ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Saturday, September 27, 2025

ดร. ทักษิณ ชินวัตร ทำผิดจริง หรือถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง : บทวิเคราะห์เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์


ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ถูกตัดสินจำคุกจากหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ และผลประโยชน์ทับซ้อน ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2544-2549 โดยรวมแล้วถูกตัดสินจำคุก 8 ปี จาก 3 คดีหลัก (บางส่วนทับซ้อนกัน) แต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ลดเหลือ 1 ปี เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ต่อมาในปี 2568 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้ทักษิณต้องรับโทษจำคุก 1 ปีจริง เนื่องจากเห็นว่าการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ 6 เดือนก่อนหน้านี้ไม่นับเป็นการรับโทษ และเป็นการแกล้งป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงเรือนจำ

ด้านล่างนี้คือการวิเคราะห์คดีหลักทั้ง 3 คดีที่นำไปสู่การถูกตัดสินจำคุก โดยอ้างอิงจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อมูลจากเอกสารทางกฎหมาย และรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ ผมจะสรุปรายละเอียดคดี การตัดสิน โทษจำคุก และวิเคราะห์ว่าทักษิณ "ผิดจริง" หรือไม่ โดยพิจารณาจากหลักฐานที่นำเสนอในศาล ความขัดแย้งทางการเมือง และข้อโต้แย้งจากทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายอัยการ/ศาล และฝ่ายทักษิณ/ผู้สนับสนุน) การวิเคราะห์นี้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่ได้รับการยืนยัน ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ1. คดีทุจริตโครงการสลากพิเศษแบบ 2-3 หลัก (Special Lottery Project หรือ Two- and Three-Digit Lottery)
  • รายละเอียดคดี: ทักษิณถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปลี่ยนรูปแบบสลากจากระบบออนไลน์ (เครื่องออกสลากอัตโนมัติ) เป็นระบบบนดิน (ขายสลากแบบเลข 2-3 หลัก) โดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้และเกิดการทุจริตในการแจกจ่ายสลาก นอกจากนี้ยังถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์และจำหน่ายสลาก คดีนี้ถูกฟ้องในปี 2551 และตัดสินในปี 2562 (ขณะลี้ภัย)
  • การตัดสินของศาล: ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่าทักษิณกระทำผิดฐานใช้อำนาจขัดกันแห่งผลประโยชน์และทุจริตต่อหน้าที่ สั่งจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
  • โทษจำคุก: 2 ปี (ส่วนหนึ่งของโทษรวม 8 ปี)
  • ความขัดแย้งและอุทธรณ์: ทักษิณไม่ได้กลับมารับโทษทันที และอ้างว่าคดีนี้เกิดจากศาลที่ตั้งขึ้นหลังรัฐประหาร 2549 ซึ่งมีอคติทางการเมือง ไม่มีการอุทธรณ์สำเร็จ เนื่องจากเป็นคำพิพากษาสิ้นสุด
  • ข้อโต้แย้งจากทั้งสองฝ่าย:
    • ฝ่ายอัยการ/ศาล: มีหลักฐานชัดเจนว่าการเปลี่ยนระบบสลากทำให้รัฐเสียหายหลายพันล้านบาท และทักษิณใช้อำนาจโดยตรงเพื่อผลักดันนโยบายนี้โดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย .
    • ฝ่ายทักษิณ: อ้างว่านโยบายนี้เพื่อแก้ปัญหาสลากเถื่อนและเพิ่มรายได้รัฐ ไม่ใช่การทุจริตส่วนตัว และคดีถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้ามหลังรัฐประหาร
  • ผิดจริงหรือไม่: ผิดจริง หลักฐานเอกสารและคำให้การพยานแสดงให้เห็นการใช้อำนาจโดยมิชอบชัดเจน แม้จะมีบริบททางการเมือง แต่การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายว่าด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดแจ้ง และไม่มีหลักฐานว่าศาล fabricate ข้อมูล
2. คดีอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้รัฐบาลพม่า (Low-Interest Loan to Myanmar Government)
  • รายละเอียดคดี: ทักษิณถูกกล่าวหาว่าอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ปล่อยกู้ 4,000 ล้านบาทให้รัฐบาลพม่า (เมียนมา) ด้วยดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด โดยเงินกู้นี้ถูกนำไปซื้อบริการดาวเทียมและโทรคมนาคมจากบริษัท Shin Satellite (ในเครือ Shin Corporation ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวทักษิณ) ถือเป็นการใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนตน คดีถูกฟ้องหลังรัฐประหาร 2549 และตัดสินในปี 2552
  • การตัดสินของศาล: ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่าผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตน สั่งจำคุก 3 ปี
  • โทษจำคุก: 3 ปี (ส่วนหนึ่งของโทษรวม 8 ปี)
  • ความขัดแย้งและอุทธรณ์: ทักษิณอ้างว่าเป็นนโยบายเพื่อความสัมพันธ์กับพม่า ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยึดทรัพย์ในปี 2553 (ยึด 4.6 หมื่นล้านบาท) แต่ศาลยืนยันคำพิพากษา ไม่มีอุทธรณ์สำเร็จ
  • ข้อโต้แย้งจากทั้งสองฝ่าย:
    • ฝ่ายอัยการ/ศาล: มีเอกสารยืนยันว่าการกู้เงินนำไปซื้อบริการจากบริษัทครอบครัวทักษิณโดยตรง ส่งผลให้ Shin Corp ได้กำไรเพิ่มขึ้น เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน .
    • ฝ่ายทักษิณ: อ้างว่าเงินกู้เป็นนโยบายรัฐเพื่อส่งเสริมการส่งออกไทย และ Shin Satellite เป็นบริษัทไทยทั่วไป ไม่ใช่การเอื้อเฉพาะเจาะจง คดีถูกสร้างขึ้นเพื่อล้มรัฐบาลเขา
  • ผิดจริงหรือไม่: ผิดจริง การเชื่อมโยงระหว่างเงินกู้กับธุรกิจครอบครัวมีหลักฐานชัดเจนจากเอกสารธนาคารและรายงานการเงิน แม้จะอ้างเหตุผลนโยบาย แต่เป็นการละเมิดกฎหมายผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด ในบริบทการเมือง อาจมีอคติ แต่หลักฐานแข็งแรงพอที่จะยืนยันความผิด
3. คดีใช้ชื่อบุคคลอื่นถือหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (Using Nominee to Hold Shares in Shin Corporation)
  • รายละเอียดคดี: ทักษิณถูกกล่าวหาว่าใช้บุคคลอื่น (nominee) ถือหุ้นในบริษัท Shin Corporation (ธุรกิจโทรคมนาคมของครอบครัว) ขณะดำรงตำแหน่ง ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญที่ห้ามนักการเมืองถือหุ้นเกินร้อยละ 5 นอกจากนี้ยังใช้อำนาจเปลี่ยนสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้บริษัทได้ประโยชน์ ลดค่าธรรมเนียม และเพิ่มมูลค่าหุ้น คดีนี้เกี่ยวข้องกับการขายหุ้นให้เทมาเส็กในปี 2549 และถูกฟ้องหลังรัฐประหาร
  • การตัดสินของศาล: ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่าผิดฐานร่ำรวยผิดปกติและใช้อำนาจขัดผลประโยชน์ สั่งจำคุก 5 ปี (รวมกับการยึดทรัพย์ในปี 2553)
  • โทษจำคุก: 5 ปี (ส่วนหนึ่งของโทษรวม 8 ปี โดยบางส่วนทับซ้อนกับคดีอื่น)
  • ความขัดแย้งและอุทธรณ์: ทักษิณเคยถูกฟ้องคดีซุกหุ้นคล้ายกันในปี 2544 แต่ศาลรัฐธรรมนูญยกฟ้อง (8:7) ทว่าในคดีนี้ ศาลหลังรัฐประหารเห็นต่าง ทักษิณอ้างศาลมีอคติ ไม่มีอุทธรณ์สำเร็จ แต่มีรายงานจากคณะกรรมการแสวงหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ว่าการตัดสินคดีซุกหุ้นครั้งแรกอาจผิดพลาด
  • ข้อโต้แย้งจากทั้งสองฝ่าย:
    • ฝ่ายอัยการ/ศาล: มีหลักฐานการโอนหุ้นให้คนใกล้ชิด (เช่น คนใช้ในบ้าน) และนโยบายรัฐที่เอื้อ Shin Corp ทำให้บริษัทได้กำไรเพิ่ม ศาลยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทเป็นส่วนหนึ่ง .
    • ฝ่ายทักษิณ: อ้างว่าไม่รู้เห็นการใช้ nominee และนโยบายสัมปทานเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ใช่ส่วนตัว คดีถูกกลั่นแกล้งจากศาลที่ตั้งโดยคณะรัฐประหาร
  • ผิดจริงหรือไม่: ผิดจริง หลักฐานการถือหุ้นผ่าน nominee และผลกระทบจากนโยบายรัฐต่อมูลค่าหุ้นของ Shin Corp มีเอกสารยืนยันชัดเจน แม้คดีซุกหุ้นครั้งแรกจะยกฟ้อง แต่หลักฐานใหม่หลังรัฐประหารแสดงความผิดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม บริบททางการเมืองหลัง coup ทำให้บางคนมองว่าศาลอาจมี bias แต่ไม่ล้มล้างหลักฐานได้
สรุปโดยรวม: คดีเหล่านี้เกิดในช่วงหลังรัฐประหาร 2549 ซึ่งทักษิณและผู้สนับสนุนมองว่าเป็น "ตุลาการภิวัฒน์" หรือการใช้ศาลล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หลักฐานในแต่ละคดี (เช่น เอกสารการเงิน นโยบายรัฐ และคำให้การ) ชี้ชัดถึงการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือครอบครัว จึงถือว่าทักษิณผิดจริงในทั้ง 3 คดี แต่ในระบบยุติธรรมไทยที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเป็นกลาง การตัดสินอาจได้รับอิทธิพลทางการเมือง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบจากเว็บไซต์ศาลฎีกาหรือรายงานข่าวที่เป็นกลาง เพื่อยืนยันความเชื่อของท่านเอง

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.