ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, October 19, 2015

หมอหยองโดน 112 เพราะเมียประยุทธ์สั่งเก็บ นราพรเคยตัวเสียแล้ว

Copy: ขอแซงหน้าทุกข่าว 
หมอหยองโดน 112 เพราะเมียประยุทธ์สั่งเก็บ นราพรเคยตัวเสียแล้ว

เที่ยวไปจุ้นคดี 112 ทหารจับตัวไปยัดคดีนี้ สังคมรู้กันมีหลายคน อย่างจักรภพ  พ.อ.อภิวันท์มาถึงปวิน รวมพวกเสื้อแดงด้วยไม่ไหวจะหารายชื่อ โดนเพราะนราพรสั่งเล่นเองทั้งหมด ทหารรู้ๆกันอยู่ปิดยังก็ไม่มิด นราพรเป็นตัวเชื่อมกับเครือข่ายองค์กรเก็บขยะของหมอเหรียญทอง เอาคดี 112 มาจับคนเข้าคุกเอาหน้า ทำกันเป็นขบวนการ แต่เมื่ออำนาจทหารไม่จีรังความจึงมาแตกเอาตอนประยุทธ์ถูกเมียสั่งให้กองทัพเล่น 112 กับหมอหยอง เจอคนจริงหมอหยองนี่ไม่ธรรมดา ไม่งั้นไม่อยู่ยืนยงมาถึงทุกวันนี้ กล้าลุกสู้ สมเป็นคนกระบี่ มีองค์มีอะไรไม่รู้แต่หมอหยองรู้ว่าประยุทธ์ตกอยู่ในวงล้อมของคนชั่วหากินทางการเมือง ก็น่าจะเป็นนราพรเป็นคนอยู่เบื้องหลัง. ประยุทธ์ทำบ้านเมืองพังจริง 
งานนี้ประยุทธ์ถึงกับเครียดหนักหลายวัน ฝ่ายตำรวจจักรทิพย์ต้องปิดข่าวไม่มีการเอ่ยชื่อหมอหยองที่โดนเลยเห็นกันแล้ว ตอนแรกตำรวจชุดแรกประชุมเตรียมจับตัว แต่พอเรื่องแดงเป็นข่าว แนวหน้า และสื่ออีกหลายแห่งรีบลบข่าว จักรทิพย์ออกมาใหม่ บอกแค่มีคนกระทำต่อทำผิดสถานบัน ไม่เปิดเผยชื่อ ตั้งศรีวราห์สอบไปตามหน้าที่ .                                  /////////////////////////////มาแล้วๆๆศึกแม่หยิง 2 นาง ที่สมาคมแม่บ้านท.บ.มีเรื่องเล่ามาเสมอ นราพรอยู่เบื้องหลังคอยตามดิสเครดิตน้องสะใภ้ประยุทธ์ เมียพลเอกปรีชา จันทร์โอชา หาว่านางผ่องพรรณทำตัวเลวมากที่ยักยอกเงินกองทัพ 3 ให้เสียหายถึงพลเอกประยุทธ์ คู่สะใภ้คู่นี้ เกาเหลาไม่กินเส้นกันเมียทหารรู้ทิศทางอารมณ์ขอวสองคนนี้ดี ต่างมีอีกาเลี้ยงคาบข่าวส่งเรื่องสะใภ้ใหญ่ตามจิกดับรัศมีสะใภ้เล็ก สะใภ้เล็กก็ไช่ย่อย ไม่ปล่อยพี่สะใภ้ชั่วลอยนวล เบาเสียทีไหนตามปล่อยข่าวนราภรอยู่เบื้องหลังใช้อำนาจของสามีทำให้สถาบันเสื่อมลง เล่นของสูง ตั้งองค์กรลับเก็บขยะ 112 ตามกลั่นแกล้งคนเพื่ออยากได้หน้า ... พวกเมียๆ.. ยุ่งเหลือเชื่อ

เมืองไทยเปลี่ยนไป ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว...!!??

คุยกับเพื่อนสนิท ที่เป็นครูประถมแถวเชียงใหม่ เคยหลงเจ้าชนิดที่เถียงกันจนแทบเสียเพื่อน แล้ววันนี้ ผ่านมาปีกว่า กลับมาคุยกันอีกครั้ง เธอกลายเป็นพวกตาสว่าง แถมรู้ทฤษฏีมดแดงล้มช้าง แถมเข้าใจคำว่า เปลี่ยนระบอบด้วย (ฮา)

เฮ้ย หลวงตาชูกับเณรน้อย ก็ดังไม่หยอก...
แล้ววันนี้ ยังมีดาวรุ่งทั้งวัยสูงและวัยกลาง รวมถึงเอ๊าะ ๆ อีกหลายท่าน

หรือยุคประชาพาไป...สู่แดนศิวิไลซ์ มันใกล้มากแล้วจริง ๆ

มันถึงได้มีข่าวอะไรทำนองแบบข้างล่างนี้ถี่ขึ้นเนาะ
http://www.dailynews.co.th/politics/355320

Sunday, October 18, 2015

สิ่งที่เหล่าทัพนกหวีด ลืมคิดแบบย้อนแย้งตนเอง

น้องสาวคนสวยโปรดฟังทางนี้หน่อยนะ


ถ้า "ทักษิณ" เอาเงินหลวงใส่บัญชีคุณหญิงพจมาน
ถ้า "ยิ่งลักษณ์" ซื้อไมโครโฟนตัวละแสนห้า แต่ราคาจริงแค่ 95,000
แล้วบอกว่าแค่ส่วนต่างเยอะ
ถ้า "ณัฐวุฒิ" เอาบริษัทตัวเอง มารับงานพีอาร์ ขณะนั่งเป็นรัฐมนตรี
โดยไม่ผ่านการประมูล
ถ้า "จตุพร" บวช แล้วเอาวัดเป็นที่ซ่องสุมทางการเมือง อ้างว่าเทศนาสอนธรรมะ แต่แท้จริงคือการชุมนุมทางการเมืองของเสื้อแดงในวัด
ถ้า "ปลอดประสพ" สั่งตัดถนนผ่านเขาใหญ่ โดยไม่มีรายงาน EHIA หรือการทำประชาพิจารณ์ อ้างว่าเพื่อให้สัตว์มีทางเดิน
ถ้า "ชัชชาติ" เสนอแผนงาน 3 ล้านล้าน แพงขึ้น แต่ได้แค่รถไฟรางคู่กระจอกๆ ความเร็วแค่ 160 km/hr. แบ่งสัมปทานให้จีนกับญี่ปุ่น เข้ามาทำเอง
ถ้า "คำรณวิทย์" เป็น ผบ.ตร. แล้วจับแพะเกาะเต่า โยนความผิดให้พม่าว่าฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
ถ้า "พรรคเพื่อไทย" แก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมให้ตัวเองจากความผิดทุกอย่าง ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต
ถ้า "นิวัฒน์ธำรง" สั่งจำนำยุ้งฉาง ให้ชาวนาเอาข้าวเก็บไว้ในยุ้งฉางตัวเอง ทั้งๆที่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่มียุ้งฉาง แต่คนที่มีคือพวกโรงสีและนายทุนค้าข้าว
ถ้า "สุรนันท์" สั่งห้ามสื่อเขียนวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และห้ามนำเสนอข่าวของประชาธิปัตย์
ถ้า "กิตติรัตน์" สั่งแจกเงินชาวนา และสวนยาง ไร่ละ 1,000 บาท แล้วบอกว่าไม่ใช่ประชานิยม #(หยุดดัดจริตประเทศไทย)
ถ้าเป็นแบบนี้น้องสาวคงนอนอยู่บ้านไม่ติด ออกมาเป่านกหวีดขับไล่ ใช่ป่าว
พี่น้องกปปส.คร้บ ผมเข้าใจแล้วที่ผ่านมา ดัดจริต ไว้มาก
ออกมาเถอะ ผมให้อภัยแล้ว อย่ามัวมุดท่อน้ำอยู่เลย
ออกมาเป่านกหวีด เหมือนที่เคยเป่าเถอะ
คิดถึงนะนกหวีด กปปส กะโหลก กะลา ปรี๊ดดดดด กรั่กๆๆๆๆ

Saturday, October 17, 2015

ระบบกษัตริย์ไทย และระบอบราชาธิปไตย ไม่เคยรักประชาชนจริง

คงไม่มีใครอยากเห็นภาพ "ยายเฒ่า" 

นั่งร้องไห้มองดูเจ้าหน้าที่ตัดฟันต้นยางพารา ซึ่งปลูกมากับมือ เพราะภาพนั้นมันไม่ได้สร้างผลงาน "เชิงบวก" ให้กับภาครัฐ คสช.อย่างแน่นอน

ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร ร่วมผูกแขนเอิ้นขวัญให้นางจันทรา บังทอง วัย 82 ปี ชาวบ้านหนองแวง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก พร้อมด้วยกำลังทหารบุกเข้าตัดฟันต้นยางพาราไปกว่า 2,000 ต้น

ยายจันทรามีสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของครอบครัว ก็คือสวนยางแปลงนี้ แต่ก็มาถูกตัดทิ้งไปแบบไม่ทันตั้งตัว "ขอบใจลูกๆหลานๆ ที่ยังเป็นห่วงและมาปลอบขวัญให้กำลังใจ แม้จะมีความรู้สึกเศร้า เจ็บปวด และสะเทือนใจที่มาถูกทหารและป่าไม้ตัดฟันต้นยางทิ้งไปอย่างไร้ความปราณี" ยายจันทราพูดปนสะอื้นไห้

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 มิ.ย.2558 คือวันดีเดย์ในภารกิจ "ทวงคืนผืนป่า" ของ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คสช. ที่พุ่งเป้า "สวนยางพารา" ที่รุกป่าเป็นอันดับแรก โดยตั้งเป้ายึดคืน 6 แสนไร่ ในปี 2558 และอีก 9 แสนไร่ ในปี 2559

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 66/2557 เน้นย้ำว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และให้มีกระบวนการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีความสืบเนื่องต่อกันมา แต่เนื่องจากมาตรการหลักของคำสั่ง คสช. คือการใช้กำลังเข้าจับกุม และทวงคืนพื้นที่เป็นหลัก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าและกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย"

หากความจริง พบว่าชาวบ้านที่ถูกข่มขู่คุกคาม ไล่รื้อ ตัดฟันทำลายพืชผล และจับกุมดำเนินคดี จากนโยบายดังกล่าว มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 681 รายทั่วประเทศ

"คำสั่ง คสช. ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับประชาชนที่อาศัยและทำกินในเขตป่า …อีกทั้งเมื่อมีการเจรจาในระดับขบวนการภาคประชาชนกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกัน คำสั่ง คสช.ก็ยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ดำเนินการตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก"

ด้านกระบวนการ  "แผนแม่บทป่าไม้นั้นจัดทำโดยกลุ่มคนเพียง 17 คน (ที่ปรึกษา 5 คน, คณะผู้จัดทำ 12 คน) ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารถึง 11 นาย ไม่มีสัดส่วนของตัวแทนภาคประชาชนและนักวิชาการสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง …ไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด"

ยังมีอีกหลายนโยบายที่ คสช. หรือข้าราชการริเริ่ม ซึ่งกำลังเผชิญกับเสียงคัดค้าน และผู้คัดค้านก็นำเสนอเหตุผลและทางเลือก แต่ผู้มีอำนาจไม่สนใจ อาทิ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เปิดเหมืองทองคำทั่วประเทศ เปิดเหมืองโปแตซ และโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา เป็นต้น

เมื่อโลกทัศน์ของ "รัฐราชการ+อำนาจรวมศูนย์+เอื้อประโยชน์นายทุน+เศรษฐกิจมาก่อน" เช่นนี้ แปลกแยกแตกต่างอย่างรุนแรงกับโลกทัศน์ของประชาชน ผู้ไม่ได้ติดอยู่ในวิธีคิดแบบเก่า

ในเมื่อโลกทัศน์ระหว่าง "ข้าราชการ+เทคโนแครต" กับ "ประชาชน" โดยรวมกำลังขัดแย้งแตกต่างกันเช่นนี้ กระบวนการปฏิรูปใดๆ ก็ตาม ที่ไม่วาง "ประชาชน" เป็นหัวใจ จึงไม่มีทางที่จะลงหลักปักฐานได้เลย

ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปอะไรก็ตาม คือการปฏิรูป "โลกทัศน์" ของผู้ถืออำนาจการปฏิรูป
จากโลกทัศน์แบบอำนาจนิยมที่เชื่อว่าคนดี-คนเก่งรู้ดีที่สุด มาเป็นโลกทัศน์แบบประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

หาก คสช. ยังยึดมั่น "โลกทัศน์" ของอำมาตย์นิยม ที่ใช้ ม. 44 และอำนาจจากปากกระบอกปืน ดังเช่นทุกวันนี้ 

ผลก็คือ แรงสะท้อนที่ไม่ได้แค่พลังต้องการประชาธิปไตยสะสมของประชาชน แต่มันจะทวีความรุนแรงด้วยความอดอยาก และความจนของพี่น้อง ประชาชน อีกด้วย


ประชาชน

คงไม่มีใครอยากเห็นภาพ "ยายเฒ่า" 

นั่งร้องไห้มองดูเจ้าหน้าที่ตัดฟันต้นยางพารา ซึ่งปลูกมากับมือ เพราะภาพนั้นมันไม่ได้สร้างผลงาน "เชิงบวก" ให้กับภาครัฐ คสช.อย่างแน่นอน

ปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายไทบ้านผู้ไร้สิทธิสกลนคร ร่วมผูกแขนเอิ้นขวัญให้นางจันทรา บังทอง วัย 82 ปี ชาวบ้านหนองแวง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก พร้อมด้วยกำลังทหารบุกเข้าตัดฟันต้นยางพาราไปกว่า 2,000 ต้น

ยายจันทรามีสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของครอบครัว ก็คือสวนยางแปลงนี้ แต่ก็มาถูกตัดทิ้งไปแบบไม่ทันตั้งตัว "ขอบใจลูกๆหลานๆ ที่ยังเป็นห่วงและมาปลอบขวัญให้กำลังใจ แม้จะมีความรู้สึกเศร้า เจ็บปวด และสะเทือนใจที่มาถูกทหารและป่าไม้ตัดฟันต้นยางทิ้งไปอย่างไร้ความปราณี" ยายจันทราพูดปนสะอื้นไห้

อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 มิ.ย.2558 คือวันดีเดย์ในภารกิจ "ทวงคืนผืนป่า" ของ ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คสช. ที่พุ่งเป้า "สวนยางพารา" ที่รุกป่าเป็นอันดับแรก โดยตั้งเป้ายึดคืน 6 แสนไร่ ในปี 2558 และอีก 9 แสนไร่ ในปี 2559

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 66/2557 เน้นย้ำว่าการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ยากไร้ และให้มีกระบวนการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในกรณีที่มีความสืบเนื่องต่อกันมา แต่เนื่องจากมาตรการหลักของคำสั่ง คสช. คือการใช้กำลังเข้าจับกุม และทวงคืนพื้นที่เป็นหลัก ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าและกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับภาครัฐ จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย"

หากความจริง พบว่าชาวบ้านที่ถูกข่มขู่คุกคาม ไล่รื้อ ตัดฟันทำลายพืชผล และจับกุมดำเนินคดี จากนโยบายดังกล่าว มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 681 รายทั่วประเทศ

"คำสั่ง คสช. ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างมากให้กับประชาชนที่อาศัยและทำกินในเขตป่า …อีกทั้งเมื่อมีการเจรจาในระดับขบวนการภาคประชาชนกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกัน คำสั่ง คสช.ก็ยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติ ดำเนินการตามที่ตัวเองเห็นสมควร ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากขึ้นไปอีก"

ด้านกระบวนการ  "แผนแม่บทป่าไม้นั้นจัดทำโดยกลุ่มคนเพียง 17 คน (ที่ปรึกษา 5 คน, คณะผู้จัดทำ 12 คน) ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่ทหารถึง 11 นาย ไม่มีสัดส่วนของตัวแทนภาคประชาชนและนักวิชาการสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง …ไม่มีกระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่อย่างใด"

ยังมีอีกหลายนโยบายที่ คสช. หรือข้าราชการริเริ่ม ซึ่งกำลังเผชิญกับเสียงคัดค้าน และผู้คัดค้านก็นำเสนอเหตุผลและทางเลือก แต่ผู้มีอำนาจไม่สนใจ อาทิ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เปิดเหมืองทองคำทั่วประเทศ เปิดเหมืองโปแตซ และโครงการพัฒนาริมฝั่งเจ้าพระยา เป็นต้น

เมื่อโลกทัศน์ของ "รัฐราชการ+อำนาจรวมศูนย์+เอื้อประโยชน์นายทุน+เศรษฐกิจมาก่อน" เช่นนี้ แปลกแยกแตกต่างอย่างรุนแรงกับโลกทัศน์ของประชาชน ผู้ไม่ได้ติดอยู่ในวิธีคิดแบบเก่า

ในเมื่อโลกทัศน์ระหว่าง "ข้าราชการ+เทคโนแครต" กับ "ประชาชน" โดยรวมกำลังขัดแย้งแตกต่างกันเช่นนี้ กระบวนการปฏิรูปใดๆ ก็ตาม ที่ไม่วาง "ประชาชน" เป็นหัวใจ จึงไม่มีทางที่จะลงหลักปักฐานได้เลย

ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปอะไรก็ตาม คือการปฏิรูป "โลกทัศน์" ของผู้ถืออำนาจการปฏิรูป
จากโลกทัศน์แบบอำนาจนิยมที่เชื่อว่าคนดี-คนเก่งรู้ดีที่สุด มาเป็นโลกทัศน์แบบประชาธิปไตย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

หาก คสช. ยังยึดมั่น "โลกทัศน์" ของอำมาตย์นิยม ที่ใช้ ม. 44 และอำนาจจากปากกระบอกปืน ดังเช่นทุกวันนี้ 

ผลก็คือ แรงสะท้อนที่ไม่ได้แค่พลังต้องการประชาธิปไตยสะสมของประชาชน แต่มันจะทวีความรุนแรงด้วยความอดอยาก และความจนของพี่น้อง ประชาชน อีกด้วย


ประชาชน

พรรคประชาธิปัตย์คือศัตรูชาวนาถาวรท่ีคบพ่อค้าข้าวกดราคาข้าวชาวนาให้พ่อค้าส่งออกรวยชาวนาจน.

พรรคประชาธิปัตย์คือศัตรูชาวนาถาวรท่ีคบพ่อค้าข้าวกดราคาข้าวชาวนาให้พ่อค้าส่งออกรวยชาวนาจน. https://www.facebook.com/SiamPoliticalCrisis/videos/1038443012854966/

เห็นจดหมายของ องคมนตีนแล้ว "เหล่ ทรราช "บอก

เห็นจดหมายของ องคมนตีนแล้ว

"เหล่ ทรราช "บอก


องคมนตีน ปลิงตังพ่อ ที่เกาะกินประเทศมาอย่างยาวนานได้ทำจดหมายถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.

โดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีประสิทธิภาพ เพราะได้ให้โอกาสกับนักการเมืองที่เคยกระทำความผิดในตำแหน่งกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งหลังพ้นกำหนด 5 ปี

โดยบัญชาว่า ไม่ควรให้โอกาสคนเหล่านี้กลับมากระทำผิดอีกไม่ว่าจะเคยประกอบคุณงามความดีมากน้อยเพียงใดก็ตาม

และหนุนให้มีการปฏิรูปเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเรียกร้องทรัพย์สินคืนเพื่อไม่ให้คนทุจริตหนีไปใช้ชีวิตต่างประเทศพร้อมทรัพย์สินที่กอบโกยไป

*****

ถ้าเป้าหมายคือ........... ชินวัตร  องคมนตีนเหล่านั้น ถึงหูหนาตาบอด 

ความผิดของทักษิณ ที่ องคมนตีน ไม่อาจให้อภัยได้คือ

- ทำให้ประเทศ มีระบอบ ประชาธิปไตย
- ช่วยชาวนาด้วยการจำนำข้าว
– กองทุนหมู่บ้าน 
– 30 บาทรักษาทุกโรค 
– OTOP 
– การชำระหนี้ IMF ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี 
– การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดเรื้อรังเป็นภัยคุกคามต่อสังคมไทยมานาน 
– การนำหวยใต้ดินมาอยู่บนดิน 
– การยกเลิกโทษจำคุกแทนค่าปรับต่อคนจน 
– การสร้างนักเรียนทุนรัฐบาลในระดับต่างๆเป็นจำนวนมาก 
– การลงทะเบียนคนจนและประกาศแก้ปัญหาความยากจนให้สำเร็จใน 2 ปี
- ฯลฯ

ทักษิณ เป็นแค่เหยื่อของอำนาจพิสดาร...... ไม่ใช่หรือ.....???

นับตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตรอาสาเข้ามาทำงานการเมืองและทำหน้าที่เป็นผู้นำของประเทศนั้น สำหรับผู้เขียนแล้วจากการติดตามการเมืองไทยตลอดระยะเวลาที่่ผ่านมาผู้เขียนคิดว่า ทักษิณ ท่านเป็นผู้นำที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอมากกว่านายกฯไทยคนใดในอดีตที่ประเทศไทยเคยมีมา

และ

ทักษิณกระทำความดีต่อชาติและประชาชนมากกว่า องคมนตีนและทหารเหี้ย ทั้งหลายแห่ 

นั้นคือความจริง

การจะกำจัดระบบ ทักษิณ ทำง่ายนิดเดียว ว่าแต่ทหารเหี้ย และ องคมนตีน จะทำได้ไหม และไม่ยากเลย

ใช่ความ ยุติธรรม ปกครองประเทศ เท่านั้นครับ

และทำงานให้ดีกว่า ทักษิณ ที่ได้ทำมา อย่างเป็นรูปธรรม เท่านั้น

ก็จะกำจัด ทักษิณ ได้แล้ว

ไม่ใช่ ทหารเหี้ย คสช. ทำอย่างทุกวันนี้ มีแต่สร้างปัญหา 

และอีกไม่นาน ก็จะมีทักษิณ  2 3 4 5 6 7 8 9 อย่างไม่สิ้นสุด

จนชาวบ้านเขาพูดกันว่าจากท้องทุ่งนา ถึงตลาดในเมืองว่า

เขาจะรอดูพวกอำมาตย์ชั่วทหารเหี้ย............... ตายไปต่อหน้าเท่านั้น พวกเขาถึงจะนอนตายตาหลับ..........นั้นคือสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า

อำมาตย์ อย่างชั่ว ทหารเหี้ย

ได้ฝากอะไรไว้กับประเทศนี้


ประชาชน


A57A8F3C-F3CA-4894-88D5-36C144542FFC

คลิปฮ็อต ในอดีต

13 เมษาสงกรานต์เลือด ตอนที่ 1/5
http://youtu.be/1SMnydKACLg
................................
13 เมษาสงกรานต์เลือด ตอนที่ 2/5
http://youtu.be/OtN2WPkcVhM
...............................
10 เมษายน ทหาร ปะทะ นปช ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ 1
http://youtu.be/lryARQDC30U
...........................
9 เม.ย. 53 เสื้อแดงบุกไทยคม 6 http://youtu.be/a089zgwnXDY
.............................
เสียงเพรียกจากญาติวีรชน 10 เมษา ต่อศาลไทยศาลโลก chunk6
http://youtu.be/DK-jCKGoki8
...........................
21-4-56 คนแดนไกล ห่วงใยประชาชน - รำลึกวีรชน 10 เมษา http://youtu.be/fL10pDBYnFg
...............................
ทอม ดันดี งานส่งใจถึงเพื่อนที่เรือนจำ
18 02 55
http://youtu.be/gBP8qSvSQwA
...............................
มึงตายกูไม่เก็บศพให้แน่นอน
http://youtu.be/ymgT2BnDUws
Chat Conversation End

Friday, October 16, 2015

Thursday, October 15, 2015

10 “คนเดือนตุลา” หนุนรัฐประหาร



เหตุการณ์เดือนตุลาย้อนกลับมาสู่ห้วงความทรงจำของใครหลายๆคนอีกครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านช่วงเวลานี้มาก่อนคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลืมเรื่อง ราวการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นเสี้ยวหนึ่งของ ประวัติศาสตร์ที่ถูกบดบังในเงามืด

ทั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519 ต่างก็เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงโดยรัฐที่ทำให้เกิดการสูญเสียเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์แรก 14 ตุลา หรือ วันมหาวิปโยค เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนในประเทศไทย มากกว่า 5 แสนคน ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการของจอมพล ถนอม กิตติขจร นำไปสู่การใช้กำลังของรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 มีผู้เสียชีวิต 77 ราย บาดเจ็บ 857 ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก

Image.aspx1_22979

ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เป็นเหตุการณ์จลาจลและปราบปรามนักศึกษาและผู้ประท้วงในและบริเวณหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ขณะที่นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยกำลังชุมนุมประท้วงการเดินทางกลับประเทศ ของจอมพล ถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยสถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 46 คน ซึ่งมีทั้งถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกทุบตี หรือถูกทำให้พิการ

370780ThuDecember2003-11-18-21-big10

ภายหลังจากเหตุการณ์ 14ตุลา และ 6ตุลา ก็มีนักศึกษาจำนวนมากที่ต้องระเห็ดระเหินเร่ร่อนหนีการจับกุมจากรัฐ หรือบางส่วนก็ตัดสินใจหลบหนีไปเองเนื่องจากทนสภาพสังคมในขณะนั้นไม่ไหว เข้าป่า และจับอาวุธต่อสู้ร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

หลายคนถูกจับกุมอยู่ในเรือนจำบางขวาง ส่วนมากเป็นนักศึกษา นักกิจกรรม นักคิด นักเขียน ปัญญาชน ที่คิดนอกกรอบอุดมการณ์ของรัฐ

เวลาผ่านไปกว่า 40 บุคคลที่เคยผ่านช่วงเวลาการต่อสู้เหล่านี้ได้เติบโตขึ้น เป็นปัญญาชนแถวหน้าของประเทศ บางคนยังคงต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ของตนเอง และบางคนก็ยอมก้มหัวรับใช้อำนาจนอกระบบ

คนที่ยังคงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดเสมอมานั้นไม่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าแปลกกว่าคือคนที่ออกตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนการกระทำรัฐประหาร หรือเข้าร่วมสังคกรรมกับคณะที่ทำรัฐประหาร มาดูกันว่า 10 บุคคล เดือนตุลา ที่น่าสนใจเหล่านี้ เป็นใครกันบ้าง

1. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์

sombat

ในเหตุการณ์วันมหาวิปโยค หรือเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ มีบทบาทเป็นเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ซึ่งร่วมในการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และขอให้รัฐบาลในขณะนั้นลาออกด้วย โดยเป็นผู้อ่านประกาศขอให้รัฐบาลปล่อยตัว 13 ขบถรัฐธรรมนูญและเรียกร้องรัฐธรรมนูญภายในเที่ยงของวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2516 แต่เมื่อถึงเวลาแล้วรัฐบาลก็หาได้กระทำไม่ การเดินขบวนจึงเกิดขึ้นที่ถนนราชดำเนินยาวไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า

ปัจจุบันสมบัติ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในด้านการเมือง สมบัติ เป็นแกนนำของกลุ่ม กปปส และ เป็นประธานและคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในสปช. อีกด้วย

 

2. เอนก เหล่าธรรมทัศน์

anek

ในช่วงการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาช่วงปี 2519 เอนก เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มจุฬาประชาชน และยังได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ เอนกได้หนีเข้าป่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นเวลากว่าสี่ปี

ปัจจุบัน เอนกเป็น เป็นคณบดีวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ ม.รังสิต และร่วมกับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) และคณะกรรมการปรองดอง โดยยังเป็นคนพยายามผลักดันกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติอีกด้วย

 

3. อมร อมรรัตนานนท์

amorn

ถือเป็นหนึ่งในคนเดือนตุลา ที่มีบทบาทสำคัญ โดยก่อนหน้านั้นเป็นเลขาธิการศูนย์กลางนักเรียนในปี พ.ศ. 2519 และนำนักเรียนขาสั้นเข้าร่วมเหตุการณ์ 6 ตุลา จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเป็นเวลา 3 วัน ก่อนที่จะหนีเข้าป่า เฉกเช่นนักศึกษาคนเดือนตุลาอื่นๆ ในยุคนั้น โดยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เขตงานสุราษฎร์ธานี ในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ยังได้เข้าร่วมกับ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ขับไล่ พล.อ. สุจินดา คราประยูร

ปัจจุบัน อมร อมรรัตนานนท์ เปลี่ยนชื่อเป็น รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี บทบาทด้านการเมือง ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแกนนำในการบุกยึดทำเนียบ และบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นแกนนำ คปท ร่วมกับพุทธอิสระ มีท่าทีสนับสนุนรัฐประหารที่ชัดเจนคนหนึ่ง

 

4. วิทยากร เชียงกูล

vithayakorn

แม้จะไม่ได้มีบทบาทในการเคลื่อนไหวในช่วงปี 2516-2519 แต่ก็เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในเชิงความคิดแก่นักศึกษาในยุคดังเกล่า เพราะเป็นผู้เขียนบทกลอน "เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน" เมื่อ พ.ศ. 2511 ซึ่งมีท่อนติดปากว่า "ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว" บทกลอนนี้ได้กลายเป็นข้อเขียนหนึ่งในหลายชิ้น ที่มีอิทธพลต่อการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาในช่วงนั้น ซึ่งต่อมาได้พัฒนาไปสู่การเรียกร้องประชาธิปไตย ในเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 และ เหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519
ปัจจุบัน วิทยากรดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์และคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เคยแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร (http://www.naewna.com/politic/82151) และยังเป็น กรรมการ สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.) อีกด้วย

 อ่านต่อที่


http://www.ispacethailand.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/7289.html


เรื่องหลังบ้านประยุทธ์...อีกละ

แชร์มาจากลูกศิษย์รักคนหนึ่งของอาจารย์น้อง                 "--ผมขำเพื่อนๆหลายคน เค้าก็รู้เราจับผิดอาจารย์น้องได้ ก็ชัดยิ่งกว่า หลังเหตุท่านประยุทธ์ไปจ้อหน้าจอว่าก่อนท่านจะทำปฎิวัติ ที่นี่ทาง ท่านและครอบครัวต้องปิดห้องร้องให้หนักมาก ไม่รู้ท่านจะโกหกให้คนซึ้งไปทำไม ไม่อายลูกน้อง คนติดตามก็เป็น เพื่อนๆเขาถึงมันเขี้ยว อยากกัด หาที่แฉถึงตอนคืนที่ทหารปฏิวัติ 22 เดือนพฤษภาที่จริงอาจารย์น้องได้พากลุ่มจัดงานฉลองสามีทำปฎิวัติ เรียกพวกๆทั้งเพื่อนและกลุ่มช่วยเป็นสปอนด์เซอร์ให้กับม้อบ ธงชาติ กปปส. ผมว่าน่าอายจริงสำหรับคนเป็นอาจารย์สอนเด็กจุฬามานาน ท่านประยุทธ์ก็นะ พูดในสิ่งที่ตรงข้ามที่ทำได้เต็มปาก แล้วมานั่งด่าพวกการเมือง ใครก็ไม่ชอบนักการเมือง แต่ทหารก็ไม่น่าทำตัวแบบนี้ ไปแย่กว่านักการเมืองเสียแล้ว เสียเลย ตัวพวกเราเคยคิดว่าอาจารย์น้องเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ แต่พอได้เห็นเวลาเป็นใหญ่ อาจารย์น้องดูโหดร้ายและเหี้ยมเกรียมอย่างไม่น่าจะไม่เหลือเค้าคนเดิมเลย ใครด่าว่าไม่ได้ ให้จับเข้าคุก เป็นเอามาก คนพูดการเมืองไม่ได้ แต่สามีอาจารยน้องเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วนะครับ ตัวอาจารย์ก็ยอมรับเสียเถอะครับว่ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วย เสียดายท่านประยุทธ์มากกว่าพื้นฐานความคิดเป็นทหาร ก็พอมีอยู่ แต่พอมาเพื่อจัดการผลประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม ก็เสียท่า พูดไปก็ติดขัดๆ ผมไม่อยากเจาะถึงประเด็นอื่นนอกจากอยากตัดเพ้อต่อว่าอาจารย์ที่เคยเคารพรัก แต่สถานการณ์แบบนี้ท่านคงนำอะไรต่อไปไม่ได้อีกแล้วครับ ต้องตายไปกับระบอบที่ท่านทำขึ้นมาครับ กรรมติดตัวท่าน ท่านจะรู้ตอนท่านแพ้ภัยตัวเองครับ"