Translate

Sunday, December 7, 2025

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย

การลบความทรงจำของคณะราษฎรในหนังสือเรียนไทยมิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นกระบวนการยาวนานกว่า 70 ปี ทำอย่างเป็นระบบ ผ่านการ “เขียนใหม่–ลดทอน–บิดกรอบคิด” จนคนรุ่นหลังแทบไม่รู้ว่าตนคือทายาทของการปฏิวัติ 2475 ที่ทำให้ประชาชนกลายเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

1) ยุคหลัง 2475–2490: ตำราเรียนยังพูดความจริง

ลักษณะสำคัญ
  • ตำราเรียนยุคนี้ยังกล่าวชัดว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
  • คณะราษฎรถูกเล่าว่าเป็นผู้สร้างรัฐสมัยใหม่
  • ไม่มีการลดคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของ 2475

2) หลังรัฐประหาร 2490: เริ่ม “บิดหน้าอดีต”

วิธีที่ใช้
  • ลดบทบาทของปรีดีและคณะราษฎรในเนื้อหาประวัติศาสตร์
  • เล่าเรื่องว่า “กษัตริย์ทรงพระเมตตามอบประชาธิปไตยให้”
  • เริ่มสร้างโครงเรื่องชาติแบบ “นิยมเจ้า” เป็นแกนหลัก
ผลที่ตามมา

แนวคิดประชาธิปไตยแบบคณะราษฎรถูกลดทอน และถูกแทนด้วยภาพว่า กษัตริย์คือศูนย์กลางการเมืองไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

3) ยุคสฤษดิ์: ยกเครื่องกรอบคิดตำราแบบเบ็ดเสร็จ

กลยุทธ์การเขียนใหม่
  • ตัดเหตุผลที่แท้จริงของ 2475 ออกไปเกือบหมด
  • เปลี่ยนกรอบประวัติศาสตร์ให้กลายเป็น “ชาติ–ศาสน์–กษัตริย์ คือรากของความเป็นไทย”
  • สร้างภาพว่าสฤษดิ์คือผู้ฟื้นฟูเสถียรภาพของชาติ
ผลลัพธ์ระยะยาว

คนรุ่นหลังจำนวนมากไม่รู้ความหมายของการล้มสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และไม่เห็นว่าตนควรเป็นเจ้าของอำนาจจริง ๆ เพราะตำราได้ทำให้ 2475 กลายเป็นแค่ “เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น” โดยไร้บริบทการต่อสู้

4) ช่วงสงครามเย็น: ตำราถูกทาสีราชาชาตินิยมเข้มข้น

ลักษณะเนื้อหา
  • กษัตริย์ = ผู้พิทักษ์ประชาธิปไตย
  • นักศึกษาและประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตย = ถูกชี้นำจากคอมมิวนิสต์
  • ไม่เล่าการละเมิดสิทธิหรือเหตุนองเลือดโดยรัฐ

นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาธิปไตยในตำราไทยไม่ใช่เรื่องของ ประชาชน แต่เป็นเรื่องของ “ผู้ปกครองที่มีพระมหากรุณาธิคุณ”

5) รัฐธรรมนูญ 2540 แต่ตำราไม่ยอมปรับตาม

สิ่งที่เกิดขึ้นจริง
  • แม้สังคมก้าวหน้า แต่ตำราไม่ยอมเพิ่มบทบาทประชาชน
  • 2475 ยังถูกเขียนแบบสั้น ๆ และไร้ความหมาย
  • ไม่สอนหลัก “ตรวจสอบอำนาจรัฐ” แม้เป็นหัวใจของประชาธิปไตย

6) หลังรัฐประหาร 2549–2557: ยุคการลบเชิงรุก

สัญญาณของการลบอย่างเป็นระบบ
  • คณะราษฎรหายไปเกือบหมดจากตำรา
  • บทกษัตริย์ถูกขยายยาวหลายเท่า ส่วนบทประชาชนถูกลดลงเรื่อย ๆ
  • ไม่สอนเรื่องรัฐประหาร ไม่สอนว่าอำนาจต้องตรวจสอบได้
  • ไม่เล่าการต่อสู้ของประชาชนใน 14 ตุลา–พฤษภา 35 แบบครบถ้วน

นี่คือช่วงเวลาที่ตำราเรียนถูกใช้เป็นเครื่องมือทางอุดมการณ์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่า “ความจงรักภักดีคือแกนของความเป็นไทย” มากกว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน”

7) 2560–ปัจจุบัน: ยุคของความรู้ที่ขาดหาย

ลักษณะของช่องว่างความรู้
  • นักเรียนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคณะราษฎรคือใคร
  • ไม่รู้ว่า 2475 คือการล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
  • ไม่รู้ว่าการเลือกตั้งเป็นสิทธิที่บรรพบุรุษต่อสู้เพื่อให้ได้มา
  • ไม่รู้ว่าเหตุใดรัฐประหารจึงเป็นอาชญากรรมเชิงประชาธิปไตย

เมื่อความรู้ถูกลบอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่จำนวนมากจึงมองว่า “ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ” เป็นเรื่องปกติ ทั้งที่แท้จริงคือการ ลดทอนสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน

บทสรุป: การลบในหนังสือเรียน คือการลบ “สิทธิของประชาชน”

ผู้มีอำนาจรู้ดีว่า หากคนไทยรู้ประวัติศาสตร์ 2475 อย่างถูกต้อง จะไม่มีใครยอมรับการรัฐประหาร การใช้อำนาจโดยไม่ตรวจสอบ หรือการลดบทบาทของรัฐธรรมนูญลงให้เป็นเพียงพิธีกรรม ดังนั้น ตำราเรียนจึงถูกใช้เพื่อควบคุมความทรงจำของชาติอย่างยาวนาน และทำให้คนไทยจำนวนมากไม่รู้ว่าตนมีสิทธิเหนือรัฐ ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐ

การรู้เท่าทันประวัติศาสตร์ที่ถูกลบ จึงเป็นก้าวแรกของการทวงคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาให้ประชาชนทั้งประเทศ

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย การลบความทรงจำของคณะราษฎรในหนังสือเรียนไทยมิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นกระบว...