Friday, January 22, 2016

บิ๊กตู่' ลั่น อยากทิ่มปาก 'จตุพร' จ้อ 'มีชัย' เขียนร่างฯรธน.ไม่ผ่าน

บิ๊กตู่' ลั่น อยากทิ่มปาก 'จตุพร' จ้อ 'มีชัย' เขียนร่างฯรธน.ไม่ผ่าน

นายกฯ ลั่นอยากหาอะไรทิ่มปาก "จตุพร" หลังชี้ "มีชัย" ตั้งใจเขียน รธน. ไม่ให้ผ่านประชามติ ท้า แน่จริงทำสัญญาประชาคมเลย เลิกทุจริต

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 59 ที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตั้งใจร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้ไม่ผ่านประชามติ ว่า "ไอ้คนพูดเนี่ยใคร ไปเอาอะไรทิ่มปากมันสักทีซิ มีใครจะบ้าทำอะไรแบบนั้น" เขาอธิบายแล้วว่าเขาออกแบบมาแบบนี้ เพื่ออะไร แล้วในส่วนของการเข้ามาของนักการเมืองเป็นอย่างไร แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ย้อนกลับไปสู่สาเหตุของปัญหาที่ตนมายืนตรงนี้ ท่านก็เห็นว่าปัญหาของประเทศอยู่ตรงไหน ทางด้านการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การตรวจสอบอำนาจ การใช้อำนาจ ผลประโยชน์ทับซ้อน การไม่ทั่วถึงไม่เป็นธรรม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นั่นเขาถึงต้องมีกติกาออกมา

"ถ้าท่านบอกว่าพูดยังงั้นแล้ว ท่านก็ไปบอกไอ้คนพูดสิ ออกมายืนเข้าแถวสัญญาประชาคมว่า ต่อไปนี้ผมจะไม่ทุจริต ต่อไปนี้ผมจะมีธรรมาภิบาล ดังนั้นอย่ามาไล่กับผม เข้าใจรึยัง อย่าไปฟังเขามากผมขี้เกียจฟัง ฟังแล้วโมโห เสียอารมณ์หมด วันนี้ยิ่งอารมณ์ดีมาตลอด" นายกฯ กล่าว และบอกกับสื่อมวลชนว่า "พวกเธอก็อย่าไปฟังเขา อย่าไปขยายความให้เขา เขาพูดในบ้านก็เรื่องของเขา"


        อาสาหาข่าว
           22/1/59

Thursday, January 21, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 22 มกราคม 2559 ตอน "มองเทศ มองไทย: พฤติกรรมทำลายตัวเองของคนไทย" เปรียบไทย ไทย มาเลเซีย และเวียตนาม


ดร. เพียงดิน รักไทย 22 มกราคม  2559
ตอน "มองเทศ มองไทย: พฤติกรรมทำลายตัวเองของคนไทย"
เปรียบไทย ไทย มาเลเซีย และเวียตนาม 
หรือ
*******************
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

ดร. เพียงดิน รักไทย 22 มกราคม 2559 ตอน "มองเทศ มองไทย: พฤติกรรมทำลายตัวเองของคนไทย" เปรียบไทย ไทย มาเลเซีย และเวียตนาม


ดร. เพียงดิน รักไทย 22 มกราคม  2559
ตอน "มองเทศ มองไทย: พฤติกรรมทำลายตัวเองของคนไทย"
เปรียบไทย ไทย มาเลเซีย และเวียตนาม 
หรือ
*******************
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

Wednesday, January 20, 2016

"ทหารมีไว้ทำไม? ช้างเหี้ย ๆ เอาไว้ทำไม?" ดร. เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย

"ทหารมีไว้ทำไม? ช้างเหี้ย ๆ เอาไว้ทำไม?" ดร. เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย
หรือ
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

!!!อ า ห า ร ที่ กิ น คู่ กั น . . . อั น ต ร า ย ! !

ด่วน...คู่มรณะ ผลการวิจัยล่าสุดของศาสตราจารย์   Mome Kaowa แห่งสถาบัน Manosatra พบว่า
...:
 !!!อ า ห า ร ที่ กิ น คู่ กั น . . . อั น ต ร า ย ! ! 

1. กินทุเรียนกับ น้ำอัดลม  ให้พิษร้าย มากกว่าพิษงูเห่า!

2. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง  ห้ามรับประทานด้วย กันจะทำให้หูหนวก
...
3. น้ำเต้าหู้  ห้ามใส่ น้ำตาลแดง จะทำให้ เสียวิตามิน

4. มันฝรั่งกับกล้วย ทุกชนิด  ห้าม รับประทานรวมกัน จะทำให้หน้าเป็นฝ้า

5. หัวไชเท้ากับผลไม้ ทุกชนิด  ห้าม รับประทานรวมกัน จะทำให้เกิดคอพอก

6. กล้วยกับเผือก  ห้ามรับประทานด้วย กัน จะทำให้ท้องอืด

7. บวบ ซือกวย ไชเท้า  ห้ามรับประทานวัน เดียวกัน จะทำให้เป็น เบาหวาน ทำให้เชื้อ อสุจิอ่อนไม่แข็งแรง

8. กล้วย+มะละกอ +แตงโม ห้าม รับประทานด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน

9. มังคุดกับน้ำตาล  กินรวมกันจะทำให้เสียชีวิต

10. ผักป๋วยเล้ง  ห้าม รับประทาน กับเต้าหู้ จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง

11. น้ำผึ้ง  ห้ามชงด้วย น้ำที่ร้อนจะทำให้เสีย วิตามิน

12. ส้มกับมะนาว  ห้าม รับประทานด้วยกัน จะทำให้กระเพาะทะลุ

13. ปลาทุกชนิด ห้ามต้มกับผักกาดดอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง

14. ขิงดอง ห้ามเข้า ตู้เย็น กินแล้วจะเป็น โรค มะเร็ง

15. น้ำข้าว ห้ามใส่กับ นม จะทำให้เสียวิตามิน

16.น้ำเต้าหู้กับนมสด ห้ามใส่ไข่ เพราะจะทำ ให้ท้องผูกและเส้นเลือดตีบ

17. ถั่วลิสงกับฟักทอง  ห้ามรับประทานรวม กัน จะทำให้ทำร้าย ร่างกายและลำไส้ อักเสบ

18. มันเทศกับลูกพลับ  ห้ามรับประทานรวม กัน จะทำให้เกิดนิ่ว ในกระเพาะอาหาร

19. เหล้าขาวกับลูก พลับ ห้ามรับประทาน ด้วยกันจะทำให้เป็นพิษ

20. เหล้าขาวกับเบียร์  ห้ามรับประทานด้วย กัน จะทำให้เส้นเลือด ในสมองแตก

21. หัวไชเท้ากับเห็ด หูหนู ทั้งดำและขาว  ห้ามรับประทารด้วย กัน จะเป็นโรคผิวหนัง

* * มีนักท่องเที่ยว ชาวจีนวัยเพียง28ปี รายหนึ่ง ตอนมาเที่ยว เมืองไทยได้รับประทานทุเรียนไปจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำอัดลม สารคาเฟอินในน้ำ อัดลมก่อให้เกิดความ ดันโลหิตสูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว ทำให้หัวใจ วายอย่างเฉียบพลัน

+ + ประเทศไทย ได้ออกกฎอย่าง ชัดเจนไว้ว่า ภายใน    8 ชั่วโมงหลังจาก การรับประทานทุเรียน เป็นจำนวนมาก ห้ามดื่ม น้ำอัดลม เป็นอันขาด ! !

* ทุเรียนก่อให้เกิด แก๊สในกระเพาะสูงเลยทีเดียว
...เพื่อชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา
 โปรดแชร์ด่วนเพื่อคนไทย

สนธิ ลิ้มทองกุล เพิ่งตาสว่างหรือไง ว่าเชิญกงจักร ขึ้นบนหัวคนไทยทุกคน??

★สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตร เสื้อเหลือง เหลืออด ออกโรงจวก การทำงานของรัฐบาล คสช. และการเคลื่อนไหวของ " เทพเทือก " บอกสุดสมเพช เวลาเห็นหน้า สุเทพ เทือกสุบรรณ ติ่งสุเทพ ติ่งประยุทธ์ ติ่ง กปปส. ติ่งประชาธิปัตย์
     วันที่ 19 มกราคม 2559 มีรายงานว่า วันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา " เพจเฟซบุ๊ก รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ " ได้นำเอาบทความ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ และผู้นำกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อ ประชาธิปไตย เขียนถึงเหตุบ้านการเมืองต่าง ๆ มีเนื้อหาน่าสนใจหลายประการ อาทิ การวิพากษ์การทำงาน ของรัฐบาล คสช. รวมถึงการเคลื่อนไหว ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส.
     "คุณสนธิปล่อยความคิด ผ่านมาเป็นตัวอักษร ถึงพี่น้องแฟน ๆ " คุยทุกเรื่องกับสนธิ " มีความคิดเห็น กันอย่างไรฝากความคิดเห็นไว้นะครับ " แอดมินเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก
     ทั้งนี้ ประเด็นที่นายสนธิ เขียนถึงแฟน ๆ ระบุว่า  ช่วงนี้บรรดาพรรคพวก เพื่อนฝูง น้องนุ่ง ลูกหลาน เวลาอยู่กับผม ไม่ว่าจะเป็นทานข้าวเช้า หรือนั่งสนทนากัน มักจะบ่นว่า หมู่นี้ผมดูเหม่อลอย บางทีนั่งคุยกัน ทั้งโต๊ะ แต่ผมนั่งเงียบ ๆ และไม่ได้ฟังพวกเขา ใจลอยไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ คำถามที่จะโดนประจำช่วงนี้ คือ "คิดอะไรอยู่" - "มีอะไรในใจหรือครับ" - "เอาความในใจมาเล่าให้ฟังกันบ้างสิ" ฯลฯ
     นายสนธิ ระบุต่อไปว่า ไม่รู้มันเป็นเพราะช่วงนี้ ปัญหาชาติบ้านเมืองมันเยอะ หรือเป็นเพราะชีวิตผ่านมา มากเหลือเกิน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา - รอบตัวเรา - ในโลกของเรา และประกอบกับถึงวัย ไม่อยากคุยกับใคร ก็เลยทำให้คิดคนเดียว  ยังดีนะนี่ ที่ได้ปฏิบัติธรรมทุกวัน นั่งภาวนาสมาธิอย่างน้อยวันละ 3 เวลา มันทำให้คิดและปล่อยวางได้ทันที โดยไม่เอาเข้ามารบกวนจิตใจ หรือให้เป็นขยะในใจได้ พยายามรักษาความเป็นประภัสสรของใจ ไม่ให้มัวหมอง
     ลักษณะแบบนี้จะเป็นเรื่อย ๆ ช่วงหลังนี้ ยิ่งเห็นข่าวของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะขายที่ดินของประเทศ ไทย ให้ต่างชาติเป็นเวลา 99 ปี ก็อดคิดถึงวันที่สมคิดตายไปแล้ว แล้วลูกหลานคนไทยก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะทำ อะไรได้นอกจากต้องรับสภาพที่น่าขมขื่น ก็อดคิดถึงในยุคล่าอาณานิคมแล้ว ไทยต้องต่อสู้จนเลือดตาแทบ กระเด็น ในเรื่องของการยกเลิกสิทธินอกอาณาเขต ยุคนั้นบรรพบุรุษไทยสู้เพื่อคนไทยจะได้มีสิทธิเสรีภาพ ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้อย่างสง่าผ่าเผย ประวัติศาสตร์ยังไม่ทันจะเลือนลางหายไป

สุจิตต์ วงษ์เทศ : สุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรก (เครดิต มติชนออนไลน์)

http://www.matichon.co.th/news/6289

สุโขทัยเป็นรัฐขนาดเล็กรัฐหนึ่ง มีดินแดนทางทิศใต้แค่เมืองพระบาง (นครสวรรค์) เท่านั้น ดินแดนใต้ลงไปอีกเป็นของรัฐอยุธยาและรัฐสุพรรณภูมิ บริเวณคาบสมุทรเป็นของรัฐมลายูปัตตานี

ฉะนั้นสุโขทัยจึงไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของไทย เพราะก่อนหน้านั้นมีรัฐหลายแห่ง และร่วมสมัยสุโขทัยก็มีรัฐอื่นๆ อีกหลายแห่ง

ที่สำคัญคือรัฐอโยธยา-ละโว้ ที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง สนับสนุนผลักดันให้เกิดรัฐสุโขทัย เพื่อกว้านทรัพยากรภายในส่งให้อโยธยา-ละโว้ค้ากับนานาชาติยุคนั้น

สื่อสารด้วยภาษาไทย เมื่อกรุงศรีอยุธยาเป็นราชอาณาจักรสยามแห่งแรก ย่อมมีไพร่ฟ้าประชาราษฎรเป็นประชาชาติหลายชาติพันธุ์และหลายชาติภาษาตั้งหลักแหล่งอยู่ด้วยกัน แล้วสื่อสารด้วยภาษากลาง คือ ภาษาไทย

ภาษาเขมรเป็นราชาศัพท์ ส่วนราชสำนักกรุงศรีอยุธยายุคแรกเริ่มใช้ภาษาเขมร เพราะเป็นภาษาชั้นสูงสืบต่อมาจากทวารวดีและละโว้ที่ลพบุรี แล้วได้รับยกย่องเป็นราชาศัพท์สืบจนทุกวันนี้

คนไทย เมื่อภาษาไทยเป็นภาษากลาง อย่างน้อยทางการค้าภายใน ภาษาไทยจึงเป็นพลังสำคัญผลักดันทีละน้อยให้มีสำนึกตัวตนความเป็นคนไทยตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา

อักษรไทย ด้วยเหตุที่สื่อสารด้วยภาษาไทย แล้วเรียกตัวเองว่าคนไทย มีคนชั้นปกครองพูดภาษาไทย ฯลฯ จำเป็นต้องมีอักษรของตัวเอง

ส่งผลให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตในราชสำนักลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง (ก่อนยุคกรุงศรีอยุธยา) ยกย่องอักษรเขมร (ที่รู้จักทั่วไปว่าอักษรขอม) เป็นต้นแบบ จึงดัดแปลงเป็นอักษรไทยเขียนลงบนสมุดข่อย อันเป็นเทคโนโลยีก้าวหน้าในยุคนั้น

ขณะเดียวกันก็ยังยกย่องอักษรเขมรเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์สืบต่อมา ใช้เขียนข้อความและเรื่องศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ลงอักขระ และวรรณคดีชั้นสูงของราชสำนัก ฯลฯ แต่เรียกอักษรขอม

อธิบายภาพประกอบ อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง จ. สุโขทัย


ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย 20 มกราคม 2559 (มี mp3 ด้วย)


ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย
ดร.เพียงดิน  รักไทย 
ชวนคิดชวนลุย 20 มกราคม  2559  
YouTube

mp3  59 นาที

ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย ดร.เพียงดิน รักไทย ชวนคิดชวนลุย 20 มกราคม 2559 (มี mp3 ด้วย)


ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย
ดร.เพียงดิน  รักไทย 
ชวนคิดชวนลุย 20 มกราคม  2559  
YouTube

mp3  59 นาที

ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย ดร.เพียงดิน รักไทย มดแดงล้มช้าง สร้างชาติ ชวนคิดชวนลุย 11:30 น. วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2559


ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย
ดร.เพียงดิน รักไทย มดแดงล้มช้าง สร้างชาติ ชวนคิดชวนลุย 11:30 น. วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2559
https://youtu.be/2pQyazY0P9A
หรือ
https://www.youtube.com/watch?v=18NA83Cz3Eo
หรือ
https://youtu.be/CjIKwitpstY

----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย ดร.เพียงดิน รักไทย มดแดงล้มช้าง สร้างชาติ ชวนคิดชวนลุย 11:30 น. วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2559


ทางตันของ "ระบอบภูมิพล" กับ ความเสี่ยงของชาติไทย
ดร.เพียงดิน รักไทย มดแดงล้มช้าง สร้างชาติ ชวนคิดชวนลุย 11:30 น. วันพุธ ที่ 19 มกราคม 2559
https://youtu.be/2pQyazY0P9A
หรือ
https://www.youtube.com/watch?v=18NA83Cz3Eo
หรือ
https://youtu.be/CjIKwitpstY

----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
http://tinyurl.com/o2rzao8
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

Tuesday, January 19, 2016

ใครที่คิดจะไปเที่ยวลาว ควรระวัง

ใครที่คิดจะไปเที่ยวลาว ควรระวัง วันก่อนมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในลาว ผ่านด่านช่องเม็ก ขาไปผ่านด่านของลาวเข้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่สนใจที่จะเรียกดู หรือปั๊มพาสปอร์ตให้ ทำให้คนที่เข้าไป เข้าใจว่าคงไม่ต้องปั้มพาสปอร์ตปรากฏว่าขากลับ โดนจับปรับคนละ 4.000 บาท ข้อหาแอบหนีเข้าเมือง เพราะไม่มีตราปั้มเข้าในพาสปอร์ต กลุ่มเพื่อนผมเข้าไปกัน5คน โดนปรับ5คน2หมื่น สุดท้ายต่อรองเหลือห้าคนรวม10.000บาท หวานคอเจ้าหน้าที่ด่านของลาวไปตามตามกัน เห็นบอกว่าโดนกันเยอะมาก บางคนยื่นพาสปอร์ตให้เขา เขาแค่มองแต่ไม่ปั้มตราให้ ขาออกโดนกันเป็นแถว 
ระวังจะเป็นหมูไทย วิ่งไปชนปังตอลาวเข้าให้ 5555

ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ยิ่งรักษาระบอบราชาฯไว้ ยิ่งเสี่ยงต่อสงครามกลางเมือง

ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ ตอน ยิ่งรักษาระบอบราชาฯไว้ ยิ่งเสี่ยงต่อสงครามกลางเมือง http://www.mediafire.com/listen/0s8400082vsg9ri/chupong-usa2016-1-20.mp3 ตอนที่ 1 ดาว์โหลดเพื่อก่าเผยแพร่
https://www.youtube.com/watch?v=UY_4-XEZ0kg&feature=youtu.be

@อย่าก่อสังฆเภท@

ใครสนใจเรื่อง ประวัติโดยสังเขปของความเป็นมาของสงฆ์ 2 นิกายในไทย
ก็อ่านดูนะ เป็นความรู้

@อย่าก่อสังฆเภท@

_____>>คณะสงฆ์เถรวาทในประเทศไทยแต่เดิมเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวกัน  ต่อมาในยุคต้นรัตนโกสินทร์เมื่อได้เกิด "ธรรมยุติกนิกาย" ขึ้นแยกจากคณะสงฆ์เดิม  คณะสงฆ์ไทยแต่เดิมจึงเรียกว่า  "มหานิกาย"

>>ในประเทศศรีลังกาและกัมพูชามีคณะสงฆ์เถรวาทหลายนิกาย  แต่ละนิกายก็มีพระสังฆราชของตนเองปกครอง  เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยที่พระภิกษุนานาสังวาสจะไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน  แต่ในประเทศไทยคงปกครองร่วมกันเพื่อความสามัคคี  

<< ปัจจุบัน >>
  คณะสงฆ์มหานิกายมีวัด  31,890  แห่ง  พระภิกษุ  256,826  รูป
  คณะสงฆ์ธรรมยุติ  มีวัด  1,987  แห่ง พระภิกษุ  33,189  รูป
  โดยเฉลี่ยสัดส่วนของวัดและพระภิกษุของมหานิกายต่อธรรมยุติประมาณ  10:1  

>>เนื่องจากคณะสงฆ์ธรรมยุติถือกำเนิดโดยรัชกาลที่  4  จึงมีความใกล้ชิดกับพระราชวงศ์  และมีสิทธิ์พิเศษหลายอย่าง  เช่น  สมัยที่ยังมีเจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัด  เจ้าคณะอำเภอ   เจ้าคณะตำบล  ตำแหน่งละ  1  รูป  หากเจ้าคณะเหล่านี้เป็นพระภิกษุธรรมยุติจะปกครองวัดมหานิกายในพื้นที่นั้นๆได้  แต่หากเจ้าคณะพื้นที่ใดเป็นพระภิกษุมหานิกาย  ห้ามปกครองวัดธรรมยุติ  ให้ปกครองแต่พระภิกษุและวัดมหานิกายเท่านั้น  ส่วนวัดธรรมยุติจะไปขึ้นตรงกับเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติที่กรุงเทพฯ

>>การถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมนี้สร้างความอึดอัดแก่คณะสงฆ์มหานิกาย แต่ก็กล้ำกลืนฝืนทน  และมาถูกจุดระเบิดขึ้นเมื่อพ.ศ.2494

>> ในขณะนั้น  การปกครองคณะสงฆ์ไทยเป็นไปตามพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484  ซึ่งกำหนดให้สมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งสังฆนายกคล้ายนายกรัฐมนตรีของสงฆ์  แล้วสังฆนายกแต่งตั้งสังฆมนตรีว่าการองค์การต่างๆ  

>>ในพ.ศ.2494  ตำแหน่งสังฆนายกว่างลง  สมเด็จพระสังฆราช  กรมหลวงวชิรญาณวงศ์  วัดบวรนิเวศวิหาร  แทนที่จะแต่งตั้งสมเด็จปลด  วัดเบญจมบพิตรพระมหาเถระฝ่ายมหานิกาย  ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์  แต่กลับทรงมีพระบัญชาตั้งพระศาสนโสภณ  ซึ่งเป็นพระธรรมยุติด้วยกันเป็นสังฆนายก

>>พระราชาคณะ  47  รูป  ฝ่ายมหานิกายจึงได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงสมเด็จพระสังฆราช  คัดค้านพระบัญชาดังกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว  ส่งผลให้พระศาสนโสภณลาออกจากตำแหน่งสังฆนายก  และสมเด็จพระสังฆราชได้นิมนต์พระเถระฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติประชุมร่วมกัน  ณ  ตำหนักเพชร  วัดบวรนิเวศ  เมื่อวันที่  12  กรกฎาคม  พ.ศ.2494  มีข้อตกลงร่วมกันคือ
__1. การปกครองส่วนกลาง  คงบริหารร่วมกัน  แต่การปกครองบังคับบัญชาให้เป็นไปตามนิกาย
__2.การปกครองส่วนภูมิภาคให้แยกไปตามนิกาย

>>ข้อตกลงนี้เรียกว่า  __"ข้อตกลงตำหนักเพชร 2494"__ ซึ่งรัฐบาลได้รับรองอย่างเป็นทางการด้วย

>>ผลจาก__ข้อตกลงตำหนักเพชร__ทำให้มีตำแหน่งเจ้าคณะภาค  เจ้าคณะจังหวัด  เจ้าคณะอำเภอ  เจ้าคณะตำบล  ตำแหน่งละ  2  รูป  เป็นของพระภิกษุมหานิกายและธรรมยุต แยกขาดจากกัน
จากนั้นสมเด็จพระสังฆราช  ก็ได้มีพระบัญชาแต่งตั้งสมเด็จปลด วัดเบญจมบพิตร  เป็นสังฆนายก
 
>>ปัจจุบันการปกครองคณะสงฆ์ตาม พรบ.คณะสงฆ์  2505  แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 กำหนดให้มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์  มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานกรรมการ   และมีกรรมการมหาเถรสมาคมฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต  ฝ่ายละ 10 รูป  รวมเป็น 21 รูป

>>คณะสงฆ์มหานิกายมีมากกว่าคณะสงฆ์ธรรมยุติถึง 8:1 การกำหนดให้มีจำนวนกรรมการมหาเถรสมาคมเท่ากัน  ไม่ยุติธรรม  แต่คณะสงฆ์มหานิกายก็ยอมรับ  เพราะเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของคณะสงฆ์และชาติบ้านเมือง

>>เมื่อดูการดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช  ก็พบว่า  ตั้งแต่ พ.ศ.2453 ถึงปัจจุบัน  มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติรวมระยะเวลา  89 ปี เป็นพระภิกษุฝ่ายมหานิกายรวมระยะเวลา 14 ปี

>>เมื่อพระมหาเถระฝ่ายธรรมยุติได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างยาวนาน  คณะสงฆ์มหานิกายก็ไม่เคยคัดค้าน

>> แต่บัดนี้เมื่อสมเด็จพระญาณสังวรฯสมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์  ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง  มหาเถรสมาคมได้มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559   เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  วัดปากน้ำ  ภาษีเจริญซึ่งเป็นพระมหาเถระฝ่ายมหานิกายและมีอาวุโสสูงสุดทั้งโดยสมณศักดิ์และโดยพรรษาในบรรดาสมเด็จฯที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้  เป็นสมเด็จพระสังฆราช 

>>คณะสงฆ์โดยรวมไม่มีปัญหา  สมเด็จพระวันรัต  วัดบวรนิเวศวิหาร  เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติเป็นผู้เสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ต่อที่ประชุมเองด้วยซ้ำไป  กรรมการมหาเถรสมาคม  ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นพ้องต้องกัน   สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นปูชนียะที่คณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศให้ความเคารพเป็นอย่างสูง  ถ้าทำตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา  แต่ปัญหาเกิดเพราะมีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีจะตะแบงเอาตามใจตัวเอง  เรื่องการปกครองคณะสงฆ์  ไม่ฟังมติมหาเถรสมาคมแล้วจะฟังใคร 

>>คณะสงฆ์มหานิกายและธรรมยุติกนิกายโดยภาพรวมปัจจุบันก็อยู่ร่วมกันด้วยดี  เอื้อเฟื้อกัน  ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  แต่ขบวนการชั่วได้หาเรื่องใส่ร้ายโจมตีเจ้าประคุณสมเด็จฯวัดปากน้ำเพื่อ ดิสเครดิตมากมาย  *โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความสามัคคีของคณะสงฆ์ทั้ง 2 นิกาย*

>>มีคนนำรถเก่าโบราณ 60 ปีก่อนมาถวายสมเด็จฯ  ท่านก็ให้เอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์  เพื่อให้ประชาชนที่สนใจมาศึกษาลักษณะรถโบราณ  ท่านไม่ได้เอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว  แต่มีการสร้างวาทกรรมโจมตีว่าท่านครอบครองรถหรูไม่เสียภาษี  รถหรูอะไร  เก่าจนวิ่งออกถนนไม่ได้แล้ว  

>>นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่า  จะมีการใช้วิธีทำลายล้างทางการเมืองมาทำลายการคณะสงฆ์  สมคบคิดวางแผนโค่นสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์   โดยให้หน่วยราชการต่างๆหาทางจับผิดกลั่นแกล้งสมเด็จฯวัดปากน้ำ  เพื่อให้เป็นข่าวอึกทึกครึกโครม ดิสเครดิตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชให้มัวหมอง อ้างว่ามีมลทินไม่เหมาะสม  แล้วเสนอตั้งสมเด็จฯฝ่ายธรรมยุติเป็นสมเด็จพระสังฆราชแทน

>> มีพระภิกษุธรรมยุติตัวแทนกลุ่มลูกศิษย์หลวงตามหาบัวออกมาคัดค้านการเสนอนามพระมหาเถระฝ่ายมหานิกายเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2559 รุนแรงหยาบคายถึงขนาดใช้คำว่า  "เอาหมาขี้เรื้อนมาตั้งเป็นสังฆราช  ใครจะไปกราบหมาขี้เรื้อนมันก็รู้อยู่นี่"

**พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงสอนให้พระภิกษุรูปใดด่าเรียกพระภิกษุรูปอื่นว่าเป็น__"หมาขี้เรื้อน"

>>การจาบจ้วงหยามเหยียดอย่างรุนแรงของกลุ่มพระธรรมยุติลูกศิษย์หลวงตามหาบัวครั้งนี้  ได้สะกิดให้ไฟแห่งความคับแค้นใจของคณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง  คณะสงฆ์มหานิกายทั้งประเทศกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด   หากมีการใช้หน่วยงานราชการไปหาเรื่องจับผิดรังแกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์   วัดปากน้ำ  ภาษีเจริญ  ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจริง  ก็เท่ากับเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ   ซึ่งจะทวีดีกรีความร้อนแรงจนอาจจะแผดเผาสังฆมณฑลให้มอดมิดเป็นจุณไปก็ได้  สังคมไทยจะแตกแยกลึกซึ้งจนถึงแก่น  และจะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อทุกสถาบันในสังคมไทย  จนอาจจะไม่เหลือสถาบันใดๆ  ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยต่อไปอีกเลย

>>คณะสงฆ์กลุ่มลูกศิษย์หลวงตามหาบัว  มีจำนวนราว  5%  ของคณะสงฆ์ธรรมยุติ หรือราว 0.5% ของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ  และกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวนี้เป็นเพียงบางส่วนของลูกศิษย์หลวงตามหาบัวเท่านั้น  เป็นกลุ่มที่ถือความเห็นตนเป็นใหญ่  แม้คณะสงฆ์ธรรมยุติเองก็ปกครองไม่ค่อยได้

>>ให้รัฐบาลตัดสินใจว่า  จะเลือกคณะสงฆ์ส่วนรวม 99 % ของประเทศไทยโดยทำหน้าที่ตามกฎหมาย  หรือจะเลือกคณะสงฆ์จำนวนไม่กี่รูปไม่ถึง 1% ของประเทศโดยใช้กฎหมู่  คณะสงฆ์มหานิกายทั่วประเทศจับตาดูอยู่  

>>ขอให้รัฐบาลกำชับหน่วยงานราชการ__**อย่าตกเป็นเครื่องมือของขบวนการชั่วร้าย**__  ที่มุ่งทำลายคณะสงฆ์มหานิกาย  อย่าเล่นกับไฟ หากมีการดำเนินการใดๆไปสู่การนำเสนอแต่งตั้งสมเด็จฯฝ่ายธรรมยุติเป็นสมเด็จพระสังฆราช  โดยไม่เสนอสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  หรือดองเรื่องถ่วงเวลา   ก็อาจถึงเวลาที่คณะสงฆ์ไทยจะได้กระทำตามพระธรรมวินัย  ตามหลักนานาสังวาส  มีสมเด็จพระสังฆราชของคณะสงฆ์มหานิกายและธรรมยุติแยกขาดจากกัน  ส่วนคณะสงฆ์ลูกศิษย์หลวงตาบัวบางส่วน  จะทำสังฆเภทแยกการปกครองออกจากคณะธรรมยุติกนิกาย  มีสังฆราชของตนเองหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา
18/1/59

For Immediate Release US/ASEAN: Make Rights Central to Summit Obama Should Press Leaders to End Repression and Abuses

For Immediate Release
 
Obama Should Press Leaders to End Repression and Abuses

(Washington, DC, January 19, 2015) – United States President Barack Obama should ensure that human rights are a central focus in the upcoming summit of Southeast Asian leaders in the US, Human Rights Watch said today in a letter to Obama. Obama is scheduled to host the leaders of the 10-country Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) on February 15-16, 2016, at the Sunnylands estate in California.

"ASEAN's many authoritarian leaders include people implicated in grievous human rights abuses, war crimes, and coups d'etat that would make them ineligible for US visas if they weren't heads of government," said
John Sifton, Asia advocacy director at Human Rights Watch. "The summit risks empowering and even emboldening ASEAN's abusive leaders unless President Obama emphasizes human rights issues and invites the participation of civil society groups."

Human Rights Watch urged Obama to hold sessions around the summit in which governments hear directly from leaders of civil society, human rights, and environmental groups, as occurred during the August 2014 US-Africa Summit in Washington, DC.

Obama should also communicate to ASEAN governments that they should, ahead of the summit, release significant numbers of political prisoners and drop charges against those facing politically motivated prosecutions – or expect those issues to be raised publicly at the summit.

One of the ASEAN leaders, Prime Minister Hun Sen of Cambodia, has ruled over Cambodia for
more than 30 years, using violence, intimidation, and politically motivated arrests and prosecutions against all perceived opponents, while allowing high-level corruption and cronyism to flourish. He refused to step down after losing an election in 1993, and subsequently carried out a coup in 1997. He is also implicated in possible crimes against humanity committed in the mid-1970s in eastern Cambodia when he was a commander in the Khmer Rouge. The latest election in 2013 was fundamentally flawed and the opposition leader, Sam Rainsy, is now living in exile to avoid arrest in politically motivated cases. Because of his dismal human rights record, it has long been US policy not to offer an official invitation to visit the US to Hun Sen.

Other ASEAN leaders expected to attend include four unelected heads of government.
Thailand's Prime Minister Gen. Prayut Chan-ocha, who took power in a 2014 military coup, has presided over a relentless crackdown on peaceful dissent and assembly. Prime Minister Nguyen Tan Dung of Vietnam and President Choummaly Sayasone of Laos preside over one-party authoritarian states that deny basic freedoms and use censorship, intimidation, and torture to maintain their party's hold on power. The sultan of Brunei, Hassal Bolkiah, one of the world's few remaining hereditary government leaders, has imposed a near complete ban on freedoms of expression, association, and assembly.

The prime minister of
Malaysia, Najib Razak, implicated in a massive corruption scandal, has engaged in a major crackdown on the political opposition, civil society groups, and the media, including imprisoning opposition leader Anwar Ibrahim on trumped-up charges.

"President Obama shouldn't be rewarding abusive leaders with the prestige of a summit in the US," Sifton said. "Inviting to the US people who dismantle democracies or systematically repress their own people sends the wrong message to the world about the US government's respect for basic rights and freedoms."

Human rights issues especially relevant to ASEAN countries include the lack of free and fair elections; excessive restrictions on freedoms of expression, association, and assembly; unnecessary restrictions on civil society groups; abuses against human rights defenders and other activists; women's rights; political use of courts; high-level corruption; lack of protections of refugees and asylum seekers; human trafficking; and the rights of lesbian, gay, bisexual, and transgender (LGBT) people.

"The US government's diplomatic 'rebalance' to Asia could still bring positive change if human rights and democracy are raised to the same level as other US priorities in the region," Sifton said. "Obama should make it publicly clear to ASEAN leaders that he plans to make human rights issues a central part of the summit."

For more information, please contact:
In Washington, DC, Sarah Margon (English): +1-917-361-2098 (mobile); or
margons@hrw.org. Twitter: @sarahmargon
In Washington, DC, John Sifton (English): +1-646-479-2499 (mobile); or siftonj@hrw.org. Twitter: @johnsifton
In Bangkok, Phil Robertson, (English, Thai): +66-85-060-8406 (mobile); or robertp@hrw.org. Twitter: @Reaproy
 

The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States

The 2025 Thai–Cambodian Border War: Geopolitics, Scam Networks, and the Risk of Defying the United States The 2025 Thai–C...