ซีรีย์ กบฏบวรเดช ตอนที่ 3.5
ตอน ความมีพิรุธของรัชกาลที่ 7 และเจ้าฟ้าบริพัตร
ในระหว่างการสู้รบระหว่างฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายกบฏ นั้น ในหลวงรักาลที่ 7
ทรงประทับอยู่ที่ สงขลา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับมาลายาของอังกฤษ
สามารถเดาได้ว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น รัชกาลที่ 7
สามารถลี้ภัยไปโดยข้ามพรมแดนไปยังมาลายาได้โดยง่ายมาก และ
สามารถเดินไปยังอังกฤษโดยสะดวกเช่นกัน
เจ้าฟ้าบริพัตร ผู้มีอิทธิทางทหารมากที่สุด ก่อน เกิดการเปลี่ยนการปกครอง
2475 ภายหลังเมื่อคณะราษฎรทำการสำเร็จ
ก็ ถูกเนรเทศไปอยู่อินโดเนเซีย ระหว่างทรงประทับอยู่ที่นั่น ได้
มีการส่งจดหมายลับถึงรัชกาลที่ 7 ระหว่างกัน ก่อนเกิดเหตุกบฏบวรเดช 2476
ซึ่ง ผู้ที่เป็นตัวกลางในการนำจดหมายลับระหว่างกันนี้ คือ นาย ไออิซูกะ
ชิเกรุ เป็นนักธุรกิจญี่ปุ่น ในอาเซียน สนิทสนมกับ เจ้าฟ้าบริพัตรมาก ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 2475
จดหมายลับนี้ มีข้อความใจความสำคัญว่า
เจ้าฟ้าบริพัตรยินดีขนสมบัติของพระองศ์และรัชกาลที่ 7 ออกนอกประเทศ
ซึ่งจดหมายฉบับนี้ได้ส่งหากัน ก่อนเกิดกบฏบวรเดช และต่อมา รัชกาลที่ 7 ก็ทรงไปประทับที่สงขลา
นี้เองคือความพิรุธของรัชกาลที่ 7 ทำไมทรงไม่ประทับอยู่พระนคร
สนับสนุนประชาธิปไตย และเป็นกำลังในให้กับรัฐบาล ?
เหมือนกับมีการเตรียมการกันมาอยู่แล้ว ระหว่างฝ่ายกบฏ และ รัชกาลที่ 7
นายไออิซูกะนี้ ได้เป็นตัวกลางได้การติดต่อกับฝ่ายนิยมเจ้าด้วย โดย
มีเจตนาเพื่อนำระบอบเก่ากลับมาให้ได้
นาย ยาตาเบ ซึ่งเป็นทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
ผู้สนับสนุนระบอบใหม่ของคณะราษฎร ในฐานะเพื่อนร่วมชาติ ได้คัดค้าน การกระทำ
ของนายไออิซูกะ ได้สั่งให้ ระงับการช่วยเหลือฝ่ายนิยมเจ้าของนายไออิซูกะ
ทันที เนื่องจาก รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนระบอบใหม่ของไทย และ
จะทำให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและญี่ปุ่น
อีกพิรุธคือ ก่อนรัชกาลที่ 7 จะสละราชสมบัติ พระองศ์ทรงประทับอยู่ที่อังกฤษ
ระหว่างทรงประทับอยู่ที่นั่น พระองศ์เรียกร้อง ต่อรองต่างๆนาๆ ต่อ คณะราษฎร
จนในที่สุดเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็เกิดอาการน้อยใจ และ สละ ราชสมบัติ ในขณะอยู่อังกฤษ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 4 จุดจบของพระยาสิทธิสงครามและกบฏบบวรเดช จอมพลประภาสแจ้งเกิด !
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
หนังสือตามรอยอาทิตย์อุทัย แผนการสร้างชาติของคณะราษฎร ของ ณัฐพล ใจจริง
หนังสือ กบฏบวรเดช ของ ณัฐพล ใจจริง
ฝากกดติดตาม เพจผมด้วยนะครับ ^^
https://www.facebook.com/khanaratsadon2475/
หากใครพลาดตอนที่ผ่านๆมา รับชมได้ ลิงค์ด้านล่างครับ
ตอนที่ 1
https://www.facebook.com/khanaratsadon2475/posts/139793477930684
ตอนที่ 2
https://www.facebook.com/khanaratsadon2475/posts/143718424204856
ตอนที่ 2.5
https://www.facebook.com/khanaratsadon2475/posts/148856887024343
ตอนที่ 3
https://www.facebook.com/khanaratsadon2475/posts/150097146900317
Thursday, December 24, 2020
รัฐบาลแห่งการกู้ สร้างหนี้สินเป็นประวัติการณ์แล้ว
ไชโย.... ไทยจนที่สุดในอาเซียน
แล้ว เป็นอันดับ 1
เศรษฐกิจไทยส่อพังทั้งระบบ คนจนพุ่ง 100%-หนี้เพิ่มทะลุเพดาน
ธนาคารโลกชี้ชัด รัฐบาลลุงตู่ โกง-จน-เจ๊ง คนไทยจ่ออดตายมากกว่า 50%
.
สุดช็อค ธนาคารโลกประจานเศรษฐกิจไทยกำลังเจ๊งทั้งระบบเพราะรัฐบาลโกง
ยอดคนอดตายพุ่งเกินครึ่งของประชากรหรือราว 40 ล้านคน (57%)
คนไทยรายได้ต่ำกว่า 150 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 100%
ตัวเลขหนี้ประเทศพุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท สูงแตะ
88-90% ต่อจีดีพี การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะแดก รัฐบาลกู้มือเติบ 7
ล้านล้านบาท ผลาญงบประมาณต่อท่อน้ำเลี้ยงคอร์รัปชั่น
.
[[[ เจ๊งทั้งประเทศ ]]]
.
ธนาคารโลก (World Bank) [1] เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในสภาวะวิกฤติ
ผู้มีรายได้น้อย/คนไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3
ของประชากรทั้งประเทศ จากการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือช่วงโควิดจากรัฐบาล
คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว
การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะแดก สอดคล้องกับตัวเลขคนจนที่พุ่งสูงขึ้น 100%
โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 150 บาท (ครึ่งนึงของค่าแรงขั้นต่ำ)
มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ธนาคารโลกยังงัดตัวเลขตอกย้ำความเน่าเฟะในยุคลุงตู่อีกด้วยว่า
อัตราความยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.2 ปี 2558 เป็นร้อยละ 9.8
ปี 2561 สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9
ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในภูมิภาคอาเซียน คิดเป็น 13% ของ GDP
แต่ผลทีได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 6
แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของ GDP และทำเงินหายไป 1.3 ล้านล้านบาท
.
[[[ หนี้ท่วมทะลุเพดาน ]]]
.
'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' รัฐบาลที่สร้างหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์
แต่เศรษฐกิจไทยก็เจ๊งมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
ตัวเลขหนี้ล้นเพดานเติบโตพุ่งพรวดไปพ้อมกับความเหลื่อมล้ำ
ตอกย้ำเศรษฐกิจลิเกหลวงที่ใช้ระบบเอื้อศักดินาแล้วปล่อยปลาเล็กปลาน้อยตายเรียบ
ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของประเทศพุ่งสูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18
ปี สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจพังจากฐานราก คนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้เท่าเดิมแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น
.
ไทยเหลื่อมล้ำพุ่งรอบ 10 ปี รวยจนห่างกันสูงสุด 20 เท่า
หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มทะลุ 80% คนจนมีโอกาสเรียน ป.ตรีแค่ 3%
เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้ที่มีรายได้มากที่สุดแตกต่างจากผู้ที่มีรายได้น้อยสุดกว่า
20 เท่า โดยมีกลุ่มคนชนชั้นกลางอยู่ประมาณ 35%
สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มบน
และการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึงไปสู่คนกลุ่มล่าง
แม้ดูจะดีขึ้นจากปี 2550-2561 แต่จำนวนคนยากจนในปี 2560-2563
มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นมาในช่วง 3 ปีหลัง
.
[[[ โกง-จน-เจ๊ง]]]
.
ธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุหลักที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คือ
ปัญหาการคอร์รัปชั่นของภาครัฐบาล [3] นำไปสู่
'ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน'
ซึ่งเป็นปัญหาการขับเคลื่อนจีดีพีตามหลักเศรษฐศาสตร์
โดยเฉพาะปัญหาธรรมาภิบาล หรือการทุจริต
มีปัญหาทั้งภาคราชการและฝ่ายการเมือง
นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวเนื่องที่ไทยกำลังเผชิญ คือ การโกงงบประมาณ
ความเหลื่อมล้ำ หรือการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน
.
'ผู้นำบ้าอำนาจ'
คือเหตุผลที่ธนาคารโลกประจานไทยว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลประยุทธ์
เนื่องจากคนที่เข้ามามีอำนาจและมีหน้าที่ทางการเมืองไม่สามารถประนีประนอม
(compromise)
และหาจุดร่วมกันได้เพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้นได้ตามนโยบายที่ตนวางไว้
ผลคือในสายตาต่างประเทศ ประเทศเรามีปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ตรงหรือเอียง
(Unlevel Playing Field) ระหว่างบริษัทไทยขนาดเล็ก บริษัทต่างชาติ
เทียบกับบริษัทไทยขนาดใหญ่
.
เห็นได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง
การให้สัมปทานสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่จัดสรรโดยรัฐมักจะไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศในธุรกิจนั้นๆ
เข้าแข่งขัน
ผู้ได้สัมปทานจะเป็นบริษัทใหญ่ของประเทศกับบริษัทแนวร่วมต่างชาติที่จัดตั้งขึ้น
ผลคืออำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทใหญ่นับวันจะมากขึ้น
ผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ 5%
แรกของประเทศมีสัดส่วนรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด
มีส่วนแบ่งยอดขายมากถึง 46% และสัดส่วนกำไรกว่า 60%
อำนาจทางธุรกิจแบบนี้ไม่จูงใจให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าแข่งขัน ขณะที่ผู้บริโภคเสียประโยชน์
.
อ้างอิง
[1] https://www.posttoday.com/finance-stock/news/639770
[2] https://www.matichon.co.th/economy/news_2359806
[3] https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/910375
แล้ว เป็นอันดับ 1
เศรษฐกิจไทยส่อพังทั้งระบบ คนจนพุ่ง 100%-หนี้เพิ่มทะลุเพดาน
ธนาคารโลกชี้ชัด รัฐบาลลุงตู่ โกง-จน-เจ๊ง คนไทยจ่ออดตายมากกว่า 50%
.
สุดช็อค ธนาคารโลกประจานเศรษฐกิจไทยกำลังเจ๊งทั้งระบบเพราะรัฐบาลโกง
ยอดคนอดตายพุ่งเกินครึ่งของประชากรหรือราว 40 ล้านคน (57%)
คนไทยรายได้ต่ำกว่า 150 บาท/วัน เพิ่มขึ้น 100%
ตัวเลขหนี้ประเทศพุ่งทะลุเพดานสูงสุดในรอบ 18 ปี รวม 13 ล้านล้านบาท สูงแตะ
88-90% ต่อจีดีพี การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะแดก รัฐบาลกู้มือเติบ 7
ล้านล้านบาท ผลาญงบประมาณต่อท่อน้ำเลี้ยงคอร์รัปชั่น
.
[[[ เจ๊งทั้งประเทศ ]]]
.
ธนาคารโลก (World Bank) [1] เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยในสภาวะวิกฤติ
ผู้มีรายได้น้อย/คนไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3
ของประชากรทั้งประเทศ จากการขอรับสิทธิ์ช่วยเหลือช่วงโควิดจากรัฐบาล
คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว
การคลังถังแตก-คนจนไม่มีจะแดก สอดคล้องกับตัวเลขคนจนที่พุ่งสูงขึ้น 100%
โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าวันละ 150 บาท (ครึ่งนึงของค่าแรงขั้นต่ำ)
มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 4.7 ล้านคน เป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน
นอกจากนี้ธนาคารโลกยังงัดตัวเลขตอกย้ำความเน่าเฟะในยุคลุงตู่อีกด้วยว่า
อัตราความยากจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.2 ปี 2558 เป็นร้อยละ 9.8
ปี 2561 สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9
ล้านล้านบาท ถือว่ามากสุดในภูมิภาคอาเซียน คิดเป็น 13% ของ GDP
แต่ผลทีได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย กระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ 6
แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของ GDP และทำเงินหายไป 1.3 ล้านล้านบาท
.
[[[ หนี้ท่วมทะลุเพดาน ]]]
.
'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' รัฐบาลที่สร้างหนี้มากสุดในประวัติศาสตร์
แต่เศรษฐกิจไทยก็เจ๊งมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
ตัวเลขหนี้ล้นเพดานเติบโตพุ่งพรวดไปพ้อมกับความเหลื่อมล้ำ
ตอกย้ำเศรษฐกิจลิเกหลวงที่ใช้ระบบเอื้อศักดินาแล้วปล่อยปลาเล็กปลาน้อยตายเรียบ
ตัวเลขหนี้ครัวเรือนของประเทศพุ่งสูงแตะ 88-90% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18
ปี สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจพังจากฐานราก คนไทยชักหน้าไม่ถึงหลัง รายได้เท่าเดิมแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น
.
ไทยเหลื่อมล้ำพุ่งรอบ 10 ปี รวยจนห่างกันสูงสุด 20 เท่า
หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มทะลุ 80% คนจนมีโอกาสเรียน ป.ตรีแค่ 3%
เมื่อพิจารณาในส่วนของผู้ที่มีรายได้มากที่สุดแตกต่างจากผู้ที่มีรายได้น้อยสุดกว่า
20 เท่า โดยมีกลุ่มคนชนชั้นกลางอยู่ประมาณ 35%
สะท้อนถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มบน
และการแบ่งปันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึงไปสู่คนกลุ่มล่าง
แม้ดูจะดีขึ้นจากปี 2550-2561 แต่จำนวนคนยากจนในปี 2560-2563
มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจำนวนคนจนจะเพิ่มขึ้นมาในช่วง 3 ปีหลัง
.
[[[ โกง-จน-เจ๊ง]]]
.
ธนาคารโลกระบุถึงสาเหตุหลักที่เศรษฐกิจไทยถดถอย คือ
ปัญหาการคอร์รัปชั่นของภาครัฐบาล [3] นำไปสู่
'ความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน'
ซึ่งเป็นปัญหาการขับเคลื่อนจีดีพีตามหลักเศรษฐศาสตร์
โดยเฉพาะปัญหาธรรมาภิบาล หรือการทุจริต
มีปัญหาทั้งภาคราชการและฝ่ายการเมือง
นำไปสู่ปัญหาเกี่ยวเนื่องที่ไทยกำลังเผชิญ คือ การโกงงบประมาณ
ความเหลื่อมล้ำ หรือการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน
.
'ผู้นำบ้าอำนาจ'
คือเหตุผลที่ธนาคารโลกประจานไทยว่าเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นในยุครัฐบาลประยุทธ์
เนื่องจากคนที่เข้ามามีอำนาจและมีหน้าที่ทางการเมืองไม่สามารถประนีประนอม
(compromise)
และหาจุดร่วมกันได้เพื่อนำพาประเทศให้ดีขึ้นได้ตามนโยบายที่ตนวางไว้
ผลคือในสายตาต่างประเทศ ประเทศเรามีปัญหาสนามแข่งขันที่ไม่ตรงหรือเอียง
(Unlevel Playing Field) ระหว่างบริษัทไทยขนาดเล็ก บริษัทต่างชาติ
เทียบกับบริษัทไทยขนาดใหญ่
.
เห็นได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง
การให้สัมปทานสิทธิในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่จัดสรรโดยรัฐมักจะไม่มีบริษัทที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศในธุรกิจนั้นๆ
เข้าแข่งขัน
ผู้ได้สัมปทานจะเป็นบริษัทใหญ่ของประเทศกับบริษัทแนวร่วมต่างชาติที่จัดตั้งขึ้น
ผลคืออำนาจทางเศรษฐกิจของบริษัทใหญ่นับวันจะมากขึ้น
ผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2562 ชี้ว่า บริษัทขนาดใหญ่ 5%
แรกของประเทศมีสัดส่วนรายรับสะสมสูงถึง 85% ของรายรับทั้งหมด
มีส่วนแบ่งยอดขายมากถึง 46% และสัดส่วนกำไรกว่า 60%
อำนาจทางธุรกิจแบบนี้ไม่จูงใจให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าแข่งขัน ขณะที่ผู้บริโภคเสียประโยชน์
.
อ้างอิง
[1] https://www.posttoday.com/finance-stock/news/639770
[2] https://www.matichon.co.th/economy/news_2359806
[3] https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/910375
Thursday, December 10, 2020
Wednesday, October 7, 2020
Friday, October 2, 2020
Wednesday, September 30, 2020
Tuesday, September 22, 2020
Wednesday, September 16, 2020
Monday, September 14, 2020
Wednesday, August 5, 2020
Subscribe to:
Comments (Atom)
รัฐประหารกับทางตันของการพัฒนาประชาธิปไตย: บทพิจารณาเชิงโครงสร้าง
รัฐประหารกับทางตันของการพัฒนาประชาธิปไตย: บทพิจารณาเชิงโครงสร้าง ร่างปาฐกถาเชิงวิชาการ รัฐประหารกับทางตันของการ...
-
ลองนึกภาพกัมพูชาและประเทศไทยเป็นสองบ้านที่อยู่ติดกันบนถนนสายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านทั้งสองมีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนพี่น้องที่ทะ...
-
ความเชื่อที่ว่าชาวยิวครองโลกหรือมีตระกูลยิวบงการเหตุการณ์สำคัญในโลก โดยมีศูนย์กลางที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เป็นแนวคิดที่มาจากทฤษฎีสมคบคิด (c...
-
โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2017–2021 และดำเนินนโยบายที่มุ่งเน้นให้ “อเมริกามาก่อน” (America First) ซึ่งเป็นแนว...