ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Wednesday, August 1, 2012

รวมข้อมูลคดี ปรส. คดีที่จะปล่อยให้หมดอายุความอีก หรือไม่?


ดีเอสไอฟันธง คดี ปรส.ผิดจริง คนขายชาติตัวจริง ประชาธิปปัตย์ หมวด » ทั่วไป » การเมือง » ดีเอสไอฟันธง คดี ปรส.ผิดจริง คนขายชาติตัวจริง ประชาธิปปัตย์ *** ดีเอสไอฟันธง คดี ปรส.ผิดจริง คนขายชาติตัวจริง ประชาธิปปัตย์!!! ***
นายไกรสร บารมีอวยชัย รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นประธานประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับอัยการสำนักคดีพิเศษ และที่ปรึกษาจากกระทรวงการคลัง
สรุปสำนวนคดีการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ใช้เวลาประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมง ร่วมกันแถลงว่า
ในการสอบสวนมุ่งถึงการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จากการนำทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท และการดำเนินการของ ปรส. ขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินการ
แต่ขั้นตอนดำเนินการของ ปรส. กลับไม่แยกหนี้ดี หนี้เสีย เพื่อแยกหนี้ดีไปให้กับธนาคารรัตนสิน จำกัด (มหาชน) นำไปบริหาร ทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์โดยมิชอบ
รายงานระบุว่า คดี ปรส. มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 5 คดี
ประกอบด้วย
คดีที่ 1 กรณี บริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2541 ยอดคงค้างทางบัญชี 24,616.95 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 11,520 ล้านบาท
คดีที่ 2 กรณีบริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล ยอดคงค้างทางบัญชี 115,890.96 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาท
คดีที่ 3 - 4 กรณี บริษัท เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับ กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 1 - 3 ยอดคงค้างทางบัญชี 64,303.34 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 23,176.38 ล้านบาท
คดีที่ 5 กรณี บริษัท วีคอนกลอมเมอเรท จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมวีแคปปิตอล ยอดคงค้างทาง บัญชี2,376.73 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 3,189.90 ล้านบาท
ในคดีที่ 1 มีการสอบปากคำพยานบุคคล ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวม 106 ปาก แยกประเด็นการสอบสวนออกเป็นประเด็นข้อกฎหมายและประเด็นข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้หลักฐานถึงวัตถุประสงค์ในการปฏิรูปสถาบันการเงิน และกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงการจงใจหลีกเลี่ยงภาษี
หลายกรณี ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น 10 ประเด็น
ประกอบด้วย 1. ปรส. ยินยอมให้นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ปรส. เข้าประมูลซื้อทรัพย์สินจาก ปรส. โดยมิชอบ 2. คณะกรรมการ ปรส.บางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง ปกปิดข้อเท็จจริง กระทำการโดยไม่โปร่งใส 3. ข้อกำหนดของ ปรส. ที่ให้ผู้ชนะการประมูลโอนสิทธิได้ขัดต่อกฎหมาย 4. การโอนสิทธิ ของผู้ชนะการประมูลไม่ชอบ ขัดต่อ พ.ร.ก.ปรส. 5. ข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของคณะกรรมการ ปรส. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 6. คณะกรรมการ ปรส. และกลุ่มนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ปรส. ฝ่าฝืนข้อสนเทศการขายทรัพย์สิน 7. กองทุนรวมที่รับโอนสิทธิจากผู้ชนะการประมูลซื้อทรัพย์สินจาก ปรส. ยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล 8. มีการทำสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย 9. สิทธิของนิติบุคคลที่ชนะการประมูลไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของปรส. และ 10. ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ปรส.บางคนขาดคุณสมบัติ เนื่องจากดำรงตำแหน่งทับซ้อนกับสถาบันการเงินอีกแห่ง
การขายทรัพย์สินของสถาบันการเงินทั้ง 56 แห่ง ในกลุ่มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดทางอาญา
หลังจากนี้ กรรมการ ปรส. ที่รู้เห็นเกี่ยวข้องโดยตรงในการขายและนิติบุคคลที่มีส่วนร่วมและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่กระทำผิดอาญาจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 ราย จะถูกดำเนินคดี
ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันกระทำโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ในคดีภาษีอากรต้องระวางโทษจำคุก 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 -200,000 บาท ถ้าคดีนี้ฟ้องได้ ก็มีโอกาสที่ประเทศจะได้เงินกลับคืนมา สำหรับคดีนี้เกี่ยวพันกับบริษัทใหญ่หลายแห่งทั้งในและต่างประเทศ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขายสินทรัพย์ของ ปรส. ที่ผ่านมา เคยตั้งนายยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นกรรมการตรวจสอบ และได้ตั้งประเด็นในการตรวจสอบตรงกับการสอบสวนของดีเอสไอ การสอบสวนพบพยานหลักฐานว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหาก ดีเอสไอ สั่งฟ้องคดีที่ 1 เรียบร้อย ก็จะเป็นบรรทัดฐานข้อกฎหมายที่จะมาใช้ฟ้องกรณีบริษัทอื่น ๆ ต่อไป
ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหมดเกิดขึ้นในสมัย นาย ชวน หลีกภัยเป็น นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปปัตย์ที่มีส่วนรู้เห็น คงไม่อาจเล่นบทปัดความรับผิดชอบที่ตัวเองถนัดได้ ถึงเวลาเวรกรรมตามทัน เพราะเป็นการขายชาติอย่างมหาศาล ขายให้ต่างชาติโดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของซื้อคืน ในราคาเพียง 20 เปอร์เซนต์ และให้ต่างชาติขายคืนในราคาที่สูงกว่า ถึง 60 -70 เปอร์เซนต์ ถึงเวลาคนขายชาติตัวจริงต้องชดใช้กรรมแล้ว!!!
แต่ทว่า ในยุคทหารครองเมืองแบบนี้ อาจเป็นเพียงเกมส์ต่อรองทางการเมืองเท่านั้นขนาดสื่อมวลชนยังไม่มีการตีข่าวใหญ่เหมือนตอนรัฐบาลทักษิณถูกกล่าวหาเลย ทั้งที่เรื่องนี้เป็นการขายชาติครั้ง มโหฬาร หากเป็นแบบนั้นเราคนไทยคงต้องกู้ชาติกันจริงๆ แล้ว!!!
   
   

ตอนต่อไป "ธรณีกรรแสง เลือดแดงนองแผ่นดิน" (เรื่องเขาเล่ามา)

ตามคำโบราณว่าไว้ ..... ความวัวยังไม่หาย ความควายเข้ามาแทรกมนุษย์ที่เกิดมาภายในโลกใบนี้ล้วนแต่เป็น"อนิจัง"

ทั้งสิ้น "คนที่ทำดีย่อมจะได้รับกรรมดี คนที่ทำชั่วก็ย่อมจะได้รับกรรมชั่ว" สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือมนุษย์เราจะหนี "กฎแห่ง

กรรม" ไปไม่พ้น ดังนั้นเมื่อเราๆท่านๆยังมีชีวิตอยู่จงสร้างความดีไว้เถอะเจ้าค่ะ อย่ามาสั่งฆ่าประชาชนอีกเลยค่ะ

..... เมื่ออาการของ "อาเหล่ากง"สวิงขึ้นสวิงลงมาเป็นระยะๆก็เพราะว่าคุณหมอที่ทำ "Stem Cell" ครั้งสุดท้ายไปแล้วเกิด

อาการติดเชื้อขึ้นมา จึงทำให้ "อาเหล่ากง" ผิดปกติบางครั้งอาการดียังเดินได้บ้างแต่บางครั้งทรุดลงทันทีถึงหน้ามืดเกือบ

จะล้มลงหลายครั้ง จนคุณหมอประจำยังงงกับอาการแทบจับทางไม่ถูกเพราะอาการของ "อาเหล่ากง" เข้าขั้น "Critical"

และป่วยเฉียบพลันอย่างรุนแรง (Acutely and Seriously ill)และ "อาเหล่ากง" เคยเป็น "DOA" (Deat on Arrival) มาแล้ว

มาจนถึงวันนี้อาการมีทรงกับทรุดเท่านั้น

..... มาระยะหลังสุดคุณหมอใหญ่ได้ใช้เครื่องตรวจคลื่นสมอง "Electrcencephalograply" ดูอาการสมองว่าเป็นอย่างไรก็พบ

ว่าผิดปกติไปกว่าเดิมอีกเพราะใช้เครื่อง "Respiratory"ตลอดเวลาไม่ได้เพราะผู้ป่วยเป็นคนชรามากอีกทั้งสุขภาพไม่ค่อยจะดี

ก็จะเป็นอันตรายกับเส้นโลหิตในสมองได้ เนื่องจากเส้นโลหิตในสมองของคนชราจะเปราะบางและอาจจะแตกทำให้เลือดออก

มาในสมองอีก

..... ส่วนอาการของ "อาเหล่าม่า"ทีมีข่าวว่าเป็น "ลมไฟดับ" (หน้ามืดไง get หรือยังคะ)นั้นก็คือคนที่มีรูปร่างที่"อ้วนมาก"

และมีอายุมากๆเวลาตื่นนอนหรือนั่งแล้วลุกขึ้นทันทีอาจจะมีอาการหน้ามือตาลายเพราะว่าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน แต่อา

การของ "อาเหล่าม่า" เข้าขั้น "Stroke"แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นที่รุนแรงอะไรมากด้วย "อาเหล่าม่า" เป็นคน"หัวใส"จึงคว้าเหตุ

การณ์ที่ป่วยนี้ขึ้นมาอ้างเพื่อเรียก"ขุนพลทุกเหล่าทัพ"เข้ามาหาเพื่อปรึกษาหาทางปราบ"ประชาชนคนเสื้อแดง" ให้ได้ทั้ง

สองรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็คือ

1. ใช้กำลัง"กองทัพ"ทหารยึดอำนาจไปจากประชาชน

2. ใช้องค์กรอิสระตั้งแต่น้อย-ใหญ่ตลอดไปจนถึง "ศาลเถื่อน" ที่เป็นเครื่องมือของเขาตัดสินจับแกนนำคนเสื้อแดงไปเข้าคุก

..... ดังนั้นอาการป่วยของ "อาเหล่ากง" กับของ "อาเหล่าม่า" จึงแตกต่างกันเพราะคนหนึ่งป่วยจริง แต่อีกคนหนึ่งป่วย"การ

เมือง" เจ้าค่ะและขอบอกว่าครั้งนี้เป็น "CD" แผ่นสุดท้ายจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้วเจ้าค่ะ

----------------------------- โปรดติดตามตอน "ธรณีกรรแสง เลือดแดงนองแผ่นดิน" ------------------------------

 

 

 

 

น้องกิ๊กครับ ทำไมตอนนั้นไม่ไปขอทุนในหลวง พระองค์ท่านมีมากกว่า 1500 บาทมากมายนะครับ



 ประเทศส่งส่วยแลน (ตามคำแนะนำของพี่แต้ม แทมป้า) บางคนก็บอกว่าประเทศตอแหลแลนด์ เด็กอยากเรียนต่อไม่มีเงิน จนกันแบบพอเพียง มีเงินทั้งครอบครัว 1500 บาท แต่กษัตริย์ไทย พ่อของแผ่นดิน มีทรัพย์สินแบบที่นับได้ 35,000,000,000 ปอนด์ครับ อยากเห็นตัวเลขจริงหรือเปล่าครับ เอา 50 (ก็พอ) คูณเข้าไป 1,750,000,000,000 บาท ผิดถูกไม่มากไม่น้อยกว่านี้เท่าไหร่ ไปขอตังค์พ่อกันเถอะ ประชาชนไทยทั้งหลาย ฮี่ ๆ

 ====================





 
 
 
 

ความห่วงใยถึงแกนนำประชาชน (รวมทั้งโกตี๋และคุณโด่ง)

สวัสดีค่ะ ดร เพียงดิน ที่นับถือ

หวังว่าดร สบายดีนะคะ  ช่วงนี้ก็เป็นห่วงทางฝ่ายประชาชนที่ต่อสูกันเองด้วยใจอย่างเช่นโกตี๊  เพราะเขาจะใช้วิธีการทางศาลเพื่อดับความกระตือรือร้นของกลุ่มต่างๆ 
ตอนนี้อยากให้โกตี๊ลดความแรงลงก่อน  แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สู้  และเชื่อว่าโกตี๊คงจะไม่ยอมหยุด  เชื่อว่าตอนนี้เขาเริ่มการเก็บแกนนำ  หากเป็นแกนนำที่มีคดีอยู่แล้ว
ก็จะใช้วิธีหาเหตุอ้างว่าผิดต่อข้อตกลง  และถอนประกัน  ส่วนที่ยังไม่มีคดี  ก็จะสร้างให้มีคดี  ตามแต่เขาจะต้องการ  หากไม่ยอม  ก็จะรุกใช้วิธีข่มขู่   หากยอมเรื่องคดีก็จำหลุดไปอย่างเช่นคดีกล้ายางของนายเนวิน  นี่คือการทำให้คนกลายเป็นคนชั่วได้  เพราะต้องรักษาสถานภาพของตนเอง

เรื่องการออกอากาศของโกตี๊นั้น  ต่อไปคงจะถูกรบกวน  และเขาจะต้องฟังการออกอากาศทุกครั้ง  เพื่อเก็บข้อมูล  ซึ่งถือว่าอันตราย  ช่วยกันหาวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่าจะดีกว่า
รัฐบาลเขาก็คงต้องรักษาอำนาจที่มีในมือ  หากหมดอำนาจก็จะตายกันหมด  เพราะเขาจ้องทำลายอยู่ตลอดเวลา  กำจัดทั้งรัฐบาล  ทั้ง นปช  ทั้งแดงทุกกลุ่ม  หากมีโอกาส
เขาคงจะเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งเราต้องระมัดระวังกันมาก  รู้สึกเป็นห่วงพวกเราที่ต่อสู้  ให้โกตี๊รักษาชีวิตไว้เพื่อทำงานที่ใหญ่กว่านี้  สิ่งที่ต่อสู้มาจะได้เกิดผลต่อๆไปในวันข้างหน้า   ช่วงนี้เราต้องต่อสู้ด้วยความสุขุมมากๆ 

ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  ก็เตือนคุณโด่งอยู่เสมอ  ว่าควรระมัดระวังมากๆ  ทางเรื่องหมู่บ้านเสื้อแดงก็มีกำลังเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา   บางทีเรารุกได้  แต่บางครั้งก็ควรลดระดับลงตามสภาพ  และหาวิธีรุก  เชื่อว่าโกตี๊และมวลชนกำลังถูกจับตา   ทำอะไรให้เนียนๆไว้จะดีกว่ามาก   ขออกความเห็นด้วยความเป็นห่วงพวกเราจริงๆ

มีอะไรจะติดต่อมาใหม่นะคะ  ดร  ก็ดูแลตนเอง   เก็บกำลังไว้เพื่อต่อสู้เพิ่มเติมในยามที่ชาติต้องการ    ช่วยกันวางแผนด้วยนะคะ