หัวใจสำคัญมดแดงล้มช้าง
ดร. เพียงดิน รักไทย, 25 กุมภาพันธ์ 2559
(สรุปและพัฒนาจากต้นความคิดเดิมเมื่อปี 2554)
หนึ่ง
การพัฒนาศักยภาพประชาชนคือหัวใจของการปฏิวัติ ทั้งในฐานะ “ปัจจัยสู่ชัยชนะ” และ “ผลลัพธ์ของชัยชนะที่ยั่งยืน” ความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกแบบเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง คือเชื้อเพลิงสำคัญของประชาชนผู้ลุกขึ้นสู้.
สอง
ประชาชนต้องใช้จุดแข็งของมวลมหาประชาเอาชนะจุดอ่อนของเผด็จการ ได้แก่ จำนวนคนที่มากกว่า ความชอบธรรมในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย หลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ และชัยภูมิที่เป็นต่อ เมื่อสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน ความรุนแรงของอำนาจปืนจะเสื่อมฤทธิ์ลงเอง.
สาม
การปฏิวัติประชาชนต้องยืนอยู่บนหลักสากล ได้แก่ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน สันติวิธี และความจริง พร้อมกันนั้น ประชาชนต้องพัฒนาตนให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการสร้าง เช่นเดียวกับหัวใจพุทธธรรมว่า “ทำดี ละชั่ว ทำใจให้ผ่องแผ้ว”.
สี่
ประชาชนต้องเข้าใจ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ที่ครอบงำพวกเขา ทั้งด้านการเมือง ทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ศาสนา การศึกษา และระหว่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้กดขี่ด้วยตัวบุคคลเท่านั้น แต่ด้วยสถาบัน วิธีคิด วัฒนธรรม และจิตสำนึกที่ถูกสร้างมาเพื่อรักษาอำนาจของชนชั้นบน การยกระดับคนรอบตัวให้ตาสว่างจึงเป็นฐานเคลื่อนไหวสำคัญ.
ห้า
ความสำเร็จของการปฏิวัติยุคใหม่เกิดจากการสานประสานของหลายปัจจัย ได้แก่ มวลชนที่พร้อมเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วม ขบวนนำที่ชอบธรรม กองทัพที่เคารพประชาชน และแรงสนับสนุนจากนานาชาติ.
หก
ยุทธศาสตร์การปฏิวัติต้องไล่ระดับจาก “รับ – ยัน – รุก – รุกฆาต” จุดหมายคือการทำให้ประชาชนทั้งแผ่นดินตาสว่างและไม่ยอมรับอำนาจเถื่อนอีกต่อไป เมื่อเงื่อนไขพร้อม ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมาเพื่อสร้างชาติใหม่บนหลักการประชาธิปไตย.
เจ็ด
การปฏิวัติมดแดงล้มช้างต้องใช้ “พลังธรรม” ขับไล่อธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรม เช่น การสังหารประชาชนมือเปล่า ความสูญเสียยืดเยื้อ สงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงจากต่างชาติบนความเสียหายของแผ่นดิน.
แปด
การปฏิวัติครั้งนี้เป็นการแก้ปัญหาในบ้านของพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่การรบกับศัตรูต่างด้าว เป้าหมายจึงไม่ใช่การเข่นฆ่า แต่คือการสร้างสภาวะให้ผู้ผิดได้สำนึกและกลับตนเป็นคนใหม่ ดังนั้น ความเป็นธรรม สิทธิมนุษยชน และอารยวิธีต้องถูกยึดถืออย่างเข้มแข็ง.
เก้า
การลุกขึ้นประกาศ “ไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบ” ของคนไทยทุกจังหวัดคือวันดีเดย์ของการรุกฆาต วันนั้นจะมาถึงเมื่อองค์ประกอบทุกข้อพร้อม และเมื่อภาวะการณ์เปิดทางให้ชัยชนะยั่งยืนด้วยความเสียหายน้อยที่สุด.
สิบ
ชัยชนะที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการทำให้ประชาชน “รู้จริง” และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วลุกขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน เมื่อประชาชนกลายเป็นผู้สอดคล้องกับหลักการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ความสำเร็จอันยั่งยืนก็ย่อมถูกประกันโดยไม่ต้องรอวันใด.
ลิ้งค์สำหรับดาวน์โหลดเพื่อเผยแพร่ pdf: http://tinyurl.com/jpsbcvn
ดร. เพียงดิน รักไทย 25 กุมภาพันธ์ 2559 (สรุปและพัฒนาจากความคิดเดิม เมื่อปี 2554),,,,"Piangdin Rakthai"
หนึ่ง การพัฒนาศักยภาพประชาชน คือหัวใจสำคัญที่สุด ของกระบวนการปฏิวัติ (ปัจจัยสู่ชัยชนะ) และผลของการปฏิวัติ (ชัยชนะ) ที่ยั่งยืน โดยปัจจัยที่เอื้อให้การพัฒนา และการประสพชัยชนะได้อย่างแท้จริงและรวดเร็ว คือความไม่กลัว ความฉลาดเท่าทันเกมเผด็จการ และการใช้ความได้เปรียบทุกรูปแบบในการสร้างความเปลี่ยนแปลง
สอง ต้องเน้นการใช้จุดแข็งสู้จุดอ่อนของเผด็จการ กล่าวคือ ต้องใช้ความได้เปรียบเช่น จำนวนอันมหาศาลของประชาชนผู้ถูกกดขี่ ความชอบธรรมของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง หลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก สันติวิธีที่จะทำให้อำนาจปืนและอำนาจเถื่อนเสื่อมสมรรถภาพ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ความจริง ข่าวสาร และการประสานงาน ตลอดจนความได้เปรียบทางชัยภูมิ
สาม ต้องยืนบนหลักการสากล อันได้แก่ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริงและสมบูรณ์ หลักสิทธิมนุษยชน หลักสันติวิธี และความจริง เหล่านี้คือสิ่งดีที่ปวงชนปฏิวัติต้องยึดถือและพัฒนาตัวเองให้สอดคล้อง ในขณะที่จะต้องต่อต้าน ขจัด หรือทำลายสิ่งที่ตรงข้ามในทุกมิติที่ทำได้ บนสติและความหยั่งรู้ว่า ปวงชนต้องทำตัวหรือยกระดับคุณภาพของตนให้สอดคล้องกับสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการปฏิวัติด้วย (เทียบเคียงได้กับหัวใจของศาสนาพุทธ คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำใจให้ปราศจากกิเลส)
สี่ ประชาชนจะต้องเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง (ระบอบ) ที่ครอบงำ เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ ข่มเหง และยัดเยียดความทุกข์ให้พวกเขาในทุกมิติ คือ การเมืองการปกครอง การทหาร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และการต่างประเทศ โดยต้องเข้าใจว่า ตัวบุคคล โครงสร้างองค์กรหรือสถาบันต่าง ๆ กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ครอบงำ (วัฒนธรรม) และจิตสำนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยชนชั้นที่ได้เปรียบหรือเอาเปรียบ และจะต้องช่วยกันยกระดับคนรอบข้างให้เป็นผู้รู้และเข้าใจอย่างเท่าทันต่อการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบเชิงโครงสร้างเหล่านั้น เพื่อเป็นฐานสำหรับการเคลื่อนไหวต่อสู้ในทุกมิติ
ห้า ความสำเร็จของการปฏิวัติประชาชนในยุคปัจจุบันต้องอยู่บนความพร้อมของปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่สานสอดกัน คือ มวลชนที่พร้อมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ อุดมการณ์ร่วมและแนวทางที่เป็นเอกภาพ ขบวนนำที่มีความชอบธรรมและจริงจังต่อระบอบประชาธิปไตย กองทัพที่ต้องรับใช้ประชาชน และมหามิตรประเทศที่พร้อมช่วยเหลืออย่างจริงจัง
หก เป้าหมายของการปฏิวัติเป็นไปตามยุทธศาสตร์รับ ยัน รุก และรุกฆาต ในแต่ละมิติตามวิสัยที่เป็นจริง แต่จะต้องมุ่งให้ประชาชน ตาสว่างทั้งแผ่นดิน ต่อต้านขัดขืนสิ่งชั่วร้ายในทุกมิติ แล้วไม่ยอมรับให้ผู้ปกครองเถื่อนปกครองอีกต่อไป และเมื่อความพร้อมมาถึง ประชาชนจะยึดอำนาจคืนมา เพื่อจัดการสร้างชาติใหม่บนหลักการในข้อสาม ข้างต้น (ล้มช้าง สร้างชาติ)
เจ็ด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้างต้องยึดหลักการใช้พลังธรรมอันมหาศาลขับไล่อธรรม หรือเอาน้ำดีมหาศาลไล่น้ำเสีย เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอย่างควบคุมไม่ได้และยืดเยื้อเกินไป เช่นการ สังหารประชาชนมือเปล่าอย่างโหดร้าย หรือสงครามกลางเมือง หรือการแทรกแซงของต่างประเทศบนความเสียหายของชาติอันใหญ่หลวง
แปด การปฏิวัติประชาชนมดแดงล้มช้าง ถือเป็นการแก้ปัญหาในบ้านของคนไทยทุกคน ที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูต่างด้าวที่ต้องเข่นฆ่ากันให้อาสัญ ดังนั้น เป้าหมายจึงอยู่ที่การสร้างสภาวะที่ทำให้คนที่ทำผิดได้เกิดสำนึกแล้วกลับตัว เพื่อก้าวร่วมกันต่อไป ดังนั้น การคิดสร้างสรรค์ การปรับจิตสำนึก การให้ความเป็นธรรม การเคารพหลักสิทธิมนุษยชน และการใช้อารยวิธี จึงเป็นสิ่งที่ ขบวนปฏิวัติต้องยึดถือด้วยความรับผิดชอบต่อชะตากรรมของบ้านเกิดเมืองนอนร่วมกันของประชาชนทุกคน
เก้า การลุกขึ้นประกาศจุดยืนไม่ยอมรับการปกครองอันมิชอบของเครือข่ายเผด็จการทรราชย์โดยคนไทยทั่วประเทศในทุกจังหวัด คือวันดีเดย์ของการรุกฆาตต่อระบอบเผด็จการ และวันนั้น จะถูกกำหนดด้วยความพร้อมของทั้งขบวนในข้อห้า และภววิสัยที่เอื้อให้เกิดความสำเร็จที่ยั่งยืนบนความเสียหายที่น้อยที่สุด
สิบ ชัยชนะที่แท้จริงที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน คือการเปลี่ยนให้ประชาชน เป็นผู้รู้และเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วยกตนขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิถีปฏิวัติในแต่ละวันที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประชาชนคือผู้ที่ทำตัวสอดคล้องกับหลักการการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนได้จนเป็นนิสัยประจำชาติแล้ว ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงจะได้รับการประกันในที่สุด

