัง

---------จบ----------

ถึงเวลา ต้องล้างสันดานกองทัพไทย!! ภาพสยดสยอง การซ้อมทหารใหม่+!!

http://mr7thai.blogspot.com/2015/10/blog-post_708.html
ตามไปดูเถิดท่าน






Friday, October 30, 2015

เกม ยุประชาชนออกมาฆ่ากัน.. ยิงชัดขึ้นทุกวัน

กลุ่มเสื้อเหลือง นัดรวมญาติมิตรกันอีกครั้งแล้ว ม้อบ กกปส.ม้อบพันธมิตร ม้อบเสื้อหลากสี ม้อบหน้ากากขาว ให้ใ่ส่เหลืองไปเจอกันได้ที่ลานหน้า CTW เป็นการรณรงค์ให้สนับสนุนนายกตู่อยู่ต่อ อีก 3 ปี ตามคำทำนายของหมอวารินทร์ หรืออยู่ยาวถึง 5 ปีตามคำเชียร์ของนายสุเทพ โดยการนัดเจอกันครั้งนี้มีนายทหาร คสช.หนุนหลังอย่างลับๆ เพื่อจัดให้มีม้อบขนคนมาแสดงพลังการสนับสนุน รัฐบาล คสช.โดยชิงจัดตัดหน้าก่อนคนเสื้อแดงนัดใส่เสื้อแดงเพียง 1 วัน



เกม ยุประชาชนออกมาฆ่ากัน.. ยิงชัดขึ้นทุกวัน

กลุ่มเสื้อเหลือง นัดรวมญาติมิตรกันอีกครั้งแล้ว ม้อบ กกปส.ม้อบพันธมิตร ม้อบเสื้อหลากสี ม้อบหน้ากากขาว ให้ใ่ส่เหลืองไปเจอกันได้ที่ลานหน้า CTW เป็นการรณรงค์ให้สนับสนุนนายกตู่อยู่ต่อ อีก 3 ปี ตามคำทำนายของหมอวารินทร์ หรืออยู่ยาวถึง 5 ปีตามคำเชียร์ของนายสุเทพ โดยการนัดเจอกันครั้งนี้มีนายทหาร คสช.หนุนหลังอย่างลับๆ เพื่อจัดให้มีม้อบขนคนมาแสดงพลังการสนับสนุน รัฐบาล คสช.โดยชิงจัดตัดหน้าก่อนคนเสื้อแดงนัดใส่เสื้อแดงเพียง 1 วัน



อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” แล้วปล่อยให้ไฟชาตินิยมเผาทั้งการทูตและประชาธิปไตย

คันฉ่องส่องไทย • เตือนภัย “เรื่องเล่า” ที่ทำให้เราอ่านเกมผิด อย่าหลงว่า “สหรัฐเข้าข้างกัมพูชา” แล้วปล่อยให้ไฟชา...