Download
Tuesday, July 28, 2015
Monday, July 27, 2015
สภาอภิวัฒน์ราษฎรเสรีไทย: เอกสารลับ เปิดแผนชั่ว สุเทพ-อภิสิทธิ์-และทหารหมาฯ ...
เอกสารลับ เปิดแผนชั่ว สุเทพ-อภิสิทธิ์-และทหารหมาฯ ในฆาตกรรมหมู่ 2553
ต้อนรับการก้าวออกมารับกรรมหนัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หมดเวลาได้รับการคุ้มครองด้วยผ้าเหลืองแล้ว น่าเศร้า...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308976398
เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 2) กระสุนจริงและสไนเปอร์
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:45:00 น.
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ”เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง” จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
(ตอน2)
ความสำเร็จทางยุทธการ : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
1.แผนยุทธการมีพื้นฐานและสอดรับกับความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายของรัฐบาล
2.แผนยุทธการมีการวางแผนเป็นขั้นตอนรัดกุมมีเสรีในการปฏิบัติตามกรอบเวลามีการวางแผนและปฏิบัติโดยปราศจากแรงกดดันด้วยเวลา
3.การปฏิบัติการข่าวสารนับว่าเป็นผลในระดับยุทธการ ทั้งในส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจของฝ่ายปฏิบัติการ และลดขวัญกำลังใจของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
4.ความสำเร็จของการปฏิบัติงานด้านการข่าวในพื้นที่กลุ่ม นปช.ทำให้สามารถใช้หน่วยได้ตรงกับขีดความสามารถและถูกต้องเหมาะสมกับภารกิจ ยกตัวอย่าง การใช้หน่วยสไนเปอร์ของทุกกรม โดยเฉพาะกับพื้นที่ตึกสูงตามเส้นทางถนนวิทยุและสายสารสิน
5.ความสำเร็จในการจู่โจม แม้ว่าแผนยุทธการครั้งนี้ไม่สามารถจู่โจมด้วยเวลาได้ ก็มีการแก้เกมด้วยการจู่โจมด้วยความเร็วโดยการส่งล่วงหน้าเข้ารักษาความปลอดภัยบนพื้นที่อาคารสูง การเข้ายึดพื้นที่สวนลุมพินีเป็นส่วนใหญ่ได้ก่อนสว่าง และการรุกเข้าพร้อมกัน 3 ทิศทาง
6.การปฏิบัติตามแผนยุทธการ กระทำด้วยการรุกคืบด้วยความระมัดระวังของแต่ละพื้นที่โดยการประเมินศักยภาพของกำลังการ์ดนปช.ให้สูงกว่าเมื่อครั้ง10 เมษายน เพื่อให้มีระบบป้องกันตัวทหารที่มากขึ้น ดังนั้นการปฏิบัติการทางทหารที่ใช้กำลังทหารประมาณ 2 หมื่นนาย มีการสูญเสียทหาร 1 นาย กับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความสูญเสียที่ยอมรับได้
7.กองกำลังการ์ด นปช.มีการตั้งรับแบบกองโจรวางกำลังเต็มพื้นที่ ขาดผู้เชี่ยวชาญการวางกำลังตั้งรับและร่นถอยแบบทหารที่แท้จริง เนื่องจากการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทำให้จุดศูนย์ดุลของ นปช.กลายมาเป็นจุดแข็งของการปฏิบัติของกองทัพ
8.แผนยุทธการเป็นการวางแผนการปฏิบัติรบเต็มรูปแบบเสมือนการทำสงครามรบในเมือง ใช้กำลังขนาดใหญ่ถึง 3 กองพล วางแผนเข้าปฏิบัติการ ซึ่งมีอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบสูงกว่ามาก ยิ่งมีการสั่งการให้ใช้กระสุนจริงกับกลุ่มกลุ่มก่อการร้ายผู้ถืออาวุธ และเพื่อป้องกันตัวเองได้ ทำให้ทหารที่เคยสูญเสียความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ก็มีจิตใจรุกรบมากขึ้น
9.แผนยุทธการในการรุกผ่านฝ่ายเดียวกันจากถนนสาทร ถนนสีลม ถนนสุรวงศ์ และถนนวิทยุ ทำให้กองกำลังทหารสามารถรักษาโมเมนตัมในการปฏิบัติการได้อย่างตอ่เนื่อง และสามารถพิทักษ์ป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง (พื้นที่สีลม) ได้อย่างปลอดภัย
10.ความมีเอกภาพในการปฏิบัติ จากการสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 กับกองกำลัง 3 กองพลให้ปฏิบัติการได้ถูกจังหวะการรุกและการหยุดหน่วย เพื่อผลการรุกของหน่วยอื่นหรือรอเวลาสำหรับการปฏิบัติชั้นสุดท้าย ยกตัวอย่างหน่วยรุกแตกหัก ได้แก่ พล ม.2 รอ.จากทิศทางสีลมมุ่งสู่สี่แยกศาลาแดง ส่วนที่ 2 กองพลที่เหลือคือ พล.ร.9 รับผิดชอบพื้นที่แยกอโศก เพลินจิต ชิดลม และ พล.1 รอ.รับผิดชอบพื้นที่ดินแดง พญาไท ราชปรารภ กำลังส่วนนี้ต้องตรึงกำลัง ปิดเส้นทางหลบหนี ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุม นปช.ได้ทยอยออกจากพื้นที่ราชประสงค์ผ่านถนนพระราม 1 ไปแยกปทุมวัน หรือเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ความสำเร็จทางยุทธวิธี : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง
การปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ใช้เวลาทำงาน 9 ชั่วโมง (เวลา 03.30-13.30) ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งทางยุทธวิธีของการรบในเมือง ที่สมควรได้มีการบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการรบในเมือง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การปฏิบัติการทางยุทธวิธีสอดรับกับแผนยุทธการกระชับวงล้อมของศอฉ.ในระดับยุทธการและนโยบายของรัฐบาลที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อการเมืองชัดเจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพชัดเจน ผู้บังคับหน่วยชัดเจนนำมาซึ่งแผนยุทธการและแผนปฏิบัติระดับยุทธวิธีก็มองเห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
2.ปรับยุทธวิธีการปราบจลาจลเป็นยุทธวิธีการรบในเมือง เพื่อการปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ หรือผู้ก่อการร้ายที่แอบแฝงในกลุ่ม นปช.ด้วยฐานข่าวของ ศอฉ.ว่ามีกองกำลังติดอาวุธประมาณ 500 คน มีอาวุธปืนซุ่มยิง อาวุธสงคราม เช่น M 79 M 16 AK 47 และ Travo-21
3.ปรับการยิงกระสุนยางจากปืนลูกซองเป็นการใช้กระสุนจริงจากอาวุธประจำกาย ทำให้ต้องมีการสร้างวินัยอย่างเข้มงวด ตามกฎการใช้กำลัง จากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากลมีการยิงให้กรวยกระสุนตกต่ำกว่าหัวเข่า การยิงเมื่อเห็นเป้าหมายหรือบุคคลถืออาวุธ เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเอง การยิงขู่จะยิงเมื่อม็อบเคลื่อนที่เข้ามาแล้วสั่งให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุด
4.การจัดระยะห่างระหว่างการวางกำลังของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของม็อบในระยะยิงหวังผลปืนM16 ประมาณ 400 หลา ซึ่งต้องมีกำลังพลเข้าเวรตรวจดูความเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช.ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลา
5.การปรับการวางกำลังและการเคลื่อนที่ภายใต้อาคารและทางเดินเท้าไม่มีการจัดรูปขบวนยืนแถวหน้ากระดานเป็นแผงกลางถนน เพื่อเตรียมตัวผลักดันกับฝูงชนในภารกิจปราบจลาจล เพื่อป้องกันการซุ่มยิงจากด้านหลังผุ้ชุมนุม
6.การดัดแปลงที่วางกำลังเป็นการตั้งรับแบบเร่งด่วนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยร่นด้วยกำบังกระสอบทรายสูงระดับครึ่งเข่า เมื่อต้องนอนราบหรือสูงระดับศรีษะเมื่อต้องการยืนปฏิบัติการ และมีการวางแนวทหารตั้งรับเป็นชั้นๆ ตามเส้นทางเคลื่อนที่เข้าหาม็อบ มิใช่เป็นการวางแนวเป็นปึกแผ่นเพียงชั้นเดียว ซึ่งถ้าม็อบมีจำนวนมากกว่า ก็สามารถล้อมทหารและเข้าถึงตัวแย่งปืนได้ง่าย
7.ใช้ลักษณะผู้นำหน่วยขนาดเล็กสูงมาก เพราะต้องอดทน ใจเย็น รอเวลา ทนต่อการยั่วยุ การรับควันไฟกลิ่นยางรถยนต์ที่เหม็นรุนแรงตลอดทั้งวันทั้งคืน
8.การใช้ส่วนสไนเปอร์คุ้มครองการเคลื่อนที่ในการรุกไปข้างหน้าและการป้องกันให้หน่วยเมื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือเมื่อกองกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลาข้ามวันข้ามคืน อีกทั้งต้องรับภารกิจอารักขาผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกด้วย
9.การวางกำลังตามแนวทางเดินเท้าสามารถวางกำลังได้ ยิ่งกระจายกำลังออกไปให้ได้มากก็ยิ่งตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้กับกระสุน M 79 ของกำลังก่อการร้าย
10.พัฒนารูปแบบการวางจุดตรวจการณ์ข้างหน้า (Out Post) โดยใช้สะพานลอยข้ามถนนมีการปิดฉากม่านดำเสริมด้วยบังเกอร์และกระสอบทราบ ทำให้ลดการตรวจการณ์ของการ์ด นปช.และเสริมการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ทั้งสามารถปกปิดการถ่ายรูปจากสื่อมวลชน
11.การปรับกำลังและระดมพลแม่นปืนเท่าที่มีอยู่ของกองทัพบกเข้าประจำพื้นที่เพื่อต่อต้านการซุ่มยิงของกลุ่ม นปช.ทั้งบนอาคารสูงและพื้นที่สูงข่ม
12.การกำหนดพื้นที่อันตรายเป็นฉนวนกั้นกลางระหว่างแนวระยะยิงหวังผลของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของกลุ่มนปช.เป็นยุทธวิธีประการหนึ่ง โดยมีการประกาศเขตการยิงด้วยกระสุนจริง (Live Firing Zone)
13.การกำหนดเขตห้ามบิน เป็นแผนยุทธการที่สนับสนุนงานยุทธวิธี ทำให้มั่นใจว่าการรบเหนือน่านฟ้าพื้นที่ราชประสงค์ ฝ่ายเราสามารถครองความได้เปรียบทางอาศัยอยู่
14.ยุทธวิธียอมเสียพื้นที่ แล้วถอยกลับมาตั้งรับในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า ห่างจากระยะยิงของพลซุ่มยิงกลุ่ม นปช.เห็นได้จากความล้มเหลวในการกระชับวงล้อมในพื้นที่ 14 พฤษภาคม ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ชาญฉลาด ด้วยการไม่บุกตะลุยเข้าสู่คิลลิ่งโซน (Killing Zone)
15.การถอนกำลัง หรือการวางกำลังกระจายตัวมากขึ้นภายหลังค่ำมืด ก็ถือว่าเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการไม่ตกเข้าไปในกับดักที่เป็นเป้าหมายคุ้มค่า
16.การใช้หน่วยรถหุ้มเกราะเมื่อจำเป็นและต้องการผลแตกหักในการสลายการชุมนุมเท่านั้น จึงทำให้ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของยานเกราะก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553
17.การใข้รถหุ้มเกราะกับพลรบเคลื่อนที่ตามกันนั้นเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ได้แปรเปลี่ยนไปเพื่อเป็นการข่มขวัญการ์ด นปช.เพราะลดการสูญเสียพลรบ จากอาวุธ M79 จรวด RPG หรือระเบิดเคโมร์ตามแนวตั้งรับ นปช.
18.การสนธิกำลังอย่างลงตัวของชุดรบที่ประกอบด้วยชุดสไนเปอร์ ขบวนรถหุ้มเกราะพลรบหลังรถหุ้มเกราะขุดผจญเพลิง ขุดกู้ระเบิด (EOD) เป็นที่ประสบความสำเร็จที่น่าสนใจ
19.การกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติการที่ส่งผลให้มีเสรีในการปฏิบัติทางยุทธวิธีเช่น การเริ่มปฏิบัติในตอนเช้าตรู่ ทำให้มีเวลามากพอสำหรับกำลังในการรุกเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่การรบในเวลากลางคืนทำให้การมองเห็นจำกัด อาจตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังก่อการร้ายที่แอบแฝง และที่สำคัญไม่มียิงฝ่ายเดียวกันหรือยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์
20.การใช้หน่วย ปจว.ทางยุทธวิธี เพื่อทำความเข้าใจก่อนการบุกสลายการชุมนุมถือว่าเป็นหลักสากลประการหนึ่ง
21.การใช้หน่วยในพื้นที่วางกำลังส่วนล่างหน้าไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อตรึงกำลังป้องกันมิให้มวลชนคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าช่วยที่ราชประสงค์ ต่อจากนั้นจึงใช้กำลังหลักเข้าสลายกลุ่มชุมนุม
22.การยอมถอนตัวของกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชประสงค์ภายหลังถูกโจมตีด้วย M79 ในช่วงตอนเย็นตรงพื้นที่แยกสารสิน ถอยกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยถนนสีลมถือว่าเป็นการตัดสินใจในระดับยุทธวิธีที่ถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
23.มีการซักซ้อมแผนและซักซ้อมการปฏิบัติทั้งหมดทั้งในพื้นที่ตั้งหน่วยและที่ร.11 รอ. เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นใจสู่ความสำเร็จ และเป็นการลดเกณฑ์เสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง
.................
(ติดตามอ่านตอน3 ตอนจบ) ข้อเสนอแนะจากบทเรียนทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี พรุ่งนี้(26มิ.ย.)
คลิกอ่าน เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"
ต้อนรับการก้าวออกมารับกรรมหนัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หมดเวลาได้รับการคุ้มครองด้วยผ้าเหลืองแล้ว น่าเศร้า...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308976398
เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 2) กระสุนจริงและสไนเปอร์
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:45:00 น.
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ”เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง” จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
(ตอน2)
ความสำเร็จทางยุทธการ : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
1.แผนยุทธการมีพื้นฐานและสอดรับกับความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายของรัฐบาล
2.แผนยุทธการมีการวางแผนเป็นขั้นตอนรัดกุมมีเสรีในการปฏิบัติตามกรอบเวลามีการวางแผนและปฏิบัติโดยปราศจากแรงกดดันด้วยเวลา
3.การปฏิบัติการข่าวสารนับว่าเป็นผลในระดับยุทธการ ทั้งในส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจของฝ่ายปฏิบัติการ และลดขวัญกำลังใจของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
4.ความสำเร็จของการปฏิบัติงานด้านการข่าวในพื้นที่กลุ่ม นปช.ทำให้สามารถใช้หน่วยได้ตรงกับขีดความสามารถและถูกต้องเหมาะสมกับภารกิจ ยกตัวอย่าง การใช้หน่วยสไนเปอร์ของทุกกรม โดยเฉพาะกับพื้นที่ตึกสูงตามเส้นทางถนนวิทยุและสายสารสิน
5.ความสำเร็จในการจู่โจม แม้ว่าแผนยุทธการครั้งนี้ไม่สามารถจู่โจมด้วยเวลาได้ ก็มีการแก้เกมด้วยการจู่โจมด้วยความเร็วโดยการส่งล่วงหน้าเข้ารักษาความปลอดภัยบนพื้นที่อาคารสูง การเข้ายึดพื้นที่สวนลุมพินีเป็นส่วนใหญ่ได้ก่อนสว่าง และการรุกเข้าพร้อมกัน 3 ทิศทาง
6.การปฏิบัติตามแผนยุทธการ กระทำด้วยการรุกคืบด้วยความระมัดระวังของแต่ละพื้นที่โดยการประเมินศักยภาพของกำลังการ์ดนปช.ให้สูงกว่าเมื่อครั้ง10 เมษายน เพื่อให้มีระบบป้องกันตัวทหารที่มากขึ้น ดังนั้นการปฏิบัติการทางทหารที่ใช้กำลังทหารประมาณ 2 หมื่นนาย มีการสูญเสียทหาร 1 นาย กับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความสูญเสียที่ยอมรับได้
7.กองกำลังการ์ด นปช.มีการตั้งรับแบบกองโจรวางกำลังเต็มพื้นที่ ขาดผู้เชี่ยวชาญการวางกำลังตั้งรับและร่นถอยแบบทหารที่แท้จริง เนื่องจากการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทำให้จุดศูนย์ดุลของ นปช.กลายมาเป็นจุดแข็งของการปฏิบัติของกองทัพ
8.แผนยุทธการเป็นการวางแผนการปฏิบัติรบเต็มรูปแบบเสมือนการทำสงครามรบในเมือง ใช้กำลังขนาดใหญ่ถึง 3 กองพล วางแผนเข้าปฏิบัติการ ซึ่งมีอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบสูงกว่ามาก ยิ่งมีการสั่งการให้ใช้กระสุนจริงกับกลุ่มกลุ่มก่อการร้ายผู้ถืออาวุธ และเพื่อป้องกันตัวเองได้ ทำให้ทหารที่เคยสูญเสียความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ก็มีจิตใจรุกรบมากขึ้น
9.แผนยุทธการในการรุกผ่านฝ่ายเดียวกันจากถนนสาทร ถนนสีลม ถนนสุรวงศ์ และถนนวิทยุ ทำให้กองกำลังทหารสามารถรักษาโมเมนตัมในการปฏิบัติการได้อย่างตอ่เนื่อง และสามารถพิทักษ์ป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง (พื้นที่สีลม) ได้อย่างปลอดภัย
10.ความมีเอกภาพในการปฏิบัติ จากการสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 กับกองกำลัง 3 กองพลให้ปฏิบัติการได้ถูกจังหวะการรุกและการหยุดหน่วย เพื่อผลการรุกของหน่วยอื่นหรือรอเวลาสำหรับการปฏิบัติชั้นสุดท้าย ยกตัวอย่างหน่วยรุกแตกหัก ได้แก่ พล ม.2 รอ.จากทิศทางสีลมมุ่งสู่สี่แยกศาลาแดง ส่วนที่ 2 กองพลที่เหลือคือ พล.ร.9 รับผิดชอบพื้นที่แยกอโศก เพลินจิต ชิดลม และ พล.1 รอ.รับผิดชอบพื้นที่ดินแดง พญาไท ราชปรารภ กำลังส่วนนี้ต้องตรึงกำลัง ปิดเส้นทางหลบหนี ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุม นปช.ได้ทยอยออกจากพื้นที่ราชประสงค์ผ่านถนนพระราม 1 ไปแยกปทุมวัน หรือเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ความสำเร็จทางยุทธวิธี : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง
การปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ใช้เวลาทำงาน 9 ชั่วโมง (เวลา 03.30-13.30) ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งทางยุทธวิธีของการรบในเมือง ที่สมควรได้มีการบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการรบในเมือง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การปฏิบัติการทางยุทธวิธีสอดรับกับแผนยุทธการกระชับวงล้อมของศอฉ.ในระดับยุทธการและนโยบายของรัฐบาลที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อการเมืองชัดเจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพชัดเจน ผู้บังคับหน่วยชัดเจนนำมาซึ่งแผนยุทธการและแผนปฏิบัติระดับยุทธวิธีก็มองเห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
2.ปรับยุทธวิธีการปราบจลาจลเป็นยุทธวิธีการรบในเมือง เพื่อการปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ หรือผู้ก่อการร้ายที่แอบแฝงในกลุ่ม นปช.ด้วยฐานข่าวของ ศอฉ.ว่ามีกองกำลังติดอาวุธประมาณ 500 คน มีอาวุธปืนซุ่มยิง อาวุธสงคราม เช่น M 79 M 16 AK 47 และ Travo-21
3.ปรับการยิงกระสุนยางจากปืนลูกซองเป็นการใช้กระสุนจริงจากอาวุธประจำกาย ทำให้ต้องมีการสร้างวินัยอย่างเข้มงวด ตามกฎการใช้กำลัง จากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากลมีการยิงให้กรวยกระสุนตกต่ำกว่าหัวเข่า การยิงเมื่อเห็นเป้าหมายหรือบุคคลถืออาวุธ เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเอง การยิงขู่จะยิงเมื่อม็อบเคลื่อนที่เข้ามาแล้วสั่งให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุด
4.การจัดระยะห่างระหว่างการวางกำลังของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของม็อบในระยะยิงหวังผลปืนM16 ประมาณ 400 หลา ซึ่งต้องมีกำลังพลเข้าเวรตรวจดูความเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช.ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลา
5.การปรับการวางกำลังและการเคลื่อนที่ภายใต้อาคารและทางเดินเท้าไม่มีการจัดรูปขบวนยืนแถวหน้ากระดานเป็นแผงกลางถนน เพื่อเตรียมตัวผลักดันกับฝูงชนในภารกิจปราบจลาจล เพื่อป้องกันการซุ่มยิงจากด้านหลังผุ้ชุมนุม
6.การดัดแปลงที่วางกำลังเป็นการตั้งรับแบบเร่งด่วนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยร่นด้วยกำบังกระสอบทรายสูงระดับครึ่งเข่า เมื่อต้องนอนราบหรือสูงระดับศรีษะเมื่อต้องการยืนปฏิบัติการ และมีการวางแนวทหารตั้งรับเป็นชั้นๆ ตามเส้นทางเคลื่อนที่เข้าหาม็อบ มิใช่เป็นการวางแนวเป็นปึกแผ่นเพียงชั้นเดียว ซึ่งถ้าม็อบมีจำนวนมากกว่า ก็สามารถล้อมทหารและเข้าถึงตัวแย่งปืนได้ง่าย
7.ใช้ลักษณะผู้นำหน่วยขนาดเล็กสูงมาก เพราะต้องอดทน ใจเย็น รอเวลา ทนต่อการยั่วยุ การรับควันไฟกลิ่นยางรถยนต์ที่เหม็นรุนแรงตลอดทั้งวันทั้งคืน
8.การใช้ส่วนสไนเปอร์คุ้มครองการเคลื่อนที่ในการรุกไปข้างหน้าและการป้องกันให้หน่วยเมื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือเมื่อกองกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลาข้ามวันข้ามคืน อีกทั้งต้องรับภารกิจอารักขาผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกด้วย
9.การวางกำลังตามแนวทางเดินเท้าสามารถวางกำลังได้ ยิ่งกระจายกำลังออกไปให้ได้มากก็ยิ่งตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้กับกระสุน M 79 ของกำลังก่อการร้าย
10.พัฒนารูปแบบการวางจุดตรวจการณ์ข้างหน้า (Out Post) โดยใช้สะพานลอยข้ามถนนมีการปิดฉากม่านดำเสริมด้วยบังเกอร์และกระสอบทราบ ทำให้ลดการตรวจการณ์ของการ์ด นปช.และเสริมการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ทั้งสามารถปกปิดการถ่ายรูปจากสื่อมวลชน
11.การปรับกำลังและระดมพลแม่นปืนเท่าที่มีอยู่ของกองทัพบกเข้าประจำพื้นที่เพื่อต่อต้านการซุ่มยิงของกลุ่ม นปช.ทั้งบนอาคารสูงและพื้นที่สูงข่ม
12.การกำหนดพื้นที่อันตรายเป็นฉนวนกั้นกลางระหว่างแนวระยะยิงหวังผลของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของกลุ่มนปช.เป็นยุทธวิธีประการหนึ่ง โดยมีการประกาศเขตการยิงด้วยกระสุนจริง (Live Firing Zone)
13.การกำหนดเขตห้ามบิน เป็นแผนยุทธการที่สนับสนุนงานยุทธวิธี ทำให้มั่นใจว่าการรบเหนือน่านฟ้าพื้นที่ราชประสงค์ ฝ่ายเราสามารถครองความได้เปรียบทางอาศัยอยู่
14.ยุทธวิธียอมเสียพื้นที่ แล้วถอยกลับมาตั้งรับในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า ห่างจากระยะยิงของพลซุ่มยิงกลุ่ม นปช.เห็นได้จากความล้มเหลวในการกระชับวงล้อมในพื้นที่ 14 พฤษภาคม ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ชาญฉลาด ด้วยการไม่บุกตะลุยเข้าสู่คิลลิ่งโซน (Killing Zone)
15.การถอนกำลัง หรือการวางกำลังกระจายตัวมากขึ้นภายหลังค่ำมืด ก็ถือว่าเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการไม่ตกเข้าไปในกับดักที่เป็นเป้าหมายคุ้มค่า
16.การใช้หน่วยรถหุ้มเกราะเมื่อจำเป็นและต้องการผลแตกหักในการสลายการชุมนุมเท่านั้น จึงทำให้ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของยานเกราะก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553
17.การใข้รถหุ้มเกราะกับพลรบเคลื่อนที่ตามกันนั้นเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ได้แปรเปลี่ยนไปเพื่อเป็นการข่มขวัญการ์ด นปช.เพราะลดการสูญเสียพลรบ จากอาวุธ M79 จรวด RPG หรือระเบิดเคโมร์ตามแนวตั้งรับ นปช.
18.การสนธิกำลังอย่างลงตัวของชุดรบที่ประกอบด้วยชุดสไนเปอร์ ขบวนรถหุ้มเกราะพลรบหลังรถหุ้มเกราะขุดผจญเพลิง ขุดกู้ระเบิด (EOD) เป็นที่ประสบความสำเร็จที่น่าสนใจ
19.การกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติการที่ส่งผลให้มีเสรีในการปฏิบัติทางยุทธวิธีเช่น การเริ่มปฏิบัติในตอนเช้าตรู่ ทำให้มีเวลามากพอสำหรับกำลังในการรุกเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่การรบในเวลากลางคืนทำให้การมองเห็นจำกัด อาจตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังก่อการร้ายที่แอบแฝง และที่สำคัญไม่มียิงฝ่ายเดียวกันหรือยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์
20.การใช้หน่วย ปจว.ทางยุทธวิธี เพื่อทำความเข้าใจก่อนการบุกสลายการชุมนุมถือว่าเป็นหลักสากลประการหนึ่ง
21.การใช้หน่วยในพื้นที่วางกำลังส่วนล่างหน้าไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อตรึงกำลังป้องกันมิให้มวลชนคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าช่วยที่ราชประสงค์ ต่อจากนั้นจึงใช้กำลังหลักเข้าสลายกลุ่มชุมนุม
22.การยอมถอนตัวของกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชประสงค์ภายหลังถูกโจมตีด้วย M79 ในช่วงตอนเย็นตรงพื้นที่แยกสารสิน ถอยกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยถนนสีลมถือว่าเป็นการตัดสินใจในระดับยุทธวิธีที่ถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
23.มีการซักซ้อมแผนและซักซ้อมการปฏิบัติทั้งหมดทั้งในพื้นที่ตั้งหน่วยและที่ร.11 รอ. เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นใจสู่ความสำเร็จ และเป็นการลดเกณฑ์เสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง
.................
(ติดตามอ่านตอน3 ตอนจบ) ข้อเสนอแนะจากบทเรียนทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี พรุ่งนี้(26มิ.ย.)
คลิกอ่าน เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"
ท่านจารุพงศ์ เลขาธิการเสรีไทย & คนไทยแอลเอ ร่วมฉลอง 66 ปี วันคล้ายวันเกิด ดร.ทักษิณ ชินวัตร 26 กรกฎาคม 2558
ท่านจารุพงศ์ เลขาธิการเสรีไทย & คนไทยแอลเอ ร่วมฉลอง 66 ปี วันคล้ายวันเกิด ดร.ทักษิณ ชินวัตร 26 กรกฎาคม 2558 โดย ท่านจารุพงศ์ได้วิเคราะห์การเมืองไทยด้วยความห่วงใย และเรียกร้องให้คนไทยทั่วโลก ร่วมมือกับองค์การเสรีไทย เพื่อเปลี่ยนระบอบ https://youtu.be/YcStl2u7NHo
Sunday, July 26, 2015
PIANGDIN ACADEMY: Thaksin Shinawatra: Me and My Country (1)
ผมเข้าใจโลกทุนนิยมดีครับ มันเปรียบเสมือนว่าเมื่อแดดออก มีแต่คนจะเอาร่มมาให้เราถือเต็มไปหมดทั้งๆที่เราไม่ต้องใช้ แต่ยามฝนตก เราอยากได้ร่มสักคันก็ไม่มีใครให้ยืม เพราะฉะนั้นจึงต้องสร้างคำว่า Trust & Confident ให้ได้ เงินถึงจะมา ผมเลยใช้นโยบายว่า กัดฟันไม่กู้เงินนอกเท่านั้น ต่างประเทศก็เริ่มมั่นใจขึ้น เงินต่างประเทศก็เริ่มเข้ามาประกอบกับการปรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะนั้นให้สอดคล้องกัน ทำให้พ่อค้านำเข้าและส่งออกที่เก็บเงินไว้ต่างประเทศก็เริ่มนำกลับเข้ามา เสถียรภาพเงินบาทก็แข็งขึ้น เงินสำรองก็มากขึ้นจนเราสามารถใช้หนี้ IMF ได้ ซึ่งตอนเกิดวิกฤตตอนเราต้องยืมเงิน IMF ทุกคนก็คิดว่าต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะใช้หนี้ได้ ตอนที่ผมตัดสินใจใช้หนี้หลายคนก็ห้ามผมว่าทำไมต้องรีบใช้ เดี๋ยวเงินสำรองจะพร่องมากไปไม่พอใช้ บังเอิญผมมีประสบการณ์เป็นนักกู้เงินมาก่อน ถ้าเราเป็นหนี้แล้วใช้คืนได้เขาถึงว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดีที่จะให้กู้มากขึ้นอีก ผมก็เลยสั่งให้ใช้หนี้ทั้งหมดทีเดียว หม่อมอุ๋ยขอต่อรองเป็นอีก6 เดือน ผมก็เลยบอกว่าผมประกาศเลยนะว่าอีก 6 เดือนจะชำระ ก็เลยเกิดการชำระหนี้ IMF ก่อนครบกำหนดถึง 2 ปี ทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยดีขึ้นมาก เงินก็เริ่มไหลเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนเรากลายเป็นประเทศที่เรียกว่าเป็น Net Creditor Nation คือเป็นประเทศที่มีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศมากกว่าเงินกู้ต่างประเทศ โดยรวมตัวเลขทั้งภาครัฐและภาคเอกชนด้วย เป็นครั้งแรกของไทย
สรุปก็คือว่าถ้าเรามียุทธศาสตร์การเงินและการทำงานที่ควบคู่กันได้ดี เราจะสร้างTrust & Confident ให้กับองค์กรของเรา(ซึ่งในที่นี้ก็คือประเทศ) แล้วเราจะเติบโตได้ เพราะจะมีเงินทุนเข้ามาให้เราได้ใช้บริหารและสร้างรายได้อย่างไม่จำกัดครับ วันนี้เอาเท่านี้ก่อนครับ////
Thursday, July 23, 2015
Monday, July 20, 2015
ปรับขบวน ปรับยุทธวิธี ขุดรากถอนโคนระบอบราชาธิปไตย และเหล่าอำมาตย์ชั่ว ทำลายพิษแม่น้ำห้าสายในยุคสุดท้ายของเหี้ยใส่ชฎา
ปรับขบวน ปรับยุทธวิธี ขุดรากถอนโคนระบอบราชาธิปไตย และเหล่าอำมาตย์ชั่ว ทำลายพิษแม่น้ำห้าสายในยุคสุดท้ายของเหี้ยใส่ชฎา
รายการทางออกประเทศไทย โดย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 20 ก.ค. 2558 นปช.ยูเอสเอ และมหาวิทยาลัยประชาชน
ทำไม ปวงชนชาวไทย ต้องลุกมาสานเครือข่ายประชาชน ตัวจริง
ชื่อกลุ่ม “ปวงชนชาวไทยเพื่อการปฏิวัติสันติสู่เสรีประชาธิปไตย”
(จะเปลี่ยนตามผลโหวต)
หลักการและเหตุผลของการตั้งองค์การของปวงชนชาวไทย
เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่เรื้อรังมานับทศวรรษ ที่บัดนี้ได้ทำให้เกิดทางตันที่เกลื่อนไปด้วยความเสียหายต่อประเทศชาติ และกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพ สวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ ความเชื่อมั่น และอนาคตของปวงชนชาวไทยในทุก ๆ ด้าน เป็นความตกต่ำอย่างสูงสุดในห้วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และทางออกของประเทศนั้น ไม่สามารถปล่อยให้อยู่ในมือของกลุ่มต่าง ๆ ที่อ้างความชอบธรรมโดยข้ามหัวประชาชน หรือไม่จริงใจต่อประชาชนได้ กลุ่มแรก คือ กลุ่มเผด็จการศักดินาและอภิสิทธิชนที่กำลังครอบงำประเทศ ด้วยการตั้งก๊กแก็งค์ของตนขึ้นมายึดอำนาจจากประชาชนและพยายามสร้างความชอบธรรมให้ตนเองและพรรคพวก โดยทำลายหลักสากลว่าด้วยประชาธิปไตย หลักสิทธิมนุษยชน และหลักกฎหมายต่าง ๆ ที่สากลโลกที่เจริญแล้วเขาถือปฏิบัติกันจนประเทศก้าวหน้าไปมากแล้ว และไม่สามารถให้อยู่ในมือของอีกกลุ่มหนึ่ง อันได้แก่นักการเมือง ไม่ว่ากลุ่มใด ๆ ก็ตาม เพราะพวกเขาได้ถูกสร้างให้เป็นตัวร้าย เป็นศัตรูของชาติ และเป็นผู้ทำให้ประชาธิปไตยแบบสากลเดินต่อไปไม่ได้ไปแล้ว จนนำมาสู่การเมืองการปกครองแบบเผด็จการทหารเพื่อรักษาและกระชับราชาธิปไตยแบบไทย ๆ ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า ดังเห็นได้ชัดแจ้งที่สุดแล้วในวันนี้
ดังนั้น ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นมาประกาศตัวในฐานะเจ้าของประเทศร่วมกัน บนความเข้าใจร่วมที่ว่าปวงชนชาวไทยนั้น เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่กษัตริย์และกลไกของราชสำนัก ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่ข้าราชการ และไม่ใช่นักการเมือง ซึ่งล้วนแต่กินเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชนทั้งสิ้น และบุคคลเหล่านี้ ล้วนไม่ใช่ผู้มีอำนาจพิเศษใด ๆ เลย หากไม่ได้รับการยอมรับให้ถือและใช้อำนาจของประชาชน โดยเอาเงินภาษีของประชาชนไปประกอบกิจกรรมเชิงอำนาจและผลประโยชน์ต่าง ๆ เนื่องจากวันนี้ พวกเขาทำบ้านเมืองเละเทะ แย่งอำนาจกันบนความเสียหายของประชาชน หลอกให้ประชาชนเชื่อว่า พวกเขาล้วนทำเพื่อประชาชน แต่ความจริงย่อมปรากฏชัดว่า ใคร ทำเพื่อประชาชนจริงหรือไม่ และเพียงใด จึงถึงเวลาแล้ว ที่ประชาชนจะต้องรวมตัวกัน แล้วประกาศให้รู้ว่า เจ้าของประเทศตัวจริง กำลังต้องการอำนาจคืน และจะสร้างฉันทามติ หรือคำประกาศในเชิงเป้าหมายของประเทศใหม่ร่วมกัน โดยก้าวให้พ้นเสียจากการหลอกลวง คดโกง และวงจรอุบาทว์ที่คนไทยได้รู้เห็นมานานพอ จนชัดแจ้ง ไร้ข้อกังขาอีกต่อไป แล้วจะร่วมกันสร้างรากฐานประเทศใหม่ บนหลักการต่าง ๆ ที่ประเทศพัฒนาแล้ว เขายึดถือกัน เช่น
หนึ่ง อำนาจสูงสุด ทั้งด้านนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ เป็นของประชาชน โดยให้ตัวแทนปวงชนไปใช้แทน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ให้ใครมายึดแล้วไปใช้แทนประชาชน โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน แต่ประชาชนกลับไม่ได้มีส่วนร่วม อนุมัติ และตรวจสอบใด ๆ ซึ่งถือเป็นการโกหก ตอแหล และน่าทุเรศยิ่ง
สอง เนื่องจากประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุด เป็นรัฎฐาธิปัตย์ตัวจริง เหนือรัฐธรรมนูญและเหนือทุกสถาบัน ดังนั้น รัฐบาลหรือผู้อ้างอำนาจรัฐใด ๆ จะทำการริดรอนสิทธิมนุษยชน เสรีภาพด้านต่าง ๆ และความเป็นใหญ่ของประชาชนมิได้โดยสิ้นเชิง การอ้างอำนาจรัฐทั้งจากการมาจากเลือกตั้งหรือจากการยึดอำนาจผ่านการกบฏต่อประชาชน หากละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานตามหลักสากลแล้ว ย่อมถือเป็นโมฆะ และประชาชนไม่จำเป็นต้องยอมรับ และมีสิทธิในการประท้วง ต่อต้าน ขัดขืน และล้มล้างผู้ก่อการทรยศต่อหลักนี้ได้โดยชอบธรรมเสมอ ยกเว้นในกรณีที่การกระทำของปัจเจกชนหรือกลุ่มคนใด ๆ ไปทำลายสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของผู้อื่น ที่เป็นที่ยอมรับกันตามมาตรฐานสากลด้วยเท่านั้น
สาม อำนาจกษัตริย์ ได้ถูกปรุงแต่งและถูกนำไปใช้กันเป็นเครือข่าย อย่างฝังรากลึก จนเป็นเหตุให้วงจรอุบาทว์ต่าง ๆ คอยบั่นทำลายพัฒนาการของประชาธิปไตยมาตลอด บัดนี้ ประชาชนเจ้าของอำนาจ ได้ตระหนักดีแล้ว จึงวางเป้าหมายและยึดหลักว่า จะต้องไม่มีอำนาจกษัตริย์ในระบอบการปกครองของประชาชนอีกต่อไป ส่วนตัวกษัตริย์นั้น จะอยู่ได้หรือไม่ จะมีรัชกาลที่สิบหรือไม่ ประชาชนทั่วประเทศ จะตัดสินใจกันต่อไป และพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของปวงชนชาวไทยในอนาคตอันใกล้นี้
สี่ เมื่ออำนาจสูงสุด และแผ่นดินไทย เป็นของคนไทยทุกคน โดยเท่าเทียมกัน ดังนั้น การแสวงหาตัวแทน และผู้ใช้อำนาจของประชาชน ในฐานะผู้นำด้านต่าง ๆ นั้น จะต้องมาจากประชามติของปวงชนชาวไทย ผ่านการเลือกตั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม เท่านั้น ไม่ใช่การแต่งตั้งโดยไม่มีปวงชนชาวไทยเกี่ยวข้อง โดยในการเลือกตั้งนั้น ต้องถือว่า คนไทยทุกคน มีหนึ่งสิทธิและหนึ่งเสียงเท่ากัน ตามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเป็นเจ้าของประเทศที่เท่าเทียมกันโดยทั่วหน้า ทั้งทางกฎหมาย และโดยพื้นฐานในทุกกรณี
ห้า ต่อเนื่องจากข้อสี่ กฎหมายไทย ต้องเขียนขึ้นโดยตัวแทนปวงชนชาวไทย และต้องผ่านฉันทามติของปวงชนโดยตรงหรือโดยอ้อมก่อนเสมอ โดยจะต้องถือว่า ทุกคนในประเทศไทย อยู่ใต้กฎหมายโดยเสมอภาคกัน และต้องประกันว่า คนไทยทุกคนจะได้รับโอกาสและสิทธิต่าง ๆ โดยเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกด้วยหลักใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งโดยนิตินัยและโดยพฤตินัย
หก กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้น ย่อมมาจากประชามติของปวงชนชาวไทย การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ไม่ได้มาจากการดำเนินการของประชาชนหรือตัวแทนประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งมา ย่อมถือเป็นโมฆะ และผู้บังอาจก่อการปล้นอำนาจประชาชนและฉีกรัฐธรรมนูญของปวงชนชาวไทยในอดีต ต้องถือเป็นกบฏแผ่นดิน และจะต้องถูกพิจารณาให้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติแล้วก่อนหน้าการรัฐประหารแต่ละครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเราต้องการเดินต่อไปข้างหน้าร่วมกันทั้งชาติ เมื่อพิจารณาโทษทัณฑ์แล้ว อาจให้มีการลดหย่อนโทษหรือนิรโทษกรรมได้ หากผู้ก่อการและผู้ก่อการยอมรับผิดต่อปวงชนชาวไทย และเมื่อปวงชนชาวไทย มีประชามติเห็นชอบเช่นนั้น
เจ็ด ความมั่นคงของชาติ ย่อมหมายถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชน บนหลักการข้างต้น จะอ้างเอาความอยู่รอดและสวัสดิภาพของบุคคลใด หรือตระกูลใด หรือหมู่คณะใด มาเป็นข้ออ้างเพื่อความมั่นคงของชาติ แล้ว กระทำการใด ๆ ที่ขัดกับหลักข้างต้น ย่อมถือเป็นเรื่องที่ละเมิดต่อหลักประชาชนเป็นใหญ่ และจะต้องถูกกำจัดออกไปเสียจากกฎหมายและการถือปฏิบัติในอนาคต และคนที่จะตัดสินใจเรื่องความมั่นคงของชาติ ย่อมเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ซึ่งมีวาระชัดเจน และถูกตัดสินผลงานโดยประชาชน ทหารจะอ้างเหตุแห่งความมั่นคงของชาติแล้วทำตัวเหนือผู้นำฝ่ายบริหารมิได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
แปด ความเห็นต่าง และความแตกต่างทุกชนิดในหมู่คนไทย เป็นเรื่องธรรมชาติ และคนไทยต้องอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างทั้งหลาย ใต้กรอบข้างต้น โดยจะต้องแสวงหาทางออกบนข้อตกลงที่ถือคนไทยที่แตกต่างนั้น เป็นพี่น้องร่วมชาติที่มีฐานะเสมอกัน โดยจะต้องใช้วิถีทางตามกรอบประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายสากลต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด โดยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง การก่อการร้าย การทำร้ายพี่น้องร่วมชาติ รวมทั้งทรัพย์สินของชาติ และการมุ่งทำลายกันและกันให้ถึงที่สุด
เก้า เพื่อให้สอดคล้องกับหลักประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หรือ เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ ประชาชนต้องได้รับสิทธิโดยชอบธรรมตามหลักการข้างต้นโดยสมบูรณ์ ในการรวมตัวกัน ในฐานะเจ้าของประเทศ ที่จะไม่ยอมให้ใครรับสมอ้างเอาไปโดยง่ายได้อีก การรวมตัวของประชาชนที่มีพลังเท่านั้น ที่จะสามารถเอาชนะการครอบงำที่ทำกันมานานนี้ได้ ประชาชนที่เข้มแข็ง รอบรู้เท่าทัน เรียนรู้อย่างเสรี และสานพลังกันได้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถเป็นใหญ่ได้จริง การประสานกันเป็นพลังประชาชน โดยมีตัวแทนอันเป็นรูปธรรม ย่อมสามารถทำให้นานาอารยประเทศยอมรับ เข้าใจ เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พวกเราจะทำ แล้วมาสนับสนุนให้ประชาชนสามารถกู้อำนาจคือมาเสียจากกลุ่มเผด็จการทุกรูปแบบ วันนี้ รัฐบาลและตัวแทนของปวงชนชาวไทย ไม่ได้มีอยู่จริง จึงสรุปได้ว่า ประชาชนต้องรวมตัวกันอย่างจริงจัง เพื่อยืนยันว่า อำนาจจะต้องคืนมาอยู่กับพวกเรา ปวงชนชาวไทยโดยเร็ว
สิบ กลไก ประเพณี วัฒนธรรม และตัวบทกฎหมายใด ๆ ที่ขัดกับหลักข้างต้นนี้ จะต้องถูกกำจัดออกไปเสียให้สิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน หรือคณะรัฐประหารที่ผ่านมาทั้งหมด
สรุปว่า ข้างต้นนี้คือเหตุหลัก ๆ ที่ประชาชนได้รวมตัวกัน เพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า วันนี้ ปวงชนชาวไทย ได้เรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาของพวกเราเองอย่างดีแล้ว และมีเจตน์จำนงค์ที่จะแก้ปัญหาที่รากเหง้าของปัญหาจริง ๆ ซึ่งล้วนแต่เกิดจากกลไก วัฒนธรรม ตัวบุคคล และวิวัฒนาการแบบไทย ๆ ที่ทำลายตัวเองมาตลอด จนพวกเรายอมให้ดำเนินต่อไปไม่ได้ และเราไม่เชื่อว่า บุคคลที่อยู่ในอำนาจขณะนี้ และที่จะอ้างว่าเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย โดยไม่ได้สอดคล้องกับหลักการข้างบนนี้นั้น จะสามารถนำพาประเทศชาติพ้นจากการดำดิ่งสู่ก้นเหวลึกได้ วันนี้ ประชาชนตื่นแล้ว และพวกเราได้ร่วมกันลุกขึ้นมากู้ชาติให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
19 ก.ค. 2557
ร่าง ณ มหานครซานฟรานซิสโก เพื่อเป็นการจุดประกายให้ประชาชนสานต่อ
ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดย ดร.เพียงดิน รักไทย ในฐานะภารโรงและลูกหลานของปวงชนชาวไทย
แล้วจะช่วยได้อย่างไร? จะร่วมมือได้อย่างไร? โปรดอ่านคำประกาศของดร.เพียงดิน ต่อไปนี้
ด่วน!!! ดร.เพียงดิน เชิญปวงชนชาวไทย ร่วมสร้างองค์การของประชาชนไทยทั่วโลก ได้เวลาประชาอภิวัฒน์แล้ว!!!
http://youtu.be/FVsrQDJ9ALE
หลังจากดูวิดีโอแล้ว สิ่งที่อยากให้พี่น้องร่วมกันทำ เป็นการเริ่มต้นการลงรากสร้างฐานขบวนประชาชนจริง ๆ ณ ขั้นนี้ มีดังนี้
1. ลงชื่อเข้าร่วมขบวนการประชาชนฯ โดยข้อมูลส่วนตัว ปิดลับ ดร.เพียงดิน ดูแลแต่ผู้เดียว
https://docs.google.com/forms/d/11NYQ9_MuV7ocmLxMUvqZb126TmgzF34hDnR3dhCKhpw/viewform
2. ไปโหวตเลือกหรือเสนอชื่อของขบวนประชาชน ได้ที่
http://www.poll-maker.com/poll365542xF7fA4A97-14
3. ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตประเทศไทย ใต้ระบอบใหม่
https://docs.google.com/forms/d/1tfCzzjPXY10tc4Hx9pVimxVGGg6cUvyYdr4LTVkiaIs/viewform?c=0&w=1
ด้วยศรัทธาในพลังของประชาชนอย่างเต็มเปี่ยม
piangdin
Saturday, July 18, 2015
Piangdin for Peace Academy: สภาอภิวัฒน์ราษฎรเสรีไทย: ขบวนของประชาชน เจ้าของประ...
ขบวนของประชาชน เจ้าของประเทศไทย ควรใช้ชื่อใด ติดต่อชาวโลก?
ขบวนของประชาชน เจ้าของประเทศไทย ควรใช้ชื่อใด ติดต่อชาวโลก?
ขบวนของประชาชน เจ้าของประเทศไทย ควรใช้ชื่อใด ติดต่อชาวโลก?
ขบวนของประชาชน เจ้าของประเทศไทย ควรใช้ชื่อใด ติดต่อชาวโลก?
ความจริงเรื่องน้ำมันในประเทศไทย
ใครดูรายการของคุณสัญญา คุณากร ได้คุยเรื่องน้ำมันในประเทศไทย คุณสัญญาได้เชิญอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพลังงานมาเล่าให้ฟัง ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพลังงาน ได้ฟังท่านเล่าเเล้วขนลุก คนไทยถูกหลอกมาตลอดว่าเมืองไทยไม่สามารถผลิตนำมันได้เองต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ท่านบอกว่าเมืองไทยมีกำลังผลิตได้ 1,000,000 บาร์เรล/วัน (ปตท.) เมืองไทยใช้น้ำมันวันละ 700,000 บาเรล/วัน เเละเมืองไทยส่งออกน้ำมันประมาณ100000 บาเรล/วัน เเละที่เเย่กว่านั้น..น้ำมันที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศราคาถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยหลายบาทถ้าเทียบต่อลิตร ตอนนี้มาเลเซียใช้น้ำมันเบนซินเเละดีเซลประมาณลิตรละ 20 บาทต้นๆ ราคาที่ปรับขึ้นทีละ .50 บาทเป็นการขึ้นจากโรงกลั่นซึ่งราคาที่ปรับขึ้นไม่ได้มาจากต้นทุน เเต่ป็นราคาที่ตั้งขึ้นมาลอยๆ โดยอ้างอิงจากตลาดที่ผันผวนมากที่สุด ในที่นี้ท่านยกตัวอย่างตลาดสิงคโปร์ เเละอีกอย่างที่น่าตกใจ ท่านบอกว่าในประเทศไทยมี stock น้ำมัน 2 เดือนเเละหมุนเวียนอย่างนี้เรื่อยๆ พอเวลากระทรวงปรับน้ำขึ้นพวกพ่อค้าเอาน้ำมันใน stock มาปรับขึ้นด้วย คิดดูเอาเองว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ไทยใช้ 700,000 บาเรล/วัน ( 1 บาเรล = 159 ลิตร ) 2 เดือนกี่ลิตร ลิตรละ .50 บาท ลองคูณดู บริษัทที่ได้กำไรเยอะมากคือ ปตท เพราะมีโรงกลั่น 5 โรง อีก 2 โรงเป็นของเอกชน รวมในประเทศไทยมีโรงกลั่น 7 โรง เป็นของ ปตท 5 โรง เเล้วท่านสรุปกำไรของปตทในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ประมาณปี 2540-2544 ปตท กำไรปีละ 22,000 ล้านบาทครับ เเละที่สุดยอดกว่านั้น ปี 2545-2550 ปตทกำไรเพิ่มเป็น 50,000ล้านบาท/ปี เเละที่สุดๆ คือ ในปี 2548 กำไร 195,000 ล้านบาท ประชาชนตาดำ ๆ เสียค่าน้ำมันลิตรละ 44บาท มาร่วมมือกันดีไหม... สั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อย เริ่มลงมือปฏิบัติการได้เลย ขอเพียงช่วยกันกระจายข่าวไปให้มากที่สุด สามัคคีคือพลัง... ส่งมาให้อ่านกันเพราะอยากให้ราคาน้ำมันลดลงจริงๆ (ช่วยกันส่งต่อมากๆนะ)
(ข้อความจากไลน์)
Subscribe to:
Comments (Atom)
The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States
The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States The 2025 Thai–C...
-
ลองนึกภาพกัมพูชาและประเทศไทยเป็นสองบ้านที่อยู่ติดกันบนถนนสายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านทั้งสองมีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนพี่น้องที่ทะ...
-
ความเชื่อที่ว่าชาวยิวครองโลกหรือมีตระกูลยิวบงการเหตุการณ์สำคัญในโลก โดยมีศูนย์กลางที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เป็นแนวคิดที่มาจากทฤษฎีสมคบคิด (c...
-
โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2017–2021 และดำเนินนโยบายที่มุ่งเน้นให้ “อเมริกามาก่อน” (America First) ซึ่งเป็นแนว...




