ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, October 31, 2016

ประยุทธ์เตรียมการปิดประเทศ อยู่ยาว??? คนไทยยอมไหม?

การประชุมร่วมกันของแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 5 มีขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมรัฐสภา อาคารรัฐสภา 1 โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) ซึ่งการประชุมเริ่มจาก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับสมาชิกทั้งหมด ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวมอบนโยบายและข้อสั่งการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความต้องการให้ทั้ง 5 องค์กร ร่วมมือทำงานอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นกับดักความขัดแย้ง ให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และมีที่ยืนในเวทีสหประชาชาติ รวมถึงเวทีโลก ขณะเดียวกัน คสช.ได้ดำเนินการตามโรดแม็พ และขณะนี้อยู่ระหว่างแผนระยะที่สอง คือ การมีสภาต่างๆ เพื่อวางกติกา ไปสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น ในช่วงที่ คสช.ดำเนินการตามโรดแม็พนั้น ต้องเลิกปลุกปั่น บิดเบือน หรือสร้างความเกลียดชัง ส่วนคนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ควรกลับเข้ามาพิสูจน์ทราบตามกระบวนการยุติธรรม อย่ากล่าวให้ร้ายหรือไปประจานประเทศไทยอยู่ที่ต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบว่า ประเทศเหมือนแม่น้ำประชาธิปไตย ขณะที่ คสช.และกรธ.เป็นสะพานข้ามแม่น้ำประชาธิปไตยที่ขัดแย้ง เราต้องให้ทุกคนขึ้นสะพานไปให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก แต่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งก็ต้องแยกแยะ โดยนำเหตุการณ์ในอดีตมาพิจารณา รวมทั้งนำข้อมูลจากต่างประเทศมาพิจารณาด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า ต้องมีการปฏิรูป เพราะที่ผ่านมามีการนำสถาบันมากล่าวให้ร้าย แต่หากคนที่ทำยังไม่เลิก ตนก็ยอมไม่ได้ ที่ผ่านมามีคนทำผิดและได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็กลับมาทำอีก

"กรณีที่เกิดขึ้น ผมเรียกมาปรับทัศนคติ ก็มีคนบอกว่าทำผิด ดังนั้นหากพบคนผิด ก็ไม่ต้องเรียกตัวอีก จับติดคุกไปเลยดีหรือไม่ ส่วนกรณีที่เรียกคนมาปรับทัศนคติ ก็บอกว่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นพ่อมันหรือไง แบบนี้บ้านเมืองเสียหายกันหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนท้ายด้วยว่า การเมืองไม่ต้องมาระแวงตน เขียนทุกวันว่าตนจะอยู่ในอำนาจ ถ้าไม่สงบเรียบร้อย ก็อยู่ต่อ ขอให้เลิกพูด หากไม่เลิกก็จะอยู่แบบนี้ หากจะปิดประเทศก็จะปิด ไม่ได้ท้าทาย หากจะเอาประชาชนออกมาคนที่พูดมากๆ หรือคนที่เป็นแกนนำจะโดนก่อน เพราะตนมีอำนาจอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาแจกแจงนโยบายในการประชุมเครือข่าย 5 องค์กร รวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 21 นาที

ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร เพียงดิน

ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร
เพียงดิน

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:56:03


"Whenever you have truth it must be given with love, or the message and the
messenger will be rejected"--Gandhi

มหาตมะ คานธี นักประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่
ท่านมีความจริงจะบอกแก่ผู้อื่น จงแบ่งปันด้วยความรัก มิเช่นนั้น ทั้งสิ่งที่อยากบอกและตัวผู้
บอกเอง จะถูกปฏิเสธ คำกล่าวนี้ สามารถนำมาปรับใข้ได้กับการเคลื่อนไหวปฎิวัติ
ประชาธิปไตยไทยอย่างยิ่ง แต่อาจจะต้องอาศัยความเข้าใจที่เหนือการมองแบบผิวเผินและ
อารมณ์อันคุกรุ่นสักหน่อย

ผมมีโอกาสนั่งดูคุณวิกรม นั่งพรรณาเรื่องปัญหาการเมืองไทยกับคุณสรยุทธ ในรายการจับเข่า
คุย เมื่อ 16 มีนาคม ศกนี้ (โปรดดูคลิ๊ปรายการออนไลน์ที่
http://video.gigchat.com/view_7d8167224d5eebc95cb8.html) จึงมีโอกาสได้
เห็นคนที่เคยมองทักษิณแบบสาดเสียเทเสีย คนที่เคยทรนงในตนเองมหาศาล อย่างคุณวิกรม
มานั่งนึกย้อนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความแตกแยกทางการเมือง ผมพยายามจับน้ำ
เสียงของเขาว่า มีกระแสสีเหลืองและความทรนงอยู่มากน้อยแค่ไหน กลับพบว่า เหลือน้อย
เหลือเกิน กลายเป็นคนมององค์รวมของความเป็นคนร่วมชาติ กลายเป็นการมองความจริงบน
พื้นฐานของคนที่ปลงตกกับข้อมูลที่เห็น ก็น่าอยู่ล่ะครับ ข้อมูลที่เต็มตาตนเองจากการลงทุน
ส่วนตัวที่ถูกกระทบอย่างรุนแรงเงินหายไปนับสี่พันล้าน และการได้เห็นความเจริญเติบโตของ
คนเวียตนาม ที่ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาเหนือกว่าประเทศไทย
700% หรือมากกว่าเราเจ็ดเท่า!

วันนี้ คนไทยหลายคนที่ไม่ชอบบรรดาคนสีเหลือง ก็คงอดจะสะใจ สมน้ำหน้าไม่ได้ แต่นึกไป
นึกมา คนไทยคนหนึ่งจนลง ก็แปลว่าประเทศไทยเราสูญเสียไปด้วย เพราะเราทั้งหลายอยู่ใน
ข้องเดียวกันครับ ปลาตายหนึ่งตัวมันก็เป็นไปทั้งข้องแน่ หากเราต้องอุดอู้อยู่ด้วยกัน ก็คงต้อง
ตายเพราะน้ำเน่าแน่ เพราะอย่างไรก็ตาม เรายังคงผูกพันเป็นพี่น้องร่วมชาติกัน ตัดกันไม่ขาด
หากคิดให้ดี เราจะเห็นว่า ท่าทีที่มองปัญหาด้วยสติเพิ่มขึ้น และด้วยอคติที่ลดลงพร้อมกับ
อัตตานี้แหละ ที่จะทำให้เราสื่อสารถึงกันได้ดีขึ้น สื่อสารด้วยความจริงที่ใสและตกตะกอน และ
สื่อถึงใจกันได้ง่ายขึ้น ผมนั่งฟังรายการนี้ด้วยความคิดว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกฝ่ายในบ้าน
เมืองเรา ต้องถอยกันคนละก้าว แล้วคิดพิจารณาทบทวนหน้าหลัง แยกความจริงออกจากอคติ
มองคนไทยทุกฝ่ายแบบคนไทยด้วยกัน มองผลประโยชน์และความชอบส่วนตนให้น้อยกว่าผล
ประโยชน์ร่วมกันในฐานะคนร่วมชาติ แล้วก็มองให้ออกถึงผลของสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วและ
กำลังทำอยู่

เขียนมาอย่างนี้ เหมือนกับว่าผมจะไม่มีอคติ และไม่มีจุดยืน เปล่าหรอกครับ ผมมิอคติและมีจุด
ยืนชัดเจนมั่นคง คือผมเห็นว่า เสรีประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะเป็นทางออกระยะยาวที่แท้จริง
ของสังคมไทย พวกอำมาตย์ต้องยอมรับว่าตนเองเห็นแก่ตัว รักตัวเองมากเกินไป ไม่เห็นหัว
คนอื่น โลภมากอยากได้เกินกว่าที่ตนควรจะได้ และไม่ยอมให้คนอื่นได้รับผลของการบริหาร
อำนาจและจัดการผลประโยชน์ตามระบอบที่ใช้อยู่ จนไม่สนว่าวิธีการจะทำร้ายประเทศชาติ
และตนเองเพียงใด ขอเพียงให้สมที่ตนอยากได้ จนการกระทำทุกอย่างที่ผ่าน ๆ มา กลายเป็น
ความหลงผิด เชื่อผิด ๆ ว่าตนรักชาติ เชื่อผิด ๆ ว่าตนทำดีมากกว่าคนอื่น เชื่อผิด ๆ ว่าตนรู้ดีกว่า
ชาวบ้าน เชื่อผิด ๆ หรือหลงผิดว่า ตนเองทำประโยชน์ด้วยการเสียภาษีให้บ้านเมืองมากกว่าชาว
บ้าน จึงควรมีสิทธิมากกว่า ฯลฯ ผมเชื่อว่าพวกอำมาตย์และคนสีเหลือง ทำบาปกรรมให้กับ
บ้านเมืองไว้มาก แต่ผมก็เข้าใจว่า คนจำนวนมากเป็นแค่เบี้ยให้เขากำกับ โดยผู้กำกับตัวเป้ง ๆ
มีไม่กี่ตัวไม่กี่กลุ่มหรอก พอนับหัวได้ ดังนั้น เราจึงควรแยกให้ออก ว่าใครเป็นใคร และการจะ
ดำเนินการใด ๆ ก็ต้องให้อยู่บนความเข้าใจตรงนี้ได้

ครับ ผมมีอคติ เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดจากความโลภ โกรธ หรือหลงใด ๆ ผมเชื่อว่ามัน
เป็นฉันทาทิฎฐิ ไม่ใช่มิจฉาทิฎฐิ เพราะ เป็นสิ่งที่อยู่บนเจตนาดี หวังดีแด่ทุกคนทุกฝ่าย แม้ว่าจะ
มีความไม่พอใจบางคนบางกลุ่มที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองย่ำแย่ขนาดไหนก็ตาม การคิดก็ต้อง
พยายามคิดเผื่อให้พวกเขาด้วย เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ด้วยตัวเราเพียงลำพัง
โดยที่คนอื่นไม่ยอมแก้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจ คนที่เคยได้เปรียบ

Paolo Freire นักคิดทางปรัชญาการศึกษาสำหรับผู้ถูกกดขี่ กล่าวว่า ผู้กดขี่นั้น นอกจากเป็น
คนที่มีจิตใจคับแคบกดขี่เอาเปรียบและมองไม่เห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตนแล้วนั้น แท้
จริงแล้วยังเป็นคนอ่อนแออย่างยิ่ง พวกนี้อ่อนแอและกลัวจะสูญเสียความได้เปรียบ กลัวจะถูก
เอาคืน กลัวการเปลี่ยนแปลง และกลัวต่าง ๆ นานา ดังนั้น พวกนี้จะไม่สามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากจิตใจที่ต่ำและเคยชินกับการเอาเปรียบหรือกดขี่ได้ คนที่จะสามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากการมองคนอื่นหรือถูกมองว่าเป็นทาสไพร่ต้อยต่ำกว่าตนและจากการกระทำการ
เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เคยถูกกดขี่มาก่อนเท่านั้น ดังนั้น เราจึงสังเกตุเห็นได้
ว่า คนอย่างอภิสิทธิ์ แม้ว่าจะได้เปรียบทางการศึกษามากปานใด ได้อภิสิทธิ์ในชีวิตมามาก
เพียงใด เขาก็จะไม่สามารถเห็นในสิ่งที่นายกทักษิณเห็น ไม่สามารถพูดออกมาจากหัวใจที่เข้า
ใจชีวิตความเป็นมนุษย์ได้อย่างคุณณัฐวุฒิ และเมื่อเรานึกกลุ่มคนในสถาบันพระมหากษัตริย์ที่
ถูกป้อยอ เอาใจด้วยคำและการกระทำ จนแทบไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้วนั้น พวกเขายิ่งต้องการ
ความช่วยเหลือจากพวกชาวบ้านร้านช่อง คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างพวกเรา หรือจะยก
ตัวอย่างเช่น พลเอกเปรม ซึ่งเคยชินอยู่กับระบบที่มีลูกน้องคอยเลียแข้งเลียขา และยิ่งขึ้นไป
อยู่คู่ราชบัลลังก์ เขาก็ยิ่งไม่สามารถรู้สึกถึงความเป็นคนเดินดินได้เหมือนเดิม เขาต้องการ
ความช่วยเหลืออย่างยิ่ง เมื่อมองถึงคนอย่างสนธิ ล็มทองกุล นี่ก็ยิ่งน่าสงสาร เพราะเขาเป็น
คนทะเยอะทะยานและใช้พรสวรรค์ตนเองในทางที่ผิด คือสร้างเครื่อข่ายอำนาจและขยาย
อำนาจออกไปเพื่ออิทธิพลส่วนตัวและการสร้างแผนคอยแบล็คเมล์ผู้คนเพื่อสู่อำนาจ เมื่อทำ
สำเร็จ เขาก็หลงตัวเองจนยอมรับที่จะแพ้ใครไม่ได้ ความโกรธ เกลียด โลภ และหลงของเขา
จึงหนักและแรงเกินกว่าจะเยียวยา เขาเป็นเหมือนคนเป็นโรคมะเร็งทางศีลธรรมขั้นสุดท้ายแล้ว
นะครับ ไม่มีทางช่วยตนเองได้ หรือจะมองนักธุรกิจอย่างคุณวิกรมนี้เล่า ประสบการณ์การ
ต้องต่อสู้กับระบบที่กดขี่ชีวิตเขาอยู่ ทำให้เขาอาจจะเรียนรู้อะไรได้ดีขึ้นและง่ายกว่า แต่ด้วย
สันดานการขี่ผู้อื่นมามาก เขาเองก็คงยังต้องการได้รับการปลดปล่อยต่อไป และคนที่จะปลด
ปล่อยคนอย่างพวกนี้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครครับ ชาวบ้านร้านช่อง หรือคนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่มี
หัวใจเพียงดิน เคียงรากหญ้านั่นเอง เพราะคนพวกนี้ ผ่านการตรากตรำจ่ำทนมามาก เขามีความ
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกชา อันเป็นธรรมสำหรับพรหม หรือธรรมสำหรับผู้นำ เสียงของ
คนรากหญ้าหรือคนที่สนับสนุนคนยากคนจน ที่อยู่บนรากฐานความรัก หรือพรหมวิหารสี่นี้
แหละครับ ที่จะช่วยให้คนที่เคยกดขี่ได้สำนึก ได้เรียนรู้และปรับตัวในที่สุด

แต่การจะทำอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในระยะที่เรายังเผชิญหน้า และฝ่ายผู้กดขี่ยัง
ไม่รู้สึกถึงผลกรรมของพวกเขาโดยตรงมากพอ และยังมีจิตใจโหดเ*****้ยมที่จะทำร้ายชาวราก
หญ้าข้าติดดินในสายตาพวกเขา แต่ก็หวังว่า คนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบ คงเรียนรู้ได้จากความ
เสื่อมเฉพาะตนและการสูญเสียทรัพย์สินตลอดจนความสุขและสันติในใจของตนไปมากพอ
แล้ว ส่วนนักธุรกิจและกลุ่มผลประโยชน์ทั้งหลายทีรวมหัวกันทำการอันเป็นปฎิปักษ์ต่อการ
พัฒนาบ้านเมืองและการค้าขายกับเพื่อนร่วมโลก ป่านนี้คงมิต่างจากคุณวิกรมมากนัก ส่วนคนสี
เหลืองที่เป็นชาวบ้านหลงผิดนั้นเล่า ก็คงเริ่มได้คิด ว่าสิ่งที่เคยหลงมานานนั้น มันเป็นยาพิษที่
กำลังออกผลร้ายแรง แต่ก็มีหลายส่วนของคนที่มีจิตใจกดขี่ผู้อื่นที่ยังคงจมปลักอยู่กับความ
โลภ โกรธและหลง และยังมีจิตใจหยาบกระด้างและรุนแรงอยู่ คนพวกนี้แหละที่เป็นโจทย์ให้
เราต้องแก้ เราต้องการให้เขากลายเป็นคนมีสติที่อุดมด้วยเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ที
สอดคล้องกับแนวทางแห่งเสรีประชาธิปไตย การดุด่าว่ากล่าว การประจาน การทำร้ายรุนแรง
ฯลฯ ย่อมไม่ใช่วิถีที่ถูกต้อง ย่อมไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง การให้อภัยจังเป็นสิ่งที่ยากเหมือน
ยาขมที่พวกเขาคนสีแดง ที่มีแต่ยอม ยอม ยอม โดยไม่ใช่เพราะเราโง่ แต่เพราะเราสงสาร
ประเทศชาติ เราคิดมากกว่าพวกที่จิตใจหยาบกระด้างชอบกดขี่เอาเปรียบเหยีบบย่ำต่างหาก
แต่เราก็ต้องให้อภัยและรักษาสิ่งที่เราอยากให้เกิด คือ เมตตา กรุณา มิทิตาและอุเบกขาและ
อื่น ๆ อีกมากมายที่เราต้องมีในสังคม เพื่อให้สังคมเดินหน้าต่อไป ดังที่ท่านคานธี ได้กล่าวไว้
ว่า

"We must become the change we want to see."
เราต้องเปลี่ยนตัวเราให้เป็นอย่างที่เราใฝ่ฝีนอยากเห็นก่อน

นั่นคือ หากเราอยากให้สังคมสันติสุข เราต้องมีสันติสุขในตัวเองและแสวงสันติสุขก่อน

และนี่คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งใหญ่ที่คนสีแดงและแกนนำทำถูก คือเราเอาอหิงสธรรม เป็นเครื่องชี้
นำการต่อสู้ เราต้องรักษาตรงนี้ไว้ให้ดี เพราะการฆ่าฟันเมื่อเริ่มแล้ว มันจบยาก การเริ่มมันไม่
ยากนะครับ แต่การเลิกนั้น มันจะยิ่งยากเป็นร้อยเท่าทวีคูณ


คนที่เข้มแข็งจริง ๆ เท่านั้นที่จะให้อภัยได้ นี่ก็เป็นสิ่งทีท่านคานธีกล่าวไว้ เราต้องถามตัวเรา
เองว่า เราให้อภัยคนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบได้ไหม? เมื่อให้อภัยแล้ว เราจัดที่จัดทางให้เขาอยู่พอ
สมฐานะและไม่มาเป็นยาพิษให้กับระบอบได้ไหม? เราให้อภัยคนสีเหลืองที่หลงผิดได้ไหม?
เราให้อภัยนักการเมืองที่ทำผิดชั่วได้ไหม? แม้ว่าเราไม่สามารถยกความผิดให้กับใครได้ แต่
เราสามารถลดความรู้สึกโกรธแค้น ลดการก่นด่าอย่างไม่สร้างสรรค์ แล้วหันมามีบทสนทนา
ร่วมกันบนพื้นฐานพรหมวิหารสี่ให้ได้ เมื่อเรามีความจริงเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เมือง
ไทยเราก้าวมาเกือบแปดสิบปีแบบปลงทาง เมื่อเรารู้ว่าใครกดขี่ใครถูกกดขี่แล้วผลเสียมันเป็น
อย่างไร เมื่อเรารู้ว่า สังคมที่ให้เกียรติและความเสมอภาคมันดีอย่างไร และเมื่อเรามีความจริง
จากใจของคนที่เป็นผู้ถูกกดขี่ที่เข้มแข็ง เป็นธรรม มีอารยะและสูงกว่าอยู่ในตัวเราแล้ว เราก็
ควรพัฒนาและใช้มันให้เกิดประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์ที่สุด

เราทำอะไรได้หลายอย่างนะครับ ลองคิดดูแล้วจะเห็นว่า เรามีทางเลือกเป็นร้อยเป็นพันที่ทำ
ได้ ผมเขียนบทความที่พยายามฝากถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ทราบว่า อย่าได้กลัว
ประชาชนคนไทย ขอให้ทรงสำนึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวเนื่องด้วยความจำเป็น
ของการต้องปรับพระราชฐานะ ผมเขียนถึงอภิสิทธิ์ตั้งแต่สมัยการเมืองยุ่งเหยิง พยายามให้
อภิสิทธิ์กลายเป็นพระเอกด้วยการยอมรับความพ่ายแพ้และลงเลือกตั้งเมื่อก่อนการรัฐ
ประหาร ผมพยายามพูดกับทุกคนไม่ว่าสีไหน ให้เห็นมากกว่าแค่อารมณ์ความเชื่อและความ
รู้สึกส่วนตน หรือการมองประเด็นด้วยอคติ ซึ่งผมยอมรับว่ามันยาก และการให้อภัยมันยิ่งยาก
แต่ พี่น้องสีแดงอาจจะคิดว่า การยอมและพยายามทำดีนั้น มันจะไร้ผลและเราจะพ่ายแพ้ แต่
ท่านคานธีก็ได้สอนให้เราสร้างพลังมหาประชาชนควบคู่ไปด้วย และอหิงสานั้น เป็นวิธีการที่ไม่
รุนแรง แต่ผลมันรุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด และวิธีการมันมีมากมายยิ่งกว่าสะเก็ดระเบิดปรมณูด้วย
ซ้ำ เราต้องฉลาดที่จะทำสิ่งเหล่านั้นไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก้าวไปสู่การสร้างมิตร สร้าง
ความเข้าใจ สร้างความรู้สึกว่าศัตรูทางความคิดแต่เป็นเพื่อนร่วมชาตินั้นเป็นพวกเรา มากกว่า
เน้นคำว่าพวกมัน และอะไรอีกมากมายที่เราทำได้ มันเป็นทางที่วิเศษที่สุดที่เราทำได้ ยิ่งเรา
ทำกันจนเป็นนิสัยและเป็นวงกว้าง มันยิ่งจะเกิดผลชัดเจน หากเรารอคอยจนเจ็บปวดและกลัว
ว่าจะต้องเจ็บปวดซ้ำซาก ต้องสูญเสียและล้มหายตายจากกันอีก ก็จงคิดไว้ว่า ไม่มีใครทำร้าย
เราได้แท้จริงหรอก หากเราไม่ยอมและเราเข้มแข็งพอ ดังที่ท่านคานธีท่านพูดด้วยว่า
"ไม่มีใครทำร้ายเราได้ หากเราไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายเรา"

การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ในระดับที่หยาบ เราคงต้องดำเนินการ
อย่างที่เราทำ แบบดิบ ๆ แบบเผชิญหน้าด้วยเหตุผล แบบมีการถกเถียง แต่เราทำถูกแล้วที่เน้น
เหตุผลและเรียกร้องอารยธรรมเป็นที่ตั้ง แต่ในระดับที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนและถาวรแล้ว ผม
เชื่อว่า ธรรมะของมหาตมะ คานธี ควรค่าแก่การใส่ใจพิจารณาและนำไปใช้อย่างยิ่ง ผมไม่หวัง
ให้ทุกท่านเข้าใจและเห็นด้วย แต่อยากเสนอเพื่อให้ทุกท่านได้คิด ทุกสิ่งที่ท่านตัดสินใจทำ
หรือไม่ทำ และวิธีการที่ท่านทำสิ่งใด ๆ นั้น มันมีค่าต่อการเปลี่ยนแปลงรอบตัวท่านเสมอ...
อย่าดูถูกพลังในตัวของท่าน จงใช้พลังอย่างสร้างสรรค์ มีสติ และอยู่บนรากฐานของความรัก
เถิด พี่น้องไทยทุกหมู่เหล่า

-----------------------------

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:56:03

รายชื่อกลุ่มท่อน้ำเลี้ยง ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทั้งหมด 136 รายชื่อ

รายชื่อกลุ่มท่อน้ำเลี้ยง ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทั้งหมด 136 รายชื่อ

  •              บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)

  •              บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด (มหาชน)

  •              บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

  •              บริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด

  •              กลุ่มบริษัทกาแฟเขาช่อง

  •              โรงแรมดุสิตธานี

  •              กลุ่มโรงแรมสยาม อินเตอร์คอนติเนนตัล

  •              ห้างสรรพสินค้าเกษรพลาซ่า

  •              ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

  •              บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด

  •              บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

  •              บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด

  •              กลุ่มมิตรผล

  •              กลุ่มวังขนาย

  •              โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ

  •              นายชุมพล สุกใส นายอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

  •              ผู้บริหารค่ายเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงและเรดบูล

  •              นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

  •              คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

  •              นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด

  •              นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้บริหารโรงเรียนศรีวิกรม์ นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ภรรยา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

  •              นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการกลุ่มน้ำตาลมิตรผล และประธานหอการค้าไทย

  •              นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการนิตยสารลิปส์

ดร. เพียงดิน รักไทย 31 ตุลาคม 2559 ตอน หลักสิบประการ ของทฤษฎีปฏิวัติมดแดงล้มช้าง


ดร. เพียงดิน รักไทย 31 ตุลาคม 2559 ตอน หลักสิบประการ ของทฤษฎีปฏิวัติมดแดงล้มช้าง 

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ดร. เพียงดิน รักไทย 31 ตุลาคม 2559 ตอน หลักสิบประการ ของทฤษฎีปฏิวัติมดแดงล้มช้าง


ดร. เพียงดิน รักไทย 31 ตุลาคม 2559 ตอน หลักสิบประการ ของทฤษฎีปฏิวัติมดแดงล้มช้าง 

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Sunday, October 30, 2016

รักพ่อสุดหัวใจ...นี่คือคนไทย ชนิดพิเศษ

ดร. เพียงดิน รักไทย 30 ตุลาคม 2559 ตอน วิกฤติเมืองไทย ต้องเลือดท่วมท้องช้างเลยหรือ?

https://youtu.be/3F4qE6okG3I

https://youtu.be/SoeSBjIgOrc

https://youtu.be/JW_Yykslskc

https://youtu.be/W6JjBjfsJSE


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 

  1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก


ผมรักในหลวง 

ผมรักสถาบันกษัตริย์ 

ผมรักราชวงศ์ทุกพระองค์ 

ทุกท่านทรงเป็นคนดีมีจริยวัตรงดงามราวเทวดามาโปรดสัตว์ 

ผมรักสถาบันทหาร 

ผมรักพลเอกเปรม 

ผมรักพลเอก ประยุทธ 

ผมรัก น้องพลเอกประยุทธ 

ผมรัก ผ่องพรรณ 

รัก  พลเอกประวิตร 

ผมรักพลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา 

ผมรักโฆษก คสช ผมรักนายพลไก่อู พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด 

ผมรัก พันเอก วินธัย ผมรักโฆษกกองทัพบก 

ผมรักนักข่าวช่อง5 ผมรักฟ้า  รั

กน้ำ รักทะเล รักฮาวาย 

ผมรักลุงกำนัน สุเทพ 

ผมรักนายชวน 

ผมรักนายกอภิสิทธิ์ 

ผมรักพรรคประชาธิปัติย์  

ผมรักหลวงพ่อ พระพุทธอิสระ 

ผมรักนายแพทย์ เหรียญทอง 

ผมรักองค์กรกำจัดขยะแผ่นดิน 

ผมรักขบวนการกระทิงแดง 

ผมรักกลุ่มนวพล 

ผมรักอาชีวะกู้ชาติ 

ผมรักกรวยกายสิทธ์ 

ผมรักดาราที่ออกมาช่วยชาติป่าวประกาศขึ้นเวที.    

ผมรัก สนธิ ลิ้ม แล้วก็รัก พลเอก สนธิ บัง 

ผมรักทหาร ผมรักโครงการอุทยานราชภักดิ์ 

และรักทุกโครงการของทหาร 

ผมรักโครงการหลวง 

ผมรักโครงการพระราชดำริทุกโครงการ 

ผมรักซีพี ผมรักเจริญโภคภัณฑ์ 

ผมรักนายทุนผูกขาด 

ผมรักเซเว่นอีเลเว่น 

ผมรักกระบวนการขายทรัพยากรธรรมชาติ. ผมรัก ปตท. (โดยคนไทย เพื่อคนไทย ( บางคน) ) ผมรักคนรวย ผมรักคนที่มีโอกาส ผมรักคนที่สถานะภาพทางสังคมดูดีมีชาติตระกูล ผมรักคนที่มีวุฒิทางการศึกษา ผมรักป่า ผมรักธรรมชาติ ผมรักเหมืองแร่ ผมรักชาติ ผมรักประเทศไทย 


ผมรักทุกอย่างที่ว่ามานี้  นี่ก็เพราะ ผมรักในหลวง ห่วงลูกหลานไทย 

แต่ ผมเกลียดคนจน 

ผมเกลียดชาวนา 

ผมเกลียดชาวสวนยาง 

ผมเกลียดเกษตรกร 

ผมเกลียดนักการเมือง ผมเกลียดการเมือง 

ผมเกลียดการปกครองแบบใดๆที่ไม่ใช่ระบบพ่อปกครองลูก 

ผมเกลียดคนไม่ใส่เสื้อดำ 

ผมเกลียดเสื้อแดง 

ผมเกลียดกรรมกร 

ผมเกลียดคนในชนบท 

ผมเกลียดคนรากหญ้า 

ผมเกลียด พวกสลัม 

ผมเกลียดคนไม่มีวุฒิการศึกษา 

ผมเกลียดพวกไม่มีปริญญา 

ผมเกลียดพวกไม่มีบ้านจะอยู่ 

ผมเกลียดพวกแท๊กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ 

ผมเกลียดใครๆที่ไม่รักในหลวง 

ผมเกลียดพวกคนหาเช้ากินค่ำ 

ผมเกลียดผู้ใช้แรงงาน 

ผมเกลียดเจ๊กตึกแถว 

ผมเกลียดคนแถวนี้ 

ผมเกลียดเกลียดความถูกต้องผมกลัวความยุติธรรม 

แต่ผมเป็นคนดีเพราะ ผมรักในหลวง 

ผมรักชาติ ผมรักประเทศไทย 

ใครไม่ดีออกไปไม่ต้องอยู่แผ่นดินนี้  

ใครไม่รักพ่อต้องออกไปจากแผ่นดินของพ่อ 

ไปให้พ้นจากแผ่นดินไทย เพราะว่ามันเป็นแผ่นดินของพ่อ 

จะไปอยู่ที่ไหนก็ไปให้ไกลๆแต่อย่ามาอยู่ในแผ่นดินของพ่อหลวง 

พระมหากษัตริย์เจ้าแห่งราชาทั้งปวง จ้าวโลก 

แผ่นดินนี้มีไว้แก่ผู้จงรักภักดีเท่านั้น 

ใครไม่รักไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่แผ่นดินไทย 

อ้อ รัฐแมสซาชูเสท ด้วย เพราะพ่อเกิดที่นั่น 

อย่าเสือกไปอยู่แผ่นดินเกิดพ่อนะ เดี๋ยวดินแถวนั้นจะเปื้อน 

รักพ่อสุดหัวใจ ฉันจึงได้เป็นคนดีศรีแผ่นดินไทย ต่อๆไป ด้วยประการฉะนี้

"ทำไมประเทศไทยเราต้องเป็นประชาธิปไตย"

เป็นบทความที่ตั้งคำถามว่า 
"ทำไมประเทศไทยเราต้องเป็นประชาธิปไตย"
ที่เข้าใจง่ายและเขียนได้อย่างชาญฉลาดมาก
อยากให้ลูกเพจได้อ่านกันครับ 
.
"จำเป็นด้วยหรือที่ประเทศไทยจะต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย?"
อาจารย์ทวนคำถามของนักศึกษา "คำถามก็คือ ทำไมต้อง 'ประชาธิปไตย' ใช่ไหมครับ?" 
"ครับ" นักศึกษาคนที่ถามพยักหน้า
"เอาละ ถ้างั้นวันนี้เรามาเรียนเรื่อง 'ทำไมต้องประชาธิปไตย' กันก่อนละครับ" อาจารย์หยุดนิดนึง "นักศึกษาครับ ใครบ้างที่คิดว่าประเทศไทยเหมาะกับประชาธิปไตย ยกมือครับ"
นักศึกษาในห้องประมาณ 200 คน มีคนยกมือ ทันทีประมาณ 20 คน อีกจำนวนหนึ่งค่อยๆ ยกมือแบบไม่แน่ใจ รวมทั้งหมดประมาณไม่ถึงครึ่งห้อง
"เอามือลงครับ" อาจารย์เดินไปถามนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่ยกมือ "ทำไมคุณถึงเห็นว่าประชาธิปไตยไม่เหมาะกับประเทศไทยครับ"
"เอ่อ .. ผมว่าประชาธิปไตยเป็นของฝรั่ง อาจจะไม่เหมาะกับคนไทยครับ"
"แล้วคุณละ" อาจารย์หันไปถามนักศึกษาอีกคน 
"ประชาธิปไตยก็ดีนะครับ แต่ผมว่ามันอาจจะมีระบอบอื่นที่เหมาะกับประเทศไทยมากกว่าก็ได้ครับ" นักศึกษาหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
.
"เอาละ ช่วงนี้มีเรื่องเครื่องบินตกบ่อยใช่ไหมครับ" นักศึกษางงที่อยู่ดีๆ อาจารย์เปลี่ยนเรื่อง "ลองมาฟังเรื่องอุบัติเหตุทางการบินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กันครับ" อาจารย์กดสไลด์ ภาพเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่สองลำกำลังชนกันปรากฏขึ้นบนจอ "ในปี พ.ศ. 2520 เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินเคแอลเอ็มชนกับเครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินแพนแอมที่สนามบินเทริเนเฟ หมู่เกาะแคแนรี่ .. "
.
"เหตุเกิดเพราะกัปตันแวนแซนเท็นของเคแอลเอ็มเอาเครื่องบินขึ้นโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เอาเครื่องขึ้น เพราะมีหมอกลงหนัก พูดง่ายๆ คือยังไม่ได้ไฟเขียว จึงชนกับเครื่องบินของแพนแอม .. " อาจารย์หยุดนิดนึง "ผลคือมีผู้โดยสารและลูกเรือตายไปทั้งหมดรวม 583 คนครับ!"
.
นักศึกษาทั้งห้องนั่งฟังกันเงียบสนิท "เรื่องของเรื่องคือแวนแซนเท็นมีชื่อเสียงเรื่องบินตรงเวลา วันนั้นมีเหตุให้ต้องไปแวะจอดเติมน้ำมันที่สนามบินเทริเนเฟ เดิมก็จะแวะจอดไม่นาน แต่ปรากฏว่าหมอกลง และลงหนักขึ้นเรื่อยๆ แวนแซนเท็นเห็นว่าถ้าไม่รีบเอาเครื่องขึ้นอาจจะต้องค้างคืนที่สนามบิน จึงตัดสินใจเสี่ยง .. " อาจารย์หยุดนิดนึง "พอเอาเครื่องเข้ารันเวย์ นักบินผู้ช่วยก็ตกใจและบอกกัปตันแวนแซนเท็นว่ายังไม่ได้ไฟเขียว กัปตันก็ชะงักไปนิดนึงและก็บอกนักบินผู้ช่วยให้ขอไฟเขียวอีกที .."
.
"5 นาทีผ่านไปไฟเขียวก็ยังไม่มา แวนแซนเท็นจึงเอาเครื่องขึ้นเลย คราวนี้นักบินผู้ช่วยก็ไม่กล้าเตือนแล้ว เพราะแวนแซนเท็นไม่ใช่กัปตันธรรมดา แต่เป็นหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของเคแอลเอ็ม งานหลักคือฝึกอบรมกัปตันและนักบินผู้ช่วยว่า การบินที่ปลอดภัยจะต้องทำอย่างไร" อาจารย์หยุดนิดนึงและตั้งคำถามกับนักศึกษา "แล้วกติกาข้อแรกของการบินที่ปลอดภัยคืออะไรครับ?"
"ต้องได้ไฟเขียวก่อนถึงเอาเครื่องขึ้นได้ค่ะ" นักศึกษาคนหนึ่งตอบ
"ถูกต้อง แต่แวนแซนเท็นก็เป็นคนละเมิดกติกาข้อนี้เสียเอง และผลก็คือ เกิดโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งใหญ่ที่สุด ที่ไม่เพียงแต่ผู้โดยสารเครื่องบินของตนเองทั้งลำต้องตายหมด แต่ทำให้ผู้โดยสารอีกลำที่กัปตันทำถูกต้องทุกอย่างต้องตายไปด้วยครับ!"
"เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับประชาธิปไตยครับ?" อาจารย์ตั้งคำถามวกกลับมาเรื่องประชาธิปไตย
"การละเมิดกติกาใช่ไหมคะ" นักศึกษาคนหนึ่งตอบ
"ก็ถูกครับ แต่มีอีกเรื่องที่สำคัญกว่า .. " อาจารย์ตั้งคำถามต่อ "ระบอบการปกครองไม่ว่าจะเป็นระบอบอะไร ประชาธิปไตย หรือเผด็จการ ผู้นำไม่ว่าจะเป็นคนดีมากน้อยแค่ไหน มีโอกาสที่จะตัดสินใจผิด หรือทำผิดพลาดไหมครับ?"
"มีครับ" นักศึกษาหลายคนตอบพร้อมๆ กัน และพยักหน้ากันทั้งห้อง
.
"แล้วระบอบอะไรที่ผู้นำทำผิดพลาด แล้วประชาชนสามา
รถทักท้วงได้ครับ?"
นักศึกษาทั้งห้องนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็มีนักศึกษา 2-3 คนตอบมาเบาๆ ว่า
" .. ประชาธิปไตยครับ"
"ใช่ครับ ผู้นำไม่ว่าระบอบอะไร ก็ล้วนแต่มีโอกาสตัดสินใจผิดได้ทั้งนั้น แต่มีเฉพาะระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ที่ผู้นำทำผิดแล้วประชาชนสามารถทักท้วงได้ครับ!"
.
"หลังจากเกิดอุบัติเหตุในคราวนี้ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนในโรงเรียนการบินพลเรือนใหม่หมด กัปตันถูกฝึกให้ฟังเสียงทักท้วงของนักบินผู้ช่วย ส่วนนักบินผู้ช่วยก็ถูกฝึกให้ทักท้วงกัปตัน" อาจารย์หยุดนิดนึง "ว่าง่ายๆ แต่ก่อนนี้ในห้องนักบินเป็นระบอบเผด็จการ ขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้ว อุบัติเหตุใหญ่ๆ แบบนี้จึงไม่เกิดขึ้นอีกเลยครับ"
.
อาจารย์กล่าวต่อ "แล้วนักศึกษารู้ไหมครับ สายการบินอะไรที่เคยตกบ่อยที่สุด?" อาจารย์ถามต่อ "ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี อาจารย์จะเตือนนักศึกษาว่า จะดูละครเกาหลีก็ดูไป จะกินอาหารเกาหลีก็กินไป จะฟังเพลงเกาหลีก็ฟังไป จะแต่งตัวเกาหลี ทำผมทรงเกาหลีก็ทำไป แต่อย่าไปขึ้นสายการบินเกาหลีครับ!" อาจารย์หยุดนิดนึง "เพราะสายการบินที่เคยตกบ่อยที่สุดคือโคเรียนแอร์ - สายการบินเกาหลีครับ!"
.
อาจารย์ถามต่อ "รู้ไหมครับว่าทำไมโคเรียนแอร์จึงตกบ่อยสุด? เค้ามีการหาสาเหตุกัน และพบว่า ถ้านักบินผู้ช่วยทักท้วงกัปตันเมื่อไหร่ จะโดนตบเลยครับ! นักบินผู้ช่วยเลยไม่กล้าเตือน เครื่องเลยตกเป็นประจำทุกปี สาเหตุเกิดจากระบบ Sotus ของเกาหลีครับ!" อาจารย์หยุดนิดนึงและเล่าต่อ "หลังจากนั้น โคเรียนแอร์จึงมีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในห้องนักบินใหม่ ให้นักบินผู้ช่วยทักท้วงกัปตันได้ แล้วก็ได้ผล ปัจจุบันโคเรียนแอร์กลายเป็นสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสายการบินหนึ่งไปแล้ว" อาจารย์พูดยิ้มๆ "ดังนั้น ตอนนี้นักศึกษาขึ้นสายการบินเกาหลีได้แล้วครับ"
.
อาจารย์กลับมาเรื่องประเทศไทย "แล้วนักศึกษามั่นใจไหมครับว่า ตอนนี้เครื่องบินประเทศไทยของเราจะบินไปทางที่ถูกต้องอย่างแน่นอน" อาจารย์ชี้ไปที่นักศึกษาคนหนึ่ง
".. ไม่ค่อยมั่นใจครับ" นักศึกษาตอบ
"แล้วถ้าบินผิดทาง เราจะทักท้วงกัปตันได้ไหมครับ?"
"ก็ .. คงไม่ค่อยได้เท่าไหร่ครับ"
"นั่นแหละครับ ทำไมต้องประชาธิปไตย และดังนั้น ประเทศไทยยังไงก็ต้องกลับสู่ประชาธิปไตยและไม่ควรจะช้าเกินไปครับ!"
ขอคารวะต่อ อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
#มิตรสหายท่านหนึ่ง​