ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Tuesday, September 15, 2015

หนุ่มใต้ใจเด็ด... แค้นคสช. ทำทุกข์ยาก..บุกด่า (ยาว)

ดูให้จบคลิปนี้มันส์มาก หนุ่มชาวใต้คับแค้นเรื่องยางพาราถือป้ายผ้าบุกด่ารัฐบาลประยุทธ์ถึงกระทรวงเกษตร แต่โดนทหาร เจ้าหน้าที่สะกัดไว้ แต่ก็เอาหนุ่มใต้เลือดร้อนไว้ไม่อยู่ ด่ากราดประยุทธ์คลิปยาวมาก ดูแล้วอย่าซ้ำเติมคนใต้ทุกข์ยาก พวกเขาลำบากและเดือดร้อนจริงๆ ต้องขอบคุณไอ้สุเทพ-อีศรีสุกล ไอ้ชวน ไอ้ถาวร อีตั้น อีคุณหญิงอัปรีย์แม่อีตั๊น ไอ้มาร์ค ไอ้ถวิลไอ้ชำนิ ไอ้วัชระ ไอ้นิพิษฐ์ อีคุณหญิงสุพัตรา และพรรคปชป. ที่ทำให้คนใต้มีวันนี้นิ https://www.facebook.com/bygonreturn/videos/1772775616283193/

ใครเป็นใครบนเวทีแถลงของ "มาราฯ" แย้มอนาคตปาตานีขึ้นกับคนพื้นที่เอง

ใครเป็นใครบนเวทีแถลงของ "มาราฯ" แย้มอนาคตปาตานีขึ้นกับคนพื้นที่เอง
Credit: ทีมข่าวอิศรา

เขียนวันที่ วันพฤหัสบดี ที่ 27 สิงหาคม 2558 เวลา 19:08 น.เขียนโดยทีมข่าวอิศราหมวดหมู่เวทีวิชาการ | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | เรื่องเด่น-ภาคใต้    การแถลงข่าวของผู้แทน "มารา ปาตานี" ที่โรงแรม Primeraในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ต่อหน้าสื่อมวลชนทั้งไทย มาเลเซีย และต่างประเทศจำนวนมาก เพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงเย็นของวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับ 5 นาที 

mara0033

          สาระของการแถลงซึ่งนำโดย นายอาวัง ยาบะ จากกลุ่มบีอาร์เอ็น ในฐานะประธานมารา ปาตานี ย้ำว่า กลุ่ม มารา ปาตานี เป็นเพียงตัวแทนของชาวปาตานีเท่านั้น ทุกอย่างที่จะนำไปสู่การพูดคุยกับรัฐบาลไทยอยู่ที่ชาวปาตานี หรือประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าต้องการเอกราช หรือต้องการปกครองตนเอง หรือต้องการอยู่แบบปัจจุบันต่อไป

          ผู้ที่ร่วมแถลงบนเวทีมี 7 คน จาก 5 กลุ่มที่รวมกันเป็น "มารา ปาตานี" (ตามภาพจากขวาไปซ้าย) ได้แก่ 
          1.นายกัสตูรี มะห์โกตา แกนนำองค์การพูโล 
          2.นายเจ๊ะกูแม กูเต๊ะ จากกลุ่มจีเอ็มไอพี 
          3.นายหะยีมูฮัมหมัด ชูโว จากบีอาร์เอ็น
          4.นายอาวัง ยาบะ จากบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นประธาน มารา ปาตานี
          5.นายสุกรี ฮารี จากบีอาร์เอ็น เป็นประธานคณะพูดคุยฝ่ายมารา ปาตานี
          6.นายอาบูฮาฟีส อัลฮากิม จากกลุ่มบีไอพีพี 
          7.นายอาบูอัจฮัต จากจีเอ็มไอพี

          ทั้งนี้ นายเจ๊ะกูแม กูเต๊ะ และนายสุกรี ฮารี เคยเป็นบุคคลตามหมายจับคดีความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ นายอาวัง ยาบะ เป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมในพิธีลงนามริเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติภาพในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 เช่นเดียวกับ นายสุกรี ฮารี หรือ มะสุกรี ฮารี ที่เคยเข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติภาพดังกล่าวบางรอบ โดยการพูดคุยครั้งนั้นมี นายฮัสซัน ตอยิบ แกนนำบีอาร์เอ็น เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายผู้เห็นต่าง ส่วนฝ่ายไทยมี พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้า

mara0011

เสนอตั้ง "ฝ่ายเลขาฯ" ถกประเด็นรายละเอียด

          ด้าน พลตรีนักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หนึ่งในคณะพูดคุยสันติสุขฯ กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า การพูดคุยครั้งที่ 3 ระหว่างคณะพูดคุยฯที่มี พลเอกอักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นหัวหน้า กับกลุ่มมารา ปาตานี เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นไปอย่างราบรื่น

         โดยคณะพูดคุยฯฝ่ายรัฐบาลได้เสนอประเด็นพูดคุย 3 ประเด็นตามที่เป็นข่าว คือ 1.การสร้างพื้นที่ปลอดภัย 2.การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ และ 3.กระบวนการยุติธรรมที่เป็นที่ยอมรับ ขณะที่ฝ่าย มารา ปาตานี เสนอให้รัฐบาลประกาศให้การพูดคุยเป็น "วาระแห่งชาติ" ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดว่าต้องการให้ทำระดับไหน

          อย่างไรก็ดี พลตรีนักรบ ซึ่งมีประสบการณ์ร่วมโต๊ะพูดคุยมาตั้งแต่ครั้งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 2556 บอกว่า การพูดคุยต่อจากนี้จะเป็นประเด็นใหญ่ๆ ที่ต้องพิจารณาในรายละเอียดมาก การพูดคุยคณะใหญ่อาจตกลงกันได้ยาก จึงมีแนวคิดให้ตั้ง "คณะทำงานร่วม" คล้ายๆ เป็นฝ่ายเลขานุการ ประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ ตัวแทนคณะพูดคุยฯฝ่ายรัฐบาลไทย ฝ่ายมารา ปาตานี และผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซีย เพื่อพูดคุยในประเด็นรายละเอียดและจัดทำข้อมูลต่างๆ เสนอคณะพูดคุยฯชุดใหญ่

          "คณะเล็ก หรือฝ่ายเลขาฯ จะทำงานคล่องตัวกว่า นัดพบกันได้บ่อยครั้งกว่า และแต่ละครั้งคุยกันได้นานกว่า อาจจะ 2 วัน 3 วันก็ได้ ถ้าทุกฝ่ายเห็นตรงกันก็น่าจะตั้งคณะทำงานได้ในเร็ววันนี้" พลตรีนักรบ ระบุ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

mara003

บรรยายภาพ : การแถลงข่าวของกลุ้่ม มารา ปาตานี ที่กัวลาลัมเปอร์

บีซีไทย - BBC Thai ประวิตร โรจนพฤกษ์ และการุณ โหสกุล ได้รับการปล่อยตัวแล้ว

บีซีไทย - BBC Thai

ประวิตร โรจนพฤกษ์ และการุณ โหสกุล ได้รับการปล่อยตัวแล้ว

ประวิตร โรจนพฤกษ์ได้รับการปล่อยตัวแล้วเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยเขากล่าวกับบีบีซีสั้นๆ ว่า "โอเค" ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในระหว่างควบคุมตัว เขาตอบแต่เพียงว่าต่างไปจากครั้งแรกที่ถูกควบคุมตัว และครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ใด

ทั้งนี้เมื่อถามถึงสาเหตุของการถูกควบคุม เขาตอบว่าตามเข้าใจของเขาน่าจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทความบางชิ้นที่วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานความมั่นคงซึ่งเขายืนยันได้ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เขียน และไม่ใช่ประเด็นที่เขาสนใจ และอีกสาเหตุหนึ่งก็อาจเกี่ยวข้องกับข้อความที่เขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียบางข้อความ อย่างไรก็ตามในส่วนการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์นั้นเขาตอบว่าในเบื้องต้นไม่มีการห้าม หรือขอให้เขายุติการแสดงความเห็นแต่อย่างใด จากนี้พร้อมกลับไปทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวตามปกติ

ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกัน นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ก็ได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 เช่นกัน

มาฟังความเห็น ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ The Nation เรื่อง ทหารไปหาตนเองที่บ้าน แต่ตนเองไม่อยู่

มาฟังความเห็น ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์ The Nation เรื่อง ทหารไปหาตนเองที่บ้าน แต่ตนเองไม่อยู่

แถลงการณ์ตบหน้าสั่งสอนโจรกบฎฉาดใหญ่!!! นายมาร์ก เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย

แถลงการณ์ตบหน้าสั่งสอนโจรกบฎฉาดใหญ่!!!

นายมาร์ก เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษ
ประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์
ผ่านทางเว็ปไซด์ของสถานทูตฯ ระบุว่า

วันที่ 15 กันยายนของทุกปี
เป็นวันประชาธิปไตยสากลของสหประชาชาติ
และบรรดาชาติสมาชิก

หลังการรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว
อังกฤษและสมาชิกอื่น ๆ ในประชาคมนานาชาติ
รวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ

ได้เรียกร้องให้มีการคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว

แต่ถึงบัดนี้
ประชาธิปไตยกลับดูห่างไกลออกไปกว่าเดิม
ประชาธิปไตยมีข้อดีอย่างไร
เราไม่ได้สนับสนุนประชาธิปไตยเพราะ
ต้องการบังคับใช้ระบบการเมืองแบบตะวันตกกับใคร แต่เราสนับสนุนประชาธิปไตยเพราะ

ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนำมาซึ่ง
ประโยชน์มากมายต่างหาก

ในระบอบประชาธิปไตย
ทุกคนล้วนมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกัน
ในการมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง
หรือแม้กระทั่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น
ประชาธิปไตยจึงมอบอำนาจในระดับหนึ่ง
ให้ประชาชนในการตัดสินใจต่าง ๆ
ที่มีผลต่อชีวิตของพวกเขา หากประชาชนสามารถมีส่วนร่วม
ในการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือและยุติธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติ
และเป็นไปตามกำหนดเวลา ก็มีโอกาสน้อยลง
ที่พวกเขาจะหันไปใช้ความรุนแรง
เพื่อแก้ปัญหาขัดแย้งหรือเพื่อแสดงความคิดเห็น

ที่ใดที่ค่านิยมประชาธิปไตยได้รับการเชิดชู
ที่นั่นย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง
และความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงต่าง ๆ
ย่อมมีน้อยที่สุด

ในระบอบประชาธิปไตย
ประชาชนมีสิทธิ์เลือกผู้นำได้เอง ดังนั้น รัฐบาลประชาธิปไตยจึงต้องตอบสนองความต้องการ
และความคาดหวังของประชาชน
หากอยากได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีกครั้ง

ในประเทศที่ไร้ประชาธิปไตย เป็นการง่ายที่รัฐบาลจะให้ความสนใจ
กับประโยชน์ส่วนตนมากกว่าจะบริหารประเทศ
เพื่อประโยชน์ของพลเมือง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าประชาธิปไตยทำให้เกิด
การแบ่งสรรปันส่วนทรัพยากร
และการเข้าถึงอำนาจอย่างเป็นธรรมมากกว่า

รัฐบาลประชาธิปไตยถูกกำหนดให้ต้องมีความรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง
ต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ
และการกระทำของตน เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสในการคอร์รัปชันจึงลดลง นอกจากนี้

ประชาธิปไตยยังกำหนดให้รัฐบาล
ต้องอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม

ซึ่งหมายความว่ากฎหมายจะมีผลต่อทุกคน
อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เว้นแม้แต่ต่อรัฐบาลเอง หลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะขณะที่หลักนี้เคารพความต้องการของเสียงข้างมาก แต่ก็ยังปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของปัจเจกบุคคลและกลุ่มเสียงข้างน้อยด้วย

ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เพียงการมีรัฐธรรมนูญที่เหมาะสม เรื่องนี้ชาวอังกฤษเข้าใจดี เพราะเราเองไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยซ้ำ สิ่งที่เรามีคือรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ประมวลไว้และไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์ อักษร แต่ประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับผู้มีส่วนร่วมที่สำคัญ ๆ มากกว่า

ยกตัวอย่างเช่นนักการเมือง หลายคนเอาแต่โทษนักการเมือง
และพรรคการเมืองว่าเป็นต้นตอของปัญหา
ทั้งหลายในประเทศ นักการเมืองนั้นมีทั้งดีและไม่ดี เช่นเดียวกับที่ในสังคมย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญในระบอบประชาธิปไตย พรรคเป็นผู้นำประเด็นต่าง ๆ ที่เราห่วงใยไปแปรเป็นนโยบายสาธารณะ พรรคเป็นผู้ฝึกอบรมผู้นำทางการเมือง พรรคช่วยทำให้ตัวเลือกในการเลือกตั้งง่ายขึ้นสำหรับผู้ลงคะแนน พรรคช่วยให้ข้อมูลกับผู้เลือกตั้ง และเมื่อตกเป็นฝ่ายค้าน พรรคการเมืองก็เป็นผู้สังเกตการณ์และตรวจสอบการทำงานของพรรครัฐบาล แน่นอนว่าเพื่อให้ระบบทั้งหมดนี้ทำงานได้ดี พรรคการเมืองจำเป็นต้องรักษาความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับชุมชน และคอยฟังเสียงของประชาชนเสมอ นอกจากนี้พรรคการเมืองยังต้องให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม ให้ทุกคนเข้าถึง และพรรคต้องสะท้อนสังคมในวงกว้าง

สาระสำคัญของวันประชาธิปไตยสากลของสหประชาชาติในปีนี้คือ "พื้นที่เพื่อประชาสังคม" องค์ประกอบของประชาสังคม (เช่น สื่อเสรี องค์กรการกุศล เอ็นจีโอ องค์กรศาสนา รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศอย่างสหประชาชาติ) ล้วนมีบทบาทสำคัญในความเป็นประชาธิปไตย ประชาสังคมเป็นเกราะสำคัญช่วยป้องกันอำนาจรัฐที่มากเกินไป เมื่อประชาสังคมเข้มแข็งเพียงพอก็จะสามารถควบคุมรัฐบาลให้มีความรับผิดชอบ และดูแลให้พลเมืองได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อพวกเขา เพราะเหตุนี้ เราจึงเป็นกังวลเมื่อรัฐบาลต่าง ๆ สร้างข้อจำกัดเพื่อควบคุมกิจกรรมของประชาสังคม การจำกัดเสรีภาพการแสดงออกเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนประการหนึ่ง ในประเทศไทย การจำกัดเสรีภาพการแสดงออกในรูปแบบที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือการใช้กฎหมายอาญา หมิ่นประมาทเพื่อสร้างความกลัวและป้องกันไม่ให้ประชาชนแสดงความกังวลแม้จะ เป็นไปโดยสมเหตุสมผลเกี่ยวกับการกระทำผิดและการใช้อำนาจโดยมิชอบ

เมื่อกลางปีผมได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับการที่อังกฤษได้ฉลองครบรอบ 800 ปีกฎบัตรแมกนา คาร์ตา สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากการฉลองครั้งนั้นคือ ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมต้องใช้เวลานานในการหยั่งรากลึก พวกเราในอังกฤษเองก็ยังคงพยายามอยู่อย่างต่อเนื่อง ในอังกฤษเรามีการถกเถียงอภิปรายกันอย่างเต็มที่เปิดเผย ในประเด็นต่าง ๆ เช่น เรื่องสมาชิกภาพของสภาขุนนาง ซึ่งก็คือวุฒิสภาของอังกฤษที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เรายังอภิปรายกันว่าเราควรจะนำระบบเลือกตั้งแบบไหนมาใช้ เรื่องการกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ในสหราชอาณาจักร เป็นต้น การปฏิรูปเป็นกระบวนการที่ไม่จบสิ้น ระบบการเมืองต่าง ๆ ควรวิวัฒนาการไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในสังคมนั้น ๆ

สิ่งสำคัญคือการมีพื้นที่สำหรับการถกเถียงและคัดค้าน ขณะที่ประเทศไทยกำลังเริ่มต้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญกันอีกครั้งเช่นนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นการอภิปรายอย่างเต็มที่และเสรีในประเด็น ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย

บรรจบ ขุมทอง's photo.
บรรจบ ขุมทอง's photo.

เตือนเพราะรัก!!! เศรษฐกิจไทยใกล้เข้า I.M.F.!! สมคิด จาตุฯ​

ขอบอกท่านที่รัก ว่าอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะ ประหยัด รักษางานประจำให้ดี ประเทศเราเริ่มขาลงแล้วครับ
ฟัง ดร.สมคิดฯ จะได้เตรียมล่วงหน้า
จริงไม่จริงติดตามเอาเอง...

เศรษฐกิจไทยใกล้ทเข้าI.M.F.
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วI.M.F.ได้แถลงเตือน
สภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วง"ขาลง"
อย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ
เกิดสภาวะ
"เงินฝืด"

แต่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลบอกว่า
ประเทศไทยอยู่ในสภาวะ"เงินเฟ้อติดลบ"
ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 5แล้ว
จริงๆน่าจะบอกให้ประชาชนทราบข่าว
แล้วเตรียมตัวให้ทันจะดีกว่า
ไม่ควรใช้สำนวนว่า"เงินเฟ้อติดลบ"
บอกไปตรงๆว่าประเทศไทยอยู่ใน
สภาวะ"เงินฝืด"..คือเงินหายาก
ข้าวยาก-หมากแพง คล้ายๆกับสมัย
จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม
ที่รัฐบาลต้องพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้
ตามคำสั่งของ "ทหารญี่ปุ่น"
ที่บุกประเทศไทย สมัยหลังสงคราม
โลกครั้งที่2 จนธนบัตินั้นเป็น
"เงินขยะ" (Junk Bond)

การเกิดสภาวะ"เงินฝืด"เนื่องจาก
เศรษฐกิจไม่ดีรัฐบาลเก็บภาษีไม่เข้าเป้า
เงินงบประมาณขาดดุลย์
ไป3แสนกว่า
ล้านบาท เที่ยวออกโฆษณากระตุ้นเศรษฐกิจ
ว่าลงทุนรถไฟฟ้ารางคู่,รถไฟความเร็วสูง,
ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ
ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเลข..ไม่มีตัวเงิน
หวังว่าจะเอาตัวเลขการลงทุนภาครัฐฯ
มาคำนวณในการหาค่าG.D.P.
เป็นการโกหก แท้ที่จริงแล้วเกิดสภาวะ
เงินฝืด..สินค้าภาคการเกษตรก็ตกต่ำ
ประชาชนขาดกำลังซื้อ
สินค้าส่งออกติดลบทุกเดือน
เดือน พค. ติดลบอีก4.4%
ไม่เกิดสภาวะเงินฝืดจะทนไหวหรือ?

รัฐบาลควรประกาศให้เตรียมตัวรับ
สถานการณ์ให้ดี ภายในสิ้นปีนี้
ประเทศไทยต้องเข้าI.M.F.แน่นอน
โดยเอาประเทศไทยไปจำนองอีกรอบ
เพราะเงินคงคลังร่อยหรอ ตอนนี้
เริ่มมีข่าวออกมาว่าจะแปรรูป
รัฐวิสาหกิจ
และตัดงบประมาณในส่วนของ
"รัฐสวัสดิการ"ลงมา..ดังนั้น
ในฐานะประชาชนต้องทำใจเอาไว้
เพื่อเตรียมตัวช่วยกัน"ใช้หนี้"
เพื่อไถ่ถอนประเทศคืน..
น่าฟังมาก..

ยิงตรงไดัชัดเจนครับ
เศรษฐกิจปีนี้น่ากลัวกว่าที่คิด
สัญญานเตือนภัย
จาก.. ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 
ในงานกล่าวปิดงานสัมมนา
จับชีพจรประเทศไทย:

ตร.สรุปฟ้องแกนนำค้านเหมืองทองพิจิตร นำตัวส่งอัยการพรุ่งนี้

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ตร.สรุปฟ้องแกนนำค้านเหมืองทองพิจิตร นำตัวส่งอัยการพรุ่งนี้
นางสาวชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล (ภาพจากกลุ่ม"ขุนศึกพลังงาน ภาคประชาชน" โพสต์โดย "วันเพ็ญ พรมรังสรรค์")

ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ สรุปสำนวนสั่งฟ้องแกนนำคัดค้านเหมืองทองพิจิตร นำตัวส่งอัยการพรุ่งนี้ หลัง บริษัท อัคราฯ แจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท กรณีนำชาวบ้าน 300 คน ยื่นร้องเรียนต่อสถานทูตออสเตรเลีย เมื่อปี 56
       
        Credit: http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000104101

รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (14 ก.ย.) ในกลุ่มเฟซบุ๊ก"ขุนศึกพลังงาน ภาคประชาชน" ได้มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนไปให้กำลังใจนางสาวชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล ตัวแทนชาวบ้านที่คัดค้านเหมืองทองคำ ที่จังหวัดพิจิตร ที่ถูกบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีการนำชาวบ้านเรียกร้องความเป็นธรรมหน้าสถานทูตออสเตรเลียจากการทำเหมือง ทองคำที่ จ.พิจิตร เมื่อปี 2556 โดยพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ จะนำตัวนางสาวชนัญชิดา ส่งฟ้องต่ออัยการ เวลา 09.00 น. หลังจากพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้อง
       
       ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 ชาวบ้านในนามขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ประมาณ 300 คน นำโดยตัวแทนผู้ป่วยและผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ ตลอดจนตัวแทนชาวบ้านที่ถูกบริษัท อัคราฯ ฟ้องฐานบุกรุกและรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ได้เคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย เขตสาทร เพื่อคัดค้านการทำเหมืองแร่ทองคำ และใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อกิจการเหมืองแร่ ของบริษัท อัคราฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Kingsgate Consolidate สัญชาติออสเตรเลีย ที่ได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ทองคำครอบคลุมพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และบริเวณใกล้เคียงมานานกว่า 10 ปี ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรและสุขภาพของคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อย่างต่อ เนื่อง จึงขอให้ประเทศเจ้าของทุนได้รับทราบ และดำเนินการประสานงานไปยังบริษัทดังกล่าวให้ยุติกิจการ ตลอดจนรับผิดชอบต่อผลเสียหายที่เกิดขึ้น โดยมี นายมาร์ค สเลเตอร์ เลขานุการเอกอัครราชทูตเป็นผู้รับเรื่อง
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากตัวแทานชาวบ้านยื่นร้องเรียนต่อสถานทูตออสเตรเลียแล้ว บริษัท อัคราฯ ได้แจ้งความดำเนินคดี น.ส.สื่อกัญญา ธีระชาติดำรงค์ แกนนำชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีพาชาวบ้านไปยื่นร้องเรียนต่อสถานทูตดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำเหมือง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และต่อมา บริษัทได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นางสาวชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล ตัวแทนชาวบ้านอีกคนในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยเช่นกัน