ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.
Showing posts with label มดแดงล้มช้าง. Show all posts
Showing posts with label มดแดงล้มช้าง. Show all posts

Saturday, May 2, 2015

ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"

ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"
เมื่อสี่ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมได้คิดทฤษฎีที่จะช่วยอธิบายปรากฏการณ์การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย แล้วก็เกิดวลี มดแดงล้มช้าง  เพื่อหาทางปลุกใจให้ประชาชนลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเอง  วันนี้เหตุผลที่ประชาชนต้องสู้เอง ได้ปรากฏชัดเจนสมบูรณ์แล้ว

  • ดร.ทักษิณและตระกูลชินวัตร ถูกเจ้ากดหัวไว้เกือบสนิทแล้ว (แต่...อิ ๆ คนอย่างดร.ทักษิณ หมอบราบจริง)
  • พรรคเพื่อไทยไม่แตกก็เหมือนแตก  นักการเมืองที่มีบารมีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเผด็จการ
  • แกนนำนปช. เปลี่ยนจากผู้ชี้นิ้วบงการแทนประชาชน เป็นผู้อ้อนวอนและขอเมตตาจากผู้เข่นฆ่าคนเสื้อแดง และปล้นอำนาจอธิปไตยของคนทั้งชาติไปครองอย่างย่ามใจ
  • เครือข่ายของเจ้าเข้มแข็ง ยิ่งใหญ่และมุ่งมั่นจะล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตย โดยอ้างว่า ต้องทำลายระบอบทักษิณที่ชั่วร้าย อย่างไม่ลดละ   แถมมีพลังทำลายล้างแบบครบวงจร ยากที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะลุกขึ้นมานำทัพแบบชัดเจนได้ (อันที่จริง เมื่อทักษิณไม่สามารถทำได้แล้ว ที่เหลือก็จะอ่อนพลัง หรือกระจัดกระจาย ต้องใช้เวลาสะสมบารมีและกำลังพอสมควร)
  • การต่อสู้ในประเทศไทย ไม่ใช่ระหว่างคนสองตระกูล หรือแค่ทุนศักดินาและเครือข่าย กับ ทุนใหม่ เท่านั้น แต่ได้พัฒนาให้เห็นว่า เป็นสงครามชนชั้นระหว่างกลุ่มศักดินาและทุน กับ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  วันนี้ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจนแบบไม่ต้องปิดบัง ระหว่างสองชนชั้น 
และแน่นอนว่า เมื่อสงครามชัดเจนแล้ว และในสภาพที่เผด็จการสำแดงอำนาจเผด็จการของพวกเขาเต็มที่ ประชาชนจะต้องถูกแบ่งแยก ข่มขู่ กดทับ ขูดรีด และทำให้ไม่สามารถรวมตัวกันได้ง่าย ๆ อย่างถึงที่สุด ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องหาทางสู้ โดยประชาชนแต่ละคนที่มีจิตสำนึกต่อต้านการครอบงำของเผด็จการต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง ด้วยการ

  • ไม่นิ่งเฉย 
  • ไม่หยุดการรับข่าวสารใหม่ และเรียนรู้
  • ไม่กลัว 
  • ไม่ท้อ 
  • ไม่หลบหนี 
  • ไม่ทำลายกันเอง คือ ไม่หลงเกม ตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการที่ต้องการสลายพลังประชาชน 
  • ไม่หยุดที่จะหาทางต่อรอง ต่อต้าน ต่อสู้ และโจมตี เพื่อทำลายความชอบธรรม (จอมปลอม) ของเผด็จการ ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาด
  • ไม่หยุดการสานเครือข่าย ขยายความรู้ ประสานความร่วมมือ และเตรียมการลุกฮือ เพื่อล้มช้างในวันนัดหมาย
  • ไม่งอมืองอเท้าให้ใครมาอ้างการนำ โดยประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมวางกรอบและใส่รายละเอียดของเป้าหมาย วิธีการต่อสู้ และการสร้างอนาคตที่ถาวร
  • ไม่หยุดการพัฒนาวิธีการต่อสู้ และยกระดับให้สูงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้ปกครอง และไม่ยอมให้ปกครองต่อ แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจมาเป็นของประชาชน เพื่อสร้างชาติใหม่
สรุปสาระสำคัญที่สุด อันเป็นความจริงที่ประจักษ์ต่อหน้าเราทุกคนก็คือ เราจะต้องเลิกเล่นบทผู้ดู หรือผู้อยู่นิ่งเฉย ไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบ และไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง แล้วต้องถือเป็นภารกิจส่วนตัวที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ แล้วขณะเดียวกัน ก็ยื่นมือออกไปประสานกับเพื่อนพ้องน้องพี่รอบตัว ที่เข้าใจปัญหาบ้านเมืองตรงกัน และอยากจะมีส่วนช่วยกันแก้ไข...

ไม่มีใครอื่นที่จะรับหน้าช่วยเหลือแล้วทำให้สำเร็จ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวดอก มองในกระจก ที่คุณเห็นนั่นแหละ ที่เป็นพระเอกและนางเอก ที่แท้จริง  หากคนที่ท่านเห็นในกระจก ไม่ทำอะไรเลย หรือทำอะไรที่ไม่มีผลที่จะสานไปสู่ผลคืบหน้าในภารกิจใหญ่ของการปฏิวัติประเทศเลย เราก็จะไม่มีทางสู่ชัยชนะได้อย่างแท้จริง ...

ลุกมาเป็นนักปฏิวัติ เอาชนะสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กู้ชาติ และสร้างบ้านแปงเมืองใหม่กันเถิด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในยุคพวกเรา และเพื่อลูกหลานเหลนของพวกเราในระยะยาวสืบไปชั่วนานแสนนาน








ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"

ทางออกประเทศไทย คือกุญแจที่อยู่ในมือ "มดแดงล้มช้าง"
เมื่อสี่ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมได้คิดทฤษฎีที่จะช่วยอธิบายปรากฏการณ์การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย แล้วก็เกิดวลี มดแดงล้มช้าง  เพื่อหาทางปลุกใจให้ประชาชนลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเอง  วันนี้เหตุผลที่ประชาชนต้องสู้เอง ได้ปรากฏชัดเจนสมบูรณ์แล้ว

  • ดร.ทักษิณและตระกูลชินวัตร ถูกเจ้ากดหัวไว้เกือบสนิทแล้ว (แต่...อิ ๆ คนอย่างดร.ทักษิณ หมอบราบจริง)
  • พรรคเพื่อไทยไม่แตกก็เหมือนแตก  นักการเมืองที่มีบารมีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเผด็จการ
  • แกนนำนปช. เปลี่ยนจากผู้ชี้นิ้วบงการแทนประชาชน เป็นผู้อ้อนวอนและขอเมตตาจากผู้เข่นฆ่าคนเสื้อแดง และปล้นอำนาจอธิปไตยของคนทั้งชาติไปครองอย่างย่ามใจ
  • เครือข่ายของเจ้าเข้มแข็ง ยิ่งใหญ่และมุ่งมั่นจะล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตย โดยอ้างว่า ต้องทำลายระบอบทักษิณที่ชั่วร้าย อย่างไม่ลดละ   แถมมีพลังทำลายล้างแบบครบวงจร ยากที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะลุกขึ้นมานำทัพแบบชัดเจนได้ (อันที่จริง เมื่อทักษิณไม่สามารถทำได้แล้ว ที่เหลือก็จะอ่อนพลัง หรือกระจัดกระจาย ต้องใช้เวลาสะสมบารมีและกำลังพอสมควร)
  • การต่อสู้ในประเทศไทย ไม่ใช่ระหว่างคนสองตระกูล หรือแค่ทุนศักดินาและเครือข่าย กับ ทุนใหม่ เท่านั้น แต่ได้พัฒนาให้เห็นว่า เป็นสงครามชนชั้นระหว่างกลุ่มศักดินาและทุน กับ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  วันนี้ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจนแบบไม่ต้องปิดบัง ระหว่างสองชนชั้น 
และแน่นอนว่า เมื่อสงครามชัดเจนแล้ว และในสภาพที่เผด็จการสำแดงอำนาจเผด็จการของพวกเขาเต็มที่ ประชาชนจะต้องถูกแบ่งแยก ข่มขู่ กดทับ ขูดรีด และทำให้ไม่สามารถรวมตัวกันได้ง่าย ๆ อย่างถึงที่สุด ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องหาทางสู้ โดยประชาชนแต่ละคนที่มีจิตสำนึกต่อต้านการครอบงำของเผด็จการต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง ด้วยการ

  • ไม่นิ่งเฉย 
  • ไม่หยุดการรับข่าวสารใหม่ และเรียนรู้
  • ไม่กลัว 
  • ไม่ท้อ 
  • ไม่หลบหนี 
  • ไม่ทำลายกันเอง คือ ไม่หลงเกม ตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการที่ต้องการสลายพลังประชาชน 
  • ไม่หยุดที่จะหาทางต่อรอง ต่อต้าน ต่อสู้ และโจมตี เพื่อทำลายความชอบธรรม (จอมปลอม) ของเผด็จการ ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาด
  • ไม่หยุดการสานเครือข่าย ขยายความรู้ ประสานความร่วมมือ และเตรียมการลุกฮือ เพื่อล้มช้างในวันนัดหมาย
  • ไม่งอมืองอเท้าให้ใครมาอ้างการนำ โดยประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมวางกรอบและใส่รายละเอียดของเป้าหมาย วิธีการต่อสู้ และการสร้างอนาคตที่ถาวร
  • ไม่หยุดการพัฒนาวิธีการต่อสู้ และยกระดับให้สูงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้ปกครอง และไม่ยอมให้ปกครองต่อ แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจมาเป็นของประชาชน เพื่อสร้างชาติใหม่
สรุปสาระสำคัญที่สุด อันเป็นความจริงที่ประจักษ์ต่อหน้าเราทุกคนก็คือ เราจะต้องเลิกเล่นบทผู้ดู หรือผู้อยู่นิ่งเฉย ไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบ และไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง แล้วต้องถือเป็นภารกิจส่วนตัวที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ แล้วขณะเดียวกัน ก็ยื่นมือออกไปประสานกับเพื่อนพ้องน้องพี่รอบตัว ที่เข้าใจปัญหาบ้านเมืองตรงกัน และอยากจะมีส่วนช่วยกันแก้ไข...

ไม่มีใครอื่นที่จะรับหน้าช่วยเหลือแล้วทำให้สำเร็จ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวดอก มองในกระจก ที่คุณเห็นนั่นแหละ ที่เป็นพระเอกและนางเอก ที่แท้จริง  หากคนที่ท่านเห็นในกระจก ไม่ทำอะไรเลย หรือทำอะไรที่ไม่มีผลที่จะสานไปสู่ผลคืบหน้าในภารกิจใหญ่ของการปฏิวัติประเทศเลย เราก็จะไม่มีทางสู่ชัยชนะได้อย่างแท้จริง ...

ลุกมาเป็นนักปฏิวัติ เอาชนะสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กู้ชาติ และสร้างบ้านแปงเมืองใหม่กันเถิด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในยุคพวกเรา และเพื่อลูกหลานเหลนของพวกเราในระยะยาวสืบไปชั่วนานแสนนาน








เวทีนี้ ไม่มีพี่เลี้ยง แต่เรามีเรา ประชาชนผู้ใฝ่เสรีที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย

เมื่อสี่ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมได้คิดทฤษฎีที่จะช่วยอธิบายปรากฏการณ์การต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย แล้วก็เกิดวลี มดแดงล้มช้าง  เพื่อหาทางปลุกใจให้ประชาชนลุกขึ้นมาสู้ด้วยตัวเอง  วันนี้เหตุผลที่ประชาชนต้องสู้เอง ได้ปรากฏชัดเจนสมบูรณ์แล้ว

  • ดร.ทักษิณและตระกูลชินวัตร ถูกเจ้ากดหัวไว้เกือบสนิทแล้ว (แต่...อิ ๆ คนอย่างดร.ทักษิณ หมอบราบจริง)
  • พรรคเพื่อไทยไม่แตกก็เหมือนแตก  นักการเมืองที่มีบารมีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเผด็จการ
  • แกนนำนปช. เปลี่ยนจากผู้ชี้นิ้วบงการแทนประชาชน เป็นผู้อ้อนวอนและขอเมตตาจากผู้เข่นฆ่าคนเสื้อแดง และปล้นอำนาจอธิปไตยของคนทั้งชาติไปครองอย่างย่ามใจ
  • เครือข่ายของเจ้าเข้มแข็ง ยิ่งใหญ่และมุ่งมั่นจะล้มล้าง ระบอบประชาธิปไตย โดยอ้างว่า ต้องทำลายระบอบทักษิณที่ชั่วร้าย อย่างไม่ลดละ   แถมมีพลังทำลายล้างแบบครบวงจร ยากที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะลุกขึ้นมานำทัพแบบชัดเจนได้ (อันที่จริง เมื่อทักษิณไม่สามารถทำได้แล้ว ที่เหลือก็จะอ่อนพลัง หรือกระจัดกระจาย ต้องใช้เวลาสะสมบารมีและกำลังพอสมควร)
  • การต่อสู้ในประเทศไทย ไม่ใช่ระหว่างคนสองตระกูล หรือแค่ทุนศักดินาและเครือข่าย กับ ทุนใหม่ เท่านั้น แต่ได้พัฒนาให้เห็นว่า เป็นสงครามชนชั้นระหว่างกลุ่มศักดินาและทุน กับ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  วันนี้ เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจนแบบไม่ต้องปิดบัง ระหว่างสองชนชั้น 
และแน่นอนว่า เมื่อสงครามชัดเจนแล้ว และในสภาพที่เผด็จการสำแดงอำนาจเผด็จการของพวกเขาเต็มที่ ประชาชนจะต้องถูกแบ่งแยก ข่มขู่ กดทับ ขูดรีด และทำให้ไม่สามารถรวมตัวกันได้ง่าย ๆ อย่างถึงที่สุด ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องหาทางสู้ โดยประชาชนแต่ละคนที่มีจิตสำนึกต่อต้านการครอบงำของเผด็จการต้องร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง ด้วยการ

  • ไม่นิ่งเฉย 
  • ไม่หยุดการรับข่าวสารใหม่ และเรียนรู้
  • ไม่กลัว 
  • ไม่ท้อ 
  • ไม่หลบหนี 
  • ไม่ทำลายกันเอง คือ ไม่หลงเกม ตกเป็นเครื่องมือของเผด็จการที่ต้องการสลายพลังประชาชน 
  • ไม่หยุดที่จะหาทางต่อรอง ต่อต้าน ต่อสู้ และโจมตี เพื่อทำลายความชอบธรรม (จอมปลอม) ของเผด็จการ ด้วยวิธีการที่ชาญฉลาด
  • ไม่หยุดการสานเครือข่าย ขยายความรู้ ประสานความร่วมมือ และเตรียมการลุกฮือ เพื่อล้มช้างในวันนัดหมาย
  • ไม่งอมืองอเท้าให้ใครมาอ้างการนำ โดยประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมวางกรอบและใส่รายละเอียดของเป้าหมาย วิธีการต่อสู้ และการสร้างอนาคตที่ถาวร
  • ไม่หยุดการพัฒนาวิธีการต่อสู้ และยกระดับให้สูงและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการไม่ยอมรับ ไม่ยอมให้ปกครอง และไม่ยอมให้ปกครองต่อ แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจมาเป็นของประชาชน เพื่อสร้างชาติใหม่
สรุปสาระสำคัญที่สุด อันเป็นความจริงที่ประจักษ์ต่อหน้าเราทุกคนก็คือ เราจะต้องเลิกเล่นบทผู้ดู หรือผู้อยู่นิ่งเฉย ไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบ และไม่ลงมือทำอย่างจริงจัง แล้วต้องถือเป็นภารกิจส่วนตัวที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ แล้วขณะเดียวกัน ก็ยื่นมือออกไปประสานกับเพื่อนพ้องน้องพี่รอบตัว ที่เข้าใจปัญหาบ้านเมืองตรงกัน และอยากจะมีส่วนช่วยกันแก้ไข...

ไม่มีใครอื่นที่จะรับหน้าช่วยเหลือแล้วทำให้สำเร็จ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวดอก มองในกระจก ที่คุณเห็นนั่นแหละ ที่เป็นพระเอกและนางเอก ที่แท้จริง  หากคนที่ท่านเห็นในกระจก ไม่ทำอะไรเลย หรือทำอะไรที่ไม่มีผลที่จะสานไปสู่ผลคืบหน้าในภารกิจใหญ่ของการปฏิวัติประเทศเลย เราก็จะไม่มีทางสู่ชัยชนะได้อย่างแท้จริง ...

ลุกมาเป็นนักปฏิวัติ เอาชนะสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กู้ชาติ และสร้างบ้านแปงเมืองใหม่กันเถิด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในยุคพวกเรา และเพื่อลูกหลานเหลนของพวกเราในระยะยาวสืบไปชั่วนานแสนนาน








Thursday, April 16, 2015

ประชาชนจะชนะได้อย่างไร: จะล้มช้าง สร้างชาติ ได้อย่างไร?

ประชาชนจะชนะได้อย่างไร: จะล้มช้าง สร้างชาติ ได้อย่างไร?
ประชาชนจะชนะได้อย่างไร
(เครดิต จากไลน์)

         เป็นคำถามใหญ่ในโลกโซเชียลหรือสังคมออนไลน์ ซึ่งคงมีคำตอบในหลายแง่มุม แต่ไม่ว่าแง่มุมไหน

จะเปลี่ยนระบอบได้ "อัตวิสัยต้องสอดคล้องกับภาววิสัย"

          การใช้ ม.44 เพื่อข่มขู่กำราบไม่ให้ประชาชนรวมตัวกันต่อสู้ เป็นเรื่องของภาววิสัยที่เรากำหนดควบคุมไม่ได้

โดยทั่วไป พวกเผด็จการใช้ ม.44 แล้วคนทั่วไปไม่ชอบแน่ ๆ ถือว่าเป็นภาววิสัยที่เป็นผลดีต่อการเปลี่ยนระบอบ

มองตามหลักแบบ SWOT (นำข้อดี จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่ขัดขวางมาวิเคราะห์) ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี

แต่โอกาสที่ดีจะผ่านเลยไป ถ้าเราไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ หรือทางด้านอัตวิสัยไม่พร้อม

เช่น คนไม่พร้อม ยังไม่ได้จัดตั้ง ยังไม่รู้หลักการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคม ฯลฯ เราก็จะได้แต่วิพากษ์วิจารณ์  พวกเผด็จการก็ทำเป็นหูทวนลม การเปลี่ยนระบอบก็ยังไม่เกิดขึ้น

           ด้วยเหตุนี้จึงต้องเร่งทำให้อัตวิสัยของเรามีความพร้อม  เพื่อจะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนต่าง ๆ ของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องของภาววิสัยได้อย่างมีพลัง แปรให้เป็นการจัดตั้งที่เข้มแข็งขึ้น ขยายตัวมากขึ้น และสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ ที่มีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากจัดตั้งตัวบุคคล แล้วรวมกันเป็นกลุ่ม จากนั้นขยายกลุ่มให้เป็นองค์กร

ดุลย์อำนาจของฝ่ายประชาธิปไตยก็จะค่อย ๆ สะสมกำลังเข้มแข็งขึ้นจนเอาชนะฝ่ายเผด็จการได้

          จะเปลี่ยนระบอบกันจริง ๆ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การทำให้อัตวิสัยสอดคล้องกับภาววิสัย (ภาวสัยที่ด้านหนึ่งมีคนตื่นตัวก้าวหน้าตาสว่างมากมาย  เห็นศัตรูได้ชัดเจน แต่ยังอยู่กันกระจัดกระจาย และอีกด้านหนึ่ง พวกเผด็จการราชาธิปไตยกำลังเพลี่ยงพล้ำบ้าอำนาจ  การงัด ม.44 อาวุธโบราณย้อนยุค ซึ่งเคยใช้สมัยเมื่อ 50 ปีก่อนกลับมาใช้ในยุคนี้อีก เป็นตัวอย่างที่ชี้ได้ชัดว่าพวกเผด็จการหมดมุข ไปไม่เป็นแล้ว)

          ภารกิจสำคัญนั้น ด้านหนึ่ง เปิดโปงศัตรู  แต่อีกด้านหนึ่งที่ชี้ขาดชัยชนะคือการจัดกำลังของประชาชน เอาแต่เปิดโปงศัตรู แม้จะทำได้ง่าย  แต่ไม่ชนะหรอก

          การจัดตั้งหรือจัดกำลังของเราให้พร้อมรบ (ทุกรูปแบบ) ต่างหากคือปัจจัยชี้ขาด นี่คือทฤษฎีการเปลี่ยนระบอบที่สรุปมาจากทั่วโลก

          นักสู้ที่อยู่ต่างประเทศ ควรเน้นบทบาทเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลังสั่งการยุดเหล่อย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา เผยโฉมหน้ามหาโจรให้โลกเห็น เคลื่อนไหว หนุนช่วย แปรข้อมูลข่าวสารภาษาไทยเป็นภาษาต่าง ๆ และกลับกัน แปรข้อมูลข่าวสารจากประเทศต่าง ๆ ให้เป็นภาษาไทย ประสานความร่วมมือกับบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร สื่อมวลชน กระทั่งถึงรัฐบาลและผู้นำรัฐบาลประเทศต่าง ๆ จัดตั้งองค์กรตัวแทนในประเทศต่าง ๆ กดดันรัฐบาลเผด็จการตัวแทนของทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ กระหน่ำฟาดทั้งขนดหางและกลางกบาลให้หน้าหงาย   ชี้ให้มวลชนเห็นเป้าหมายที่คนในประเทศมีข้อจำกัด พูดถึงไม่ได้

           นักสู้ในประเทศเขตเมือง เน้นงานมวลชน ผู้ใช้แรงงาน สหภาพแรงงาน นักศึกษา นักวิชาการ งานสตรี แม่บ้าน คนชั้นกลาง กลุ่มอาชีพอิสระ  ผู้นำทางความคิด กลุ่มอาชีพและชุมชนต่าง ๆ เป็นต้น เน้นต่อสู้ทางความคิด ให้ข้อมูล ทำงานด้านวัฒนธรรม เตรียมงานเศรษฐกิจรองรับ เตรียมสถานที่ฝึกอบรม ประชุม ฯลฯ

            นักสู้ในชนบท เน้นงานมวลชน จัดตั้งเกษตรกร เยาวชน สตรี ฯลฯ เริ่มจากครอบครัว ไปสู่ระดับหมู่บ้าน จนถึงจังหวัด เน้นการถ่ายทอด แปรข้อมูลข่าวสารและงานวัฒนธรม (ไปเป็นเอกสาร ซีดี ฯลฯ ) สู่คนรากหญ้า โดยเฉพาะในหมู่นักสู้เสื้อแดงตาสว่าง เตรียมสถานที่ เตรียมอาหาร ที่พักพิง ฯลฯ

             นักสู้ในโลกไซเบอร์ เน้นการต่อสู้ทางด้านความคิด ข้อมูล ข่าวสาร เผยแพร่งานวัฒนธรรม วิธีคิด วิธีทำงาน เพื่อการเปลี่ยนระบอบ รวบรวมเชื่อมร้อยนักสู้ทั้งในต่างประเทศ เขตเมือง และในชนบท ด้วยสมาร์ทโฟน (หรือเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย มีใช้ทั่วไป แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย)แล้วส่งต่อให้กับหน่วยงานด้านการจัดตั้ง

              นักรบทั้ง 4 เขตยุทธศาสตร์ ประสานเชื่อมร้อยด้วยระบบการจัดตั้งที่เข้มแข็ง ปิดลับ ไร้ร่องรอย มีตัวแทนประชุมหารือ ทำงานตามโครงการที่ร่วมกันกำหนด (มิใช่ต่างคนต่างคิด คิดอะไรได้ก็ทำตามใจที่อยากทำ) กำหนดขั้นตอนจังหวะก้าว ตอบโต้ รุกรบ ฯลฯ อย่างเป็นรูปธรรม

               ที่สำคัญ จะต้องประสานงานร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ ให้กลายเป็นแนวร่วมที่กว้างใหญ่และทรงพลัง รวบรวมมวลชนที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นกองทัพอันเกรียงไกร (ไม่ได้หมายถึงกองทัพที่ใช้อาวุธนะ  แนวรบเรื่องใช้ความรุนแรง คงละไว้ก่อน)

                ศัตรูที่ทำท่าขึงขัง จะกลายเป็นเป็ดง่อย ตัวสั่นงันงกอยู่กลางวงล้อมของกองทัพประชาชนที่มองไม่เห็น หาไม่เจอ แต่สัมผัสได้ถึงพลังแห่งการเปลี่ยนระบอบที่เข้มแข็งคึกคักและดุดัน เกิดขึ้นที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น ด้วยรูปแบบหลากหลายไม่ซ้ำมุข ปะทะตอบโต้โจมตีพวกเขาทุกหนแห่งราวกับพายุบุแคม โหมกระหน่ำทำลายแนวปิดกั้นของพวกเขาไม่ว่าข่าวสาร การสื่อสาร การจัดตั้ง การประสานงาน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม แล้วจึงพังทลายโครงสร้างสังคม ล้มล้างกลไกอำนาจรัฐที่ค้ำจุนบัลลังก์เลือด โค่นทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐ ยึดทรัพย์สินฯ มาพัฒนาประเทศ ช่วยกันสร้างสาธารณรัฐประชาธิปไตยใหม่ที่สดใสสวยงามและเจริญรุ่งเรือง

                 ปัจจุบัน ภาววิสัยเปลี่ยนไป เนื่องจากทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากหลอกลวงมาเป็นการปราบปราม ใช้บทกร้าวร้าว กดหัว กำราบประชาชน     ประชาชนก็ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้ทัน

ต้องปรับอัตวิสัยของเราให้สอดคล้องกับภาววิสัยใหม่ จะใช้ความเคยชินเก่า ๆ  ใช้ประสบการณ์เดิม ๆ ใช้ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่เคยสำเร็จในอดีต หรือกระทั่งโหยหาแต่อดีตมิได้อีกแล้ว แม้มันจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องเริ่มต้นใหม่จากความเป็นจริง

                   การแบ่งเขตยุทธศาสตร์ภาคประชาชนออกเป็น 4 เขตยุทธศาสตร์ เป็นหนึ่งในการปรับตัวทางด้านอัตวิสัยของเราให้สอดคล้องกับภาววิสัยที่เป็นจริง    เพราะเราไม่สามารถระดมมวลชนเป็นแสนเป็นล้านได้อีก การเลือกตั้งก็มิใช่คำตอบทางยุทธศาสตร์อีกแล้ว  หากยังเปลี่ยนระบอบไม่ได้ เลือกตั้งไปก็ไร้ประโยชน์

                   ตามหลักคิดแบบ 4 เขตยุทธศาสตร์นี้ จะเกิดผู้นำการเปลี่ยนแปลงขึ้นในแต่ละส่วน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ผู้นำเดิม ๆ ที่มีข้อจำกัดในการต่อสู้ในเมืองแบบเปิดเผยในอดีต        

แต่ถ้าอดีตผู้นำทั้งหลายพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประชาชน  ขบวนประชาชนก็ยินดีต้อนรับ แต่ต้องพิสูจน์ตนเองท่ามกลางการต่อสู้ สรุปบทเรียนในอดีต ตั้งต้นกันใหม่ ปรับวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำงาน เสริมอุดมการณ์ และเพิ่มจิตใจรับใช้ประชาชน ท่านก็จะได้รับการยอมรับอย่างมิต้องสงสัย

                    ผู้นำที่เปิดเผยได้ ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศ  ส่วนผู้นำในเขตเมืองและชนบทต้องปิดลับอย่างเข้มงวด ทั้งตัวบุคคล องค์กรจัดตั้ง และงานการจัดตั้งที่เป็นรูปธรรม

                    ปัจจุบัน ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการเปลี่ยนระบอบคือ

1. รวบรวมมวลชนคนก้าวหน้าตาสว่าง ผู้รักประชาธิปไตย เกลียดชังเผด็จการราชาธิปไตยให้เป็นกลุ่มก้อน ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เช่นการเปิดห้องต่าง ๆ ในไลน์ นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี

2. คัดกรองนักสู้ตัวจริง แยกแยะสปายสายลับที่ปลอมปนเข้ามาอย่างรัดกุม

3. จัดตั้ง "หน่วยจัดตั้ง" ตามระดับความตื่นตัวทางการเมือง สร้างงานรูปธรรมตามสภาพความพร้อมที่เป็นจริง (แตกต่างกันในแต่ละหน่วย) ด้วยความคิดรวมหมู่ของสมาชิกในหน่วยซึ่งมีจำนวน 3-9 คน ถ้ามากกว่านี้ต้องแยกหน่วยเพื่อความคล่องตัว

                     ในหน่วยจัดตั้ง ต้องมีประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ ขบคิด อภิปราย แลกเปลี่ยน สอบถาม แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ แล้วสรุปเป็นมติของที่ประชุม มอบหมายให้สมาชิกไปปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบ ซึ่งอาจรับไปแค่ 1 คน 3 คน หรือทั้งหมดก็ได้ สุดแท้แต่ความเหมาะสม

                     มีวาระการพบปะเป็นประจำ สม่ำเสมอ เพื่อสรุปสถานการณ์ ยกระดับความรับรู้ เชื่อมมิตรสัมพันธ์ สรุปงาน และกำหนดภารกิจใหม่ เป็นต้น แต่ควรเปลี่ยนแปลงสถานที่บ่อย ๆ ใช้ชื่อจัดตั้ง (แม้จะรู้จักชื่อจริง) ระมัดระวังมิให้เอกสารและความลับต่าง ๆ รั่วไหล ไม่ถ่ายรูป ไม่เขียนบันทึกตรง ๆ ควรใช้รหัสหรือสัญลักษณ์ให้มากที่สุด รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ต่าง ๆ ให้สร้างรหัส เช่น เลขตัวสุดท้ายบวก 3 ฯลฯ รักษาระเบียบวินัยโดยเฉพาะเรื่องกฎงานลับห้ามละเมิดเด็ดขาด เพราะถ้าศัตรูรู้ มันคงไม่ปล่อยเราเอาไว้แน่

                     ในหน่วย ต้องเลือกผู้ประสานงานหรือหัวหน้าหน่วยขึ้นไปประสานกับหน่วยอื่น ๆ  เน้นว่าเลือกนะ มิใช่ให้ใครตั้งขึ้นมา ต้องสร้างวัฒนธรรมการเลือกตั้ง การใช้สิทธิ และรับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วย กล่าวคือเมื่อแสดงความเห็นอย่างเต็มที่แล้ว ครั้นถึงวาระที่ต้องแบ่งงานกันทำ ก็ต้องอาสาหรือขานรับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างกระตือรือร้น เพราะถือว่าเป็นภารกิจที่มีเกียรติ

                       ขณะเดียวกัน ถ้าสมาชิกท่านใดขยายคนที่มาเข้าร่วมได้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็ให้ไปสัมพันธ์ในลักษณะตัวต่อตัว จนกว่าจะหาสมาชิกมาเพิ่มได้อีก 1 คน จึงนำทั้ง 2 คนและตัวเราจัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยใหม่ ไม่นำเข้ามาในหน่วยจัดตั้งที่เราสังกัดอยู่เดิม

                       หน่วยจัดตั้งลักษณะนี้ จะสื่อสารได้สองทาง มิใช่รับคำสั่งใคร ผู้ประสานงานหรือหัวหน้าหน่วยจะต้องเสียสละมากกว่า เหนื่อยมากกว่า ความรับผิดชอบสูงกว่า อันตรายมากกว่า ยิ่งมีหลายหน่วยก็ยิ่งหนักหน่อย

นี่เป็นภารกิจเพื่อการเปลี่ยนระบอบ ต้องอาศัยความเสียสละ ความกล้าหาญ ภาวะผู้นำ ฯลฯ

                     ทั้งหมดนี้ ต้องดำเนินการด้วยความลับ เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกทุกคน มิใช่เพื่อความโก้เก๋ หวังคะแนนเสียง ชื่อเสียงส่วนตัว ลาภยศสรรเสริญ โอ้อวด หรืออวดสาว ๆ เพราะจะไม่มีใครรู้ว่าคุณหรือใครทำ และคุณอาจจะถูกศัตรูทำลายเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งไม่มีใครจ้างคุณมาทำด้วย

                     คุณจะเป็นนักสู้นิรนามที่ต่อสู้ด้วยอุดมการณ์และความเสียสละอย่างสูง เพื่อภารกิจทางประวัติศาสตร์  จะเป็นนักปฏิวัติที่มีความทรหดอดทนเป็นเลิศ ไม่ระย่อท้อถอย มีหัวใจที่มุ่งมั่น แม้จะต้องฝังศพเพื่อน เช็ดคราบเลือดที่เกรอะกรัง ก็จะก้าวต่อไปด้วยหัวใจที่กล้าแกร่ง ไปสร้างความฝันให้เป็นจริง โค่นล้มศัตรู เปลี่ยนระบอบ สร้างประชาธิปไตย สร้างประเทศขึ้นมาใหม่ให้เจริญก้าวหน้าและพัฒนารุ่งเรือง เพื่อลูกหลาน เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ และเพื่ออุดมการณ์อันสูงส่ง

                     เคยนั่งรถไปเที่ยวเมืองฮอยอัน เวียดนาม รถจะผ่านเมืองกวางตรี เมืองเว้ เมืองดานัง  ตลอดสองข้างทางจะมีสุสานวีรชนนิรนามเต็มไปหมด  ถ้าเขาเหล่านั้นไม่กล้าต่อสู้ไม่กล้าเสียสละไม่มีอุดมการณ์อันสูงส่ง คงจะไม่มีเวียดนามในวันนี้ และแน่นอนถ้ามองเข้าไปในจีน กว่าจะมีประเทศจีนในวันนี้ ก็ต้องผ่านช่วงประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวด มีวีรชนนิรนามจำนวนมากที่ยอมเสียสละเพื่อบ้านเมืองมาก่อน

                     ประวัติศาสตร์ของประเทศเรากำลังมาถึงจุดนี้ จุดที่ศัตรูของประชาชนกำลังบ้าคลั่งและพังทลาย  จุดที่พวกเขากำลังเปลี่ยนหัวขบวน กลไกแขนขาก็จ้องโกงกินกอบโกยเพราะรู้ว่านาทีทองมีไม่นานนัก หรือไม่ก็เกียร์ว่างวางเฉย รอเจ้านายใหม่เผยตัวให้ชัดเสียก่อน เป็นจุดอ่อนที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ยิ่งมีนายกตัวตลกหน้าม่านที่มือเปื้อนเลือดและขุดแต่อาวุธโบราณอย่าง ม.44 มาใช้เพื่อกดหัวปิดปากประชาชน บอกได้เลยว่า โอกาสของการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว  เร่งศึกษา เร่งจัดตั้งกันเถิดพี่น้อง

                      จัดวางกำลังคนของเราให้พร้อมในเขตยุทธศาสตร์ทั้ง 4     เชื่อมร้อยด้วยการจัดตั้งที่ปิดลับและเข้มแข็ง

ประสานกับองค์กรผู้รักประชาธิปไตยทั้งปวง แสวงหาความร่วมมือและใช้พลังทุกอย่างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้นักรบไซเบอร์เป็นกองกำลังเผยแพร่ (ทั้งข้อมูล ข่าวสาร ความคิด และสติปัญญาต่าง ๆ ) ไปสู่หน่วยงานจัดตั้งอื่น ๆ ทั้งในเมืองและในชนบท     แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว

Tuesday, April 14, 2015

สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์ บทวิเคราะห์การเมืองเรื่องความล่มสลายของร­าชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน

19 ก.ค. 57 สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์การล่มสลายของราชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน



สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์ บทวิเคราะห์การเมืองเรื่องความล่มสลายของร­าชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน 
http://youtu.be/wLs6Vzd2H2U
ดาวน์โหลดเพื่อการเผยแพร่ 
http://tinyurl.com/kswhy8x หรือ http://www.mediafire.com/listen/oa8wz...ก.ค._2557_ตอน_จงจัดทัพขับสู้_โค่นล้มเผด็
­จการ_โดย_ดร._เพียงดิน_รักไทย_มหาวิทยาลัย­ประชาชน.MP3

Wednesday, April 8, 2015

ชวนคิดชวนคุย ดร.เพียงดิน ตอน เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง? 9 เมษายน 2558




เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง? โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 9 เมษายน 2558
















 เผด็จการทหารของเครือข่ายราชาธิปไตย ต้องการอะไร? และประชาชน ต้องทำอะไรบ้าง?
โดย ดร.เพียงดิน รักไทย 9 เมษายน 2558

Saturday, April 4, 2015

ดร.เพียงดิน รักไทย 4 เมษายน 2558 ตอน "มดแดงแตกรัง จะล้มช้างได้หรือ?????"

ดร.เพียงดิน รักไทย 4 เมษายน 2558 ตอน "มดแดงแตกรัง จะล้มช้างได้หรือ?????"


ดร.เพียงดิน รักไทย 4 เมษายน 2558 ตอน

"มดแดงแตกรัง จะล้มช้างได้หรือ?????"