มองพม่าแลไทย
โดย ลอย ลมบน
ครบ 6 ปี เหตุการณ์นองเลือด 10 เมษายน 2553 วันเสียงปืนแตกเริ่มใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่แยกคอกวัว ก่อนที่จะลามไปถึงราชประสงค์ ส่งผลให้มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
จากเหตุการณ์นั้นทำให้บ้านเมืองร้าวลึกมาถึงวันนี้ สองฝ่ายยังถือความจริงคนละด้านโต้เถียงกันไม่มีใครเป็นคนกลางอย่างแท้จริงจับคู่กรณีเอาทุกอย่างที่มีอยู่ในมือแบบออกมาดูแล้วคัดกรองว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ
เมื่อไม่มีคนกลางอย่างแท้จริงมาทำหน้าที่นี้ ความขัดแย้งแตกแยกก็ไม่รู้ว่าจะไปจบสิ้นกันตรงไหน เมื่อไหร่
ต่างจากเพื่อนบ้านอย่างพม่า ที่ประชาธิปไตยล้าหลังที่สุดในอาเซียน แต่วันนี้พม่ากำลังมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของบ้านเมือง
หลังการเลือกตั้งมีรัฐบาลพลเรือนเข้ามาบริหารประเทศ ล่าสุดได้มีการทยอยปล่อยนักโทษทางการเมืองออกจากเรือนจำ โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลในเมืองทวารวดี ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของพม่า มีคำสั่งปล่อยตัวกลุ่มนักศึกษา 69 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ หลังจากถูกจับกุมตัวจากการประท้วงเกี่ยวกับการศึกษา และถูกตำรวจปราบปรามตั้งแต่ปีที่แล้ว และไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ ต่อกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้
นอกจากนี้ยังมีนักโทษทางการเมืองถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำด้วย รวมแล้วมีผู้ได้รับอิสรภาพลอตแรก 138 คน
หลังจากนี้ ประธานาธิบดีถิ่น จอ จะดำเนินการเพื่ออภัยโทษนักโทษทางการเมืองอีกกว่า 100 คน และหลังจากนี้จะลดหย่อนผ่อนโทษให้อีกราว 2,178 คน แม้ยังไม่ได้ออกจากเรือนจำทันที แต่ก็มีระยะเวลาอยู่ในเรือนจำน้อยลง
ทิศทางการเมืองของพม่ากำลังเป็นไปในทางที่ดี สวนทางกับทิศทางการเมืองของไทยที่กำลังแย่งลงเรื่อยๆ
หลังรัฐประหารเป็นต้นมามีนักการเมือง นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาต่างๆจำนวนมาก
มองในมุมของผู้ทำรัฐประหารก็เข้าใจได้ว่าต้องใช้ยาแรงเพื่อกดและกุมสภาพไม่ให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้าน
แต่การใช้ยาแรงเกินจำเป็นในหลายกรณีกลับยิ่งไปเพิ่มความขัดแย้งให้มากขึ้น ยิ่งการใช้ยาแรงกับฝ่ายหนึ่งแต่ไม่ใช้กับอีกฝ่ายหนึ่งยิ่งเพิ่มความไม่พอใจ
ยิ่งใกล้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญรัฐบาลทหาร คสช. ยิ่งใช้ยาแรงมากขึ้นเพื่อไม่ให้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญสะดุดลงกลางคัน
แม้แต่การแสดงความเห็นอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่มีการยุยงปลุกปั่นหรือยั่วยุอย่างแถลงการณ์ของคณะนิติราษฎร์ : นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญพร้อมให้เหตุผลประกอบก็ยังถูกปิดกั้น
หลังเผยแพร่คำแถลงได้ไม่นานเว็บไซต์ก็นิติราษฎร์ ก็ถูกกระทรวงไอซีทีบล็อกห้ามประชาชนเข้าดูโดยบอกว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม
การกระทำช่างย้อนแย้งแตกต่างกับสิ่งที่บอกว่าพร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่ายอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งนี่ก็จะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ไปเพิ่มความขัดแย้งขึ้นมาได้
หรือต้องรอให้รัฐบาลทหารปกครองประเทศไปสักพักใหญ่จนรู้ตัวว่าไปต่อไม่ไปแล้วจึงยอมคืนอำนาจให้ประชาชนเหมือนรัฐบาลทหารพม่า
จริงอยู่ว่าบริบทของไทยกับพม่านั้นแตกต่างกัน
แต่เราก็น่าจะใช้บทเรียนจากพม่าให้เกิดประโยชน์ เมื่อเห็นตัวอย่างแล้วใยเราต้องเดินสวนทางเพื่อไปอยู่ในจุดที่พม่าเคยอยู่มาก่อน
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.