โค้ชซิโก้คุมทีมชาติไทยช่วงปี 2013-2017 (รวม 43 นัด ชนะ 22 เสมอ 7 แพ้ 14) โดยเน้นสไตล์การเล่นที่รวดเร็วและเน้นนักเตะรุ่นใหม่ ขณะที่โค้ชอิชิอิคุมช่วงธันวาคม 2023-ตุลาคม 2025 (รวม 30 นัด ชนะ 16 เสมอ 6 แพ้ 8) ด้วยสไตล์วินัยสูงแบบญี่ปุ่นและการพัฒนาเยาวชน ผมจะเปรียบเทียบโดยเน้น น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์ (AFC Asian Cup และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มีน้ำหนักสูงกว่า AFF Championship เพราะเป็นระดับเอเชีย/โลก เทียบกับระดับภูมิภาคอาเซียน) และ ระดับคู่แข่ง (ทีมระดับท็อปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มีน้ำหนักสูงกว่า ทีมอาเซียนหรือทีมกลางๆ) จากข้อมูลจริงที่ตรวจสอบแล้วตารางเปรียบเทียบความสำเร็จหลัก (เรียงตามน้ำหนักทัวร์นาเมนต์จากสูงไปต่ำ)
ทัวร์นาเมนต์ | น้ำหนักและระดับคู่แข่ง | ความสำเร็จของโค้ชซิโก้ | ความสำเร็จของโค้ชอิชิอิ |
---|---|---|---|
ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย (น้ำหนักสูงสุด: ระดับโลก, คู่แข่งท็อปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ซาอุฯ ออสเตรเลีย) | สูงมาก เพราะเป็นการแข่งขันระดับโลก คู่แข่งแข็งแกร่ง (FIFA Rank ท็อป 20-50) โอกาสพัฒนาทีมสูง | รอบคัดเลือก世界杯 2018: เข้ารอบ 3 (รอบสุดท้าย, ท็อป 12 เอเชีย) เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี จบอันดับสุดท้ายกลุ่ม (2 แต้ม จากเสมออิรักและ UAE, แพ้ญี่ปุ่น ซาอุฯ ออสเตรเลีย UAE) แต่ได้เจอคู่แข่งระดับสูง | รอบคัดเลือก世界杯 2026: รอบ 2 จบอันดับ 3 กลุ่ม (หลังเกาหลีใต้และจีน) ไม่ผ่านเข้ารอบ 3 (แพ้เกาหลีใต้ 2 นัด, ชนะสิงคโปร์ 2 นัด, เสมอ-แพ้จีน) คู่แข่งระดับกลาง-สูง แต่ไม่ถึงท็อป |
AFC Asian Cup (น้ำหนักสูง: ระดับเอเชีย, คู่แข่งกลาง-สูง เช่น ซาอุฯ อุซเบกิสถาน) | สูง เพราะเป็นถ้วยใหญ่เอเชีย คู่แข่งหลากหลาย (FIFA Rank 50-100) ดีกว่า AFF | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก Asian Cup 2015 (แพ้ในรอบคัดเลือกต่อทีมกลางอย่างเลบานอน อิหร่าน) | Asian Cup 2023 (จัด 2024): เข้ารอบ 16 ทีม (ดีที่สุดนับตั้งแต่ 1972) รอบแบ่งกลุ่มไม่แพ้ใคร (ชนะคีร์กีซสถาน 2-0, เสมอโอมาน 0-0, เสมอซาอุฯ 0-0) รอบ 16 แพ้อุซเบกิสถาน 1-2 คู่แข่งระดับกลาง-สูง |
AFF Championship (น้ำหนักกลาง: ระดับอาเซียน, คู่แข่งต่ำ-กลาง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย) | กลาง เพราะจำกัดภูมิภาค คู่แข่งอ่อนกว่า (FIFA Rank 90-150) แต่สำคัญสำหรับความมั่นใจ | ชนะเลิศ 2 สมัย (2014 และ 2016) ป้องกันแชมป์ได้ เข้ารอบชิงทั้งสองครั้ง เจอคู่แข่งอาเซียนอย่างเวียดนาม อินโดฯ ฟิลิปปินส์ | รองแชมป์ 2024 (แพ้เวียดนามในรอบชิง 3-5 สกอร์รวม: แพ้เยือน 1-2, แพ้เหย้า 2-3) เข้ารอบชิงได้แต่ไม่ชนะ คู่แข่งอาเซียนคล้ายกัน |
อื่นๆ (เช่น King's Cup, SEA Games U23) | ต่ำ: ทัวร์นาเมนต์กระชับมิตรหรือเยาวชน คู่แข่งต่ำ | SEA Games 2013: ทอง U23; Asian Games 2014: อันดับ 4 U23; King's Cup ชนะบ้าง | King's Cup 2024: ชนะ; Asian Cup 2027 รอบคัดเลือก: ชนะ 3 จาก 4 นัด (9 แต้ม) ก่อนถูกปลด คู่แข่งต่ำอย่างไต้หวัน ศรีลังกา |
- น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์: โค้ชซิโก้เด่นในทัวร์นาเมนต์น้ำหนักกลาง (AFF) ที่ชนะเลิศ 2 สมัย แต่จุดเด่นคือพาทีมไปไกลใน WC Qualifiers รอบสุดท้าย ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ (แม้ผลงานในรอบนั้นไม่ดี แต่ได้ประสบการณ์จากคู่แข่งท็อป) ส่วนโค้ชอิชิอิเด่นใน Asian Cup (น้ำหนักสูง) ที่เข้ารอบ 16 ทีมแบบไม่แพ้ในกลุ่ม แต่เป็นผลงานเทียบเท่าปี 2019 (ภายใต้โค้ชก่อนหน้า) และล้มเหลวใน WC Qualifiers (ไม่เข้ารอบ 3) ทำให้โดยรวมน้ำหนักน้อยกว่า
- ระดับของคู่แข่ง: ภายใต้ซิโก้ ทีมได้เจอคู่แข่งระดับสูงจริงๆ ใน WC รอบ 3 (เช่น ญี่ปุ่น FIFA Rank ~20, ออสเตรเลีย ~30) ซึ่งช่วยยกระดับทีม แม้แพ้เยอะ แต่เป็นก้าวสำคัญ ขณะที่อิชิอิ เจอคู่แข่งกลาง-สูงใน Asian Cup (ซาอุฯ ~50, อุซเบก ~60) และแพ้ในรอบน็อคเอาท์ ใน AFF ทั้งคู่เจอทีมอาเซียนคล้ายกัน แต่ซิโก้ชนะได้มากกว่า
- ภาพรวมอื่นๆ: ซิโก้ช่วยยกระดับแร้งค์กิ้ง FIFA ของไทยขึ้น (จาก 150 ขึ้น ~110) และสร้างรากฐานนักเตะอย่างชนาธิป ธีรศิลป์ ขณะที่อิชิอิพัฒนาเยาวชนดี (เช่น สุภโชค สุภณัฏฐ์) แต่ถูกวิจารณ์เรื่องสไตล์การเล่น และล้มเหลวใน WC Qualifiers ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก สถิติชนะของอิชิอิ (53%) ใกล้เคียงซิโก้ (51%) แต่ซิโก้คุมยาวกว่าและชนะถ้วยมากกว่า
+++++++++++++++++++
การเปรียบเทียบความสำเร็จของโค้ชทีมชาติไทยคนอื่นๆจากบริบทก่อนหน้า ผมจะเปรียบเทียบโค้ชทีมชาติไทยหลักๆ ในช่วง 10-20 ปีหลัง (ตั้งแต่ 2011 เป็นต้นมา) โดยรวมโค้ชต่างชาติที่เคยคุมด้วย เนื่องจากคำถามอาจหมายถึง "โค้ชทีมชาติไทยคนอื่นๆ" (นอกจากซิโก้และอิชิอิที่เคยพูดถึง) แต่ถ้าเน้นโค้ชคนไทย จะมีน้อย เช่น สิริศักดิ์ ยอดญาติไทย (interim) หรือชาญวิทย์ ผลชีวิน (ก่อนหน้านั้น) โค้ชที่เลือก: วินฟรีด เชเฟอร์ (2011-2013), มิโลวาน ราเยวัช (2017-2019), อากิระ นิชิโนะ (2019-2021), มาโน่ โพลกิ้ง (2021-2023) และสิริศักดิ์ ยอดญาติไทย (interim 2019) เพื่อครอบคลุมทั้งไทยและต่างชาติที่สร้างผลงานเด่น เน้น น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์ (AFC Asian Cup และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มีน้ำหนักสูงกว่า AFF เพราะระดับเอเชีย/โลก) และ ระดับคู่แข่ง (ทีมท็อปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สูงกว่า 팀อาเซียน) ข้อมูลจากสถิติจริง (เช่น นัดคุม, ชนะ-เสมอ-แพ้) และผลงานหลักล่าสุด (22 ต.ค. 2025): มาซาตาดะ อิชิอิ ถูกปลด และแต่งตั้ง แอนโธนี ฮัดสัน (อังกฤษ) เป็น interim แต่ยังไม่มีผลงาน จึงไม่รวมในการเปรียบเทียบตารางเปรียบเทียบความสำเร็จหลัก (เรียงตามน้ำหนักทัวร์นาเมนต์จากสูงไปต่ำ)
การวิเคราะห์โดยละเอียด
+++++++++++++++++
โค้ช (ช่วงคุม, สถิติรวม) | ทัวร์นาเมนต์น้ำหนักสูง (WC Qualifiers, Asian Cup: คู่แข่งท็อปเอเชีย FIFA Rank ~20-50) | ทัวร์นาเมนต์น้ำหนักกลาง (AFF: คู่แข่งอาเซียน FIFA Rank ~90-150) | ทัวร์นาเมนต์อื่นๆ (น้ำหนักต่ำ: King's Cup, SEA Games) | ภาพรวมระดับคู่แข่งและการยกระดับทีม |
---|---|---|---|---|
วินฟรีด เชเฟอร์ (2011-2013, 25 นัด: ชนะ 9 เสมอ 7 แพ้ 9) | WC Qualifiers 2014: เข้ารอบ 3 (ท็อป 10 เอเชีย) แต่จบอันดับสุดท้าย (แพ้โอมาน ซาอุฯ ออสเตรเลีย กาตาร์) ได้เจอคู่แข่งสูง; Asian Cup 2015: ไม่ผ่านรอบคัดเลือก (แพ้ทีมกลางอย่างเลบานอน) | AFF 2012: รองแชมป์ (แพ้สิงคโปร์ในรอบชิง) เจอคู่แข่งอาเซียนมาตรฐาน | King's Cup: ชนะ 2013; Asian Games 2010 (ก่อนคุมเต็ม): ไม่เด่น | เจอคู่แข่งสูงใน WC แต่ผลงานกลางๆ ยกระดับ FIFA Rank ไทยขึ้นเล็กน้อย (จาก ~150 เป็น ~130) สไตล์เยอรมันวินัยสูง แต่ถูกวิจารณ์เรื่องแพ้เยอะ |
มิโลวาน ราเยวัช (2017-2019, 20 นัด: ชนะ 8 เสมอ 4 แพ้ 8) | Asian Cup 2019: เข้ารอบ 16 ทีม (ดีที่สุดในรอบ 47 ปี) รอบแบ่งกลุ่มชนะบาห์เรน 1-0, เสมอ UAE 1-1, แพ้อินเดีย 1-4; รอบ 16 แพ้จีน 1-2 (คู่แข่งกลาง-สูง); WC Qualifiers 2022: เริ่มต้นแต่ถูกปลดก่อน | AFF 2018: รอบรอง (แพ้มาเลเซีย) เจอคู่แข่งอาเซียน | King's Cup 2017-2018: รองแชมป์ทั้งสองปี | เด่นที่ Asian Cup เจอคู่แข่งสูง (UAE ~60, จีน ~70) ยกระดับเกมรับ แต่ถูกปลดหลังแพ้หนักใน Asian Cup รอบแรก |
อากิระ นิชิโนะ (2019-2021, 15 นัด: ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 7) | WC Qualifiers 2022: จบอันดับ 3 กลุ่ม (หลัง UAE เวียดนาม) ชนะอินโดฯ มาเลเซีย, เสมอเวียดนาม, แพ้ UAE (คู่แข่งกลาง); Asian Cup: ไม่เกี่ยวข้อง | AFF 2020: รอบรอง (แพ้เวียดนาม) เจอคู่แข่งอาเซียน แต่ผลงานไม่ดี | King's Cup 2019: รองแชมป์ | เจอคู่แข่งกลางใน WC แต่ผลงานต่ำกว่าคาด (จากชื่อเสียงคุมญี่ปุ่น) ยกระดับเยาวชนแต่整体แพ้เยอะ ถูกปลดหลังล้มเหลว |
มาโน่ โพลกิ้ง (2021-2023, 28 นัด: ชนะ 15 เสมอ 5 แพ้ 8) | WC Qualifiers 2026: เริ่มต้นดีแต่ถูกปลดก่อน (ชนะสิงคโปร์ จีน); Asian Cup 2023: รอบแบ่งกลุ่ม (แพ้ซาอุฯ โอมาน คีร์กีซสถาน) ไม่ผ่านเข้ารอบ | AFF 2020 และ 2022: ชนะเลิศทั้งสองสมัย (ป้องกันแชมป์) เจอเวียดนาม อินโดฯ มาเลเซีย ในรอบชิง | King's Cup 2022: ชนะ; SEA Games 2023: เงิน (U23) | เด่น AFF (น้ำหนักกลาง) เจอคู่แข่งอาเซียน แต่ล้มเหลวใน Asian Cup (คู่แข่งสูง) สไตล์บราซิลโจมตีดี แต่เกมรับอ่อน |
สิริศักดิ์ ยอดญาติไทย (interim 2019, 4 นัด: ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1) | Asian Cup 2019: คุมต่อจากราเยวัช เข้ารอบ 16 (ชนะบาห์เรน เสมอ UAE) แต่แพ้จีนในรอบน็อคเอาท์ (คู่แข่งกลาง-สูง) | ไม่เกี่ยวข้อง | King's Cup 2019: ชนะ (คุมชั่วคราว) | เป็นโค้ชไทยคนเดียวในลิสต์ เจอคู่แข่งสูงใน Asian Cup ผลงานดีเกินคาด แต่คุมสั้น ยกระดับความมั่นใจทีม |
- น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์: โค้ชที่เด่นในระดับสูง (Asian Cup/WC) คือ ราเยวัชและสิริศักดิ์ (เข้ารอบ 16 Asian Cup) กับเชเฟอร์ (เข้ารอบ 3 WC) ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า AFF ที่โพลกิ้งชนะ 2 สมัย นิชิโนะล้มเหลวทั้งสูงและกลาง ทำให้โดยรวมราเยวัชและเชเฟอร์ยกระดับทีมได้ไกลกว่าในเวทีเอเชีย
- ระดับของคู่แข่ง: เชเฟอร์และราเยวัชเจอทีมท็อป (ออสเตรเลีย กาตาร์ UAE จีน) มากกว่าโพลกิ้งที่เด่นแต่อาเซียน (เวียดนาม อินโดฯ) นิชิโนะเจอกลางแต่แพ้เยอะ สิริศักดิ์เจอสูงในช่วงสั้นแต่ทำดี
- ภาพรวมอื่นๆ: โค้ชต่างชาติส่วนใหญ่ (เชเฟอร์ ราเยวัช นิชิโนะ โพลกิ้ง) นำสไตล์ใหม่ (วินัย โจมตี) แต่ถูกปลดเร็วเพราะล้มเหลวในทัวร์ใหญ่ สิริศักดิ์ (ไทย) คุมสั้นแต่พิสูจน์โค้ชไทยทำได้ FIFA Rank ไทยผันผวน (~100-140) ขึ้นลงตามผลงาน โค้ชเหล่านี้ช่วยพัฒนานักเตะอย่างธีรศิลป์ ชนาธิป แต่ไม่สม่ำเสมอ
+++++++++++++++++
การเปรียบเทียบความสำเร็จของโค้ชซิโก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) และโค้ชมิโลวาน ราเยวัช ในการคุมทีมชาติไทยโค้ชซิโก้คุมทีมชาติไทยช่วงปี 2013-2017 (รวม 43 นัด ชนะ 22 เสมอ 7 แพ้ 14, Win% 51.16%) โดยเน้นสไตล์ tiki-taka และนักเตะรุ่นใหม่ ขณะที่โค้ชราเยวัชคุมช่วง 2017-2019 (รวม 20 นัด ชนะ 8 เสมอ 7 แพ้ 5, Win% 40%) ด้วยสไตล์เกมรับแน่นแบบเซอร์เบียและวางรากฐานระยะยาว ผมจะเปรียบเทียบโดยเน้น น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์ (AFC Asian Cup และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มีน้ำหนักสูงกว่า AFF Championship เพราะเป็นระดับเอเชีย/โลก เทียบกับระดับภูมิภาคอาเซียน) และ ระดับคู่แข่ง (ทีมระดับท็อปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มีน้ำหนักสูงกว่า ทีมอาเซียนหรือทีมกลางๆ) จากข้อมูลจริงที่ตรวจสอบแล้ว (อัปเดตถึง 2025 ไม่มีเปลี่ยนแปลงสำหรับทั้งคู่)ตารางเปรียบเทียบความสำเร็จหลัก (เรียงตามน้ำหนักทัวร์นาเมนต์จากสูงไปต่ำ)
การวิเคราะห์โดยละเอียด
ทัวร์นาเมนต์ | น้ำหนักและระดับคู่แข่ง | ความสำเร็จของโค้ชซิโก้ | ความสำเร็จของโค้ชราเยวัช |
---|---|---|---|
ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชีย (น้ำหนักสูงสุด: ระดับโลก, คู่แข่งท็อปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ซาอุฯ ออสเตรเลีย FIFA Rank ~20-50) | สูงมาก เพราะเป็นการแข่งขันระดับโลก คู่แข่งแข็งแกร่ง โอกาสพัฒนาทีมสูง | รอบคัดเลือก 2018: เข้ารอบ 3 (รอบสุดท้าย, ท็อป 12 เอเชีย) เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี จบอันดับสุดท้ายกลุ่ม (2 แต้ม จากเสมออิรักและ UAE, แพ้ญี่ปุ่น ซาอุฯ ออสเตรเลีย) แต่ได้เจอคู่แข่งระดับสูงและยกระดับทีม | ไม่มีผลงานหลักใน WC Qualifiers 期间คุม (เริ่มต้น 2022 แต่ถูกปลดก่อน) คู่แข่งไม่ถึงระดับท็อป |
AFC Asian Cup (น้ำหนักสูง: ระดับเอเชีย, คู่แข่งกลาง-สูง เช่น อินเดีย UAE บาห์เรน FIFA Rank ~50-100) | สูง เพราะเป็นถ้วยใหญ่เอเชีย คู่แข่งหลากหลาย ดีกว่า AFF | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก 2015 (แพ้ทั้ง 6 นัดใน qualifiers ต่อทีมกลางอย่างเลบานอน อิหร่าน ยอมรับ 21 ประตู) | Asian Cup 2019: คุมเกมแรกแพ้ India 1-4 แล้วถูกปลด (7 ม.ค. 2019) แต่ทีมภายใต้ interim (สิริศักดิ์) ต่อยอดเข้ารอบ 16 ทีม (ชนะ Bahrain 1-0, เสมอ UAE 1-1, แพ้ China 1-2 ในรอบน็อคเอาท์) คู่แข่งระดับกลาง |
AFF Championship (น้ำหนักกลาง: ระดับอาเซียน, คู่แข่งต่ำ-กลาง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย FIFA Rank ~90-150) | กลาง เพราะจำกัดภูมิภาค คู่แข่งอ่อนกว่า แต่สำคัญสำหรับความมั่นใจ | ชนะเลิศ 2 สมัย (2014: ชนะมาเลเซีย 4-3 รวม, 2016: ชนะอินโดนีเซีย 3-2 รวม) ป้องกันแชมป์ได้ เข้ารอบชิงทั้งสองครั้ง เจอคู่แข่งอาเซียนอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ | รอบรอง 2018 (แพ้มาเลเซียด้วย away goals rule) เจอคู่แข่งอาเซียนคล้ายกัน แต่ไม่ถึงชิง |
อื่นๆ (เช่น King's Cup, SEA Games U23) | ต่ำ: ทัวร์นาเมนต์กระชับมิตรหรือเยาวชน คู่แข่งต่ำ | SEA Games 2013: ทอง U23; Asian Games 2014: อันดับ 4 U23; King's Cup 2016: ชนะ | King's Cup 2017: ชนะ; ไม่มีผลงานเยาวชนเด่น |
- น้ำหนักของทัวร์นาเมนต์: โค้ชซิโก้เด่นในทัวร์นาเมนต์น้ำหนักกลาง (AFF) ที่ชนะเลิศ 2 สมัยติดต่อกัน ซึ่งเป็นความสำเร็จประวัติศาสตร์ (เป็นโค้ชคนเดียวที่ชนะ AFF ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช) และจุดเด่นคือพาทีมไปไกลใน WC Qualifiers รอบสุดท้าย (น้ำหนักสูง) แม้ผลงานในรอบนั้นไม่ดี แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ส่วนโค้ชราเยวัชเด่นใน Asian Cup (น้ำหนักสูง) ที่วางฐานให้ทีมเข้ารอบ 16 ทีมครั้งแรกในรอบ 47 ปี แต่เขาถูกปลดหลังเกมแรก ทำให้เครดิตส่วนใหญ่ตกเป็นของ interim และล้มเหลวใน AFF (น้ำหนักกลาง) ทำให้โดยรวมน้ำหนักของซิโก้สูงกว่าเพราะความสม่ำเสมอและถ้วยจริง
- ระดับของคู่แข่ง: ภายใต้ซิโก้ ทีมได้เจอคู่แข่งระดับสูงจริงๆ ใน WC รอบ 3 (เช่น ญี่ปุ่น FIFA Rank ~20, ออสเตรเลีย ~30, ซาอุฯ ~40) ซึ่งช่วยยกระดับทีม แม้แพ้เยอะ แต่ได้ประสบการณ์ ขณะที่ราเยวัช เจอคู่แข่งกลางใน Asian Cup (India ~100, UAE ~60, Bahrain ~90) แต่คุมไม่เต็มทัวร์นาเมนต์ ใน AFF ทั้งคู่เจอทีมอาเซียนคล้ายกัน (มาเลเซีย เวียดนาม) แต่ซิโก้ชนะได้มากกว่าและยกถ้วย
- ภาพรวมอื่นๆ: ซิโก้ช่วยยกระดับ FIFA Rank ของไทยขึ้น (จาก ~150 ขึ้น ~110) สร้างรากฐานนักเตะอย่างชนาธิป ธีรศิลป์ และได้รับรางวัล AFF Coach of the Year 2015 สไตล์โจมตีสนุกแต่เกมรับอ่อน ขณะที่ราเยวัชพัฒนาเกมรับดี (เสียประตูน้อย) แต่ถูกวิจารณ์เรื่องสไตล์ conservative และถูกปลดเร็วหลังแพ้หนัก สถิติชนะของซิโก้สูงกว่า (51% vs 40%) และคุมยาวกว่า ซิโก้ยังมีผลงาน U23 เด่น (SEA Games ทอง, Asian Games อันดับ 4) ซึ่งราเยวัชไม่มี