ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Tuesday, April 14, 2015

สส.สุนัยอวยพรพี่น้องวันสงกรานต์ด้วยรักและห่วงใยในรายการสั้นๆทันสถานการณ์

สส.สุนัยอวยพรพี่น้องวันสงกรานต์ด้วยรักและห่วงใยในรายการสั้นๆทันสถานการณ์

•กรณีประยุทธ์ห้ามทำบุญ10เมษาเป็นการใช้อำนาจเผด็จการก้าวล่วงพิธีกรรมทางศาสนาถือเป็นความเลวร้ายที่สุด
•ปีใหม่ไทยขอให้พี่น้องที่กลับบ้านไปทำบุญให้ได้บุญปลอดภัยในการเดินทางส่วนประยุทธ์ทำบุญเท่าไรก็ล้างบาปมือเปื้อนเลือดประชาชนไม่ได้        
https://www.youtube.com/watch?v=9JV0IqJYHMI&feature=youtu.be



สำเร็จกับการส่งยานไปศึกษาดาวอังคารแล้ว อเมริกากำลังสำรวจจักรวาลต่อไป แล้วไทยล่ะ? อิ ๆ สนุกกับสงกรานต์ก่อน

สำเร็จกับการส่งยานไปศึกษาดาวอังคารแล้ว อเมริกากำลังสำรวจจักรวาลต่อไป แล้วไทยล่ะ? อิ ๆ สนุกกับสงกรานต์ก่อน

พูดถึงสงกรานต์ ห้ามพลาดดูแก๊งค์นี้!!! [14/4/58]
::--> พูดถึงสงกรานต์ ห้ามพลาดดูแก๊งค์นี้!!! [14/4/58] <--::ข้อความ(@ฟลุ๊ค' สเตอร์รูดส์): มาแล้ววววววคร๊าาาา!!!!!!!!!!คลิปเต้นวันนี้หลายที่หลายแห่งทั่วหล่มสัก พึ่งรวมทีมวันนี้ ซ้อม5นาทีเต้นจริงเลยคร๊าาาผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยน่ะค่ะแล้วก็ที่สำคัญเลยวันนี้ขอบคุณ สถานที่และพี่ๆใจดีทั้งหลายที่ให้พวกหนูได้ใช้เครื่องเสียงตามสถานที่ต่างๆ ขอบคุณมากๆขอบคุณคุณจริงๆค่ะ รักหล่มสักที่สุดเลยย ^ ^CREDIT: www.facebook.com/zeefluk.ziiza , [@ณ๊อง ไผ่]*************************ขอบคุณคลิปแนะนำจาก –– @ณ๊อง ไผ่
Posted by YouLike (คลิปเด็ด) on Tuesday, April 14, 2015


ดูรายละเอียดเรื่องการสำรวจจักรวาล (เริ่มที่ทางช้างเผือกก่อนนะครับ) https://www.nasa.gov/jpl/nasas-spitzer-spots-planet-deep-within-our-galaxy/

สำเร็จกับการส่งยานไปศึกษาดาวอังคารแล้ว อเมริกากำลังสำรวจจักรวาลต่อไป แล้วไทยล่ะ? อิ ๆ สนุกกับสงกรานต์ก่อน

รัชกาลที่ 10 ของไทย มีดีไหม? เอาแบบญี่ปุ่นดีไหม?

รัชกาลที่ 10 ของไทย มีดีไหม? เอาแบบญี่ปุ่นดีไหม?

พฤติกรรมทำลายตัวเอง ของพลเมืองไทย ที่ยังด้อยพัฒนา

พฤติกรรมทำลายตัวเอง ของพลเมืองไทย ที่ยังด้อยพัฒนา
ขณะที่เด็กหนุ่มสาวทั่วอเมริกา เขามุ่งหน้าหาความรู้ หรือทำงานเลี้ยงตน มีความเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบ เคารพกฎหมาย เสียภาษี  แต่ทีบ้านเรา ยังมีวัฒนธรรมทำลายตนเอง เช่น เป็นเด็กแว้น เป็นหนุ่มสาวร่านเซ็กส์  ขายตัว ขายยา และทะเลาะเบาะแว้งกัน  ส่วนที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ก็เห่อเหิมกับภาพลักษณ์ไฮโซ แต่งตัว วางตัวเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อซะเป็นส่วนใหญ่ ...

งานสร้างชาติใหม่ คือการมาแก้ตรงนี้

ดูภาพวิดีโอประกอบนะครับ นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย วันนี้ครับ


มันส์กว่ามวยเด็ด7สี ต้อง..#นาแกมิวสิค [12/4/58] ขอบคุณคลิปแนะนำจาก @รัชชานนท์ โชคณาพิทักษ์ชัยกุล

Posted by Isum69 on Monday, April 13, 2015

หลักการประชาธิปไตย มีอะไรบ้าง?

หลักการประชาธิปไตย 12 ประการ ที่นักการเมืองต้องเข้าใจและยึดถือ

โดย ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน
26 เมษายน 2549 15:09 น.
        หลักการประชาธิปไตยมีมากมายแต่ที่ถือว่าสำคัญและนักการเมืองต้องยืดถึงเป็นสรณะมีดังต่อไปนี้ คือ
     
        1. อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน (popular sovereignty) ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยคือระบบที่ประชาชนมีอำนาจอธิปไตย และมอบหมายให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่แทนตน การเลือกตั้งจึงเป็นการแสดงออกถึงสิทธิและอำนาจของประชาชน จนมีคำกล่าวว่า เสียงของประชาชนคือเสียงของสวรรค์ (vox populi, vox dei)
     
        2. สิทธิเสรีภาพ (rights and freedom) เป็นหัวใจสำคัญของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย สิทธิดังกล่าวต้องกำหนดในรัฐธรรมนูญและการบังคับกฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐได้แก่ ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารและข้าราชการประจำที่มีอำนาจตามกฎหมาย จะต้องยึดถือตัวบทกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะถ้ามีการกระทำดังกล่าวก็เท่ากับละเมิดเจ้าของอำนาจอธิปไตย
     
        3. ความเสมอภาค (equality) ความเสมอภาคภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยถือว่าทุกคนเสมอภาคเท่ากันหมด หนึ่งคนมีสิทธิลงคะแนนเสียงได้หนึ่งเสียง (one man one vote) ความเสมอภาคดังกล่าวนี้หมายถึงความเสมอภาคทางการเมือง และความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย (equality before the law) การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลอันใดก็ตามถือว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย
     
        4. หลักนิติธรรม (the rule of law) ได้แก่ การใช้กฎหมายในการบริหารประเทศ โดยกฎหมายดังกล่าวนั้นต้องผ่านกระบวนการร่างกฎหมายอย่างถูกต้อง และหลักของกฎหมายนั้นต้องเป็นกฎหมายที่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตยของประชาชน โดยกระบวนการยุติธรรม (due process of law) จะต้องเป็นไปตามครรลอง หลักนิติธรรม (the rule of law) จึงต่างจาก the rule by law ซึ่งหมายถึงการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศโดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย และบ่อยครั้งก็กลายเป็นการบริหารงานโดยตัวบุคคล (the rule by men) มากกว่าหลักการ
     
        5. ค่านิยมและจิตวิญญาณความเป็นประชาธิปไตย (the democratic ethos) ซึ่งหมายถึงค่านิยมที่ได้รับการอบรมตั้งแต่ครอบครัว สถาบันการศึกษา และทางสังคม ให้มีความเชื่อและศรัทธาในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มีพฤติกรรมที่เป็นประชาธิปไตย มองคนอื่นด้วยสายตาที่เสมอภาค ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาจิตวิญญาณประชาธิปไตย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการพัฒนาและธำรงไว้ซึ่งระบบประชาธิปไตย
     
        6. ความอดทนอดกลั้น (tolerance) ความใจกว้าง (open-mindedness) และความมีน้ำใจนักกีฬา (sporting spirit) ทั้งหมดนี้เป็นหัวใจสำคัญของสังคมประชาธิปไตย เพราะในสังคมประชาธิปไตยนั้นจะต้องยอมรับความแตกต่างทั้งในเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี จุดยืนและความคิดเห็นทางการเมืองของคนในสังคม การรู้แพ้รู้ชนะ เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปราชญ์ราชบัณฑิตและผู้มีประสบการณ์ เพื่อนำมาประมวลใช้ให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน ที่สำคัญอะไรที่ตนไม่ชอบและไม่พอใจแต่ตราบเท่าที่ไม่กระทบต่อสิทธิของตนก็ต้องยอมให้สิ่งนั้นปรากฏอยู่ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลภายใต้ระบบที่มีความเสมอภาค
     
        7. ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยคือกรรมวิธี (means) เพื่อเป้าหมายทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันระบบประชาธิปไตยก็เป็นเป้าหมายอันสูงส่ง (noble end) ในตัวของมันเอง การมองว่าระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นเฉพาะกรรมวิธีหรือ means จึงไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่า end คือผลประโยชน์จะตกต่อสังคมก็ตาม เพราะถ้าทำลายกระบวนของความถูกต้องแม้จะส่งผลในทางบวกต่อสังคม แต่ถ้ามีผลกระทบในทางลบต่อระบบก็จะเป็นการทำลายเป้าหมายอันสูงส่งของระบบประชาธิปไตย อันเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง ประชาธิปไตยจึงเป็นทั้งกรรมวิธี (means) และเป้าหมาย (end) ในตัวของมันเอง ทั้งสองส่วนนี้ต้องไปด้วยกัน
     
        8. ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงทั้งในนิติบัญญัติ บริหาร และศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องตระหนักว่าตนเป็นผู้ซึ่งได้รับอาณัติจากประชาชน ดังนั้น ผลประโยชน์สูงสุดจะต้องเป็นผลประโยชน์ที่เอื้ออำนวยต่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ การกระทำอันใดขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย การนั้นย่อมไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นยังต้องมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นเป็นการประกอบภารกิจศักดิ์สิทธิ์ (sacred mission) หรือหน้าที่อันสูงส่ง (noblesse oblige) เพื่อประชาชน เพื่อชาติและแผ่นดิน
     
        9. ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงทั้งในนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ จำเป็นอย่างยิ่งต้องยึดถือหลักจริยธรรมทางการเมือง รวมตลอดทั้งมารยาททางการเมือง โดยจะต้องกระทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดต่อประชาชน ชาติ และบ้านเมือง เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วนรวม เพราะงานการเมืองเป็นงานอาสาสมัครที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน
     
        10. ภายใต้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย การกระทำอันใดก็ตามต้องคำนึงถึงหลักการใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้ คือ ความถูกต้องตามกฎหมาย (legality) ความชอบธรรมทางการเมือง (legitimacy) ความถูกต้องเหมาะสม (decency) ความน่าเชื่อถือ (credibility) ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวจะทำให้งานที่รับผิดชอบอยู่นั้นประสบความสำเร็จ การมุ่งเน้นไปที่ตัวบทกฎหมายตามลายลักษณ์อักษรแต่เพียงอย่างเดียวเป็นสิ่งที่ไม่พอเพียง การกระทำอันใดที่ไม่เหมาะสมแม้จะถูกต้องตามกฎหมายก็จะขาดความชอบธรรมทางการเมือง อันจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในที่สุด
     
        11. การบริหารบ้านเมืองจะต้องอิงหลักธรรมรัฐาภิบาล (good governance) ซึ่งได้แก่ ความชอบธรรมทางการเมือง (legitimacy) ความโปร่งใส (transparency) การมีส่วนร่วมของประชาชน (participation) ความรับผิดชอบเปิดให้ไล่เบี้ยได้ (accountability) และความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (efficiency and effectiveness) ซึ่งหมายถึงการกระทำนั้นต้องส่งผลในทางบวกทั้งในแง่ผลได้ (output) และผลลัพธ์ (outcome)
     
        12. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารระดับสูง ซึ่งสามารถนำประเทศชาติและสังคมไปสู่ความเจริญ หรือไปสู่ความเสียหายในด้านต่างๆ ทั้งในแง่การเมือง สังคม เศรษฐกิจ อุดมการณ์ ศรัทธาและความเชื่อในระบบ ฯลฯ ต้องเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติอันได้แก่ การมีอุดมการณ์ทางการเมือง (political ideology) การมีจริยธรรมทางการเมือง (political ethics) การมีความรู้ทางการเมือง (political knowledge) การมีประสาทสัมผัสทางการเมือง (political sense) และการเข้าใจอารมณ์ทางการเมือง (political mood) ของประชาชนอย่างถูกต้อง นอกจากนั้นยังต้องบริหารประเทศโดยคำนึงถึงหลักนิติธรรมและคุณสมบัติอื่นๆ ที่กล่าวมา 11 ข้อเบื้องต้น เพื่อจะธำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งบริหารและการใช้อำนาจรัฐ (moral authority) ผู้ใดก็ตามที่ขาดหลักการข้อที่ 12 ดังกล่าวมานี้ย่อมจะเสียความชอบธรรมทางการเมืองในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ขอบคุณ manager: http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000055325

พาสปอร์ตประเทศไหน มีศักดิ์ศรีและพลังอำนาจในโลกนี้สุงสุด?

คำถามนี้ คนที่เดินทางด้วยพาสปอร์ตไทยบ่อยๆ คงทราบดีถึงความต่ำต้อยในเชิงศักดิ์ศรีและพลังอำนาจของเอกสารของรัฐไทย  ลองไปดูกันนะครับ ว่าเขาวัดกันอย่างเป็นหลักเป็นเกณฑ์แล้ว ชาติไหน มีเอกสารเดินทางที่ทรงพลังที่สุด

Credit: http://www.culturedcreatures.co/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88-%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95/


ศักยภาพ"องค์การเสรีไทยฯ"ภาพจริงหรือภาพลวง?

ศักยภาพ"องค์การเสรีไทยฯ"ภาพจริงหรือภาพลวง?
Published on Apr 14, 2015
นายจรัล ดิษฐาภิชัย ผู้ประสานงานองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษ­ยชนและประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณี คสช.ตั้งข้อสงสัยคาร์บอมบ์ที่ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ที่เกาะสมุยว่าเป็นกลุ่มคนไทยนอกประเทศที่­อาจจะว่าจ้างให้ ขบวนการก่อความไม่สงบในภาคใต้ เป็นผู้ก่อเหตุว่า องค์การเสรีไทยฯ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคาร์บอมบ์ที่­เกาะสมุย แต่อาจจะเป็นกลุ่มประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ที่กำลังเดือดร้อนกับการทำมาหากิน ราคายางพาราตกต่ำ และเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทรุดหนัก อาจเกิดแรงจูงใจให้ก่อเหตุดังกล่าวได้ อย่าโยนทุกอย่างมาที องค์การเสรีไทยฯ หรือคนเสื้อแดง เพียงอย่างเดียว องค์การเสรีไทยฯ ยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่ต่อสู้ด้วยวิธีการรุนแรงทุกชนิด เพียงแต่สร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่อง สิทธิเสรีภาพ และความเป็นประชาธิปไตยในหมู่คนไทยทั้งในแ­ละต่างประเทศ รวมทั้งให้นานาชาติกดดันประเทศไทยตามนโยบา­ย โลกล้อมประเทศ แม้ว่า เสรีไทยฯ จะมีข้อจำกัดในการทำงานนี้ เพราะขาดปัจจัยเกื้อหนุนในหลายด้าน แต่การจะต่อสู้กับเผด็จการในประเทศไทยให้ไ­ด้ผลต้องอาศัย การตื่นตัวของคนไทยภายในประเทศเองเป็นปัจจ­ัยสำคัญ ส่วนการที่ สหรัฐฯ แต่งตั้งเอกอัครทูตคนใหม่ไปประเทศประเทศไท­ยนั้น ไม่ได้หมายความว่า สหรัฐฯยอมรับรัฐบาลเผด็จการทหารของไทย แต่เป็นไปตามกระบวนการปกติของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย และเสรีไทยฯ จะต้องมีการตรวจสอบและตั้้งคำถามกับสหรัฐฯ­ต่อท่าทีที่มีต่อรัฐบาลทหารของไทยด้วย








อภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองสงบและรักษากฎหมาย... ผลคือ ตายนับร้อย บาดเจ็บสองพัน

อภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่าง เพื่อให้บ้านเมืองสงบและรักษากฎหมาย... ผลคือ ตายนับร้อย บาดเจ็บสองพัน
"ย้อนรอย..ใครฆ่าประชาชนสั่งสลายเสื้อแดง10เมษายน 2553"

"รำลึกสลายการชุมนุม...เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553" ย้อนรอย..ใครฆ่าประชาชนสั่งสลายเสื้อแดง10เมษายน 2553 ย้อนรอยประวัติศาสตร์เลือด ...ประเทศไทยและคนไทยโชคดี ที่อยู่...ภายใต้รัฐบาลนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะนายกฯ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ โชคดีจริงๆ ครับ ไอ้สัส..เฒ่ากาลีสี่เสา..

Posted by Red Thai on Wednesday, April 8, 2015

สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์ บทวิเคราะห์การเมืองเรื่องความล่มสลายของร­าชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน

19 ก.ค. 57 สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์การล่มสลายของราชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน



สงครามไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพจ้าวไทย...วิพากษ์ บทวิเคราะห์การเมืองเรื่องความล่มสลายของร­าชวงศ์จักกรี โดย ดร. เพียงดิน 
http://youtu.be/wLs6Vzd2H2U
ดาวน์โหลดเพื่อการเผยแพร่ 
http://tinyurl.com/kswhy8x หรือ http://www.mediafire.com/listen/oa8wz...ก.ค._2557_ตอน_จงจัดทัพขับสู้_โค่นล้มเผด็
­จการ_โดย_ดร._เพียงดิน_รักไทย_มหาวิทยาลัย­ประชาชน.MP3

นักวิชาการถกที่ Harvard อนาคตความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน ควรจะขัดแย้งหรือร่วมมือ?

นักวิชาการถกที่ Harvard อนาคตความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน ควรจะขัดแย้งหรือร่วมมือ?  
 
 
Published on Apr 14, 2015
Panelists Kevin Rudd, former Prime Minister of Australia, Anthony Saich, Director of the Ash Center, and the Belfer Center’s Meghan O’Sullivan joined moderator Graham Allison for a panel discussion to reflect on the future of US and China relations. The panelists discussed Rudd's "U.S.-China 21" paper, analyzing the increased leadership power of President Xi Jinping, and the importance of a common strategic narrative to ensure stable, long-term Sino-American relations.




พระบิดาแห่งการปล้นประชาธิปไตย (ของคนไทย)



หลายคนเชื่อว่า กษัตริย์ภูมิพลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และถามหาหลักฐาน
ฝ่ายที่เชื่อว่า ยุ่งด้วยแน่ ๆ นั้น อธิบายเชิงโครงสร้างอำนาจและการใช้กลไกต่าง ๆ
เพื่อเสริมบารมีและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเจ้าไทย และคนที่ร่วมเครือข่าย
และหนึ่งในหลักฐาน ก็คือ การร่วมมือกับทหารที่เจ้าเชื่อใจ ในการล้มอำนาจของประชาชน ด้วยการรัฐประหาร ซึ่งได้ทำมาอย่างสม่ำเสมอและยาวนาน จนทำให้สถิติเด่นชัด สมพระเกียรติอันเกรียงไกร
ในฐานะ "พระบิดาแห่งการปล้นประชาธิไตย (ของคนไทย)"
 
         


ข้อมูลที่เรียบเรียงโดย  krapook.com ระบุไว้ดังนี้ครับhttp://hilight.kapook.com/view/76346


 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555 องค์กร The Center for Systemic Peace (CSP) ได้ทำการรวบรวมข้อมูลการทำรัฐประหารในประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 - 2010 (พ.ศ. 2489 - 2553) หรือในรอบ 64 ปีที่ผ่านมา โดยกำหนดให้นิยามของการทำรัฐประหาร หมายถึง การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจบริหารสูงสุดโดยกลุ่มการเมืองภายในประเทศ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจ

          โดยข้อมูลจะนับรวมทั้งรัฐประหารที่ทำสำเร็จ, รัฐประหารที่ไม่สำเร็จ, รัฐประหารที่่เป็นเพียงแผนการยังไม่ได้ลงมือ และรัฐประหารที่ถูกกล่าวหาว่ากำลังวางแผน แต่จะไม่นับรวมการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง การลุกฮือของประชาชน สงครามกลางเมือง การลงจากอำนาจโดยสมัครใจ การส่งต่ออำนาจให้ทายาททางการเมือง การเสียชีวิตของผู้นำ การลอบสังหารผู้นำ และการถูกรุกรานจากกองกำลังต่างชาติ

จากการสำรวจพบว่า ประเทศที่มีการรัฐประหารมากที่สุดเรียงตามลำดับ มีดังนี้

 1. ประเทศซูดาน มีการทำรัฐประหาร 31 ครั้ง
 2. ประเทศอิรัก มีการทำรัฐประหาร 24 ครั้ง
 3. ประเทศโบลิเวีย มีการทำรัฐประหาร 19 ครั้ง
 4. ประเทศกินี-บิสเซา, ซีเรีย โตโก และไทย มีการทำรัฐประหาร 17 ครั้ง (+1)
 5. ประเทศบุรุนดี และชาด มีการทำรัฐประหาร 16 ครั้ง
 6. ประเทศอาร์เจนตินา, กานา, กินี มีการทำรัฐประหาร 15 ครั้ง

          นอกจากนี้ ประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 8 ประเทศ (กาน่า, ไทย, ชาด, กินี-บิสเซา, ซูดาน, โตโก, กินี และบุรุนดี) ที่ยังมีรัฐประหารเกิดขึ้นตั้งแต่หลังปี 2000 (พ.ศ. 2543) เป็นต้นมา อีกด้วยเช่นกัน
          ทั้งนี้ สำหรับสถิติการก่อรัฐประหารในประเทศอื่น ๆ มีดังนี้ เซียร่า-ลีโอน (14), ปานามา (13), กัมพูชา (12), ฟิลิปปินส์ (11), บังกลาเทศ (8), พม่า (6), ลาว (6), อินโดนีเซีย (5), ปากีสถาน (5), เนปาล (5), แคเมอรูน (4), เกาหลีใต้ (3), เกาหลีเหนือ (2), อินเดีย (1), ซาอุฯ (1) และศรีลังกา (1)



ตัวอย่างเยาวชนสตรีไทย อย่าเอาแต่ใจง่าย หรือแต่งตัวยั่วชาย โดยหลงคิดว่านั่นคือสิ่งทันสมัย เหมือนฝรั่งที่เจริญแล้ว

น่ารักดีครับ ไม่ใช่ไทยแบบใส่ชุดไทย ตามกระแสการเมือง หรือความหลงงมงายในอัตลักษณ์ที่ถูกเครือข่ายเจ้าไทยชู และเอามาใช้ประโยชน์


เด็กไทยอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยร้องเพลงไทยดีมากๆ เจ๊สนับสนุน #ไทยทีวี #tvpoolbuffet

Posted by ทีวีพูล TVPool Buffet on Thursday, February 19, 2015


เด็กไทยอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยร้องเพลงไทยดีมากๆ เจ๊สนับสนุน #ไทยทีวี #tvpoolbuffet
Posted by ทีวีพูล TVPool Buffet on Thursday, February 19, 2015

เรื่องเล่าแบบแปลก ๆ จากพี่น้อง และนี่ไม่ใช่รายแรกครับ

มีพี่น้องที่ไม่ทราบจะทำอย่างไร กับอาการที่ถูกคุกคาม  เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ เลยส่งมาให้ทางภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน  ผมเองไม่มีปัญญาตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้ในเมืองไทย และกอปรกับเรามีหลายเรื่องต้องทำ เลยรับทราบแล้วก็ปล่อยเรื่องนี้ไว้  

วันนี้ผ่านไปดูข้อความเก่า ๆ แล้วเห็นตรงนี้ เลยขอนำมาให้พี่น้องอ่านและพิจารณา  หากใครมีเบาะแส หรือประสบการณ์คล้าย ๆ กัน จะเสริมกันให้เรื่องนี้ดูมีมูลชัดเจน สมควรติดตามต่อ ก็เชิญส่งมาได้นะครับ ทาง  president@tahr-global.org  ครับ

+++++++++++++++++++++++


ขอเล่าประสบการณ์ การได้ยินเสียง เมื่อ วันที่ 21 พ.ย ปี 2534 เวลา 19.00 น. (เมื่อ 23 ปี ที่แล้ว) ได้ยินเสียงผู้ชาย อ้างเป็นครู สอนภาษาญี่ปุ่น ว่า จะทำการทดลอง ทดสอบพลังจิตได้ทำการส่งเสียงมาให้เราได้ยินคนดียว  เราเลยนั่งรถไปโรงรียนสอนภาษาญี่ปุ่น สอบถามครู ครูบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย เราเลยไม่สนใจ แต่ งงนิดหน่อย ต่อมา เวลา 23.00 น. ได้ยินเสียง หลายคน บอกว่า จะมาฆ่าเรา ในบ้านมีแต่ผู้หญิง 4คน แม่ เรา และน้องสาว 2คน เราเลยกลัว ก็ฟังอยู่ หลายเดือน พอ เดือน กุมภาพันธ์ ปี2535 มีคณะรักษาความสงบ รสช. ทำการ รัฐประหาร ไล่รัฐบาล นายก ชาติชาย เราเลยไม่สนใจเสียงพูดนั้น ซื่งพูดด่าว่า พูดบ้าๆบอๆทำภาพให้เราเห็นคนเดียวเรื่องบ้าบอ ไม่มีเหตุผล  น้องสาว ว่า  เราป็นบ้า แต่ช่วงนั้นเราไปสอบทำใบขับขี่ สอบเองด้วย นั้นแสดง ว่าเราไม่ได้บ้า เสียงคนพูดมีมาตลอด ทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน จนมีการปฎิรูป ของ พลอก สนธิ  ปี 2549 ไล่ ทักษิณ ออกนอกประเทศ พลเอก สนธิ ได้กล่าวว่า ประเทศไทย มี ดาวเทียม สอดแนม เราเชื่อว่า การกระทำรื่องราวที่ส่ง เสียง ออกไป นั้น เป็นการกระทำ ของหน่วยงาน ข่าวกรองความมั่นคงแห่งชาติ คล้ายกับช่วงสงคราม สหรัฐกับอิรัก ที่ดาวเทียมในการสื่อสาร สามารถล็อกเป้าหมายบุคคลหรือรถถัง ในการใช้ ขีปอาวุธ ถล่มประเทศ อิรัก แต่เมืองไทย เอาเครื่องดาวเทียม ที่ส่งสัญญาณ จาก ดาวเทียม ข้างบน มาหา gps ในแนวพื้นราบ ล็อก เป้าหมายติดตาม ทั้งภาพและเสียง มาใช้กับ ชาวบ้านอย่างพวกเรา  

หากจะทดสอบ ง่ายๆ ถ้าปวดหัว ปวดหลัง ปวดขา ลองเอา โทรศัพย์มือถือ จ่อไปที่ปวด ห่างจากที่ปวด ประมาณ 1 คืบ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะวิ่งเข้าหาโทรศัพท์ ทำให้อาการปวดลดลง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทะลุ ผ่านตัวคน ในแนวตั้งแนวนอนและอื่นเราเชื่อว่าเป็นดาวเทียมสอดแนม อ่านเอกสารบนโต๊ะได้ ติดตามสอดแนมบุคคลได้  เคยใช้ ติดตามคณะศาลรัฐรรมนูญ เพื่ออ่านตัดสิน คำแถลงของศาลรัฐธรรมนูญด้วย



บทความที่คนไทยต้องอ่าน! "ไม่น่าเชื่อ ว่าสิ่งเหี้ย ๆ มันบังเกิดในไทย"

คุณ Bugbunny เป็นนักสู้ที่ประชาไท ที่ผมจดจำนามได้ดี พอมาเป็นประชาทอล์ค ท่านก็ยังแข็งขัน นับเวลาของการต่อสู้ ก็คงจะไม่ห่างจากสิบปีมากมายนัก  ไม่แน่ใจว่า ท่านอยู่แถว ๆ ราชดำเนินด้วยหรือไม่  แต่เรียกว่า นักต่อสู้ตัวจริงท่านหนึ่งทีเดียว  ผมขอนำโพสต์นี้มาวาง เพื่อให้คนไทยได้อ่านในวงกว้างขึ้น   จริง ๆ แล้ว เราคนไทยควรรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ฝรั่งมาสรุปบทเรียนให้  แต่ก็นั่นแหละ .... เลยต้องยกมาให้อ่านและช่วยกันเผยแพร่ไงครับ อิ ๆ 


"สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตอนนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นเลย" โดย Tom Plate ในเว็ปไซต์ The Japan Times

13 เมษายน 2015 - 10:13
#1

ลิ้งค์จากประชาไท http://tinyurl.com/nel9m6f

Tom Plate วิเคราะห์การเมืองไทย: สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตอนนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
BY ASAJEREE ON MAY 15, 2014 POLITICAL THAILAND
Tom Plate คอลัมนิสต์และนักข่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียนและแปซิฟิคศึกษาจากมหาวิทยาลัย Loyola Marymount, เจ้าของหนังสือชุด Giants of Asia ซึ่งเป็นซีรี่ยส์บทสัมภาษณ์ของผู้นำคนสำคัญในประเทศต่างๆ เช่น ลีกวนยู มหาเธ โมฮัมหมัด, บันคีมูน และทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนคอลัมน์วิเคราะห์การเมืองไทย ในชื่อว่า “It’s a Thai thing: ditching the new for the old” ลงในเว็ปไซต์ The Japan Times โดยให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยตอนนี้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และไม่ควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง

(บทแปล)
นิสัยปกติของคนไทย: ชอบเอาของเก่ามาแทนของใหม่
ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ยูเครน ไครเมีย หรือในซีเรียที่รุนแรงอย่างมาก ก็ยังไม่มีเหตุการณ์ไหนที่น่าเศร้าเท่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้เลย เพราะว่าโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้นั้นมันไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเลย ไม่ควรเลย
มีผู้คนจำนวนมากมายที่ต้องอยู่ภายใต้เงาการปกครองของรัฐบาลที่ตนเองไม่ชอบ และก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ตนเองไม่ได้เลือก และถึงขั้นรังเกียจเหยียดหยามเลยด้วยซ้ำ แต่ในโลกนี้(หรืออาจจะในโลกหน้าด้วย) น้อยคนนักที่จะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการทุกอย่างในทางการเมือง
ทว่าในประเทศไทย กลุ่มคนบางกลุ่ม จำนวนหนึ่งเลยทีเดียว ที่ต้องการทุกๆอย่าง และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ พวกเขาก็พร้อมที่จะปฎิเสธทุกอย่างๆที่ทุกๆคนเรียกร้อง
และมันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมากต่อประชาชนในประเทศไทยที่ได้ทำการโหวตให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯคนที่ 28 ของไทยจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2011 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย) และต้องพบว่าเธอ ซึ่งเป็นผู้เป็นสตรีที่แสนดีและทำงานหนักต้องถูกขับออกจากตำแหน่ง
เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่ามีกลุ่มจำนวนเล็กๆจำนวนหนึ่งไม่ชอบการเมืองแบบคนส่วนใหญ่น่ะสิ
สิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดคือเรื่องการเลือกสุภาพสตรีคนนี้มาเป็นดั่งกระสอบทรายให้กับชนชั้นนำกรุงเทพฯ เห็นได้จากการกระทำที่หลายคนเรียกว่า “การรัฐประหารโดยศาล” เนื่องด้วยว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเอาชนะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการเลือกตั้งได้แบบตัวต่อตัว เหล่าชนชั้นนำได้รวมตัวเข้าพวกกันโดยใช้ชื่อว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” (ประกอบไปด้วยเหล่าชนชั้นนำที่เป็นปฎิปักษ์ต่อรัฐบาลทั้งหลาย) ตัดสินให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเกือบทั้งหมดต้องพ้นจากตำแหน่งไป
ด้วยคำวินิจฉัยที่ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายอย่างกระทันหันโดยรัฐบาลนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำต้องส่งผลให้รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง เป็นสไตล์การให้เหตุผลของศาลจากโรงเรียนกฎหมายแห่งความเพ้อฝัน
คำวินิจฉัยนี้เป็นการสร้างแบบแผนที่ผิดมหันต์ และเลวร้ายที่สุดมันจะเป็นการปูทางไปสู่สงครามกลางเมือง เหมือนดังที่นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ ได้กล่าวไว้ว่า ระบบยุติธรรมนั้นได้ทำการสั่นคลอนพลังทางการเมือง เพื่อที่จะทำลายพรรคการเมืองต่างๆที่เป็นพรรคพวกของทักษิณ
“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้นได้ทำลายความน่าเชื่อถือของพวกเขาเอง” บัณฑิตกล่าว “ถ้าหากกฎหมายไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานความเท่าเทียมในการบังคับใช้กับทุกคนได้ ความรุนแรงในอนาคตนั้นก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย”
ภายในลึกๆของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แน่นอนว่าเกิดจากความเกลียดชังในตัวพี่ชายของเธอ ทักษิณ ก็ถูกขับออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่จากการรัฐประหารโดยศาลในปี 2006 แต่จากรัฐประหารโดยทหารกลุ่มหนึ่ง
ความเกลียดชังที่มีต่อทักษิณนั้นมีมากมายมหาศาล ถึงแม้ว่าเขาจะลี้ภัยไปแล้ว ดูเหมือนไฟแห่งความเกลียดชังก็จะไม่มีวันลดลง ซึ่งมันไร้เหตุผลมากๆ
ความเกลียดชังในลักษณะนี้ที่ใกล้เคียงที่สุดที่พอจะนึกได้ก็คงจะเป็นความเกลียดชังของพวกอเมริกันฝ่ายซ้ายที่มีต่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ที่ตอนนี้ประวัติศาสตร์ดูเหมือนว่าจะให้เกียรติเขามากขึ้นแล้ว (จากความคิดของเขาในการพูดคุยกับจีน, ขยายนโยบายภายใน ฯลฯ)
ย้อนกลับมาดูเรื่องที่คล้ายคลึงกัน ทักษิณ ดำรงตำแหน่งอยู่ในช่วงปี 2001-2006 ทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูอย่างมาก รัฐบาลของเขานั้นได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง เขาได้ออกนโยบายมากมายด้านสุขภาพและการกระจายรายได้ เขาได้ให้ความหวังแก่ประชาชนภายนอกกรุงเทพให้มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก
อย่างไรก็ดี เขาก็ถูกขับไล่ ด้วยข้อหา “คอร์รัปชั่น” อย่างกับว่าเขาเป็นนักการเมืองคนแรกของประเทศไทยที่(ถูกกล่าวหา) ว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในขณะที่ดำรงตำแหน่ง อย่างไรอย่างนั้นแหละ
กลุ่มคนที่ต่อต้านทักษิณจึงจำต้องเพ่งเล็งไปที่น้องสาวของเขา ยิ่งลักษณ์ สุภาพสตรีที่ทรงเสน่ห์และขยันทำงาน คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญของไทยที่ขับเธอให้พ้นออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นการกระทำที่ตื้นเขินมาก เพราะมันจะนำพาประเทศที่กำลังเริ่มไปได้สวย ให้ดิ่งลงเหว
ข้าพเจ้ารู้สึกมากกว่าเศร้า ข้าพเจ้าคิดว่าคนไทยหลายคนคงคิดว่าข้าพเจ้ามีอคติ จากผลงานของข้าพเจ้าในหนังสือ “จับเข่าคุย ทักษิณ ชินวัตร” ที่ออกมาในปี 2011 หนังสือเล่มนี้พยายามถ่ายทอดคำบอกเล่าของอดีตนายกรัฐมนตรีในด้านของเขาอย่างมากที่สุดจากปากของเขาเอง
ในปี 2010 ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาสัปดาห์ครึ่งกับเขาในดูไบ ในขณะที่เขาลี้ภัย พูดอย่างสัตย์จริงก็คือว่าข้าพเจ้าพบว่าเขานั้นเป็นคนที่น่าคบหา ฉลาด และมีความรักชาติไทย ข้าพเจ้าคิดว่าเขาทำเพื่อประโยชน์ตนเองหรือไม่? ข้าพเจ้าขอถามหน่อย: คุณเคยเห็นนักการเมืองคนไหนที่ไม่ทำอย่างนั้นหรือ?
ในความเป็นจริงแล้ว ศัตรูของทักษิณเองก็ชื่นชมหนังสือเล่มนี้ว่ามันได้ฉายภาพมุมมองของทักษิณอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับฝ่ายสนับสนุนเขาก็ยกย่องมันเช่นเดียวกันเพราะมันได้เปิดโอกาสให้บุคคลผู้อื้อฉาวท่านนี้ได้พูดเองบ้าง และนั่นคือสิ่งที่นักข่าวตัวจริงต้องทำ นั่นคือการเชิดชูความเป็นจริงที่ไร้อคติ
ข้าพเจ้าเชื่อว่าประเทศไทยควรจะเป็นอย่างนั้น ทว่าในขณะนี้มันกับกลายเป็นว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปสู่การทำลายตัวเอง
ปัญหาการเมืองใดๆในโลกทุกวันนี้ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าเวทนาได้เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนฝันร้ายกับประเทศไทยเลย นี่เป็นโศกนาฎกรรมที่ต้องจดจำ มันคือการทำลายตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง
ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนหรืออะไรสักอย่างในประเทศไทยที่จะสามารถนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ได้


ข่าวลับกรองแล้ว สงกรานต์ 13 เมษา 2558 (โปรดใช้พิจารณญาณ)

ข่าวลับกรองแล้ว สงกรานต์ 13 เมษา 2558 (โปรดใช้พิจารณญาณ)
ข่าวลับกรองแล้ว  สงกรานต์ 13 เมษา 2558 

"หุ้นรูดหลุดกรอบบอกสัญญาณว่างานรดน้ำปู่อยู่ไม่ไกลแล้ว"


สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/


๐๐๐ข่าววงในพระราชสำนัก๐๐๐

*งานวันสงกรานต์(หรือวันสังขาร)ปีนี้ทั้งโลกสวรรค์และโลกมนุษย์มีกิจกรรมเหมือนกัน,สวรรค์แห่หัวพระพรหมแต่โลกมนุษย์แห่หัวพระภูมิพรหมประกาศศักราชใหม่

*ประกาศงานวันสงกาฬแห่หัวพระภูมิพรหมปีนี้ขอประกาศว่าเกิดการเปลี่ยนผ่านจากรัชกาลที่9สู่รัชกาลที่9ครึ่ง!!อย่างไม่เป็นทางการแล้วเมื่อ5ธันวา57จนถึงวันนี้ทั้งน้องทั้งพี่กำลังทำหน้าที่รัชกาลที่เก้าครึ่งจนประยุทธ์ก็จัดเติมเต็มให้เป็น10ไม่ถูก

*ประกาศวาระงานพระราชพิธีที่ออกประจำทุกปีแต่นับแต่นี้ไม่มีอีกแล้วตามวาระดังนี้

(1) 5ธันวา57ไม่ออกงานมหาสมคมเพราะสังขารล่องพูดเป็นประโยคไม่ได้...ดังนั้นยิ่งจะออกงานงานก็จะยิ่งเข้าและตลาดหุ้นไทยที่อกสั่นขวัญหายก็จะกลายเป็นไข้จับสั่นเพราะเจ้าเข้าจนเอาไม่ออก

(2) 31ธันวา57ก็ไม่ออกงานอ่านประกาศอวยพรปีใหม่1มกรา2558

(3) 2เมษาชาวประชาเฝ้าชมบารมีคู่กับลูกสาวคนโปรดก็อดชม

(4) เมื่อ6เมษาวันปฐมบรมทวดฆ่าพระเจ้าตากสินมหาราชและประกาศจักรีวงศ์ก็ลงจากสวรรค์ชั้น16ไม่ได้

(5) ประกาศล่วงหน้างานวันสังขารล่อง28เมษา58วันราชาภิเษกสมรสที่จะถึงก็ต้องงดอีกเช่นกัน

(6) 5 พฤษภาวันฉัตรมงคลจนถึง2สิงหาและ5ธันวา58สารพัดพระราชพิธีปีนี้ก็ไม่อาจจะอวดพระบารมีและพระสุรเสียงได้แล้ว

*ตลอด 60 กว่าปีถึงวันนี้อวดบารมีออกทีวีเป็นประจำเลยกลายเป็นกรรมจะอำประชาชนชาวโลกร้องเพลง"ฉันยังอยู่"เลยกลายเป็นงานประกาศละสังขารทางการเมืองอย่างไม่มีหวลกลับ

*การปรากฎตัวครั้่งล่าสุดที่วังสวนจิตรลดาแล้วก็ทำท่าจะถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเป็นงานใหญ่ก็กลายเป็นงานประกาศหมดสภาพไปอย่างปกปิดไม่ได้

*หลังวันพลัดแผ่นดินเมื่อ5ธันวา57นักลงทุนรู้ความจริงหุ้นจึงทะยอยดิ่งลงเรื่อยๆและถ้าใครถอนช้าขาจะชายืนไม่ได้แต่ถ้าถอนไวฮวบฮาบก็จะถูกงาบเมื่อใครไม่อยากเลือดอาบก็ต้องเริ่มถอยเพราะถ้าจะรอความเงียบจากพระสุรเสียงจนถึงธันวาปีนี้เห็นทีจะจมดิ่งกู้ไม่ขึ้นยิ่งเจอระเบิดรายวันขยายวงจาก3จังหวัดภาคใต้มาใกล้ถึงพังงาสุราษฎร์ภูเก็ตสะเด็ดสะเด่าเขาก็รู้ว่าสงครามชิงราชบัลลังก์เริ่มลั่นระฆังแล้วและจะมีเรื่อยๆ


๐๐๐ข่าวขี้ข้าพระราชสำนัก๐๐๐

*สปท.ได้รับรายงานจากสายข่าวในกอ.รมน.ยืนยันว่าเอกสารรายงานสรุปสถานการณ์ประจำสัปดาห์ที่ส่งไปให้ประธานองคมนตรีฉบับลงวันที่27มีนา58กล่าวหาประชาชนที่เชื่อคำแถลงของหมอประจำพระองค์ว่าในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงเป็นปกติจึงเชิญชวนกันเฝ้าชมพระบารมีที่พระองค์จะทรงฉายภาพถ่ายทอดสดๆในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระเทพในวันที่2เมษายนว่า"เป็นพวกไม่จงรักภักดี"

*ในรายงานย่อหน้าที่สองของหน้าแรกหน่วยข่าวกรองสูงสุดของเผด็จการคสช.สาวกหมอดูป.ส.ด.(ประสาทแดก)วารินยังกล่าวหาชาวเนตที่นำภาพพระอริยาบทของพระองค์ภากับพระกิ๊กใหม่พันโทปริทัศน์ บุนนาคโดยเฉพาะภาพพระองค์ทรงนุ่งบิกินนีและภาพแนบชิดกับพระกิ๊กใหม่รวมทั้งที่ทรงฉายร่วมกับพระมารดาพระองค์โสมออกเผยแพร่ว่า"เป็นพวกไม่จงรักภักดี"ทั้งๆที่ภาพถ่ายเหล่านั้พระองค์ภาฯทรงอนุญาติให้ถ่ายอันแสดงออกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่ทรงหวงพระมังษาต่อพสกนิกรแท้ๆก็ยังกลายเป็นความผิด

*ใครก็รู้ทั้งนั้นว่าพระองค์ภาทรงเปิดเผยพระวรกายในอินสตาแกรมโดยใช้นามแฝงว่า"Superpatgirl"หน่วยข่าวกรองงี่เง่านี้ก็ยังหาว่าพวกไม่จงรักภักดีได้แอบอ้างชื่อของพระองค์ภามาเปิดเผยข่าว...ป๋าเปรมฟังรายงานคงมึนตึ๊บ

*รายงานย่อหน้าที่สามต่อมายังกล่าวหาเอาผิดยัดเยียดคุกให้อดีตอุปนายกองค์การนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์รองเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษา(สนนท.)ระบุชืรอชัดเจนว่า"นายรักชาติ"พร้อมนามสกุลโดยกล่าวหาว่าไปแอบอ้างชื่อพระเจ้าหลานเธอสิริวัณณวลีที่ใช้ชื่อในอินสตาแกรมว่า"Sirivannavari Mahidol"ซึ่งเป็นชื่อคล้ายแต่ไม่ใช่ตัวพระเจ้าหลานเธอโดยออกเผยแพร่ข่าวว่า"พระเจ้าหลานเธอทรงท้อแท้เสียใจที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจสินค้าของพระองค์"...หน่วยข่าวคสช.เลวได้ที่จริงๆคนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาก็รู้ว่าชื่อในอินสตาแกรมนี้คือ"สิริวัณณวลีมหิดล"ตัวจริงเสียงจริงและพระองค์ก็เขียนข้อความตามสำนวนของพระองค์ที่รู้กันทั้งบ้านเมือง(แต่หน่วยข่าวกรองคสช.แกล้งโง่ว่าไม่รู้)แล้วก็ดันจะยัดคุกตะรางมาให้ชาวบ้าน...พวกมันสอพลอแบบโง่หลุดโลกจริงๆ

*คสช.ถนัดยัดตะรางโดยอ้างพระราชวงศ์ในนามทหารพระราชาอย่างนี้นี่เองพอเกิดระเบิดและไฟใหม้ห้างสรรพสินค้ากับสหกรณ์ที่เกาะสมุยและในตัวเมืองจังหวัดสุราษฎร์,พังงาและภูเก็ตพร้อมๆกันในกลางดึกของคืนวันที่10เมษาพอรุ่งสางโฆษกคสช.ไก่อูก็ขันทันที่ว่าคนวางระเบิดชื่อ"นายเอ็มเสื้อแดง"ที่ตัวอยู่กรุงเทพพร้อมยืนยันว่ามีสลิปโอนเงินของทักษิณตกอยู่ในที่เกิดเหตุทำเอาตำรวจที่ต้องทำคดีปวดหัวขนาดสมยศ พุ่มพันธุ์มั่ว ผบ.ตร.ยังไม่กล้ามั่วต่อจากคำสำภาษของ"เจ้ากรมข่าวมั่ว"ไก่อูเลย

*นับวันยิ่งมีเสียงระเบิดกระชั้น,ใครทำก็"ชั่งหัวมัน"(เพราะคนใหญ่เมืองไทยชั่งหัวมันเป็นประจำ)แต่ชาวบ้านนั่งฝันแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะสะใจให้มันเจอเสียบ้างเนื่องจากที่ผ่านมาประยุทธ์มันทำใหญ่ทำกร่างจับคนยัดตะรางเป็นว่าเล่น,ให้ลูกน้องซ้อมผู้ต้องหาตามอำเภอใจ,บังคับใช้กฎหมายกับเสื้อแดงฝ่ายเดียวเจอเสียวๆลูกสองลูกยังน้อยไป...โสน้าน่า555


๐๐๐ข่าวเศรษฐ(ราช)กิจ๐๐๐

*กลุ่มบริษัทเครือข่ายที่จ่ายเงินให้ม๊อบหนุนช่วยให้คสช.ยึดอำนาจกำลังอิ่มหมีพีมันฟันสิทธิพิเศษในภาวะที่มีนายกงี่เง่าดังตัวอย่างซีพีที่ผูกขาดตั้งแต่เมล็ดพันธุ์พืช,อาหาร,ค้าปลีก,ค้าส่งจนถึงโทรคมนาคมวันนี้ประยุทธ์ก็ช่วยทำหน้าที่ด้วยความโง่ช่วยขยายงานการผูกขาดครบวงจรให้ซีพีเปิดการค้าขายรถยนต์และทำไฟแนนซ์และยังแล่นจะไปทำรถไฟความเร็วต่ำเพราะท่านจัดแบ่งประโยชน์ให้นายทหารและวังอย่างพอใจและอย่างเงียบๆแต่สุดท้ายลงเอยที่ซีพีกลายเป็นนายทุนนายหน้าผูกขาดจัดแบ่งต๋งโดยเฉพาะทำกับจีน...ด้วยเหตุนี้ละมั้ง?โครงการปฏิรูประบบรถไฟให้คงความเร็วต่ำของคสช.จึงแพงกว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขึ้นไปอีก1ล้านล้านบาทเพื่อให้พอแบ่ง...ข่าวอย่างนี้เหมือนมีดยิ่งตัดขาดจากโลกไร้พรมแดน"ยิ่งผูกขาดต้นทุนยิ่งแพงประชาชนมีแต่จ่ายภาษีแพงจนลงแดง"

*ข่าวนิวยอร์คไทม์สื่อยักษ์ใหญ่ในอเมริกาลงวันที่11เมษาด่ารัฐบาลคสช.เป็นเผด็จการตลบแตลงโดยใช้คำว่า"Trickery and False Promises inThailand"ยังไม่ทันจางสื่อยักษ์รัสเซีย"มอสควาไทม์"ก็ซัดอีกว่าโลกตะวันตกเมินไทยจึงดิ้นหนีตายไปหารัสเซียและชี้เศรษธกิจท่องเที่ยวของไทยพังยับเยินหลังกองทัพทำรัฐประหาร...ตรงๆอย่างนี้ยังจะมีโอกาสฟื้นอีกหรือรัฐมนตรีเชื้อพระวงศ์หม่อมอุ๋ย

*โปรดติดตามข่าวสังขารล่องของพระภูมิพรหมในอีกไม่นานรับรองหุ้นดิ่งจมบาดาลแน่...แล้วพบกันใหม่//จบ

รัสปูติน อลัชชีโค่นบัลลังก์ (รัสเซีย)




อ่านประวัติของเขาคร่าว ๆ ที่นี่