ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.
Showing posts with label เปลี่ยนระบอบ. Show all posts
Showing posts with label เปลี่ยนระบอบ. Show all posts

Tuesday, April 28, 2015

ดร.เพียงดิน รักไทย: ปรัชญาลัทธิมาร์กซิสม์ ตอน 7 ภาพฝัน ของระบอบสังคมนิยม & คอมมิวนิสต์


ดร.เพียงดิน รักไทย: ปรัชญาลัทธิมาร์กซิสม์ ตอน 7 ภาพฝัน ของระบอบสังคมนิยม & คอมมิวนิสต์


Thursday, April 23, 2015

นิธิ เอียวศรีวงศ์ : เผด็จการและความกลัว (1)




Published on Apr 22, 2015
นิธิ เอียวศรีวงศ์ : เผด็จการและความกลัว (1)

.............

ประวัติศาสตร์ไม่ใช่แค่เรื่องการท่องจำ พ.ศ. หรือวีรกรรมของมหาบุรุษ/ มหาสตรี เท่านั้น แต่ประวัติศาสตร์เป็นทั้งเรื่องปัจจุบันแล­ะอนาคต เพราะว่าการมองอดีตกลับไปด้วยมุมมองเช่นไร นำมาสู่การกำหนดท่าทีในปัจจุบัน รวมทั้งแผนงานในอนาคตด้วย คืนความจริง ได้รับเกียรติจาก นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่ไม่เพียงแต่เป็นนักประวัติศาสตร์คนสำคั­ญในยุคปัจจุบัน แต่เป็นผู้ศึกษาและวิพากษ์วัฒนธรรมไทยอย่า­งมีพลวัตและลุ่มลึกคนหนึ่ง จะมามอง อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเผด็จการ

ในตอนแรก เผด็จการและความกลัว (1) นิธิ จะมาตอบคำถามที่ว่า อะไรที่ทำให้คนกลัวและไม่กลัวเผด็จการ ที่ใช้อำนาจอย่างไม่เคารพหลักนิติรัฐใด ๆ และนิธิ เห็นความเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมือง วัฒนธรรมอะไรในระยะเวลาเกือบ 1 ปี ของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557


ปฎิญญาแห่งชาติของประชาชน ว่าด้วยรัฐประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย

ปฏิญญาปวงชน ว่าด้วยรัฐประธิปไตยไทย

ปฎิญญาแห่งชาติของประชาชน
ว่าด้วยรัฐประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย

The People’s National Declaration of a Democratic State of Thailand

ร่างฉบับแก้ไขครั้งที่สอง

ประเทศไทยในยุคศตวรรษที่ 21 มีองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และการเมือง ที่พร้อมสำหรับการเป็นรัฐประชาธิปไตยสมบูรณ์อย่างถาวร เพราะปวงชนชาวไทย ส่วนใหญ่เข้าใจในหลักการพื้นฐานสำหรับการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ว่าอำนาจอธิปไตย อันเป็นอำนาจสูงสุดนั้นเป็นของประชาชน หาใช่ของกษัตริย์หรือกลุ่มอภิสิทธิชนใด ๆ ไม่ นอกจากนี้ มหาประชาชนยังได้รับรู้ถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่มีพัฒนาการไปในทางทำลายล้าง และนำไปสู่ความตกต่ำของประเทศ จนกลายไปสู่การปกครองแบบเผด็จการซ่อนรูปดังที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนทั่วไปในศกนี้ โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของประชาชนได้ แถมถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของปัญหาความขัดแย้งเสียเอง โดยมีสถาบันทหารและตำรวจ สถาบันการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ทางธุรกิจและสื่อ กลุ่มนักวิชาการและหน่วยงานอิสระหัวเอียงขวา และชนชั้นศักดินาหรืออภิสิทธิชน ผู้ซึ่งได้ปรากฎชัดออกมาจากการเลือกตั้งในระยะสองทศวรรษหลังนี้ ว่าเป็นคนส่วนน้อยของประเทศนั้น สามารถใช้อำนาจพิเศษ แย่งชิงหรือปล้นอำนาจ ของประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพรรคพวก ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างมหาศาล ดังเห็นได้จากหนี้สินที่รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งอยู่ภายใต้ การเป็นประมุขของกษัตริย์ภูมิพลและพระราชินีสิริกิตต์ ที่สร้างหนี้สินให้กับประเทศ เกือบหนึ่งล้านห้าแสนล้านล้านบาท (1,500,000,000,000 บาท) ภายในเวลาแค่สองปีกว่า ๆ โดยหว่านเงินไปกับโครงการที่หาประโยชน์ อันจับต้องได้หรือมีผลระยะยาวไม่ได้ และได้ทุ่มงบประมาณให้กับงานของกองทัพ ที่สร้างความวุ่นวายในประเทศและกับประเทศข้างเคียงบังหน้า แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เพื่อตอบสนองต่อการปันผลประโยชน์จากเงินภาษีอากรของปวงชน และเพื่อการสร้างสถานการณ์ อันนำไปสู่บิดเบือนความจริงของการลุกฮือขึ้นมาทวงอำนาจของประชาชนหัวก้าวหน้า และการให้โอกาสกองทัพในการใช้สถานการณ์เข่นฆ่าประชาชนจากช่องโหว่ในกฎหมายที่อาศัยความสงบแห่งชาติมาอ้าง เพื่อใส่ร้ายให้ปวงชนผู้บริสุทธิ์กลายเป็นผู้ก่อการร้าย และภายในสถานการณ์ที่ชาติเสียหายแสนสาหัสเหล่านี้ กษัตริย์ไทยกลับกลายเป็นราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินถึงสามหมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณเก้าแสนล้านล้านบาท (900,000,000,000 บาท) ติดต่อกันหลายปี โดยมีทรัพย์สินรวมห่างจากอันดับสองถึงหมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณสามหมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้ ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนส่วนใหญ่ก็ได้ถ่างออกไปอย่างมหาศาล สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จากการที่รายได้หดหาย แต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ เกิดการแตกแยกของประชาชนในชาติ โดยการโหมกระพือของสื่อแห่งรัฐและสื่อเอกชนที่ไร้จรรยาบรรณ ที่ได้่สร้างกระแสความเกลียดชัง และต่อต้านความเจริญงอกงามของระบอบประชาธิปไตย โดยที่กลไกของรัฐที่ดูแลสื่อสารมวลชนก็รู้เห็นเป็นใจ ด้วยการปล่อยให้สื่อฝ่ายขวา เพาะเชื้อมะเร็งร้าย ให้กับสังคมโดยสะดวก ในขณะเดียวกันกับที่ พวกเขาใช้อำนาจจากกฎหมายหมิ่นกษัตริย์ และ พรบ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ เพื่อปิดหูปิดตาประชาชนอย่างบ้าคลั่งในการไล่ปิดสื่อทุกรูปแบบ ของฝ่ายประชาชนหัวก้าวหน้าหรือเหล่าเสรีชน ผู้ต้องการเสรีประชาธิปไตยอันสมบูรณ์

บัดนี้เหล่ามหาประชาชนต้องการแสดงออกถึงเจตนารมย์อันชัดแจ้งว่า ได้เข้าใจปัญหาของชาติ ตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาหลายทศวรรษ อันถูกทำให้เกิดขึ้นโดยการกระทำของกลุ่มคนข้างต้น ที่ทำตัวเป็นปฎิปักษ์ต่อการพัฒนาเสรีประชาธิปไตยทุกรูปแบบ และเป็นการขัดกับหลักสากล แห่งความมีเสรีภาพ เสมอภาค และบรรยากาศแห่งการมีสันติสุขร่วมกันฉันท์พี่น้องร่วมชาติ รวมถึงการอยู่ดีกินดี ของมวลมหาประชาชนไทย โดยพวกเขาได้ปล้นอำนาจอธิปไตยไป ด้วยอำนาจสั่งการที่อยู่ เหนือระบบกฎหมายและศีลธรรม จนทำให้กลายเป็นการปกครองที่ ไม่ใช่ของประชาชนที่เอื้อประโยชน์แก่มหาชนอย่างแท้จริง ดังปรากฎชัดว่า คณะผู้ทรยศต่อระบอบ ประชาธิปไตยเหล่านี้ ได้ดำเนินการปล้นอำนาจจากประชาชนด้วยการรัฐประหาร แล้วเขียนกฎหมายกบถ พร้อมตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ขึ้นมาสานต่อการบีฑาและย่ำยี ทุกความพยายาม และทุกตัวแทนของประชาชนที่ใฝ่ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ ทำให้ตัวแทนประชาชน และประชาชนทั้งหลาย ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยมือเปล่า ถูกกดขี่และฆ่าฟันในระบอบปัจจุบัน และผลของระบอบเผด็จการซ่อนรูปนี้ ก็ไม่ได้ให้คุณประโยชน์แก่ประชาชนแต่ประการใด
ด้วยเหตุดังกล่าวทั้งหมด ปวงชนชาวไทยทั้งหลาย จึงได้ลงนามต่อท้ายปฎิญญาฉบับนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมย์ในการวางหลักการสำหรับการก้าวไปข้างหน้าของประเทศไทย
โดยมีรายละเอียดที่จักขอประกาศให้คนไทยรุ่นปัจจุบันและรุ่นลูกหลานสืบต่อไป เพื่อได้รับรู้ และรับเอาไว้เป็นหลักการสำหรับการจัดการบริหารอำนาจอธิปไตยและกลไกของรัฐไทย สืบต่อไปชั่วกัลปาวสานต์ ดังนี้
  1. พลเมืองทุกหมู่เหล่าของชาติไทย ต้องอยู่รวมกันแบบรัฐชาติเดียว และถึงแม้จะมีความหลากหลายด้านชาติพันธุ์กำเนิด ศาสนาหรือลัทธิความเชื่อ ฯลฯ คนทุกหมู่เหล่าต้องได้รับการค้มครองสิทธิและเสรีภาพโดยรัฐ ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ด้วยมาตรฐานความเป็นธรรม เพื่อสร้างความผาสุกร่วมกัน โดยไม่มีการแตกแยกหรือล่วงเกินระหว่างกัน หรือใช้ความรุนแรงเหนือกฎหมาย สำหรับการแก้ปัญหาหรือข้อขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น
  2. ในกิจการปกครองประเทศทุกด้าน จักต้องผ่านกระบวนการของอำนาจอธิปไตย ที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนอย่างสมบูรณ์ ปราศจากการแทรกแซง หมกเม็ดโดยสถาบันหรือองค์กรใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งในตัวบทกฎหมายและการปฎิบัติ
  3. บ้านเมืองต้องได้รับการประกันให้เกิดเสรีภาพและความเสมอภาค บนบรรยากาศแห่งความเป็นพี่น้องภายใต้วัฒนธรรมอันดีงามของไทย และวัฒนธรรมใหม่อันเป็นอารยะสากล ที่เคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล พร้อมกับความเป็นนิติรัฐ ที่ทุกคนเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์และพลเมืองภายใต้กฎหมาย
  4. การพัฒนาของประชาธิปไตยไทย ต้องให้ผ่านขั้นตอนทางประชาธิปไตยภายใต้กฎหมาย ที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญที่เป็นไปตามเจตนารมย์ในปฎิญญkนี้ Fดยไม่มีข้อยกเว้นหรือ การบิดเบือนในรูปแบบใด ๆ ทั้งสิ้น อำนาจและผลประโยชน์ต้องเป็นของและเป็นไปเพื่อประชาชนโดยแท้จริง
  5. สถาบันกษัตริย์ต้องหลุดพ้นจากการเกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตย หรือมีอิทธิพลใด ๆ ต่อระบบหรือกลไกทุกอย่างในสังคมอย่างสิ้นเชิง และจะมีตัวแทนใด ๆ ไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย และกิจกรรมของประชาชนไม่ได้โดยเด็ดขาด ระบบทุนผูกขาดและกลไกอันไม่เป็นประชาธิปไตยที่ครอบงำประเทศ ต้องถูกทดแทนด้วยระบบที่ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร การบริหารเงินภาษี และจากการใช้อำนาจของตัวแทนประชาชนสูงสุดด้านบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
  6. การปฎิวัติหรือรัฐประหารโดยกำลังกองทัพเป็นสิ่งต้องห้าม จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกด้วยเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ก่อการจะต้องโทษในฐานะกบถ และไม่สามารถอ้างการเป็นรัฐถาธิปัตย์ ด้วยวิธีหรือเหตุใด ๆ ทั้งสิ้น
  7. การยุบพรรคการเมืองจะกระทำไม่ได้ด้วยวิธีการใดทั้งสิ้น และการตั้งกรรมการอิสระใด ๆ จะกระทำโดยบุคคลผู้ใช้อำนาจ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมิได้ ผู้เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองและกิจการของรัฐ กินเงินเดือนภาษีประชาชน ที่มียศขั้นตั้งแต่ระดับเก้าหรือเทียบเท่าขึ้นไป ต้องผ่านการตรวจสอบและยอมรับ จากตัวแทนจากรัฐสภาก่อนรับตำแหน่ง
  8. ประมุขสูงสุดผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทั้งสามฝ่าย ต้องมาโดยการเลือกตั้ง ของประชาชนโดยทางตรงหรือทางอ้อมเท่านั้น จะใช้วิธีการอื่นใดมิได้ และบุคคลในตำแหน่งสำคัญ ๆ ต้องได้รับการตรวจสอบ และอนุมัติจากตัวแทนประชาชนก่อนเสมอ
  9. สื่อสารมวลชน คือแสงไฟที่ส่องสว่างสะท้อนภาพความจริงของสังคม เพื่อเสริมให้ประชาชนและกลไกต่าง ๆ ในประเทศเกิดปัญญา สื่อสารมวลชนที่ดีต้องถือหลักแห่งการเสนอข้อมูลจากทุกด้าน ไม่มีอคติ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หรือถูกกลุ่มผลประโยชน์ใดบงการ รัฐจักต้องประกันความมีเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูล แต่ให้มีการควบคุมโดยกลไกของรัฐและประชาชน ที่ถือจรรยาบรรณอันชัดเจนเป็นหลัก สำหรับการพิจารณา ควบคุม และกำกับการทำงานของสื่อ
  10. การศึกษาและการวิจัยเพื่อพัฒนาบุคลากรและประเทศชาติ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการเป็นรากฐาน และหัวใจของการก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และท้นต่อโลก รัฐจะต้องเน้นการจัดการศึกษาและส่งเสริมการวิจัยให้มากกว่าการลงทุนด้านการ ทหาร
  11. ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศเป็นหลัก ไม่มีหน้าที่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการพลเรือน ทหารเป็นอาชีพที่มีเกียรติและบุญคุณกับประเทศ ต้องมีการพฤติกรรมให้สมกับเกียรติ แต่ทหารกินเงินเดือนจากประชาชน ดังนั้น ทหารจะต้องรับใช้ประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทหารต้องอยู่ใต้การบังคับบัญชา ของนายกรัฐมนตรี หรือประมุขฝ่ายบริหาร ผู้เป็นจอมทัพในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งด้วย และการจะประกาศศึกใด ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องได้รับการเห็นชอบของประมุขสามฝ่าย คือฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลากรก่อน
  12. ตำรวจ เป็นผุ้ดูแลใกล้ชิดกับประชาชน และพิทักษ์ภัยให้ประชาชนในทุกอนูของประเทศ อาชีพตำรวจเป็นอาชีพมีเกียรติ และควรได้รับเกียรติเช่นเดียวกับทหาร แต่ผู้สั่งการตำรวจในทุกอำเภอและจังหวัด ต้องได้ผ่านการเลือกตั้งโดยตรง โดยประชาชน
กฎหมายรัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายอื่นใด ตลอดจนการดำนเนินการของรัฐ และหน่วยงานรัฐใด ๆ จักขัดแย้งหรือทำให้เกิดผลอันขัดกับหลักเบื้องต้นนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด เจตนารมย์ของประชาชนไทยผู้ได้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อท้ายปฎิญญาฉบับนี้ี้ ถูกร่างและขัดเกลาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ของตัวแทนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า เพื่อวางรากฐานประเทศ เพื่อการวัฒนาถาวรของชาติ และเพื่อให้สืบเป็นมรดกถาวรไปยังลูกหลานไทยในอนาคต เพื่อเป็นหางเสือและเสาหลักสำหรับการพัฒนาประเทศตลอดไปตราบนานแสนนาน
เมื่อได้อ่านทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระข้างต้น และเห็นด้วยกับข้อความดังกล่าวทุกประการแล้ว บรรดาข้าพเจ้าทั้งหลาย จึงขอลงลายมือชื่อไว้เป็นประจักษ์พยานสืบต่อไป 
ปวงชนชาวไทย


Wednesday, April 22, 2015

มหาวิทยาลัยประชาชน ชวนพี่น้องกล้าเขียนฝัน สร้างระบอบใหม่ ให้ปชช.​ใหญ่เหนือทุกสถาบัน

มหาวิทยาลัยประชาชน ชวนพี่น้องกล้าเขียนฝัน สร้างระบอบใหม่ ให้ปชช.​ใหญ่เหนือทุกสถาบัน


มหาวิทยาลัยประชาชน ชวนพี่น้องกล้าเขียนฝัน สร้างระบอบใหม่ ให้ปชช.​ใหญ่เหนือทุกสถาบัน







 มหาวิทยาลัยประชาชน ชวนพี่น้องกล้าเขียนฝัน สร้างระบอบใหม่ ให้ปชช.​ใหญ่เหนือทุกสถาบัน


Monday, April 20, 2015

ประเทศไทย ต้องไม่มี ระบอบภูมิพล โดย ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนคุย มหาวิทยาลัยประชาชน

ประเทศไทย ต้องไม่มี ระบอบภูมิพล โดย ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนคุย มหาวิทยาลัยประชาชน


 



ประเทศไทย ต้องไม่มี ระบอบภูมิพล โดย ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนคุย มหาวิทยาลัยประชาชน

Saturday, April 18, 2015

เครื่องมือชิ้นเอก ของอำมาตย์ไทย (สนธิ ลิ้ม) กำลังทิ่มพุงอำมาตย์ในระบอบราชาธิปไตยไทย




หลายเรื่องที่สนธิ ลิ้มทองกุล พูด โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับกลไกสามานย์ของฝั่งขวา เป็นเรื่องมีเค้าความจริงและมีประโยชน์  ลองฟังดูครับ โปรดทราบว่า ส่วนทีเกี่ยวกับขบวนล้มเจ้า และบางเรื่องที่สนธิมีอคติต่อขบวนทักษิณ และมีสมองล้าหลังในเรื่องสถาบันกษัตริย์  ผมถือว่า เราไม่จำเป็นต้องเชื่อและเห็นด้วย  คือเลือกรับสารนะครับ




Friday, April 17, 2015

ข้อคิดสำหรับทีมนำการปฏิวัติ หากมีการวางแผนให้ดี อะไรที่ซับซ้อนและยากก็เกิดขึ้นได้ Impossible is nothing!

Yoook artık yahuu :)

Posted by haberinbizden.com on Tuesday, September 23, 2014

Thursday, April 16, 2015

ล้มกษัตริย์ไทย ไม่สะเด็ดน้ำ ก็ต้องช้ำกับพิษกลุ่มเครือข่ายศักดินาไทย

ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-01-04 ตอน ล้มกษัตริย์ไทย ไม่สะเด็ดน้ำ ก็ต้องช้ำกับพิษกลุ่มเครือข่ายศักดินาไทย

Thursday, April 9, 2015

แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน 1 สิงหาคม 2557 เรื่อง เรียกร้องให้กษัตรย์ภูมิพลสละอำนาจและราชสมบัติ


แถลงการณ์ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน 1 สิงหาคม 2557


เรื่อง เรียกร้องให้กษัตรย์ภูมิพลสละอำนาจและราชสมบัติ
http://tahr-global.org/bhumibol-out/

ติดตามคลิปยูทูปได้ที่ http://2557constitution.blogspot.no/2014/08/1-2557.html


แถลงการณ์เรียกร้องให้กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช สละราชสมบัติและคืนอำนาจให้ประชาชน

โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
แถลง ณ วันที่ 1 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2557

เราขอแถลงการณ์ถึงกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชฯ เพื่อเรียกร้องให้ท่าน พิจารณาตัวเอง สละราชสมบัติ แล้วคืนอำนาจให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อให้พวกเขาปกครองตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ ให้ประชาชนปกครองประเทศ ด้วยอำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน ใช้โดยตัวแทนประชาชนจริง ๆ เท่านั้น และเพื่อประชาชนโดยถ้วนหน้าจักได้ประโยชน์สุข ที่พวกเขาสมควรได้รับ อย่างแท้จริง    โดยพวกเราเห็นว่า ท่านได้ละเมิดหลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาเป็นเวลานาน จนเกิดผลเสียหาย ต่อประเทศชาติและประชาชนมาตลอด

นับตั้งแต่ท่านได้รับเชิญให้เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยท่านจะต้องให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ตามเจตนารมย์ของรัชกาลที่เจ็ด และโดยการยื่นคำขาดของคณะราษฏร ที่ได้ยึดอำนาจจากรัชกาลที่เจ็ด  เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมานั้น ท่านได้สัญญากับปวงชนชาวไทยในวันรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม”   แต่บัดนี้ กาลเวลาได้ล่วงเลยมานานนับ กว่า 68 ปีแล้ว ความจริงกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่   เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน   ท่านก็เริ่มสถาปนาอำนาจตนเอง  และสร้างเครือข่ายเพื่อพระราชา  ตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่ โดยเริ่มยึดอำนาจมารวมศูนย์ไว้ที่ตัวเอง แล้วสร้างเครือข่ายสมุนรับใช้อย่างแยบยล อันประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ข้าราชการประจำระดับสูง นักการเมืองที่ไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง สื่อสารมวลชนที่ขายตัว นักธุรกิจระดับชาติ และกลุ่มผลประโยชน์ที่หากินร่วมกับสถาบันกษัตริย์ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดมาโดยตลอด ท่านได้ทำการล้มล้างอำนาจของคณะราษฏร  เขียนรัฐธรรมนูญหลังการรัฐประหารหลายครั้ง เพื่อเพิ่มอำนาจให้กษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงต้นรัชกาลปี 2500  รวมถึงปี 2519 ปี 2550 และที่เลวร้ายจนเกินอภัย คือ รัฐธรรมนูญชั่วคราว ฉบับ  2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นับรวมแล้ว ได้ให้อำนาจกษัตริย์มีสถานะเป็นรัฐเหนือรัฐ ศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์ แตะต้องไม่ได้ และมีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน เอาคนทุกหมู่เหล่าไปเป็นฝุ่นใต้รองเท้าของท่าน  เอาทหารรักษาพระองค์มาสร้างรัฐทหาร ครอบงำอำนาจทุกส่วนในประเทศ   แต่ทั้งหมดนี้ อาจจะพอให้อภัยได้ หากท่านส่งเสริมให้ประชาชนอยู่โดยสงบสุข ยุติธรรม และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  โดยการทรงทศพิธราชธรรมของท่านและผู้ปกครองที่ท่านบงการ     แต่ความจริงก็คือ คนไทยหาความสุข สันติภาพ ความเป็นธรรม และเสรีภาพ อย่างแท้จริงจากท่านหาได้ไม่  เพราะท่านเลือกข้างและยืนตรงข้ามประชาชนผู้ยากไร้ แถมกดขี่ ขูดรีด และแม้แต่ให้ทหารรักษาพระองค์เข่นฆ่าประชาชนที่คิดต่างอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพียงเพราะกลัวจะเสียอำนาจ เสียอภิสิทธิ์ และเสียผลประโยชน์อันได้มาง่าย ๆ จำนวนมหาศาลนั่นเอง  ดังนั้น ปวงชนชาวไทยจึงมิได้เกิดความสุข และไม่ได้ผลประโยชน์จากการปกครองที่ท่านเป็นใหญ่อย่างแท้จริง  ดังจะได้สาธยาย ไว้พอสังเขปดังนี้


ประการที่หนึ่ง
ท่านทรยศต่อคำมั่นสัญญาที่บรรพบุรุษของท่านได้ให้ไว้กับปวงชนชาวสยาม ว่าจะคืนอำนาจให้ปวงชนชาวสยาม ไม่ใช่ให้บุคคลใด หรือกลุ่มบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะ  แต่ท่านกลับดำรงตนผิดหลักการปกครองที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ดังต่อไปนี้

o   ท่านบงการการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วให้คนของตนเองเขียนขึ้นใหม่ โดยท่านรับรองการรัฐประหารว่าถูกต้องชอบธรรมทั้ง ๆ ที่เป็นการปล้นอำนาจประชาชนทั้งชาติและขัดต่อระบอบประชาธิปไตยตามแบบอย่างสากล ท่านได้ให้อภัยโทษแก่บรรดากบฏ ท่านยังได้ปูนบำเหน็จองค์คณะผู้ก่อการกบฏ แล้วสร้างความชอบธรรมจอมปลอมด้วยลายเซ็นต์ของท่านมาโดยตลอด   จนประเทศไทยมีสถิติการฉีกรัฐธรรมนูญมากที่สุดประเทศหนึ่งโดยเฉลี่ยแทบทุก ๆ สี่ปีนับแต่ได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นต้นมา    และเป็นประเทศที่ติดอันดับสี่ของโลก ในบรรดาประเทศที่มีการรัฐประหารมากที่สุด นี่เป็นพฤติกรรมที่เลวร้าย ผิดหลักการประชาธิปไตย ทรยศต่อคำสัญญา  และสร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ต่ออำนาจอธิปไตย ที่ประชาชน เป็นเจ้าของ และใช้โดยประชาชน ไม่ใช่โดยกษัตริย์และแนวร่วมในหมู่ขุนนางและศักดินา  ที่ได้ร่วมกันปล้นตามทฤษฎีการสมคบคิด

o   นอกจากนี้ ท่านได้สถาปนาตัวเองให้มีอำนาจในทุกด้าน โดยมีองค์มนตรีประสานและกำกับองค์กรรัฐและเอกชน ครอบงำอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เป็นรัฐซ้อนรัฐ สามารถทำลายหลักประชาธิปไตยได้ดั่งใจ บงการและคุ้มครองผู้ทำผิดกฎหมาย จนหลักนิติรัฐถูกทำลาย  จนรัฐไทยภายใต้การปกครองในฐานะประมุขของท่าน เกือบเป็นรัฐที่ล่มสลายแล้วในวันนี้    กล่าวโดยรวมก็คือ ท่านเป็นประมุขในระบอบประชาธิปไตย แต่ได้เป็นตัวการบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของประชาชนเสียเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

o   นอกจากนี้ ท่านยังทำตัวเหมือนเทวดา อยู่เหนือกฎหมาย แตะต้องไม่ได้ ส่งเสริมความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างสองมาตรฐาน และวางตัวไม่เป็นกลาง คนที่รับใช้ใกล้ชิดท่านทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนประชาชนที่เรียกร้องหาประชาธิปไตย ซึ่งสวนทางกับการคงอยู่และการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของท่านและพรรคพวกนั้น ทำอะไรก็ผิดทุกอย่าง จนบ้านเมืองแตกแยก แทบพังพินาศ แต่ท่านกลับชี้นิ้วหาว่านักการเมืองเลว ชาวบ้านโง่ และระบอบประชาธิปไตยแบบสากลใช้ไม่ได้ ต้องให้เป็นแบบไทย ๆ ซึ่งก็คือ มีท่านเป็นประมุขแบบมีอำนาจเบ็ดเสร็ จดังที่ท่านปรารภไว้กลาย ๆ ตั้งแต่ปี  2529 จนหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ต้องออกมาชี้ว่าจะเป็นการนำไปสู่การล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ในที่สุดนั่นเอง









ประการที่สอง
ท่านไม่ได้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม และขาดทศพิธราชธรรมอย่างชัดเจน ดังนี้


o   ครอบครัวของท่านประพฤติตัวเหลวแหลก ไม่เป็นตัวอย่างอันดีกับสังคม ผิดศีลธรรมอันดีงาม จนมีรูปภาพ เอกสาร และหลักฐานอื่น ๆ ตามสื่อต่าง ๆ  กระจายไปทั่วโลก

o   นอกจากนี้ ทั้งครอบครัวของท่าน รับเงินบริจาค เบียดเบียนแม้แต่คนจน ที่หลงคิดว่า ทำบุญกับพวกท่านแล้วชีวิตจะดีขึ้น เป็นการหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้รู้ไม่เท่าทัน

o    การคงอยู่ของพวกท่านสิ้นเปลืองภาษีอากรของประชาชนอย่างมหาศาล งบประมาณปีหนึ่ง ๆ ในหลักหมื่นล้าน เสียไปกับการให้ท่านได้เสวยสุข และเพื่อเทิดทูนคุณความดีของท่าน ทั้งที่พวกท่านไม่ได้สร้างประโยชน์อย่างแท้จริง  แล้วท่านกลับสอนให้ประชาชนอยู่อย่างสมถะ พอเพียง ทั้ง ๆ ที่ค่าแรงขั้นต่ำแค่วันละสามร้อยบาท พวกท่านก็ยังใจดำจะไม่ให้เขา  ทั้งนี้ก็เพราะท่านอยากให้ประชาชนอดอยาก ขัดสน ได้รับการศึกษาน้อย พัฒนาสติปัญญาให้น้อย และมีจิตสำนึกสยบยอม เพื่อท่านและคณะโจรร้ายในร่างผู้ดีจะได้ฉกฉวยประโยชน์สุขไปไว้ในแวดวงของตนต่อไป อย่างง่ายดายและยาวนาน

o   การเป็นประมุขของท่าน ไม่ยึดหลักยุติธรรม ท่าน ลูก และเมีย ได้เลือกข้าง สนับสนุนชนชั้นที่ได้เปรียบ รังแกและเอาเปรียบ กดขี่และข่มเหง และตั้งตนเป็นศัตรูผู้กดขี่ต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่เสียเปรียบอยู่แล้ว

o   นอกจากนี้ ท่านยึดทรัพยากรและผลประโยชน์ของชาติ หรือของคนไทยทุกคน เอาไปเป็นของตนเองและพรรคพวก  เป็นเจ้าสำนักของระบบทุนศักดินาผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ชี้นิ้วเอาทุกสิ่งที่ตนอยากได้ สร้างเครือข่ายไปหากินอย่างตะกละตะกลาม จนทำลายความมั่นคงของเศรษฐกิจ สังคม และลามไปถึงการเมือง หากการเมืองจะไปรื้อหรือกระเทือนต่อฐานอำนาจและผลประโยชน์ของท่านและพวกพ้อง

o   ที่น่ารังเกียจมากกว่านั้นก็คือ ขณะที่ท่านกดขี่ หลอกลวง และเอารัดเอาเปรียบคนทั้งชาติอย่างน่าละอายนั้น ท่านกลับโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวง ให้เกิดความงมงาย ว่าท่านทรงธรรม บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ดุจเทวดา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอำนาจและผลประโยชน์ เป็นห่วงและรักประชาชน ทำงานหนักตลอดเวลา และเป็นผู้เก่งกาจ พัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนได้เหนือกว่าใครในแผ่นดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่า เป็นการโกหก สร้างภาพ และสร้างความงมงายแก่วัฒนธรรมไทย และฉุดรั้งการเติบโตทางจิตวิญญาณ สติปัญญา และพัฒนาการต่าง ๆ ของประชาชน ทั้งสิ้น

o   ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อท่านรู้ว่าตนเองไม่ได้ดีอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ และเมื่อยกตนเป็นเทวดา เหนือกฎหมาย แล้วก็ยังมีคนรู้ทัน ท่านจึงได้ปิดปากประชาชน ด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเปิดโอกาสให้ทาสทางจิตวิญญาณและสุนัขรับใช้ของท่านเอาไปใช้ทำลายผู้ไม่ยอมอยู่ใต้รองเท้าของท่านได้ดังใจ  ท่านแกล้งบอกว่า ท่านเดือดร้อนเมื่อมีการฟ้องร้อง แต่ท่านกลับไม่ยอมยกเลิก เข้าทำนองพูดแก้เก้อตามนิสัยไม่จริงใจ คลุมเครือ หรือปากอย่างทำอย่างของท่านที่เห็นกันมาตลอด

o   ที่ร้ายที่สุดนั้น ท่านทำให้มีคนเชื่อว่า ท่านและราชวงศ์รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลย จนเกิดการสังหารหมู่ประชาชนอย่างย่ามใจมาหลายครั้ง ที่เห็นชัดเจนก็คือ ปี 2516 2519 2535 2552 2553 และล่าสุดในการชุมนุมที่ถนนอักษะในวันก่อการกบฎ รัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค. 2557 ซึ่งท่านเพิ่งได้ลงนามรับรัฐธรรมนูญเถื่อน แล้วนิรโทษกรรมให้กบฎ ฆาตกร และคนชั่วที่ร่วมกันปล้นอำนาจประชาชน ทำลายความเป็นนิติรัฐ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของคนไทยอย่างป่าเถื่อน รุนแรง และย่ามใจ เช่น การจับกุมผู้บริสุทธิ์ไปทรมาณหรือทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ให้เปลี่ยนความคิดมาสยบยอมต่อกบฏ เป็นต้น  เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

ประการที่สาม ท่านได้ขัดขวางและทำลายประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย แทนที่จะส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สุขแก่ “มหาชนชาวสยาม” ดังที่ท่านสัญญาไว้

o   แทนที่ท่านจะสนับสนุนให้รัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมา ได้ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มกำลังสามารถ ท่านกลับให้สมุนที่มีอยู่ในและนอกรัฐธรรมนูญ ในระบบและนอกระบบต่าง ๆ รวมหัวกันขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ล้มโครงการที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ อ้างเหตุต่าง ๆ นานา ซึ่งล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวง เพราะเมื่อยึดอำนาจได้แล้ว ท่านก็ปัดฝุ่นเอาโครงการใหญ่ ๆ มาทำ เพื่อเถลิงงบประมาณแผ่นดิน แบ่งสรรปันประโยชน์ต่างตอบแทนกันเนือง ๆ เห็นได้อย่างชัดเจน

o   ยิ่งไปกว่านั้น ท่านแข่งกับรัฐบาล  คิดโครงการ แล้วใช้ข้าราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเอกชนทำงานตามความคิดของท่าน โดยใช้งบประมาณจากเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งสิ้น แล้วท่านกลับโฆษณาเอาหน้า หาว่าเป็นผลงานและการพัฒนาประเทศของตนเอง เป็นเรื่องน่าขบขันอย่างยิ่ง ท่านอ้างแม้แต่ว่าตนเองคิดฝนเทียมเพื่อเชิดชูตัวเองอย่างไม่อาย ทั้ง ๆ ความจริง ได้มีฝรั่งคิดและทำก่อนหน้าท่าน

o   ในขณะที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องการทำลายความยากจนให้หมดไป ให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ด้วยตนเอง ท่านกลับต้องการสิ่งตรงกันข้าม จึงพยายามทำลายการเข้าถึงโอกาสและความมั่งคั่งของประชาชน ขูดรีดและสร้างระบบทุนผูกขาดเพื่อยัดเยียดความยากจนให้คนส่วนใหญ่มาตลอด โดยหวังว่าท่านจะได้หลอกใช้ประชาชนได้อีกตลอดไป โดยไม่มีนักการเมืองมาแย่งอำนาจ และความจงรักภักดีที่งมงายไปจากท่านได้เลย

o   ที่เลวร้ายที่สุดและให้อภัยไม่ได้ก็คือ การที่ท่านยึดทรัพยากรของชาติ ทั้งที่ดิน น้ำมัน แก๊ซ และแร่ธาตุทั้งหลายไปไว้ในการจัดการที่ไม่โปร่งใส และบงการอย่างแนบเนียนโดยตัวท่านหรือตัวแทนที่ท่านซ่อนเอาไว้ในหลายมิติ  สร้างความร่ำรวยให้ท่านอย่างมหาศาล จนเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในบรรดาราชวงศ์ทั่วโลก ปล่อยให้ต่างชาติมาแสวงกำไรร่วมโดยประชาชนไม่มีส่วนรู้เห็น และท่านยังคิดจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติมากอบโกยเอาผลประโยชน์ออกไปได้เสมอ ตราบใดที่มันจะทำให้ท่านและคณะอยู่ในอำนาจได้ต่อไป คล้าย ๆ กับการยกดินแดนให้ต่างชาติของบรรพบุรุษท่านเพื่อรักษาบัลลังก์ คือท่านให้ฝรั่งมาดูดน้ำมันและแก๊ซไปใช้และทำกำไรมายาวนานโดยคนไทยไม่รู้ แต่ท่านรวยอย่างก้าวกระโดด หรือการที่ท่านอาจจะให้เผด็จการทหารที่ท่านบงการ ยกดินแดนข้างรางรถไฟความเร็วสูงให้รัฐบาลจีนเพื่อตอบแทนเงินลงทุนที่คณะกบฏคงไม่สามารถหาหยิบยืมได้จากชาวโลก ที่เขารุมประนามการรัฐประหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายและยังดำรงผลอยู่ ณ วันนี้











ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ท่านไม่สมควรเป็นประมุขในระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป เพราะท่านได้ทำลายอำนาจอธิปไตยของปวงชนมาตลอด  หลอกลวง กดขี่ เอาเปรียบประชาชน และขาดทศพิธราชธรรมมายาวนาน จนบ้านเมืองเสียหายเกินคำนวณ  และท่านไม่ได้สร้างประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามดังที่เคยสัญญาไว้ แต่กลับแย่งและทำลายมันอย่างต่อเนื่อง  บัดนี้ พวกเราคณะกรรมการภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ที่เชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย และหลักการที่มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้ท่านพิจารณาตนเอง ประกาศสละราชสมบัติ แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนปกครองตนเอง ตามหลักเสรีประชาธิปไตยสากลเสียโดยเร็ว ดีกว่าการที่จะต้องมีประชาชนเขาลุกมาขับไล่ท่านและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสมุนเผด็จการคสช. และคณะที่ท่านบงการอยู่ ได้บังอาจต่อท่ออำนาจอย่างย่ามใจและใช้มาตรการอันโหดร้ายกับประชาชนจำนวนมหาศาลที่อาจจะต้องลุกมาทวงอำนาจของพวกเขาในเร็ววันนี้ 

คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการอำนวยการ
ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน




Wednesday, April 8, 2015

ชวนคิดชวนคุย ดร.เพียงดิน ตอน เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง? 9 เมษายน 2558




เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง? โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 9 เมษายน 2558
















 เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง?
โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 9 เมษายน 2558

Tuesday, April 7, 2015

ราชวงศ์จักรี ในมุมที่ท่านอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน ในสังคมไทย

ราชวงศ์จักรี ในมุมที่ท่านอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน ในสังคมไทย เครดิต สนามหลวง2008 โปรดช่วยกันเผยแพร่ เพื่อความเข้าใจร่วมกันถึงปัญหาของชาติไทยที่แท้จริง

Sunday, April 5, 2015

ราชวงศ์จักรี "หาดีไม่ได้เลย" ขนาดนั้นเลยหรือ? เพราะเหตุใด?

ราชวงศ์จักรี "หาดีไม่ได้เลย" ขนาดนั้นเลยหรือ? เพราะเหตุใด?

อาจจะเป็นหัวข้อที่ extreme หรือ biased ไปนิด เพราะมนุษย์ทุกคนต้องมีทั้งดีและชั่ว
อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๆ ที่มีการยกยอปอปั้น เทิดทูนทุกทางมายาวนาน แต่กลับมีคนคิดเช่นนี้
มันคงต้องมีอะไรน่าสนใจแน่ ๆ  ราชวงศ์จักรี ชั่วตรงไหน?




 

Saturday, April 4, 2015

Xomjit # 33 Royal Ruling Plan สิรินทอมเปิดเผยแผนกินรวบประเทศแบบถาวรตลอ­ดกาล


Xomjit # 33 Royal Ruling Plan สิรินทอมเปิดเผยแผนกินรวบประเทศแบบถาวรตลอ­ดกาล

รัฐประหาร ด้วยรถถังและลายมือกษัตริย์ ก่อให้เกิดรัฏฐาธิปัตย์ อย่างถูกกฎหมายสากล จริงหรือ?


รัฐประหาร ด้วยรถถังและลายมือกษัตริย์ ก่อให้เกิดรัฏฐาธิปัตย์ อย่างถูกกฎหมายสากล จริงหรือ?


By Ajaan Thanaboon Chiranuvat


เมื่อเกิดคำถามว่า การยึดอำนาจ และการรัฐประหาร ทำให้คณะบุคคลที่เข้าจับยึดกุมอำนาจรัฐที่ว่า กลายเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หรือ Sovereignty หรือไม่? วิธีที่ถูกที่ควรต้องปฏิบัติในทางแก้ไขอย่างไร?
คุณ Donmuang นั่นเป็นความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อนต่อ ข้อกฏหมายของศาลไทยในอดีต ในวันนี้ เราไปลงนาม และ ให้สัตยาบันต่อ Convention Against Corruption, 2003 แล้วในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ หรือปีค.ศ.๒๐๑๑.......................................................ฯ


เมื่อประเทศไปก่อพันธกรณีในระหว่างประเทศ กับนานาชาติผูกพันตน เกิดเป็นภาระหน้าที่ๆต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญานั้น คุณมาถามผมว่า ใครจะเป็นคนบังคับ คำตอบ ก็คือ ศาลโลก และองค์การสหประชาชาติไงเล่าครับ ขอยกตัวอย่างสนธิสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษความผิดอาญาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ปีค.ศ.๑๙๕๑ เมื่อมีการลงนามกันแล้ว และ ให้สัตยาบัน เพื่อการปฏิบัติแล้ว มีชาติคู่ภาคีสมาชิกชาติหนึ่ง หรือหลายชาติ ไปออกคำสงวนสิทธิ (Reservation) ที่จะเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาในภายหลัง.......................................................................ฯ

""""
ฝรั่งเศสซึ่งเป็นหนึ่งในชาติคู่ภาคีสมาชิก นำเรื่องดังกล่าวนี้ ไปร้องเรียนในสมัชชาใหญ่ และ คณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติ ในที่สุดเกิดการสอบสวน และนำไปให้ศาลโลกชี้ขาดในแผนก Advisory Opinion ศาลโลก ก็นำไปตีความชี้ขาด (เมื่อชี้ขาดแล้ว เกิดผลบังคับทันทีทั่วโลก) ศาลโลกชี้ขาดว่า "Reservation ของชาติคู่ภาคีใดๆ ที่ต้องการหลีกเลี่ยงจะไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญา Reservation เช่นว่านั้น ไม่มีผลบังคับต่อสนธิสัญญา" (ซึ่งคุณอาจไปศึกษาค้นคว้าเอาได้ด้วยตนเอง ผมคงไม่ต้องสอนคุณ โดยคุณเปิดไปหาคดีนี้ได้ในเว็ปไซด์ของศาลโลก)......................................ฯ


ทีนี้มาพิจารณาว่า "การทำการรัฐประหาร"ทำให้คณะผู้ทำการรัฐประหาร เป็นรัฏฐาธิปัตย์ หรือ Sovereignty "หรือไม่? คำตอบ คือ ไม่เป็นครับ เมื่อไม่เป็น เพราะเหตุใด? ไม่เป็นเพราะเรามี the Geneva Conventions, 1949 โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉบับที่ ๔ พร้อมบทบัญญัติที่ ๓ ร่วม ที่ประเทศนี้ ไปประกาศขอเข้าร่วม เป็นชาติคู่ภาคีสมาชิก และ ต้องให้สัตยาบัน ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ปีค.ศ.๑๙๕๔ หรือปีพ.ศ.๒๔๙๗ ขวางกั้นเอาไว้ คนไทย ยังมีความเข้าใจ ที่คลาดเคลื่อนต่อ the Geneva Conventions,1949 ที่คลาดเคลื่อนทั้งในข้อกฏหมายและข้อบัญญัติของสนธิสัญญาแบบผิดๆ แล้วไม่ศึกษา คิดว่าสนธิสัญญาบังคับเฉพาะพลเรือน ยกตัวอย่างเช่น ๑.บทบัญญัติที่ ๕๙ ของสนธิสัญญา บังคับฝ่ายที่เป็นทหารด้วย วัตถุประสงค์ของ the Geneva Conventions, 1949 ก็เพื่อช่วยมนุษย์ ที่กำลังอยู่ระหว่างภัยสงคราม และ การสู้รบในสนามรบ การประกาศใช้สนธิสัญญานี้ ก็เพื่อขจัดการปกครองทางทหารในแบบ NAZI เยอรมันที่โลกทั้งใบไม่ต้องการ คือสั่งคนทั้งประเทศ ให้ซ้ายหัน และขวาหัน ตามคนที่สั่ง ที่เราเรียกว่า "ใช้ Absolute Power" และมนุษยชาติ เพิ่งเผชิญภัยนั้นมา แบบสดๆร้อนๆ...ฯ

๒. เมื่อพัฒนาการทางกฏหมายของมนุษย์ และ พลวัตรในสังคมมนุษย์เจริญขึ้นเกิด Convention Against Corruption, 2003 ข้างต้น คำว่า Corruption Act ตามสนธิสัญญาฉบับนี้ ไม่หมายเฉพาะ การกระทำการ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฉ้อโกง ยักยอก รับของโจร เพื่อเอาทรัพย์ หรือ การฟอกเงิน การกระทำใดๆ ที่ขัดขวางต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง การกระทำใดๆที่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ตน (Abused of Powers for Private Gains) และประโยชน์เช่นนี้ไม่ต้องเป็นเงินเป็นทองก็ได้ เช่น ได้รับความพึงพอใจส่วนตนของผู้ปฏิบัติฯลฯ เป็นต้น ก็เป็น Corruption Act แล้วครับ......................................................................................................................ฯ


๓. เมื่อเป็นไปตามข้อกฏหมายดังที่ว่ามา การกระทำการยึดอำนาจ และ การรัฐประหาร เป็นการกระทำ ที่เข้าองค์ประกอบของคำว่า " Corruption" หรือไม่ ? ถ้าใช่ไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญานี้ หรือไม่? ถ้ามีพันธกรณีที่ไทย ต้องปฏิบัติ ประชาชนในชาติ ที่ได้รับความเดือดร้อน เขา ย่อมเกิดสิทธิ ที่จะไปร้องขอให้สหประชาชาติ ให้ต้องดำเนินการในการทำการสอบสวน ในเรื่องที่ร้องทุกข์มา แล้วส่งเรื่อง ที่ประมวลได้มาทั้งหมดไปยังศาลโลก เพื่อการตีความได้หรือไม่? โดยยกคดีของประเทศฝรั่งเศสข้างต้น ที่บรรยายมา เป็นคดีตัวอย่าง ในการร้องขอต่อองค์การสหประชาชาติ ............................................................................................................ฯ

นี่จึงเป็นการตอบคำถามในใจ ของคน ที่ยังมีความคลางแคลงสงสัยในเรื่องดังกล่าว ที่คุณยกมาถามผม เมื่อผมให้คำตอบแก่คุณ อย่างสิ้นสงสัยแล้วใช่ไหม? ครับ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้.





Friday, April 3, 2015

ทำไม ดร.เพียงดิน ไม่สนับสนุนให้ "พระเทพ" ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10

ทำไม ดร.เพียงดิน ไม่สนับสนุนให้ "พระเทพ" ขึ้นเป็นรัชกาลที่ 10