ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, May 12, 2025

สรุปการทำงานของ ปธน. ทรัมพ์ ในช่วง 100+ วันแรก


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งสมัยที่สองเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 และจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2025 ได้ดำเนินการหลายอย่างที่มีนัยสำคัญต่อทั้งสหรัฐฯ และระดับโลก ดังนี้:

1. คำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Orders) จำนวนมาก
ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารไปแล้ว 150 ฉบับ ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2025 ซึ่งมากกว่าประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาเดียวกัน คำสั่งเหล่านี้ครอบคลุมประเด็นหลากหลาย เช่น:
  • การย้ายผู้อพยพผิดกฎหมาย: วันที่ 20 มกราคม ประกาศภาวะฉุกเฉินที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก เพื่อหยุดการเข้าเมืองผิดกฎหมายทันที และวันที่ 9 พฤษภาคม เปิดตัวโครงการ "self-deportation" กระตุ้นให้ผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากสหรัฐฯ ด้วยตัวเอง โดยขู่ด้วยการเนรเทศทันทีหากไม่ปฏิบัติตาม
  • นโยบายด้านพลังงาน: ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยกเลิกกฎระเบียบของไบเดนที่จำกัดอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น การส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลและการขุดเจาะน้ำมันในอลาสกา
  • นโยบายด้านสุขภาพและเพศ: ออกคำสั่งจำกัดการรักษาทางการแพทย์สำหรับเยาวชนข้ามเพศ และห้ามบุคคลข้ามเพศเข้าร่วมกองทัพ พร้อมทั้งยกเลิกนโยบายความหลากหลาย (DEI) ในหน่วยงานรัฐบาลและกองทัพ
  • การยกเลิกนโยบายของไบเดน: ในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน 78 ฉบับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โควิด-19 และความหลากหลาย
  • การปฏิรูปหน่วยงานรัฐ: ออกคำสั่งให้หน่วยงานอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (FEC) และคณะกรรมการการสื่อสาร (FCC) ต้องส่งกฎระเบียบให้สำนักงบประมาณของทำเนียบขาวตรวจสอบ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการแทรกแซงหน่วยงานอิสระ
2. นโยบายการค้าและภาษีศุลกากร
  • สงครามการค้ากับจีน: วันที่ 2 เมษายน ประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ ออกคำสั่งกำหนดภาษี "reciprocal tariffs" ที่ 10-49% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด รวมถึง 25% สำหรับรถยนต์ต่างชาติ ต่อมาในวันที่ 9-12 พฤษภาคม หลังการเจรจาที่เจนีวา สหรัฐฯ และจีนตกลงลดภาษีเหลือ 30% และ 10% ตามลำดับ เป็นเวลา 90 วัน เพื่อลดความตึงเครียด
  • การปิดช่องโหว่การค้ากับจีน: ปิดช่องโหว่ "de minimus" ที่อนุญาตให้จีนส่งออกสินค้าราคาถูกโดยไม่ต้องเสียภาษี
  • ข่มขู่สหภาพยุโรป: ขู่กำหนดภาษี 200% สำหรับไวน์และแชมเปญยุโรป ตอบโต้การที่สหภาพยุโรปกำหนดภาษี 50% สำหรับวิสกี้สหรัฐฯ
3. การปฏิรูปหน่วยงานรัฐและการลดขนาดรัฐบาล
  • การเลิกจ้างและลดขนาดหน่วยงาน: ออกคำสั่งหยุดจ้างพนักงานรัฐบาลใหม่ และส่งอีเมลถึงพนักงานรัฐ 2 ล้านคน กระตุ้นให้ลาออกโดยขู่ลดสวัสดิการ ทำให้มีพนักงาน 77,000 คนรับข้อเสนอซื้อออก (buyout) ภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2025
  • ยุบ USAID: ยกเลิกหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยโอนโปรแกรมที่เหลือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าอาจกระทบต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและสุขภาพทั่วโลก
  • การจัดระเบียบ FBI: ปรับโครงสร้าง FBI โดยกระจายอำนาจการบังคับบัญชา และให้สำนักงานใหญ่ 3 แห่ง (นิวยอร์ก วอชิงตัน และลอสแองเจลิส) รายงานตรงต่อรองผู้อำนวยการ
4. นโยบายต่างประเทศ
  • ถอนตัวจากองค์การระหว่างประเทศ: ถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และหยุดให้เงินสนับสนุน โดยให้เหตุผลว่า WHO เอาเปรียบสหรัฐฯ และจะมีผลในอีก 12 เดือน
  • ยูเครนและรัสเซีย: หลังจากรัสเซียโจมตีเคียฟ ทรัมป์เรียกร้องให้ปูตินหยุดการโจมตี และต่อมาเจรจาให้เกิดการหยุดยิงบางส่วนระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยสัญญาจะช่วยยูเครนด้านระบบป้องกันภัยทางอากาศ
  • การอภัยโทษผู้ก่อจลาจลวันที่ 6 มกราคม: ออกคำสั่งอภัยโทษให้ผู้ต้องหา 1,500 คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และเปลี่ยนโทษให้กับสมาชิกกลุ่ม Oath Keepers และ Proud Boys
5. การลงทุนและเศรษฐกิจ
  • การดึงดูดการลงทุน: ภายใน 100 ชั่วโมงแรก ดึงดูดการลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึง 500,000 ล้านดอลลาร์จากภาคเอกชนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยความร่วมมือจาก Softbank, Oracle และ OpenAI
  • การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์: บริษัท Stellantis ประกาศลงทุนในโรงงานที่โทลีโด โอไฮโอ และโคโคโม อินเดียนา เพื่อผลิตยานยนต์ขนาดกลาง หลังจากทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นต่ออุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ
6. การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคม
  • การเปลี่ยนชื่อสถานที่: เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น "อ่าวอเมริกา" และเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลีในอลาสกากลับเป็น Mount McKinley ซึ่งไม่มีผลในระดับสากล
  • การกีดกันนโยบายความหลากหลาย: ออกคำสั่งให้หน่วยงานรัฐหยุดใช้คำเรียกเพศที่ไม่ตรงกับเพศกำเนิด และห้ามใช้ธงสัญลักษณ์ เช่น ธงรุ้ง ในสถานทูตสหรัฐฯ
  • การสนับสนุนศาสนา: ตั้งสำนักงานศรัทธาทำเนียบขาว (White House Faith Office) และออกคำสั่งต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อคริสเตียน
วิเคราะห์และผลกระทบ
การกระทำของทรัมป์สะท้อนถึงการมุ่งเน้นนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" โดยเน้นที่การปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจหลายอย่าง เช่น การถอนตัวจาก WHO และการยกเลิก USAID ถูกวิจารณ์ว่าอาจส่งผลเสียต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเวทีโลก และกระทบต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม นอกจากนี้ คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับผู้อพยพและนโยบายด้านเพศได้เผชิญกับการฟ้องร้องในศาล โดยเฉพาะคำสั่งที่พยายามยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิด (birthright citizenship) ซึ่งถูกศาลตัดสินว่าขัดรัฐธรรมนูญ
การดำเนินนโยบายที่รวดเร็วและรุนแรงของทรัมป์อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกยกเลิกโดยประธานาธิบดีคนต่อไป หรือถูกขัดขวางโดยศาลและการต่อต้านจากทั้งในและนอกประเทศ

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.