Sunday, July 5, 2015

PIANGDIN ACADEMY: เบื้องหลังเบื้องลึก และความจริง เรื่อง การค้าข้าวไ...





เรียน ดร.







           ระบบการค้าข้าวไทยมีการพยายามเปลี่ยนโครงสร้างในสมัยปี51(นายกสมัคร)ถึงขั้น คุณมิ่งขวัญลั่นวาจาว่าถ้าข้าวไม่ถึงเกวียนละ18,000ห้ามขาย รัฐเริ่มมีแนวคิดที่จะขายข้าวตรงโดยดึงสัดส่วนออกจากมือโรงสีซึ่งข้าวส่วนที่ขายตรงเป็นข้าวจากผลผลิตส่วนเกิน สร้างความไม่พอใจให้กับระบบขายข้าวข้ามชาติเป็นอย่างมากถึงขั้นยกชุดไปคุยเจรจากับคุณยรรยง ถึงกระทรวง แต่ตอนนั้นเป็นแค่การต่อรองราคาซึ่งไม่เป็นที่พอใจเนื่องจากรัฐต้องการขายตรง (ต่อมาเรียกติดปากกันว่าจีทูจี) จึงเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลคุณสมัครล้มและคุณมิ่งขวัญเลิกเล่นการเมือง  
           ข้าวได้มีการค้างสต๊อตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเนื่องจากยุคคุณสมชายไม่ได้เข้าบริหารเต็มที่ต้องหนีไปหนีมาจากม๊อป เมื่อเข้าสู่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้หยิบชูนโยบายนี้กลับขึ้นมาเป็นที่ไม่พอใจอย่างมากกับผู้ค้าข้าวระหว่างประเทศ(ไม่ใช่สมาคมชาวนาไทย) และเจ้าของโรงไซโล(ไม่ใช่โรงสี) ถึงขั้นสั่งว่าต้องทำประกันราคาไม่ใช่รับจำนำ เพื่อที่เขาจะกำหนดต้นทุนการผลิตได้ แต่รัฐบาลตัดสินใจแถลงเป็นนโยบายถ้าไม่ปฏิบัติก็ผิดกฏหมายถ้าปฏิบัติมีศัตรูตัวใหญ่รอชนอยู่  สุดท้ายเลือกที่จะชน โดยติดต่อการค้าข้าวแบบจีทูจีต่อไป ทำให้เกิดการชัตดาว์นระบบข้าวไทยทั้งระบบไม่ให้ซื้อไม่ให้ขายไม่ให้ขยับไม่เบิกจ่ายเงิน  ตอนนี้คงถึงเวลาสั่งสอนผู้ที่ไม่เชื่อฟังแล้วหล่ะครับ
(ปล.ข้าวสาร1ตันใช้ข้าวเปลือกประมาณ1.6ตัน ส่วนราคาที่จะกำหนดนั้นคงต้องให้ชาวนาได้รู้ราคาตลาดโลก จริงแบบเรียลทามจึงจะแก้ปัญหาได้ ถ้ามีสต๊อคมาร์เกตวิ่งแบบไทม์สแควได้คงดีไม่น้อย ส่วนรัฐมีหน้าที่คอยพยุงในขณะที่เกิดความผันผวนทางตลาดซึ่งรัฐจะต้องรู้ก่อนอยู่แล้วจากกระทรวงต่างประเทศ ส่วนเรื่องคลิปที่ส่งมานั้นเกิดจากราคาข้าวตลาดโลกตกลงมากทำให้ต้องหาคนรับกรรม จะเอาบริบทและเงื่อนเวลาที่ต่างกันมาใช้กับสิ่งเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะถ้าเอาราคาข้าวยุคคุณสมัครมาพูดตอนนั้นตันละสามหมื่นกว่าตอนนี้รัฐจากทำขาดทุนคงกลายเป็นกำไรมหาศาลมันไม่ใช่การทำเพื่อชาติแต่เป็นการทำลายล้างจากความแค้นส่วนกลุ่มบุคคลมากกว่าครับ)
     หมายเหตุ  ผมได้ดูที่ดร.วางในบลอคแล้วครับถ้าไม่รบกวนเกินไปช่วยเซนเซอร์ตัวบุคคลเชิงคู่สนทนาได้จะเป็นพระคุญอย่างสูง 
    ***เช่น"น้องชายเหล่าธรรมทัต  ทำงานให้เจ้าสัว "หรือ"ผก TMB"  นี่เป็นการระบุคู่สนทนาทันทีเลยครับ        
    ส่วนถ้าเป็นชื่อคนในเชิงข้อมูลคงไม่มีปัญหาอะไรครับ(มีความกังวลเล็กน้อย)                                                                                                                  



                                                                                                                                             
ด้วยความเคารพอย่างสูง








แถลงการณ์ของกลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจัก...

แถลงการณ์ของกลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจักร เรียกร้อง

"ปล่อยนักศึกษา 14 คน และ นักโทษทางการเมือง"









พวกเราคนไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในสหราชอณาจักร ไม่รับอำนาจรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร มีความกังวลกับรัฐบาลเผด็จการที่อ้างว่ากำลังคืนความสุขให้กับสังคม แต่แท้จริงแล้ว ความสุขที่พวกเขาหยิบยื่นให้เป็นเพียงความสุขจากการเห็นคนคิดต่างต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ความสุขจากคำโฆษณาชวนเชื่อ ความสุขจากการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ทั้งที่สิ่งเดียวที่พวกเขาทำเป็นการกำราบปราบปรามประชาชนคนเห็นต่าง



พวกเราถือว่าการจับกุมนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ภายใต้เหตุผลการขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ซึ่งออกตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ อันเป็นกฎหมายที่ออกมาโดยอาศัยอำนาจที่ได้จากการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนผ่านการรัฐประหารนั้น ไม่ถือว่าเป็นกฏหมาย เนื่องจากเป็นอำนาจที่ได้มาโดยมิชอบ



พวกเราขอยกย่องความกล้าหาญของนักศึกษาทั้ง 14 คน พวกเขาไม่เพียงเป็นตัวแทนของปัญญาชน ที่คิด เขียน วิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังเป็นตัวแทนของประชาชนคนธรรมดาที่ออกมาแสดงออกเพื่อยืนยันในสิทธิที่ตนพึงมี โดยยอมแลกกับเสรีภาพอันน้อยนิดที่มีอยู่ภายใต้รัฐเผด็จการทหารไทย



โดยในวันนี้พวกเขาถูกกักขัง พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับอาชญากร เพราะพวกเขาคิดและแสดงออกอย่างสันติ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ สอดรับกับหลักการและทฤษฎีอันเป็นสากล พวกเราเห็นว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด พูด เขียน และแสดงความคิดเห็นของตนโดยสันติ



พวกเรามีข้อเรียกร้อง 4 ข้อดังต่อไปนี้ :

1) ปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14คนทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และยุติการดำเนินคดีอาญาต่อนักศึกษาและประชนผู้รักประชาธิปไตยที่ชุมนุมในที่สาธารณะทุกคน

2) หยุด คุกคาม ครอบครัวของนักศึกษาที่ถูกจับกุม ทั้ง 14 คน รวมทั้งอาจารย์ และประชาชนในสังคมผู้รักประชาธิปไตที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาดังกล่าว

3) ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข

4) สุดท้ายให้รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. เคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมืองไทย โดยยุติการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร



เผด็จการจงพินาศ ประชาชนจงเจริญ

กลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจักร

5 กรกฎาคม 2558















PIANGDIN ACADEMY: แถลงการณ์ของกลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจัก...

แถลงการณ์ของกลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจักร เรียกร้อง

"ปล่อยนักศึกษา 14 คน และ นักโทษทางการเมือง"









พวกเราคนไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในสหราชอณาจักร ไม่รับอำนาจรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร มีความกังวลกับรัฐบาลเผด็จการที่อ้างว่ากำลังคืนความสุขให้กับสังคม แต่แท้จริงแล้ว ความสุขที่พวกเขาหยิบยื่นให้เป็นเพียงความสุขจากการเห็นคนคิดต่างต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ความสุขจากคำโฆษณาชวนเชื่อ ความสุขจากการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ทั้งที่สิ่งเดียวที่พวกเขาทำเป็นการกำราบปราบปรามประชาชนคนเห็นต่าง



พวกเราถือว่าการจับกุมนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ภายใต้เหตุผลการขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ซึ่งออกตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ อันเป็นกฎหมายที่ออกมาโดยอาศัยอำนาจที่ได้จากการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของ ประชาชนผ่านการรัฐประหารนั้น ไม่ถือว่าเป็นกฏหมาย เนื่องจากเป็นอำนาจที่ได้มาโดยมิชอบ



พวกเราขอยกย่องความกล้าหาญของนักศึกษาทั้ง 14 คน พวกเขาไม่เพียงเป็นตัวแทนของปัญญาชน ที่คิด เขียน วิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังเป็นตัวแทนของประชาชนคนธรรมดาที่ออกมาแสดงออกเพื่อยืนยันในสิทธิที่ตนพึงมี โดยยอมแลกกับเสรีภาพอันน้อยนิดที่มีอยู่ภายใต้รัฐเผด็จการทหารไทย



โดยในวันนี้พวกเขาถูกกักขัง พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับอาชญากร เพราะพวกเขาคิดและแสดงออกอย่างสันติ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ สอดรับกับหลักการและทฤษฎีอันเป็นสากล พวกเราเห็นว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด พูด เขียน และแสดงความคิดเห็นของตนโดยสันติ



พวกเรามีข้อเรียกร้อง 4 ข้อดังต่อไปนี้ :

1) ปล่อยตัวนักศึกษาทั้ง 14คนทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และยุติการดำเนินคดีอาญาต่อนักศึกษาและประชนผู้รักประชาธิปไตยที่ชุมนุมในที่สาธารณะทุกคน

2) หยุด คุกคาม ครอบครัวของนักศึกษาที่ถูกจับกุม ทั้ง 14 คน รวมทั้งอาจารย์ และประชาชนในสังคมผู้รักประชาธิปไตที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาดังกล่าว

3) ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข

4) สุดท้ายให้รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. เคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมืองไทย โดยยุติการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร



เผด็จการจงพินาศ ประชาชนจงเจริญ

กลุ่มคนไทยรักประชาธิปไตยในสหราชอาณาจักร

5 กรกฎาคม 2558















คม ตรง และแสบถึงกระดองใจ จาก ประชาชน RED W อยากจะ...





เครดิตจากเฟสบุ๊ค



จาก ประชาชน RED W

อยากจะขอแนะนำไปยังไอ้ประยุตว่า.....






ถ้ามึงจะไม่ให้ตระกูลมึง ต้องถูกตราหน้า และบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
เป็นนายทหารผู้มักใหญ่ใฝ่สูงที่ คิดคตทรยศต่อประชน
และประเทศชาติแล้วล่ะก็.....

มึงยังมีเวลากลับตัวทัน นั่นก็คือ
ล้มล้างระบอบกบฏนรกนี้ออกไปเลย แล้วจัดการกวาดล้าง
สมุนชั่วของอำมาตย์ทั้งหลายให้สิ้นชาก ตั้งแต่ องค์มนตรีส้นตีน.
พรรคประชาธิเปรต ศาล ตุลาการ องกรค์ที่ไม่อิสระ ทั้งหลายเหล่านี้
ให้หมดสิ้น และประกาศยึดทรัพย์สินและทรัพยากรณ์ทั้วหลายจากระบอบ
อำมาตย์ชั่ว กลับมาเป็นของรัฐ ........ แล้วคืนอำนาจให้กับประชาชน


ปล่อยให้ประชาชนเขาร่างรัฐธรรมนูญของเขาขึ้นมาเอง โดยปราศจากการแทรกแชงใดๆ ทั้งจากทหาร และฝ่ายอำมาตย์ อำนาจมืด........




แล้วมึงจะได้เป็นวีระบุรุษของประเทศนี้ไปตลอดกาล ...... และที่สำคัญ
นี่คือการ คืนความสุขกลับคืนสู่คนทั้งชาติ อย่างแท้จริง.... มิใช่
การคืนความสุขแค่เพียงลมปาก พาจนของมึงไปวันๆ
อย่างที่พวกมึงได้กระทำอยู่ในขณะนี้.....



เลิกแกล้งโง่ และคิดว่า คนในประเทศนี้มันโง่เง่าเต่าตุ่นเสียจน หลงเชื่อและคล้อยตามลมปาก(หมา) ของมึง ไปอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ......



จริงๆแล้ว....




ทางลงง่ายๆมีครับ แต่พวกมึงไม่เลือก และพวกมันดูถูกพลังฝ่ายประชาธิปไตย
ว่าไม่สามารถที่จะล้มพวกมันลงได้ เพราะพวกมันมีอำนาจ
และผลประโยชน์อยู่ในมือ..... ขอเตือนไปยัง ไอ้เหี้ยยุต และอีขันทีเฒ่า
ไปด้วยว่า..... พวกมึงทั้งสอง
กำลังเดินทางมาสู่หนทางแห่งหายนะและจุดจบที่ไม่สวยแน่นอน



เอาเป็นว่างานนี้มีได้เสียครับ




และระเบิดเวลาที่ตั้งเอาไว้ มันใกล้ถึงจุดที่จะระเบิดเต็มทีแล้วครับ....
ระบอบอำมาตย์นรกมันจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่.....
ปัญหาที่แท้จริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็คือ การสืบทอดอำนาจของทหารครับ......



เพราะผลประโยชน์อันมหาศาลจากกองทัพ และในประเทศนี้ และที่สำคัญ พวกมันกำลังมัวเมาในอำนาจ และหาทางลงไม่ได้.....



ไอ้ประยุต์ มึงก็น่าจะรู้กำพืดของมึงเองนะว่า.....




แค่คุณสมบัติเบื้องต้นของมึง
ก็ไม่ผ่านและไม่สามารถที่จะเป็นทหารได้แล้ว.... ไอ้ตาเหล่......
การที่มึงไต่เต้าขึ้นมาจากอำนาจ ก็มาจากการเป็นข้าหมารับใช้
ปรนเปรอความใคร่ทางอำนาจ ด้วยการเข่นฆ่า ประชาชน เมื่อปี 2552 – 53 และยอม
ฆาตกรอย่างเต็มตัว ด้วยการ ทำ รัฐประหาร ที่ผ่านมา
จนได้ไปเป็นประธานกรรมการเช็นต์ขาดน้ำมัน ทำสัญญาทาส ชื้อขายน้ำมัน 99 ปี
ให้เมกา...... คอยให้การสนับสนุนม็อบถ่อย เถื่อน กปปส.
เพื่อที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

จนได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้า คสช. ส้นตีน.....อย่างทุกวันนี้











มึงถึงกับลืมกำพืดโคตรเหง้าของมึงเลยหรือ.... ตอนนี้มึงรู้หรือไม่ว่า
คนไทยทั้งชาติ และตลอดจนถึงผู้นำต่างชาติ เขาได้มองถึงการกระทำ
และคำพูดของมึง ..... เป็นผู้นำที่ไร้ชึ่งวุฒิภาวะ พูดจา แบบไม่ต้องคิด
พูดเรื่อยเปื่อย พูดไปเรื่อย เห่าไปวันๆ .... พูดแบบปากพาจน
ลมปากของมึงไม่ต่างไปจาก ลมที่ออกมาจากก้น.
และที่สำคัญพวกมึงและทหารไทยทั้งกองทัพ บ้าและมัวเมาในอำนาจและผลประโยชน์
เข้ามาเพื่อสร้างปัญหา..... ไม่ได้เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาส้นตีนอะไรเลย
ไอ้สัตว์!

มึงน่าจะรู้นะว่า



ตอนนี้ต่างชาติพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือ ฝ่ายประชาธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่.....
เพียงแต่ พวกเขากำลังรอฟังสัณญาณการลุกฮือขึ้นมาขับไล่พวกมึงของคนในชาติ
เท่านั้นเอง เขาพร้อมที่จะเขามาช่วยเหลือและแทรกแซงได้ในทันที.....
และศึกในครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยของไทย จะไม่ตายฟรีๆอีกต่อไป
และถ้าจะต้องตาย ก็เป็นการตายที่คุ้มค่า
เพื่อชำระล้างระบอบเผด็จการอุบาทว์ในประเทศนี้
และพวกมึงจะได้รับการตอบแทนอย่างสาสม.....
คนที่จะไม่มีแผ่นดินที่จะอยู่อีกต่อไป คือ.... พวกมึงเอง มิใช่ทักษิณ ....
เพราะความชั่วช้าเลวร้ายในประเทศนี้
มันได้เดินทางมาถึงจุดจบหรือจุดสุดท้ายที่ยอมและหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
นั่นเอง.

ระบอบเผด็จการทั้งหลาย....



ในอคีต
ไม่ว่าจะเป็บแบบอำมาตย์ชั่ว หรือ เผด็จการทหาร
ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ต่างก็ล่มสลายมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น.....
เพราะอะไร

เพราะพวกเขาเหล่านั้น มันคิดไม่ต่างไปจากพวกมึงกำลังคิดนั้นเอง ......


สิ่งที่มึงคิดว่า มึงมีอำนาจและอาวุธอยู่ในมือ แล้วจะ
สามารถรักษาอำนาจไว้ได้.....
ถ้ามึงยังมีความคิดที่เลวทรามชั่วเลวทรามแบบนี้แล้วล่ะก็. ทหารไทย
และระบอบอำมาตย์ชั่วของไทย..... มันจะพังพินาศไปพร้อมๆกัน ในไม่ช้านี้
......



มันเป็นวัฎจักรและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ นั่นก็คือ
ทุกอย่างบนผืนโลกใบนี้ ย่อมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง.
ในที่สุดไม่มีพลังใดและอำนาจใดที่จะเอาชนะฝ่ายก้าวหน้า และ
พลังมหาประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยไปได้....... และที่สำคัญ
ไอ้ทหารไทยหน้าตัวเมียทั้งหลาย มึงจงฟังไว้ให้ดี......


วันใดที่พวกมึงไม่มีอำมาตย์ ชั่วคอยคุ้มกะลาหัวให้พวกมึง วันนั้น
พวกมึงก็ขะเหมือนกับ หมาขี้เรื้อนข้างถนน เพราะ ประชาชน
ก็จะไม่เอาพวกมึงเช่นกัน

ถามหน่อย…










ตั้งแต่พวกมึงปล้นอำนาจเขามา ประชาชนต้องอดอยากยากไร้ ทุกระทมอย่างแสนสาหัส
ประเทศชาติฉิบหาบยับเยินอย่างกู่ไม่กลับ ....
สิ่งเหล่านี้แหละจะเป็นตัวช่วยให้ประชาชนลุกฮือกันขึ้นมาขับไล่เผด็จทั้งสอง
ฝ่ายอย่างมึดฟ้ามัวดินและล่มสลายในที่สุด.....




ถ้าพวกมึงยังดื้อด้าน
และมีความคิดอันคับแคบที่คิดที่จะใช้อำนาจอันป่าเถื่อนชั่วร้าย บีบบังคับ
และกระทำต่อคนในชาติเดียวกันเสมือนหนึ่งว่า.....
คนในประเทศนี้คือขี้ข้าของพวกมึง
พวกมึงก็จงเตรียมพบกับจุดจบที่จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมอันเจ็บปวด
เช่นเดียวกัน ใครเขาจะยอม
และทนให้พวกมึงกดหัวหมดสิ้นซึ่งอิสระและเสรีภาพไปชั่วชีวิต.


หนึ่งปีที่พวกมึงเข้ามา พวกเขาได้รับรู้ถึงรสชาดอับเจ็บปวดนี้แล้ว.
พวกเขาจะไม่หวนกลับไปยอมรับระบอบอุบาทว์นี้ได้อีกต่อไป
หาทางลงให้ดีก็แล้วกัน นะ.....



ระบอบทักษิณกำลังจะได้รับการยอมรับ
และหวลกลับคืนสู่ประเทศนี้อีกครั้งหนึ่ง...... และในขณะเดียวกัน
ระบอบเผด็จการอำมาตย์ชั่วและทหารอันเก่าแก่ ที่แสนชั่วร้าย กดขี่
โกหกหลอกลวง กำลังเดินทางมาถึงจุดจบสุดท้ายอีกเช่นเดียวกัน
และจะไม่มีวันที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกเลยชั่วนิจนิรันดร์..........

เพราะว่า อำมาตย์ก็ไม่แตกต่างไปจากฮิตเลอร์ ....... มันจะไม่มีตัวตายตัวแทนกันอีกต่อไป.
จากนี้ต่อไป....



ในเมื่อ การใส่ร้ายป้ายสี ให้กับคนแดนไกล การโกหกมดเท็จ และการโฆษณาชวนเชื่อ มันใช้ไม่ได้ผลกันอีกต่อไป ....

เพราะตลอดการย่างก้าวขึ้นสู่อำนาจของอำมาตย์ชั่ว ครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่ทหารไทยได้เข้ามาปล้นอำนาจประชาชนและยึดกุมประเทศ
มันได้พิสูจน์ให้คนทั้งชาติได้เห็น เปรียบเทียบ และตระหนักดีแล้วว่า.....

ใครกันแน่คือศตรูของชาติ อย่างแท้จริง


ระหว่างเผด็จการ ทหาร หรือระบอบทักษิณ.
.....



 แล้วพวกมึงจะหลอกตัวเองกันไปถึงไหน
จะหลอกลวงคนในชาติไปได้อีกสักกี่น้ำ...... 


และความฉิบหายต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศนี้อย่างเหลือคณานับ
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ...?

และในที่สุดแล้ว พวกมึงทั้งหลายจะรับกับมันไหวหรือ...????????
การขึ้นเหยียบหลังหมาแล้วหาทางลงไม่ได้....


( ไม่ใช่หลังเสือ อย่างที่พวกมึงเข้าใจ ไอ้ประยุทธ์ จันทรโอชา )


จึงจำต้องดันทุรังไปให้ถึงที่สุด เพราะยอมรับความจริงไม่ได้
ถ้ายอมให้ประชาธิปไตย
ก็กลัวฝ่ายตัวเองจะต้องเดือดร้อนเพราะจะต้องถูกคิดบัญชีย้อนหลังอย่างแน่น
นอน การทำชั่วและคดโกงไปมากมายมาอย่างยาวนานทั้งกองทัพ
ไหนจะคดีเข่นฆ่าประชาชน มานับหลายครั้ง .....

และที่สำคัญ ทหารไทย เมื่อไม่มีอำมาตย์ชั่ว ให้ยึดเกาะและคอยเซนต์ลบล้างความผิดความชั่วทั้งหลายให้ได้ต่อไปอีกแล้ว




หรือถ้ามอบอำนาจทั้งหมดไปให้ฝ่ายขันทีเฒ่าเจ้าเล่ ก็กลัวว่า
ฝ่ายตัวเองจะถูกหักหลัง....... แต่ความฉิบหายทั้งหมดที่พวกมันได้กระทำกันมา
มันมาตกอยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งชาติ.....

จากนี้ต่อไป จะเดินหน้าก็ลำบาก จะถอยก็ไม่ได้...... แล้วจะมีๆ อะไรที่จะดีไปกว่า การรอวันที่จะระเบิดและทำลายตัวมันเอง......











ก็ขอบอกว่า พวกมึงเสือกเลือกเดินเข้ามาในกับดักมรณะ
ที่อำมาตย์ชั่วไทยมันได้ตั้งเอาไว้นี่เองอย่างช่วยไม่ได้ จงรักภักดี หรือ
ผลประโยชน์ต่างตอบแทน สุดท้ายมันก็แค่
การหาแดกบนความทุกข์ยากของประชาชนคนในชาติด้วยกันทั้งสิ้น.....

เมื่อสิ้นไร้จุดรวมอำนาจ คืออำมาต์ชั่วลงนรก ก็เท่ากับว่า หายนะของกองทัพไทย ก็ใกล้ถึงจุดสุดท้ายแล้วเช่นกัน




วันอังคารที่ 7 นี้
ขอเชิญชวนพวกเราทั้งหลายช่วยกันส่งข้อความถึงเพื่อนๆ
บอกต่อๆกันไป ให้พวกเราไปแสดงพลังกันที่ศาลทหาร ให้มึดฟ้ามัวดินครับ.....


อย่าไปกลัวมัน. ถ้ามันใช้กำลังกับพวกเรา
จะเป็นหนทางให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแทรงและให้การสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยใน
ประเทศทันทีครับ.....

ตอนนี้ไอ้พวกทหารมันปากดี
แต่ที่จริงพวกมันกลัวลนลาน จน ทำอะไรไม่ถูก
และหาทางลงไม่เจอแล้วครับ........ มาช่วยกันกดดันมันให้ถึงที่สุดครับ

ขอให้พวกเรารอฟังสัญญาณการลุกขึ้นมาขับไล่เผด็จการ พร้อมๆกันในไม่ช้านี้ครับ......

ขอขอบคุณ ชัยชนะอยู่ไม่ไกล ......



โปรดติดตาม ตอนต่อไป สวัสดีครับ





PIANGDIN ACADEMY: นโยบายยึดครองประเทศไทย (ปูเนาะออกันซีแย ปูเนาะไทยแ...

PIANGDIN ACADEMY: นโยบายยึดครองประเทศไทย (ปูเนาะออกันซีแย ปูเนาะไทยแ...: มีพี่ชายท่านหนึ่งส่งมาให้พิจารณา  สำหรับผม ไม่ได้กลัวว่าศาสนาใดจะยึดครองประเทศไทย และไม่เชื่อว่าศาสนาอิสลามจะกลืนศาสนาพุทธในยุคนี้ได้ ...

Friday, July 3, 2015

PIANGDIN ACADEMY: ประยุทธ์ กับการรับใช้วาระอำมาตย์และคนโง่ ต่อกรณี 3...

คลิป ประยุทธ์ โชร์ความโง่ พ่นเรื่อง30 บาทรักษาทุกโรคทำ ร.พ เจ๊ง (ไม่เอา"30บาท" แต่ซื้อ"เรือดำน้ำ" ไอ้สันดาน) "ประย...

Posted by Red Thai on Thursday, July 2, 2015








PIANGDIN ACADEMY: ทำไม เพื่อนร่วมห้อง ตอนม.ต้น มาพบกัน โดยคนหนึ่งเป็...

ทำไม เพื่อนร่วมห้อง ตอนม.ต้น มาพบกัน โดยคนหนึ่งเป็นผู้พิพากษา อีกคนเป็นผู้ต้องหา???








ใครจะคาดการณ์ได้ว่าวันหนึ่งเพื่อนร่วมชั้นเรียนจะมาพบกันในศาลโดยคนหนึ่งเป็นผู้พิพากษาอีกคนเป็นจำเลยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น...

Posted by บีบีซีไทย - BBC Thai on Friday, July 3, 2015

เมื่อไหร่ "อเมริกา"จะใช้ยาแรงกับเผด็จการไทย.










พล.อ.ประยุทธ์แนะอาหารทะเลแพง ทานอย่างอื่นแทนไปก่อน










พล.อ.ประยุทธ์แนะอาหารทะเลแพง ทานอย่างอื่นแทนไปก่อน










Overview : การจับกุม 14 นักศึกษา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 3-7-2015










PIANGDIN ACADEMY: ทางออกประเทศไทย 3 ก.ค. 2558 อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน ต...

 
ทางออกประเทศไทย 3 ก.ค. 2558 อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน ตอน กับดักเกมเลือกตั้ง เด จา วู & สรุปสถานการณ์ประจำสัปดาห์























Thursday, July 2, 2015

PIANGDIN ACADEMY: โครงการฝนหลวง คือโครงการ "ทำลาย" มากกว่า "ต้องการช...


เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผู้เชียวชาญเกษตรอิสราเอล บอกว่า

"เสียดายที่มีโครงการฝนเทียม มีวิธีที่เอาน้ำมาช่วยในการเกษตรในไทย
มีเยอะเลย ง่ายกว่า และถูกกว่าฝนเทียมตั้งมาก
เช่น สูบน้ำจากแม่น้ำโขงขึ้นมา ไม่กี่สิบกิโล ก็ชุ่มฉ่ำไปทั้งอีสานแล้ว
ง่าย สบาย ถูก เป็นจริง และเห็นผลเร็ว


(ส่วน เกาหลีใต้ เสนอโครงการผันน้ำงึม จากลาว โดยยทางท่อ
มูลค่า 7.6 หมื่นล้าน ให้นายกยิ่งลักษณ์ ซึ่งนายกเห็นด้วย
ต้องยุบสภา และถูก ตลก. ตัดสินให้พ้นตำแหน่งนายกเสียก่อน)

ของอิสราเอลต้องเดินท่อน้ำจากทางเหนือ (ที่มีทะเลสาบใหญ่)
ลงไปทางใต้ (ที่แห้งแล้ง) เป็นร้อยๆ กิโล เรายังทำได้เลย

อิสราเอลเคยบอกไทยไปแทบทุกครั้งที่คุยกันเรื่องนี้
แต่เราก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาไม่ทำ ทั้งๆ ที่อิสราเอลพร้อมสนับสนุน
ทั้งวิชาการ เทคโนฯ และเงินทุน (บางส่วน) ในการช่วยไทย
สูบน้ำจากแม่น้ำโขงขึ้นมาใช้ในการเกษตร"

และ

"ฝนจริงๆ ของไทยมีมากเกินพอ ที่ที่แล้งฝนที่สุดในเมืองไทย
ยังวัดปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยได้มากกว่า พื้นที่ที่ฝนตกมากที่สุดในอิสราเอล

ถ้าไม่อยากสูบน้ำจากแม่น้ำโขง ก็แค่หาวิธีเก็บน้ำฝน
(อย่างไม่ต้องสร้างเขื่อน) เลยก็ได้ เก็บได้พอใช้แน่นอน
อิสราเอลแนะไทยไปหลายครั้งแล้ว
แต่ทำไมไม่ไปลองทำ ก็ไม่รู้ ยังจะ (ดันทุรังกัน) เรื่องฝนเทียม ทำไม"












ประมวลภาพพลังพี่น้องไทย ในญี่ปุ่น ฉีกหน้าประยุทธ์ ...





ฝนที่ตก หยุดพี่น้องไม่ได้...
Free The 14
Free Thailand

สุดยอดจริง ๆ พี่น้องไทยในญี่ปุ่น



























Piangdin for Peace Academy: PIANGDIN ACADEMY: อุบัติการณ์ดาวดิน กับประชาธิปไตย...

อุบัติการณ์ดาวดิน กับประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ภายใต้ คสช.

Fri, 2015-07-03 00:43






ก่อนหน้าที่เราจะเป็นสักขีพยาน วันยึดอำนาจรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม
2557 สังคมไทยรู้จัก “นักศึกษากลุ่มดาวดิน” เพียง กลุ่มนักศึกษาเล็กๆ
ที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เหมืองทองคำ ในจังหวัดเลย
ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ล่วงเลยจากวันยึดอำนาจรัฐประหารมานานนับปี
ก่อนการอุบัติขึ้นของแรงกระเพื่อมไหวครั้งใหญ่ของการเมืองภายหลังรัฐประหาร
การปรากฎตัวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน และนักเคลื่อนไหวบางคน
ที่มารวมกลุ่มกันนั่งจ้องนาฬิกาที่ลานหน้าหอศิลป์ฯ ในคืนวันที่ 22 พฤษภาคม
2558 ครบรอบ 1 ปี การรัฐประหารและบริหารประเทศของคสช.
จวบจนนำไปสู่การเข้าสลายการชุมนุม และยื่นฟ้องเหล่านักศึกษา 14 คนอย่างลับๆ
ผ่านเอกสารที่ส่งไปตามบ้าน และวันที่ 24 มิถุนายน 2558
กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อต้าน
คสช. ซึ่งแน่นอน พวกเขาถูกจับกุมในเวลาต่อมา ด้วยหมายจับจากศาลทหาร
ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน
และห้ามต่อต้าน คสช. และทางกลุ่มนักศึกษาไม่ขอยื่นประกันตัว


อุบัติการณ์ครั้งนี้คงผิดจากความคาดหมายของหน่วยงานความมั่นคงพอสมควร เพราะ
“ไฟ” ถูกจุดติดขึ้นมา ภายหลังการจับกุมดำเนินคดีกับเหล่านักศึกษา และ
การออกมากล่าวหาว่า การเคลื่อนไหวของ 14 นักศึกษานั้น
“มีเบื้องหลังไม่บริสุทธิ์” และ “มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลัง”
รวมถึงกระแสต้านจากสังคมออนไลน์ที่กล่าวหาว่าพวกเขา “ถูกจ้างมา” ซึ่งผิดคาด

เพราะเกิดกระแสสนับสนุนเหล่านักศึกษาขึ้นมาสวนกระแสดังกล่าวจากทั้งในและนอก
ประเทศ และมีท่าทีว่าจะไม่หยุดลงโดยง่าย
ซึ่งเป็นกระแสเรียกร้องต่อรองกับรัฐบาล คสช.ให้ปล่อยตัว 14
นักศึกษาโดยไม่มีเงื่อนไข การล่ารายชื่อ โดยจากทั้งคณาจารย์ นักวิชาการ
นักคิดนักเขียนมากมาย นักศึกษากลุ่มอื่น แม้กระทั่งองค์กรระหว่างประเทศ
สหภาพยุโรป และ
สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติก็ร่วมออกแถลงการณ์กดดัน
คสช. จนเกิด “แรงกระเพื่อมไหว” ครั้งใหญ่

ใหญ่จน พล.อ.ประยุทธ์
ขอใช้สิทธิ์ “เลี่ยงไม่ตอบคำถามต่อสื่อมวลชน” ในวันที่ 29
มิถุนายนก่อนเดินทางไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่
และอาจจะนับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้สิทธิ์นี้
นับจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นต้นมา

ใหญ่จนคนมีตำแหน่งสูงๆ
ในรัฐบาล พากันออกมาประสานเสียงว่า “รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา”
และ “เตรียมเล่นงานคนอยู่เบื้องหลังนักศึกษา” หลังจากตรรกะวาทกรรม
“ไม่เห็นด้วยกับ คสช.คือต้องการความไม่สงบ” ใช้ไม่ได้ผลนัก
แต่นั่นก็ไม่อาจกลบแรงกระเพื่อมไหวครั้งนี้ได้

จนกระทั่ง อนุสิษฐ
คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ต้องออกมาตั้งคำถามต่อสังคมว่า
การเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มนี้นั้น “สร้างประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศบ้าง”
เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปเพื่อลูกหลานคนไทยทั้งประเทศ


สิ่งนี้ย้อนไปถึง คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี
ที่พูดบ่อยครั้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ที่พูดว่า คสช.จะนำ
ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาสู่ประชาชน และ ตัวท่านคือทหารประชาธิปไตย




ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสากลนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับรัฐ
ทั้งเรื่องกฎหมายที่เป็นไม่ธรรม การร้องเรียนสิ่งที่ประชาชนต้องการ
การตีฆ้องร้องป่าวต่อความไม่เป็นธรรม รวมถึงสิทธิที่จะเอ่ยปากต่อต้านรัฐบาล
ดั่งเช่นที่ม๊อบทั้งหลายทำมานับ 10 ปีที่ผ่านมา ที่ใช้การต่อรองแบบ
รวมกลุ่มเป็นมวลชนเพื่อสร้างพื้นที่ต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาล ซึ่งนับเป็น
“เสียง” ที่ดังที่สุดของประชาชนเท่าที่ระบอบการเมืองการปกครองจะมอบให้ได้


แต่นับตั้งแต่ กฎอัยการศึกออกมาบังคับใช้ จนถึง คำสั่ง คสช.
ออกมาประกาศใช้ พื้นที่ต่อรองของประชาชนก็หายไป “เสียง”
ถูกกลบหายด้วยอำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว และคำสั่งคสช.
คือตัวแทนอันเป็นรูปธรรมของภาวะ “ห้ามเถียง” “ห้ามคัดค้าน” “ห้ามต่อต้าน”
ที่ คสช.ใช้กับประชาชน ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนเขาทำกัน
ไม่เคยมีการรัฐประหารครั้งใดเหมือนครั้งนี้ แม้ในมาตรา 4
แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนรองรับถึงสิทธิพลเมืองที่ต้องได้รับการ
คุ้มครองก็ไร้ความหมาย อาจเพราะคำสั่งคสช. อยู่เหนือรัฐธรรมนูญชั่วคราว


ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR)
ได้ระบุถึงสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน คือสิทธิเสรีภาพที่จะพูดหรือแสดงออก
หากไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น การมี คำสั่งคสช.
คือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างไม่ต้องสงสัย
และแน่นอนว่าประเทศประชาธิปไตยโดยทั่วไปแล้ว
ประชาชนมีสิทธิที่จะต่อรองกับรัฐเพื่อยกเลิกกฎหมายที่ริดลอนสิทธิเสรีภาพ
ขั้นพื้นฐานของพลเมือง เพราะมิเช่นนั้น “กฎหมาย” จะกลายเป็นเพียง “คำสั่ง”
ของรัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่เอาไว้กดขี่พลเมืองของรัฐ



วันที่ 22
พฤษภาคม 2558 ดาวดินจึงร้องตะโกนอย่างเงียบสงบ
ในพื้นที่การเมืองซึ่งไม่มีที่ให้เสียงใดได้เล็ดลอดออกจากความเงียบภายใต้
“คำสั่ง คสช.” ไปได้
ในพื้นที่ที่พวกเขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
กลุ่มนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวไร้อาวุธ แค่เพียงพูดในสิ่งที่ตนเชื่อ
นั่งมองนาฬิกาและชูป้ายผ้า นั้นมีความผิด



ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา
“นักศึกษา” คือตัวแทนของพลังบริสุทธิ์ พลังแห่งปัญญาชน จวบจนยุคสมัยของคสช.
ที่ภาพของนักศึกษา ถูกวาทกรรมป้ายสีให้พวกเขากลายเป็นทาสของทุน
ถูกซื้อและชักใยอยู่โดยผู้อื่น
ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย


และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้น คือความเงียบ ที่ไม่ใช่ความสงบ
แต่เป็นความเงียบสงัดที่รัฐได้ชิง “เสียง” ของประชาชนไป
การเคลื่อนไหวของดาวดิน เป็นเพียงกรณีเดียว
ที่สังคมได้รับรู้รับทราบผ่านการบอกเล่าของสื่อมวลชนเท่านั้น
เพราะในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา คำสั่ง คสช. ได้ทำให้สังคมไทยเงียบสงัดลง
ไม่ว่าจะเป็นการเสวนาวิชาการที่ถูกปิดลงนับครั้งไม่ถ้วน
การไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ต่างๆ นับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเพราะที่ดินสปก.หรือพื้นที่ป่า
การสั่งห้ามการกิจกรรมเพื่อปฏิรูปที่ดิน
หรือแม้กระทั่งตามต่างจังหวัดที่คสช.เฝ้าระวัง แค่เพียงชาวบ้านนั่งรถเกิน 5
คน ก็จะมีการตั้งด่านจับเพื่อตรวจสอบ



ฉะนั้นภายใต้คำสั่ง คสช. นั้น เราไม่มีประชาธิปไตยใดๆ ทั้งสิ้น

และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า หลังผ่านพ้นคำสั่ง คสช.ไปแล้ว เราจะได้มันมาหรือเปล่า



Credit:  http://prachatai.org/journal/2015/07/60137












The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States

The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States The 2025 Thai–C...