ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Sunday, November 17, 2013

รัฐธรรมนูญแห่งชาติของญี่ปุ่น พ.ศ. 2489

 

Credit: http://freedom-thing.blogspot.com/2011/05/2489.html

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

รัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่น (พ.ศ. 2489)


รัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ฉบับก่อนหน้านี้ คือฉบับ พ.ศ.2432 ฉบับนี้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2489 โดยมีผลใช้บังคับในหกเดือนถัดมา คือ วันที่ 3 พฤษภาคม 2490 ทั้งนี้ ตามมาตรา 100 วรรคหนึ่ง สำหรับในหน้านี้เป็น คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ จากภาษาอังกฤษ เพื่อใช้อ้างอิงทั่วๆไปเท่านั้น พึงทราบว่าการอ้างอิงบทกฎหมายไม่ว่าของประเทศใดควรอ้างอิงภาษาเดิมควบคู่ไปด้วย


พระราชโองการ 

ข้าพเจ้ามีความชื่นชมโสมนัสที่ญี่ปุ่นใหม่ได้รับการวางรากฐาน ตามความประสงค์ของประชาชนชาวญี่ปุ่นแล้ว โดยคำแนะนำขององคมนตรีสภาและมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา 73 ของรัฐธรรมนูญแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น จึงอนุมัติและประกาศให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีผลได้

ฮิโระฮิโตะ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2489 เป็นปีที่ 21 ในรัชกาลโชวะ

ผู้รับสนองพระราชโองการ 
นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย
ชิเงะรุ โยะชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ขุนนางคิจุโระ ชิเดะฮะระ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โทะกุทะโระ คิมุระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
เซอิชิ โอะมุระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
โคะตะโระ ทะนะกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ฮิโร วะดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและการป่าไม้
ทะกะโอะ ซะอิโตะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ซะดะโยะชิ ฮิโตะสึมะสึดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร
นิโระ โฮะชิจิมะ ดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
โยะชินะริ คะวะอิ ดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิการ
เอะสึจิโระ อุเอะฮะระ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สึเนะจิโระ ฮิระสึกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการขนส่ง
ทันซัง อิชิบะชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โทะกุจิโระ คะนะโมะริ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เคโนะซุเกะ เซ็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

อารัมภบท

บรรดาเราชาวญี่ปุ่นโดยผู้แทนราษฎรที่เราได้เลือกให้ปฏิบัติหน้าที่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้กำหนดลงเป็นมั่นเหมาะว่าเราจะสร้างความมั่นคงให้แก่เราเอง กับทั้งแก่ความสมบูรณ์พูนสุขของเราอันเป็นผลิตผลของความประสานสอดคล้องกันใน ทางสันติระหว่างชาติต่อชาติ และโชคชัยแห่งเสรีภาพอันมีอยู่ทั่วไปในดินแดนแห่งเรา เราเห็นชอบพร้อมกันว่าจะไม่นำพาความโหดร้ายแห่งสงครามไปยังที่ใด โดยผ่านการ กระทำของรัฐบาล เราประกาศว่าอธิปไตยเป็นของปวงชน และสถาปนารัฐธรรมนูญนี้ขึ้นไว้โดยมั่นคง รัฐบาลนั้นเป็นความไว้วางใจอย่างแท้จริงของประชาชน หน้าที่ของรัฐบาลจึงมาจากการมอบหมายของประชาชน อำนาจของรัฐบาลนั้นเล่าก็ต้องกระทำเสมอเป็นผู้แทนปวงชน และที่สุดประโยชน์ทั้งปวงก็จะตกอยู่แก่ประชนชน นี้เป็นหลักการสากลของมนุษยชาติอันก่อให้เกิดเป็นรัฐธรรมนูญนี้ เราขอปฏิเสธและยกเลิกบรรดาธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ตลอดจนพระราชโองการทั้งปวงที่ขัดแย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

บรรดาเราชาวญี่ปุ่นกระหายในสันติภาพทุกเมื่อเชื่อวัน และตระหนักอย่างแท้จริงในอุดมคติสูงส่งอันควบคุมความสัมพันธ์ระหว่าง มนุษยชาติ และเราได้กำหนดแน่วแนวที่จะพิทักษ์รักษาความมั่นคงและความอยู่รอดของเรา เราเชื่อมั่นในความยุติธรรมและศรัทธาแห่งสันติภาพ เรารักผู้คนทั้งโลก เราประสงค์จะยืนอยู่บนพื้นที่อันทรงเกียรติภูมิท่ามกลางประชาคมโลกที่พากันไขว่คว้าโดยไม่ลดละเพื่อหาทางสงวนและรักษาสันติภาพ และกระทำบัพพาชนียกรรมแก่ระบบทรราชย์ การเอาคนลงเป็นทาส การกดขี่ข่มเหง และการไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง เราตระหนักว่าผู้คนทั้งโลกล้วนมีสิทธิที่จะดำรงอยู่ท่ามกลางสันติภาพ เป็นอิสระจากมายาคติและตัณหา

เราเชื่อว่าหามีชาติใดจะธำรงอยู่ได้โดยลำพังไม่ แต่กฎแห่งจริยธรรมทางการเมืองนั้นเป็นสากล และชนชาติที่ประสงค์จะค้ำจุนอธิปไตยของตนและประสานสัมพันธภาพทางอธิปไตยกับ ชาติอื่นควรเคารพเชื่อฟังกฎเหล่านั้น

บรรดาเราชาวญี่ปุ่นใช้เกียรติศักดิ์แห่งชาติเราเป็นประกันมั่นเหมาะในอัน ที่จะทำให้อุดมคติสูงส่งและวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้รับการบรรลุเพื่อความ บริบูรณ์แห่งชาวเราทุกประการ

หมวด 1 : พระจักรพรรดิ

มาตรา 1
พระจักรพรรดิทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ สถานะพระจักรพรรดินั้นทรงได้รับจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

มาตรา 2
การสืบราชบัลลังก์นั้นให้เป็นไปตามลำดับราชวงศ์และตามกฎมนเทียรบาลที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 3
พระราชกิจทั้งปวง พระจักรพรรดิทรงปฏิบัติตามคำนำแนะและยินยอมของคณะรัฐมนตรีซึ่งต้องเป็นผู้รับผิดชอบในพระราชกิจเหล่านี้

มาตรา 4
1. พระราชกิจดังกล่าว พระจักรพรรดิจะทรงปฏิบัติได้ก็แต่ที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐและตามที่รัฐธรรมนูญ นี้กำหนดไว้เท่านั้น จะทรงมีพระราชอำนาจในทางบริหารมิได้
2. พระราชกิจดังกล่าวอันเกี่ยวเนื่องกับรัฐ พระจักรพรรดิจะทรงมอบหมายให้ผู้แทนพระองค์ปฏิบัติแทนก็ได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 5
ในกรณีที่มีการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามกฎมนเทียรบาล ให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีหน้าที่ปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐในพระนามาภิไธยพระจักรพรรดิ ในกรณีนี้ให้นำวรรคหนึ่งแห่งมาตราก่อนหน้ามาใช้บังคับ

มาตรา 6
1. พระจักรพรรดิทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเลือก
2. พระจักรพรรดิทรงแต่งตั้งประธานศาลสูงสุดตามที่คณะรัฐมนตรีเลือก

มาตรา 7
กิจการอันเกี่ยวเนื่องกับรัฐดังต่อไปนี้ พระจักรพรรดิจะได้ทรงปฏิบัติในนามของประชาชน โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรี
1. การประกาศใช้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ตลอดจนกฎหมาย คำสั่งคณะรัฐมนตรี และสนธิสัญญา
2. การเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
3. การยุบสภาผู้แทนราษฎร
4. การประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นการทั่วไป
5. การรับรองการแต่งตั้งและการถอดถอนรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อื่นตามที่กฎหมาย บัญญัติ กับทั้งหนังสือมอบอำนาจและพระราชสาสน์ตราตั้งเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรี
6. การรับรองการอภัยโทษในกรณีทั่วไปและกรณีพิเศษ การเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา การชะลอการลงโทษ และการคืนสิทธิ
7. การประสาทรางวัล
8. การรับรองตราสารให้สัตยาบันและเอกสารอื่นทางการทูตตามที่กฎหมายบัญญัติ
9. การรับรองเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรีต่างด้าว
10. การปฏิบัติหน้าที่ในทางพิธี

มาตรา 8
พระราชวงศ์จะรับหรือให้ทรัพย์สินใด ๆ มิได้ และผู้ใดจะให้ทรัพย์สินใด ๆ แก่พระราชวงศ์ก็มิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

หมวด 2 : การสละสงคราม

มาตรา 9
1. โดยที่มีความมุ่งประสงค์อย่างแท้จริงในสันติภาพระหว่างชาติโดยมีความ ยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยเป็นพื้นฐาน ชนชาวญี่ปุ่นยอมสละจากสงครามไปตลอดกาลนานโดยให้ถือเป็นสิทธิสูงสุดแห่งชาติ กับทั้งสละจากการคุกคามหรือการใช้กำลังเพื่อแก้ไขข้อพิพาทระหว่างชาติด้วย
2. เพื่อบรรลุความมุ่งประสงค์ในวรรคก่อน จะไม่มีการธำรงไว้ซึ่งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ กับทั้งศักยภาพอื่น ๆ ในทางสงคราม ไม่มีการรับรองสิทธิในการเป็นพันธมิตรในสงคราม

หมวด 3 : สิทธิและหน้าที่ของประชาชน

มาตรา 10
เงื่อนไขอันจำเป็นแก่การเป็นชาวญี่ปุ่นให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 11 
การจำกัดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนจะกระทำมิได้ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ต้องตกแก่ประชาชนทั้งใน รุ่นนี้และรุ่นหน้าชั่วลูกชั่วหลาน โดยผู้ใดจะละเมิดมิได้

มาตรา 12
เสรีภาพและสิทธิที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ให้แก่ประชาชนต้องธำรงคงอยู่ ผ่านความวิริยอุตสาหะของประชาชนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง การละเมิดเสรีภาพและสิทธิของประชาชนจะกระทำมิได้ และประชาชนต้องมีความรับผิดชอบในการบริหารเสรีภาพและสิทธิเพื่อสวัสดิภาพ ประชาชน

มาตรา 13
ความเป็นมนุษย์ของประชาชนทั้งปวงย่อมได้รับการเคารพ ในการนิติบัญญัติและการบริหารกิจการอื่น ๆ ของรัฐ ให้คำนึงถึงสิทธิที่จะดำรงอยู่ เสรีภาพ และการเข้าถึงความผาสุกของประชาชนเป็นที่ตั้ง ตราบเท่าที่สิ่งเหล่านี้ไม่กระทบกระเทือนสวัสดิภาพประชาชน

มาตรา 14
1. บุคคลทุกคนมีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย การเลือกปฏิบัติทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมเพราะเหตุทางเชื้อชาติ ลัทธิความเชื่อ เพศ สถานภาพทางสังคม หรือเหล่ากำเนิด จะกระทำมิได้
2. ไม่มีชนชั้นขุนนางและฐานันดรศักดิ์
3. การได้รับรางวัลเกียรติยศ ราชอิสริยาภรณ์ หรือยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ย่อมไม่ส่งผลให้บุคคลมีเอกสิทธิ์ กับทั้งให้สิ้นสุดลงเมื่อผู้ครอบครองสิ่งดังกล่าวอยู่ในวันที่รัฐธรรมนูญนี้ มีผลใช้บังคับหรือผู้ที่จะได้รับในภายภาคหน้าถึงแก่ความตายแล้ว

มาตรา 15
1. สิทธิในการเลือกตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นสิทธิของประชาชนอันไม่อาจถ่ายโอนให้แก่กันได้
2. เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งปวงมีหน้าที่รับใช้สังคมทุกภาคส่วน หาใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่
3. สิทธิเลือกตั้งของผู้บรรลุนิติภาวะปวงย่อมได้รับการรับรอง โดยเฉพาะในการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ
4. ในบรรดาการเลือกตั้งทุกประเภท การลงคะแนนเลือกตั้งลับย่อมไม่ถูกละเมิด กับทั้งห้ามมิให้ผู้ออกเสียงเลือกตั้งตอบคำถามทั้งในทางสาธารณะหรือส่วนตน เกี่ยวกับการออกเสียงของตน

มาตรา 16
บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะเข้าชื่อกันโดยอาการสงบเพื่อเรียกร้องค่าชด เชยสำหรับความเสียหายก็ดี ให้ถอดถอนเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ดี เสนอ ยกเลิก หรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ข้อบังคับ หรือระเบียบก็ดี หรือเพื่อการอื่นก็ดี การขัดขวางไม่ว่าโดยประการใดเพื่อมิให้มีการสนับสนุนการเข้าชื่อเช่นว่าจะ กระทำมิได้

มาตรา 17
บุคคลทุกคนย่อมเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐหรือองค์กรของรัฐได้ในกรณีที่ตน ได้รับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการกระทำละเมิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ใดก็ดี ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 18
การเอาคนลงเป็นทาสจะกระทำมิได้ไม่ว่าโดยประการใด และการให้จำยอมรับภาระเป็นสิ่งต้องห้ามเว้นแต่ในการลงโทษทางอาญา

มาตรา 19
การละเมิดสิทธิทางความคิดและมโนธรรมจะกระทำมิได้

มาตรา 20
1. บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิในทางศาสนา แต่รัฐจะจัดให้องค์การทางศาสนามีเอกสิทธิ์ใด ๆ หรือมีอำนาจหน้าที่ทางการเมืองมิได้
2. การบังคับให้บุคคลเข้าร่วมการกระทำ การสมโภช พิธีการ หรือพิธีกรรมใด ๆ ทางศาสนา จะกระทำมิได้
3. รัฐและองค์กรของรัฐจะจัดการศึกษาทางศาสนาและจะประกอบพิธีกรรมอื่นใดทางศาสนามิได้

มาตรา 21
1. เสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการรวมตัวกันเป็นสมาคม ตลอดจนเสรีภาพในการพูด การพิมพ์ และการแสดงออกอย่างอื่น ล้วนได้รับการรับรอง
2. การตรวจพิจารณาข่าวสารก่อนเผยแพร่ หรือการล่วงละเมิดความลับแห่งวิธีการใด ๆ ในการติดต่อสื่อสาร จะกระทำมิได้

มาตรา 22
1. บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีภาพที่จะเลือกและเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ตลอดจนเลือกจะ ประกอบอาชีพของตน ตราบเท่าที่การนั้นไม่กระทบกระเทือนสวัสดิภาพประชาชน
2. เสรีภาพของบุคคลในการเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ไปยังต่างด้าวและในการเปลี่ยนแปลงสัญชาติย่อมไม่ถูกละเมิด

มาตรา 23
เสรีภาพในทางวิชาการย่อมได้รับการรับรอง

มาตรา 24
1. โดยพื้นฐานแล้ว การสมรสต้องกระทำโดยความยินยอมร่วมกันของทั้งสองเพศที่ร่วมมือกันตามสิทธิอันเท่าเทียมแห่งสามีและภรรยา
2. การนิติบัญญัติเกี่ยวกับการเลือกคู่ครอง สิทธิในทรัพย์สิน การรับมรดก การเลือกภูมิลำเนา การหย่าร้าง และการอื่น ๆ เกี่ยวกับการสมรสและครอบครัว ต้องกระทำโดยคำนึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความเสมอภาคกันระหว่างเพศต่าง ๆ เป็นสำคัญ

มาตรา 25
1. บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอันดีงามและพัฒนาแล้วตามมาตรฐานขั้นต่ำ
2. รัฐมีหน้าที่ใช้ความวิริยอุตสาหะในการสร้างเสริมและส่งเสริมสวัสดิการสังคม ความมั่นคงของสังคม และการสาธารณสุขสำหรับบุคคลในทุกช่วงอายุ

  มาตรา 26
1. บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิได้รับการศึกษาโดยเท่าเทียมกันและสอดคล้องกับความสามารถส่วนตน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
2. ให้บุคคลทุกคนที่มีเยาวชนทั้งชายและหญิงในความดูแลมีหน้าที่จัดให้เยาวชน เหล่านั้นได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานตามที่กฎหมายบัญญัติ อันการศึกษาภาคบังคับเช่นว่านี้ย่อมปลอดค่าใช้จ่าย

มาตรา 27
1. บุคคลทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ประกอบการงาน
2. มาตรฐานของค่าจ้าง ชั่วโมงทำงาน เวลาพักผ่อน และเงื่อนไขอื่น ๆ สำหรับแรงงาน ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
3. การแสวงหาประโยชน์จากเด็กจะกระทำมิได้

มาตรา 28
คนงานย่อมมีสิทธิที่จะรวมตัวกันเป็นองค์กร ที่จะต่อรอง และที่จะกระทำการร่วมกัน

มาตรา 29
1. สิทธิของบุคคลในการเป็นเจ้าของหรือครอบครองทรัพย์สินย่อมไม่ถูกละเมิด ส่วนสิทธิของบุคคลในทรัพย์สินนั้นให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติโดยสอดคล้อง กับสวัสดิภาพประชาชน
2. ทรัพย์สินส่วนตัวของบุคคลอาจถูกนำอออกให้สาธารณชนใช้ร่วมกันได้โดยเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับสาธารณชนดังกล่าว

มาตรา30
ประชาชนย่อมมีหน้าที่ชำระภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 31
การพรากชีวิตหรือเสรีภาพไปจากบุคคลจะกระทำมิได้ และบุคคลไม่ต้องรับโทษทางอาญาเว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติไว้

มาตรา 32
สิทธิของบุคคลที่จะเข้าถึงกระบวนยุติธรรมย่อมไม่ถูกปฏิเสธ

มาตรา 33
การจับกุมตัวบุคคลจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้กระทำตามหมายศาลที่ได้ระบุความผิดของบุคคลนั้น หรือเป็นการจับกุมชนิดคาหนังคาเขา

มาตรา 34
การจับกุมหรือกักขังบุคคลจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้รับแจ้งการข้อหาของบุคคลนั้นโดยฉับพลันก็ดี เป็นการใช้เอกสิทธิ์ของทนายความอย่างฉับพลันก็ดี หรือได้มีเหตุผลเพียงพอแล้วก็ดี และในการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยซึ่งมีการเบิกตัวบุคคลผู้ถูกจับกุมหรือกักขัง และทนายความของบุคคลนั้น บุคคลผู้นั้นย่อมมีสิทธิร้องขอให้มีการชี้แจงแสดงเหตุผลที่ตนถูกกระทำเช่น นั้นได้

มาตรา 35
1. บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะบริโภคอย่างเป็นสุขซึ่งที่อยู่อาศัยและกระดาษของตนโดย ไม่ถูกผู้ใดบุกรุกก้าวก่าย ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนถึงการค้นและการยึดที่ได้กระทำตามหมายศาลอันออกโดยมีเหตุผล เพียงพอและได้ระบุอย่างละเอียดลออซึ่งสถานที่ที่จะค้นและสิ่งที่จะยึด หรือภายในข้อยกเว้นตามมาตรา ๓๓
2. การค้นหรือการยึดในแต่ละครั้งต้องกระทำตามหมายศาลที่ออกให้เป็นครั้ง ๆ

มาตรา 36
เจ้าหน้าที่ของรัฐจะดำเนินการลงโทษโดยวิธีทรมานและทารุณโหดร้ายมิได้

มาตรา 37
1. ผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาโดยไม่ชักช้าและเปิดเผยจากคณะตุลาการที่เที่ยงธรรม
2. บุคคลดังกล่าวย่อมได้รับโอกาสอย่างเต็มที่ในอันที่จะขอตรวจสอบพยานทั้งปวง และย่อมมีสิทธิขอให้ศาลออกหมายเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานฝ่ายตนโดยให้ถือเป็น ค่าใช้จ่ายสาธารณะ
3. ผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิทุกเมื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทนายความที่มี ประสิทธิภาพ และหากบุคคลดังกล่าวไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าวได้ ให้รัฐมีหน้าที่จัดหาทนายความเช่นว่าให้

มาตรา 38
1. การบังคับให้บุคคลเป็นพยานยืนยันความผิดของตนเองจะกระทำมิได้
2. การรับเอาคำสารภาพที่ได้จากการบังคับ การทรมาน การขู่เข็ญ หรือการจับกุมหรือกักขังที่มีการขยายระยะเวลา เข้าเป็นหลักฐาน จะกระทำมิได้
3. การประกาศความผิดหรือลงโทษบุคคลใดโดยใช้คำสารภาพของบุคคลนั้นเป็นข้อพิสูจน์จะกระทำมิได้

มาตรา 39
การพิพากษาให้บุคคลใดต้องรับโทษทางอาญาสำหรับการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายใน ขณะที่การนั้นได้กระทำลง หรือการฟ้องคดีอาญาซ้ำในความผิดเดียวกัน จะกระทำมิได้

มาตรา 40
ผู้ใดได้รับการล้างมลทินภายหลังถูกจับกุมหรือกักขัง ย่อมเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ 

หมวด 4 : สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 41
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นองค์กรสูงสุดแห่งอำนาจรัฐ และเป็นองค์กรนิติบัญญัติหนึ่งเดียวแห่งรัฐ

มาตรา 42
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติประกอบด้วยสภาสองสภา ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร และมนตรีสภา

มาตรา 43
1. ให้สภาทั้งสองประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งของปวงชนให้เป็นผู้แทน
2. จำนวนสมาชิกของแต่ละสภาให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 44
คุณสมบัติของสมาชิกทั้งสองสภาและของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่ กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ลัทธิความเชื่อ เพศ สถานภาพทางสังคม เหล่ากำเนิด การศึกษา ทรัพย์สิน หรือรายได้ จะกระทำมิได้

มาตรา 45
ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี แต่วาระดังกล่าวให้สิ้นสุดลงก่อนครบกำหนดได้ในกรณีที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร

มาตรา 46
ให้สมาชิกมนตรีสภามีวาระดำรงตำแหน่งหกปี และให้มีการเลือกตั้งสมาชิกกึ่งหนึ่งใหม่ทุกสามปี

มาตรา 47
หน่วยเลือกตั้ง วิธีลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และประการอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีเลือกตั้งสมาชิกของสภาทั้งสอง ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 48
บุคคลจะเป็นสมาชิกของสภาทั้งสองในเวลาเดียวกันมิได้

มาตรา 49
ให้สมาชิกของสภาทั้งสองได้รับค่าตอบแทนรายปีจากคลังแผ่นดินโดยเหมาะสม ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 50
ในระหว่างสมัยประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สมาชิกของสภาทั้งสองได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกจำกุม และสมาชิกผู้ใดที่ถูกจับกุมก่อนเปิดสมัยประชุมก็ให้ปล่อยตัวเป็นอิสระใน ระหว่างสมัยประชุมตามที่สภาร้องขอ ทั้งนี้ เว้นแต่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นอื่น

มาตรา 51
คำพูด การอภิปราย หรือการออกเสียงลงคะแนนในสภา ย่อมไม่ถูกใช้เป็นข้อกล่าวหาให้สมาชิกของสภาทั้งสองต้องรับผิดภายนอกสภา

มาตรา 52
ให้มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัยสามัญปีละครั้งหนึ่ง

มาตรา 53
คณะรัฐมนตรีอาจพิจารณาให้มีการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัย วิสามัญได้ และในกรณีที่ได้รับการร้องขอจากสมาชิกสภาใด ๆ ก็ดีเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภานั้น ๆ ให้มีการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัยวิสามัญ ก็ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา

มาตรา 54
1. ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปภายในสี่สิบวันนับแต่ วันที่สภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ และให้มีการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในสามสิบวันนับแต่วันเลือก ตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2. ให้ปิดประชุมมนตรีสภาพร้อมกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีจะเรียกประชุมมนตรีสภาสมัยวิสามัญก็ได้
3. บรรดามาตรการที่ได้ดำเนินไปโดยที่ประชุมมนตรีสภาตามบทบัญญัติในวรรคก่อนให้ เป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น และจะไม่มีผลบริบูรณ์จนกว่าสภาผู้แทนราษฎรจะให้ความเห็นชอบภายในสิบวันนับ แต่วันเปิดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมัยต่อไป

มาตรา 55
ให้แต่ละสภามีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมาชิกของ ตน ทั้งนี้ การให้สมาชิกภาพของสมาชิกผู้ใดสิ้นสุดลง ให้กระทำโดยมติซึ่งได้รับเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิก ทั้งที่มีอยู่ในวันลงคะแนน

มาตรา 56
1. ในสภาทั้งสอง ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งมาประชุมจึงจะเป็นองค์ประชุมมีอำนาจดำเนินกิจการต่าง ๆ ได้
2. มติของที่ประชุมแต่ละสภาต้องกระทำโดยเสียงข้างมากของสมาชิกที่มาประชุมเว้น แต่ในกรณีที่รัฐธรรมนูญนี้บัญญัติไว้เป็นอื่น และในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด 

มาตรา 57
1. การอภิปรายในแต่ละสภาต้องเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทั้งนี้ การประชุมลับอาจกระทำได้โดยมติของสภานั้น ๆ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
2. บันทึกการประชุมของแต่ละสภา ให้สภานั้น ๆ มีหน้าที่เก็บรักษาไว้และเผยแพร่ต่อสาธารณชน เว้นแต่ในส่วนของบันทึกที่เกี่ยวกับการประชุมลับจะไม่ต้องเผยแพร่ก็ได้
3. การลงคะแนนเสียงของสมาชิกในกรณีใด ๆ ให้มีการจดไว้ในบันทึกการประชุมเมื่อสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวน สมาชิกทั้งหมดที่มาประชุมร้องขอ

มาตรา 58
1. ให้แต่ละสภาเลือกสรรประธานสภาและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของตน
2. ให้แต่ละสภามีอำนาจวางระเบียบของตนเกี่ยวกับการประชุม การดำเนินการประชุม และวินัยภายใน กับทั้งอาจลงโทษสมาชิกของตนในความผิดฐานมีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ การให้สมาชิกภาพของสมาชิกผู้ใดสิ้นสุดลง ให้กระทำโดยมติซึ่งได้รับเสียงข้างมากไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิก ทั้งที่มีอยู่ในวันลงคะแนน

มาตรา 59
1. ร่างพระราชบัญญัติจะมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก สภาทั้งสอง เว้นแต่ในกรณีที่รัฐธรรมนูญนี้บัญญัติไว้เป็นอื่น
2. ร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบแล้วแต่มนตรีสภาไม่ให้ ความเห็นชอบ จะมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายได้เมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบเป็น ครั้งที่สองโดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มา ประชุม
3. บทบัญญัติในวรรคก่อนหน้านี้ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรจัดให้ มีการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างสภาทั้งสองตามที่กฎหมายบัญญัติ
4. หากมนตรีสภาไม่ดำเนินการใด ๆ ภายในหกสิบวันหลังจากได้รับร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็น ชอบแล้ว สภาผู้แทนราษฎรอาจถือว่ามนตรีสภาไม่ให้ความเห็นชอบต่อร่างพระราชบัญญัติดัง กล่าว ทั้งนี้ เว้นแต่อยู่ในช่วงพักการประชุมมนตรีสภา

มาตรา 60
1. ให้ส่งร่างงบประมาณแผ่นดินต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อน
2. ในการพิจารณาร่างงบประมาณแผ่นดิน หากมนตรีสภามีความเห็นเป็นอื่นไปจากสภาผู้แทนราษฎร แม้จะได้มีคณะกรรมาธิการร่วมของสภาทั้งสองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อการ นั้นแล้วก็ดี หรือหากมนตรีสภามิได้ดำเนินการใด ๆ ภายในสามสิบวันหลังจากได้รับร่างงบประมาณแผ่นดินที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความ เห็นชอบแล้ว ให้ถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฎรเป็นมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทั้งนี้ เว้นแต่อยู่ในช่วงพักการประชุมมนตรีสภา

มาตรา 61
ให้นำความในวรรคสองแห่งมาตราก่อนหน้ามาใช้แก่การพิจารณาให้ความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติซึ่งสนธิสัญญา

มาตรา 62
แต่ละสภาย่อมสามารถดำเนินกระบวนสืบสวนเกี่ยวกับรัฐบาล และเบิกตัวพยานและคำให้การของพยาน ตลอดจนทำสำนวนคดี

มาตรา 63
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือไม่ เมื่อใดที่มีความมุ่งประสงค์จะแถลงเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ เมื่อนั้นจะเข้าร่วมการประชุมของแต่ละสภาก็ได้ กับทั้งมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมสภาเมื่อมีการร้องขอให้ตอบกระทู้ถามหรือให้ คำอธิบาย

มาตรา 64
1. ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติจัดตั้งคณะตุลาการสำหรับพิจารณาการฟ้องให้ถอดถอน ตุลาการจากตำแหน่งขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยตุลาการซึ่งเป็นสมาชิกจากสภาทั้งสอง มีความมุ่งประสงค์เพื่อไต่สวนตุลาการผู้ถูกฟ้องให้ออกจากตำแหน่ง
2. การทั้งปวงเกี่ยวกับการฟ้องให้ถอดถอนตุลาการจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ 

หมวด 5 : คณะรัฐมนตรี

มาตรา 65
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร

มาตรา 66
1. ให้คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล และรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติไว้
2. นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ต้องเป็นพลเรือน
3. ในการใช้อำนาจบริหาร ให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะรับผิดชอบต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 67
1. นายกรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ได้รับเลือกโดยมติของ สมาชิกด้วยกันเอง อันการเลือกนายกรัฐมนตรีนี้ให้กระทำก่อนการอื่นทั้งสิ้น
2. ในกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรและมนตรีสภาไม่อาจตกลงกันได้ แม้จะได้มีคณะกรรมาธิการร่วมของสภาทั้งสองตามกฎหมายบัญญัติไว้เพื่อการนั้น แล้วก็ดี หรือในกรณีที่มนตรีสภาไม่ให้ความเห็นชอบเลือกบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดี เว้นแต่อยู่ในช่วงพักการประชุมสภา เมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบเลือกบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ให้ถือว่ามติเช่นว่าของสภาผู้แทนราษฎรเป็นมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 68
1. ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีคนอื่น ๆ จากบุคคลที่ได้รับเลือกจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
2. การให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะกระทำได้ตามที่เห็นควร

มาตรา 69
หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจ หรือไม่มีมติไว้วางใจ ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ เว้นแต่จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรภายในสิบวัน

มาตรา 70
ในกรณีที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลง หรือในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งแรกหลังจากมีการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

มาตรา 71
ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตราสองมาตราก่อนหน้านี้ ให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

มาตรา 72
นายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้แทนคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่จัดส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งบรรดาร่างพระราชบัญญัติ และรายงานกิจการทั่วไปของรัฐและความสัมพันธ์กับต่างด้าว กับทั้งกำกับดูแลส่วนราชการต่าง ๆ

มาตรา 73
นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปในทางบริหารแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย
1. ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และบริหารรัฐกิจ
2. บริหารจัดการกิจการด้านต่างประเทศ
3. พิจารณาให้ความเห็นชอบสนธิสัญญา ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อนแล้วแต่กรณี
4. บริหารราชการโดยมาตรฐานที่กฎหมายบัญญัติ
5. จัดทำงบประมาณและนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
6. ตราคำสั่งคณะรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมาย ทั้งนี้ จะมีการกำหนดโทษทางอาญาในคำสั่งคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมิได้ เว้นแต่กฎหมายให้อำนาจไว้
7. พิจารณาให้ความเห็นชอบการอภัยโทษในกรณีทั่วไปและกรณีพิเศษ การเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบา การชะลอการลงโทษ และการคืนสิทธิ

มาตรา 74
บรรดากฎหมายและคำสั่งคณะรัฐมนตรีต้องมีรัฐมนตรีผู้รักษาการลงนามและนายรัฐมนตรีลงนามกำกับ

มาตรา 75
ในระหว่างดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีย่อมไม่ถูกดำเนินคดีเว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ความในมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิในการดำเนินคดีเช่นว่า 

หมวด 6 : ตุลาการ

มาตรา 76
1. ให้ศาลสูงสุดและศาลชั้นรองทั้งปวงตามที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ
2. การจัดตั้งศาลพิเศษ หรือการมอบหมายให้องค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ของฝ่ายบริหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเป็นที่สุด จะกระทำมิได้
3. บรรดาตุลาการย่อมมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของตน และให้ผูกพันกับรัฐธรรมนูญนี้และกฎหมายเท่านั้น

มาตรา 77
1. ให้ศาลสูงสุดมีอำนาจตราระเบียบเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความและการปฏิบัติ หน้าที่ของตน ตลอดจนเกี่ยวกับพนักงานอัยการ วินัยภายในของศาล และการบริหารงานตุลาการ
2. ให้พนักงานอัยการอยู่ในบังคับของระเบียบที่ศาลสูงสุดตราขึ้น
3. ศาลสูงสุดจะมอบหมายอำนาจให้ศาลชั้นรองเป็นผู้ตราระเบียบเกี่ยวกับตนก็ได้

มาตรา 78
ตุลาการพ้นจากตำแหน่งเมื่อถูกฟ้องโดยประชาชนให้ขับออกจากตำแหน่ง หรือเมื่อมีการประกาศโดยศาลว่าเป็นผู้บกพร่องทางจิตหรือทางกายกระทั่งไม่ สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ องค์กรหรือหน่วยงานใด ๆ ของฝ่ายบริหารจะดำเนินการทางวินัยแก่ตุลาการมิได้

มาตรา 79
1. ให้ศาลสูงสุดประกอบด้วยประธานศาลสูงสุดหนึ่งนาย และตุลาการอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติไว้
2. การแต่งตั้งตุลาการศาลสูงสุดต้องได้รับการพิจารณาทบทวนโดยประชาชนในการเลือก ตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกหลังการแต่ง ตั้งดังกล่าว และต้องได้รับการพิจารณาทบทวนอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไปซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับจากนั้น
3. ในการตามวรรคก่อน หากเสียงข้างมากของประชาชนเห็นชอบให้ตุลาการผู้ใดพ้นจากตำแหน่ง ผู้นั้นย่อมพ้นจากตำแหน่งไปตามนั้น
4. การพิจารณาทบทวนการใด ๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
5. ตุลาการศาลสูงสุดย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อเกษียณอายุตามที่กฎหมายบัญญัติ
6. ตุลาการศาลสูงสุดทุกนายย่อมได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะ ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นปรกติในระหว่างดำรงตำแหน่งดังกล่าว การเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ตุลาการที่อยู่ในตำแหน่งจะกระทำมิได้

มาตรา 80
1. คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งตุลาการศาลชั้นรองจากรายชื่อที่ศาลสูงสุดนำเสนอ บรรดาตุลาการมีวาระดำรงตำแหน่งสิบปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีก ทั้งนี้ ตุลาการย่อมพ้นจากตำแหน่งเมื่อเกษียณอายุตามที่กฎหมายบัญญัติ
2. ตุลาการศาลชั้นรองย่อมได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะ ๆ อย่างเหมาะสมและเป็นปรกติในระหว่างดำรงตำแหน่งดังกล่าว การเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่ตุลาการที่อยู่ในตำแหน่งจะกระทำมิได้ 

มาตรา 81
ให้ศาลสูงสุดเป็นศาลชั้นที่สุดซึ่งมีอำนาจพิจารณาว่ากฎหมาย คำสั่ง ระเบียบ หรือการกระทำใดของรัฐขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

มาตรา 82
1. การพิจารณาและการพิพากษาอรรถคดีจะต้องกระทำโดยเปิดเผย
2. หากศาลเห็นว่าการเปิดเผยต่อสาธารณะจะเป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน การพิจารณาคดีนั้นอาจกระทำโดยไม่เปิดเผยก็ได้ แต่การพิจารณาคดีเกี่ยวกับความผิดทางการเมือง ความผิดเกี่ยวกับโรงพิมพ์ หรือปัญหาเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ในหมวด 3. ต้องกระทำโดยเปิดเผยในทุกกรณี 

หมวด 7 : การเงิน

มาตรา 83
การบริหารอำนาจในการจัดการการเงินแห่งชาติให้เป็นไปตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติกำหนด

มาตรา 84
ห้ามมิให้มีการเรียกเก็บภาษีประเภทใหม่หรือเพิ่มภาษีที่มีอยู่แล้ว เว้นแต่ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติ หรือภายในเงื่อนไขที่กฎหมายอาจบัญญัติไว้

มาตรา 85
รัฐจะใช้จ่ายเงินหรือสร้างหนี้ผูกพันตนเองมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 86
ในแต่ละปีงบประมาณ ให้คณะรัฐมนตรีจัดทำงบประมาณแผ่นดินและนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

มาตรา 87
1. เพื่อป้องกันปัญหาเงินงบประมาณแผ่นดินขาดแคลนอย่างมิได้คาดหมาย สภานิติบัญญัติแห่งชาติอาจอนุมัติให้มีการจ่ายเงินจากกองทุนสำรองได้ภายใน ความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี
2. เมื่อใช้จ่ายเงินจากกองทุนสำรองแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีรายงานต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

มาตรา 88
บรรดาทรัพย์สินส่วนพระจักรพรรดิให้เป็นสมบัติแห่งรัฐ และให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติกำหนดวงเงินไว้ในงบประมาณแผ่นดินสำหรับเป็นค่า ใช้จ่ายของพระราชวงศ์

มาตรา 89

การจ่ายหรือการจัดสรรซึ่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นของสาธารณะ เพื่อใช้จ่ายสำหรับผลประโยชน์หรือบำรุงสถาบันหรือสมาคมทางศาสนา หรือองค์กรการกุศล การศึกษา หรือสงเคราะห์ใด ๆ บรรดาที่มิได้อยู่ภายในการกำกับดูแลของรัฐ จะกระทำมิได้

มาตรา 90
1. ให้มีคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดินคณะหนึ่ง มีหน้าที่สอบบัญชีรายรับรายจ่ายสุดท้ายของรัฐอย่างน้อยปีละครั้งหนึ่ง และให้คณะรัฐมนตรีจัดส่งบัญชีรายรับรายจ่ายสุดท้ายพร้อมกับรายงานผลการสอบ บัญชีดังกล่าวไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติในระหว่างปีงบประมาณถัดไปโดยไม่ ชักช้า
2. องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ

มาตรา 91
ให้คณะรัฐมนตรีรายงานต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประชาชนเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของรัฐอย่างน้อยปีละครั้งโดยปรกติ 

หมวด 8 : การปกครองส่วนท้องถิ่น

มาตรา 92
การตรากฎหมายจัดระเบียบและการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กระทำโดยคำนึงถึงหลักความเป็นอิสระในการปกครองตนเองของท้องถิ่น

มาตรา 93
1. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งสภาอันมีหน้าที่เป็นองค์กรให้คำปรึกษาแก่ตน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ
2. นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาที่ปรึกษาส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ซึ่งกฎหมายจะได้กำหนดรายละเอียดไว้ ให้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยตรง

มาตรา 94
ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน กิจการ และการบริหารส่วนท้องถิ่น กับทั้งตราข้อบัญญัติท้องถิ่นโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

มาตรา 95
สภานิติบัญญัติแห่งจะตรากฎหมายให้ใช้บังคับแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใด ๆ เป็นการเฉพาะมิได้ เว้นแต่เสียงส่วนใหญ่ของผู้สิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นนั้น ๆ ให้ความยินยอมตามที่กฎหมายบัญญัติ

หมวด 9 : การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

มาตรา 96
1. การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้กระทำได้โดยการเสนอญัตติของสภานิติบัญญัติ แห่งชาติซึ่งได้รับเสียงเห็นชอบร่วมกันไม่น้อยสองในสามของจำนวนสมาชิกที่มี อยู่ทั้งหมดของสภาทั้งสอง และให้นำเสนอต่อประชาชนเพื่อให้ความเห็นชอบ การนี้ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติกำหนดให้มีการออกเสียงประชามติเป็นกรณีพิเศษ และต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากของประชาชนที่มาลงคะแนนเสียงในวัน นั้น
2. เมื่อได้รับความเห็นชอบจากประชาชนแล้ว ให้พระจักรพรรดิประกาศในนามของประชาชนให้การแก้ไขเพิ่มเติมนั้นมีผลใช้ บังคับโดยไม่ชักช้า และให้นับเข้าเป็นส่วนหนึ่งแห่งรัฐธรรมนูญนี้ 

หมวด 10 : กฎหมายสูงสุด

มาตรา 97
สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้ให้แก่ชนชาวญี่ปุ่น ล้วนเป็นผลิตผลแห่งการดิ้นรนจะเป็นอิสระของมนุษยชาติที่นับเนื่องมานมนาน มนุษย์เราได้ฟันฝ่าบททดสอบนานัปการอันเรียกร้องหาความอดทน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชนรุ่นเราและชาวรุ่นหน้า สิทธิเหล่านั้นจึงต้องได้รับการยึดถือชั่วกัปชั่วกัลป์ โดยผู้ใดจะละเมิดมิได้

มาตรา 98
1. รัฐธรรมนูญนี้เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บรรดาหรือส่วนใดแห่งกฎหมาย ข้อบังคับ พระราชโองการ หรือพระราชบัญญัติ ที่ขัดกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ย่อมไม่มีผลในทางกฎหมายหรือให้มีผลไม่ บริบูรณ์
2. บรรดาสนธิสัญญาที่ญี่ปุ่นยึดถือและกฎหมายที่นานาชาติยอมรับต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

มาตรา 99
พระจักรพรรดิหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กับทั้งรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ทั้งปวงของรัฐมีหน้าที่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญนี้ 

หมวด 11 : บทเบ็ดเตล็ด

มาตรา 100
1. รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับได้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันประกาศใช้[1]
2. ให้มีการตรากฎหมายอันจำเป็นแก่การใช้บังคับรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภา และวิธีดำเนินการในการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนการเตรียมการอื่น ๆ อันจำเป็นแก่การใช้บังคับรัฐธรรมนูญนี้ได้ก่อนกำหนดเวลาตามวรรคก่อน

มาตรา 101
หากไม่อาจจัดตั้งมนตรีสภาได้ทันเวลาที่รัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับ ให้สภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติจนกว่ามนตรีสภา จะได้รับการจัดตั้ง

มาตรา 102
ให้กึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกมนตรีสภาทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาซึ่งปฏิบัติ หน้าที่เป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้มีวาระดำรงตำแหน่งสามปี ส่วนสมาชิกมนตรีสภาอีกกึ่งหนึ่งนั้นให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

มาตรา 103
รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตุลาการ บรรดาที่อยู่ในตำแหน่งในวันที่รัฐธรรมนูญนี้มีผลใช้บังคับ กับทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งปวงที่มีตำแหน่งตรงกับที่บัญญัติไว้ในรัฐ ธรรมนูญนี้ ไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งเช่นว่าโดยอัตโนมัติเหตุเพราะการมีผลใช้บังคับของรัฐ ธรรมนูญนี้เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ แต่เมื่อมีการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทนตามรัฐธรรมนูญ นี้แล้ว ให้บุคคลนั้นพ้นจากตำแหน่งโดยปริยาย 

หมายเหตุ

1. ประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2489

30 คำถามจากคนไม่รักเจ้า


สามสิบคำถาม เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย สำหรับคนไทยทุกหมู่เหล่า
โดย ดร.​ เพียงดิน รักไทย มหาวิทยาลัยประชาชน

ขอเดชะ ประชาชนไทยที่รักทุกท่าน

ผมจะเขียนบทความชิ้นนี้ ในรูปคำถามทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกหมู่เหล่า ได้คิดตาม คำถามผม อาจจะเหมือนมีอคติอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นโอกาสให้คนที่รักสถาบันกษัตริย์ได้คิดหาคำตอบ หาหลักฐานมาหักล้าง และอธิบายความให้สังคมไทยได้เช่นกัน

หวังว่า คำตอบ จะทำให้ท่านเดินหน้าไปอีกหลายก้าวในเชิงการเมือง เพื่อจะได้ตาสว่างกันยิ่งขึ้น
และกลายเป็นผู้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ชาติเราต้องการในที่สุดในเวลานี้  หรือท่านอาจจะรักสถาบันกษัตริย์ และระบอบการปกครองอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ต่อไปหรืออาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ.... ผมไม่ได้คิดเรียบเรียงอย่างรอบคอบนักนะครับ  ลองคิดไปด้วย และหากมีคำถามชวนคิดมากกว่านี้  ก็กรุณาช่วยกันเติมได้นะครับ เชื่อว่ามีอีกมากมาย และการได้เกิดสัมมาทิฏฐิ ไม่อยู่บนความลุ่มหลง หรือถูกผลักดันด้วยความโกรธแค้น หรือรักแบบงมงาย แล้วทำลายแบ่งแยกกันเอง แล้วให้ชนชั้นปกครองหลอกใช้

1. Popular sovereignty or Absolute Monarchy?

  • ประเทศไทย เป็นของประชาชนทุกคนโดยเท่าเทียมกัน หรือเป็นของกษัตริย์ ครอบครัว และคนรับใช้? 
  • ยอมรับกันหรือว่า ประเทศไทยเป็นของชนชั้นสูงส่วนน้อย หรือพวกทหารที่ยึดอำนาจของประชาชนไปแล้อ้างว่าตนมีอำนาจ มีคุณธรรม และมีบุญบารมีมากกว่าประชาชนทั่วไป แต่ไม่ให้มีการวิพากษ์วิจาร์ หรือตรวจสอบ ?
2. Who saved the nation?
  • กษัตริย์ภูมิพลและบรรพบุรุษท่านใดเคยรบข้าศึกด้วยตัวเอง? เคยปกป้องประเทศ? เคยก่อตั้งประเทศอย่างแท้จริง? ร. 1 ยึดอำนาจมาจากพระเจ้าตากสินที่ได้นำการกู้ชาติ ใช่หรือไม่?
  • ในการรบที่ผ่านมา กษัตริย์ได้รบจริงกี่ครั้ง? ทำไมเชิดชูแต่กษัตริย์?  กองทัพที่ตายไป เลือดประชาชนหลายครอบครัวไม่ใช่หรือ? 
  • ในกองทัพมีครอบครัวกษัตริย์กี่คน? มีลูกหลานชาวบ้านกี่คน? 
  • การอ้างว่ากษัตริย์รักษาบ้านเมือง ทำให้ชาติอยู่รอด เป็นวาทกรรมโดยใคร? เพื่ออะไร?
  • การเสียดินแดนเกินสิบครั้ง ใครยกให้ฝรั่ง? ทราบเหตุผลหรือไม่ว่า ทำเพื่อตนเองจะได้อยู่รอดในฐานะเจ้าครองนคร? 
3. Father of the Nation?
  • พฤติกรรมใดของกษัตริย์ คือพฤติกรรมที่เหมือนพ่อของท่านจริง ๆ? 
  • สิ่งใดที่ทำให้ประชาชน สมควรต้องเคารพรักและเทิดทูนไว้เหนือหัว เสมือนบิดามารดา หรือดั่งเทวดา?  อะไรทำให้เราคิดเช่นนั้น? ใครอยากให้เราคิดเช่นนั้น? ใครได้ประโยชน์?
  • พฤติกรรมใดของกษัตริย์และครอบครัวที่ทำให้เราสมควรอยู่ใต้ฝุ่นที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา?
  • ทำไมต้องให้วันเกิดกษัตริย์เป็นวันพ่อ และวันชาติ? คนตระกูลนี้ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากเงินภาษีอากรประชาชนปีละนับหมื่นล้าน คุ้มไหม?  
  • ทำไมมีซุ้ม รูปปั้น รูปภาพ และการโฆษณาถึงความดีของคนๆ หนึ่ง ตระกูลหนึ่ง จนเต็มบ้านเต็มเมือง ด้วยงบประมาณจากภาษีนับหมื่นล้านบาทต่อปี(เกือบสองหมื่นล้านบาทในปี 2560)? เงินหมื่นกว่าล้านบาท เอาไปทำอะไรให้เยาวชน คนแก่เฒ่า คนพิการ และคนยากจนได้บ้าง? 

4. Questionable love, care, and myths?
  • กษัตริย์ภูมิพลและครอบครัว แสดงอาการใดบ้าง ที่สรุปได้ชัดว่า รักประชาชน ห่วงใยประชาชน และทำประโยชน์ให้ประชาชน? ทำเพราะรัก หรือทำเพื่ออะไรแน่? 
  • ท่านมีหลักฐานใดชัดเจนที่จับต้องได้ ว่า พวกเขารักท่าน พวกเขาเป็นห่วงท่านและครอบครัว และพวกเขาทำประโยชน์ที่ตกมาถึงครอบครัวท่านจริง ๆ แบบไม่ได้มโนไปเอง หรือเชื่อตามคำโฆษณา?
  • กษัตริย์เป็นที่มาและรากของการแบ่งชนชั้น อำนาจเผด็จการ การดูถูกเหยียดหยามคนด้วยคติว่า คนไม่เท่ากัน ใช่หรือไม่? วัฒนธรรมอย่างนี้ ทำให้ชาติล้าหลังหรือก้าวหน้าแน่?
  •  หากไม่มีกษัตริย์ ปัญหาใด ๆ ของชาติจะลดหรือหายไปได้ง่ายหรือเร็วขึ้น? เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ (ความเป็นพี่น้องและกลมเกลียว) ถูกส่งเสริมหรือบั่นทอนโดยสถาบันกษัตริย์ไทย??? 
  • กษัตริย์ไทยส่งเสริมประชาธิปไตยหรือบ่อนทำลาย?  ท่านมีเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดสนับสนุนคำตอบของท่าน?
5. Facts or Myths about Royal Contributions?
  • ในบรรดาพระราชกรณียกิจ และโครงการพระราชดำริที่ออกอากาศแทบทุกวัน ท่านได้รับประโยชน์โดยตรงใด ๆ บ้าง?  
  • โครงการหลวง (ในพระราชดำริ)ใช้เงินจากภาษีอากรประชาชน และบุคลากรของราชการและรัฐวิสาหกิจ แล้วทำไมเครดิตจึงยกให้กษัตริย์ว่ามีบุญคุณต่อปวงชนทั้งหลาย?
  • โครงการหลวงทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไรบ้าง มีหลักฐานใด? 
  • ทำไมต้องมีการนำเสนอพระมหากรุณาธิคุณกันแบบซ้ำซาก ไม่จบสิ้น? 
  • ทำไมกษัตริย์ต้องมาพัฒนาประเทศ ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลได้หาเสียงและมีการตรวจสอบโครงการต่างๆ  ตามระบบรัฐสภาอยู่แล้ว? รัฐบาลมาจากตัวแทนประชาชนทุกจังหวัด ย่อมรู้ดีกว่ากษัตริย์ไม่ใช่หรือ?  
  • ในระยะสิบปีหลัง กษัตริย์ภูมิพลและครอบครัวได้ไปพบท่าน และช่วยเหลือเรื่องปากท้องท่านผ่านโครงการหลวงกี่ครั้ง? กษัตริย์องค์ใหม่ เคยทำอะไรให้ท่านได้ประโยชน์บ้าง?  อยู่ต่างประเทศปีละกี่วัน? ใช้เงินภาษีอากรของคนไทย วันละกี่ล้านบาท?  เครื่องบินที่ใช้สองสามลำ ใช้เงินใครซื้อ?
  • สิบปีหลัง ท่านได้พบกษัตริย์และครอบครัวตัวเป็น ๆ กี่ครั้ง?
  • หากให้เลือกดูข่าวสารความรู้เกี่ยวกับโลก วิชาชีพ และองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ในช่วงสองทุ่มทุก ๆ วัน วันนี้ความรู้ของท่านจะก้าวไกลไปแค่ไหน?  
  • และการโฆษณาเรื่องผลงานครอบครัวกษัตริย์ ทำขึ้นเพื่อสิ่งใด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนจริงหรือ?
  • ท่านทราบไหมว่า ประชาชนเลี้ยงกษัตริย์และครอบครัว?  ท่านทราบไหมว่า กิจการของวัง และเรื่องส่วนตัวของกษัตริย์ทั้งหลาย ถูกจ่ายโดยเงินภาษีอากรของประชาชน?
  • วชิราลงกรณ์ได้ยึดเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นของคนไทยทุกคน ไปเป็นของส่วนตน ท่านทราบหรือไม่? สภาที่อนุมัติให้เป็นไป เป็นสภาที่กษัตริย์องค์ก่อนแต่งตั้งเอง สนช. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ได้ทำงานเพื่อใคร? 
6. Demi-God Status?
  • กษัตริย์ภูมิพลเหาะมาจากฟ้าพร้อมกับวงศ์ตระกูลหรือไม่? วชิราลงกรณ์เป็นใคร? มีพฤติกรรมส่วนตัวเช่นใด? คนตระกูลนี้ทำตัวดีมีคุณธรรมเหนือกว่าท่านอย่างไร?
  • ทราบได้อย่างไรว่าคนตระกูลมหิดลมีบุญบารมีเหนือมนุษย์? เขายัดใส่หัวให้ หรือพิสูจน์ด้วยตนเอง?
  • ก่อนเป็นกษัตริย์ ฐานะกษัตริย์ภูมิพลและครอบครัวเป็นอย่างไร? วันนี้ฐานะพวกเขาเป็นอย่างไร? ทำไม? 
  • ทำไมพิธีกรรมต่าง ๆ จึงเป็นการชูกษัตริย์เป็นเทวดา ตามลัทธิพราหมณ์  ทั้ง ๆ ที่กษัตริย์เป็นผู้ที่นับถือพุทธ และต้องพระราชทาน พระบรมราชูปถัมน์ให้กับศาสนานี้? ทำไม คสช. ที่ภูมิพลยื่นอำนาจให้ จึงจ้องทำลายความเข้มแข็งของพระพุทธศาสนา?  และยิ่งในรัชกาลที่สิบนี้ ทำไมการไล่ล่าทำลายพุทธจึงยิ่งแรงขึ้น?  ทำไมมีภาพผู้นำ คสช. และวชิราลงกรณ์ทำพิธีแบบอิสลามกันทั่วหน้า?
  • ทำไมต้องมีราชาศัพย์? ภาษาที่ประดิษฐ์เพื่อยกตนเหนือคนอื่น และแบ่งคนให้ต่างกัน ให้คนยอมรับความแตกต่าง เพื่ออะไร? คนเราเท่ากัน คนเท่ากันคน หรือ คนเราต้องอยู่กันด้วยความแตกต่างที่พิสูจน์ไม่ได้หรือ?
  • ทำไมต้องมีมาตรา 112 และเขียนในรัฐธรรมนูญไม่ให้ฟ้องร้องหรือละเมิดใด ๆ ทั้งสิ้น? เราด่านักการเมือง วิจารณ์กันได้ทุกคน แต่ทำไมวิจารณ์เจ้าและตระกูลไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่พวกเขากินเงินภาษีอากรเราเหนือกว่าคนอื่น ๆ ในประเทศ แม้ว่าพวกเขารวยที่สุดระดับโลก เหนือกษัตริย์ทั่วหล้าด้วยซ้ำ?
7. Moral Authority?
  • การที่กษัตริย์ยกตัวเหนือสงฆ์ ด้วยการยึดอำนาจคืนไปเป็นผู้แต่งตั้งสังฆราชและให้ลาภยศแก่พระสงฆ์นั้น ส่งเสริมหรือทำลายศาสนาพุทธ ที่สอนให้ลด ละ และเลิก ความเป็นตัวตน การครอบครองสิ่งต่าง ๆ อันรวมถึงลาภ ยศ สรรเสริญ เพื่อเข้าสู่การก้าวไปสู่นิพพาน?
  • กษัตริย์ภูมิพล ถือศีลห้า ครบหรือไม่?  วชิราลงกรณ์ถือศีลได้กี่ข้อ? ท่านทราบได้อย่างไร?  เห็นกษัตริย์ในแต่ละวันกี่ชั่วโมง? ทราบพฤติกรรมของกษัตริย์และครอบครัวได้อย่างไร? จากไหน? ทำไมจึงคิดว่าเขาทำดี มีคุณธรรม เหนือกว่าเราทั่วไป?
  • ในทศพิธราชธรรม สิบข้อนั้น มีสิ่งใดบ้าง? เชื่อว่าหลายท่านไม่รู้ หรือรู้ไม่หมด แต่ทำไมเรายอมรับและถือว่า กษัตริย์เราเปี่ยมด้วยทศพิศราชธรรม?  
  • ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดคนถึงอ้างว่ากษัตริย์ไทยเป็น "ธรรมราชา"?  
  • ประเทศที่มีธรรมราชา ควรมีคุณลักษณะอย่างประเทศไทยหรือ? ธรรมราชาควรทำให้บ้านเมืองเป็นเช่นไร? ทำไมสังคมไทยจึงตกต่ำ กะหรี่เต็มเมือง? ยากจนดิ้นรนเต็มไปด้วยหนี้สิน จนกระจาย แต่จนกระจุก?  ทำไมมีการฆ่าประชาชนซ้ำ ๆ หลายครั้งตั้งแต่ภูมิพลครองราชย์ โดยทหารของวังไม่ได้รับโทษเลย เช่น กรณี ตุลา ๑๖ ตุลา ๑๙ พฤษภา ๓๕ นองเลือด ๕๒/๕๓?
  • ทศพิธราชธรรมประกอบด้วย
    ๑. ทาน l ๒. ศีล l ๓. บริจาค l ๔. ความซื่อตรง l ๕. ความอ่อนโยน l ๖. ความเพียร ๗. ความไม่โกรธ l ๘. ความไม่เบียดเบียน l ๙. ความอดทน l ๑๐. ความเที่ยงธรรม   ท่านคิดว่า กษัตริย์ภูมิพล ถือครบสิบข้อนี้หรือไม่ ดีเพียงใด? ทราบได้อย่างไร? แล้ววชิราลงกรณ์เล่า?
  • ครอบครัวของกษัตริย์ปฏิบัติศีลและธรรมเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาจริงหรือ? ท่านมีหลักฐานเต็มหูเต็มตาหรือไม่?
  • ทำไมเขาถึงสร้างให้กษัตริย์ฟังแล้วมีบารมีและเป็นเจ้าแห่งคุณธรรม หรือบุญญาธิการมากมาย? และใครได้ประโยชน์จากภาพลักษณ์เช่นนี้? ใครเป็นคนพูด? ทำไมคนเหล่านี้จึงพูด? ทั้งในวัด โรงเรียน โรงหนัง ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา ฯลฯ 
  • ความดีของกษัตริย์ภูมิพลและวิชราลงกรณ์ วัดได้จากตรงไหน? ท่านมีเหตุผลและหลักฐานใดบ้าง? คนดี ของระบอบการปกครองปัจจุบัน ทำไมต้องจงรักภักดีและมียศตำแหน่งใกล้ชิดและรับใช้วังด้วย? ทำไมคนที่ได้ดีต้องเป็นผู้จงรักภักดีด้วย? ทำไมคนที่จะได้ตำแหน่งระดับสูงจึงต้องถูกแต่งตั้ง (ลงนาม) โดยกษัตริย์โดยตรง?
8. Loyalty & Politics?
  • ทำไมท่านต้องจงรักภักดีกับกษัตริย์? 
  • ทำไมท่านไม่จงรักภักดีตัวแทนประชาชน กับชาติที่เป็นของทุกคน หรือกับหลักประชาธิปไตย? ทำไมเขาให้เราเกลียดนักการเมือง เพื่อให้ทหารมาครองอำนาจโดยเราไม่ได้เลือก?  ทำไมเขาต้องการให้พรรคการเมืองอ่อนแอ? ทำไมเขาให้อำนาจเบ็ดเสร็จ มาตรา ๔๔ แก่ทหารโจรที่ปล้นอำนาจจากนักการเมืองที่ประชาชนเลือก? คสช. และเครือข่ายทั้งหลายทำเพื่อประชาชนจริงหรือ? ทำไมมาโหมทุ่มเงินซื้อใจประชาชนก่อนการเลือกตั้ง? ทำไมเก็บภาษีคนจนทุกด้านแต่ยกเว้นภาษีให้ทุนระดับยักษ์ของไทย ที่หนุนหลังการรัฐประหาร และทุนต่างชาติให้ได้สิทธิพิเศษ แม้แต่การเป็นเจ้าของที่ดินของคนไทย? ฯลฯ
  • การจงรักภักดีนั้น ชูกันขึ้นมาเพื่อชาติ หรือเพื่อใคร?  ทำไมคนที่จะได้อำนาจ ต้องจงรักภักดี? 
  • ใครเป็นคนสร้างความคิดว่า คนทั้งหลายต้องรัก ต้องภักดีแบบไม่ต้องคิดถึงเหตุผล? 
  • เขาสร้างวัฒนธรรมการเทิดทูนบุคคลในตำแหน่งกษัตริย์เพื่ออะไร? ท่านสมควรเชื่อตามนั้นหรือไม่? เพราะเหตุใด?
9. Hypocrisy? 
  • กษัตริย์ไทยร่ำรวยที่สุดในโลก ในบรรดาราชาทั่วโลก โดยรวยกว่าพลเมืองไทยตามค่าเฉลี่ยฐานะทรัพย์สินถึง 5.4 ล้านเท่า แล้วทำไมจึงทรงสอนให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง? 
  • ท่านทราบไหมว่ากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของพระราชาทั่วโลก เสียภาษีเท่าไหร่  เอาเงินภาษีประชาชนเข้าไปใช้ปีละเท่าไหร่  และเงินบริจาคแต่ละปีเป็นเงินเท่าไหร่ กษัตริย์และราชวงศ์บริจาคเงินและทรัพย์สินในยามชาวบ้านเดือดร้อนเท่าไหร่?  พฤติกรรมของพ่อของแผ่นดิน สรุปได้จากความรักความใสใจตรงนี้ ได้มากน้อยแค่ไหน?
  • กษัตริย์ไทยทำตัวอย่างไรที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอยู่อย่างพอเพียง จริง ๆ ?  
  • การบีบหลอดยาสีฟัน เป็นภาพความจริง หรือแค่ภาพเล็ก ๆ ท่ามกลางภาพความหรูหราและสิ้นเปลืองงบประมาณประเทศชาติแต่ละปี เช่น เครื่องบิน รถ ปราสาท อาหารการกิน ฯลฯ ของคนในราชสำนัก? วชิราลงกรณ์ทำตัวพอเพียง หรือ ฟุ่มเฟือย?  
  • ทำไมประเทศที่กษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก จึงมีโสเภณีเต็มทั่วทุกจังหวัด มีนักท่องเที่ยวเพื่อกิจกรรมทางเพศ เข้าประเทศไทยเพื่อเสวยสุขจากเด็กหญิง เด็กชาย และหนุ่มสาวของประเทศอย่างคับคั่ง? ทำไมคนจนต้องหวังพึ่งลูกให้หาเงินแต่เด็ก ไปร้องเพลงประกวดตั้งแต่ระดับประถม ขายพวงมาลัย หรือแม้แต่ขายตัว และบางคนไม่ได้เรียนหนังสือทั้ง ๆ ที่เรียนดี? 
  • กษัตริย์และครอบครัวรวยขึ้นได้อย่างไร? ทำมาหากินอะไร? รับเงินภาษีประชาชนไปใช้ทางตรงและทางอ้อมเท่าใด? และได้ช่วยเหลือประชาชนแค่ไหน?  
  • ท่านมีหลักฐานในประเด็นเหล่านี้เพียงใด? ท่านได้พยายามหาเพิ่มหรือไม่?
  • กษัตริย์ไทยอ้างเป็นผู้ค้ำจุนศาสนาพุทธ แต่ทำไมเอาพราห์มมานำหน้า เชื่อไสยศาสตร์ และยอมให้ศาสนาพุทธถูกย่ำยีอย่างต่อเนื่อง?
10. Political Intervention/Engagement? 
  • ทำไมมีการฆ่าประชาชนในประเทศไทยในช่วงรัชกาลที่เก้า จนมีคนตายมากมาย หลายครั้ง นับตั้งแต่ตุลาคม 251425-16, พฤษภาคม 2535, เมษายน 2552 และเมษา-พฤษภา 2553 โดยคนสั่งและคนปฏิบัติการฆ่าไม่ได้ถูกพิจารณาและลงโทษเลย?
  • แถมผู้เกี่ยวข้องในการสังหารหมู่ประชาชนจำนวนหลายคน โดยเฉพาะในกลุ่มทหารและผู้ใกล้ชิดกับวัง ต่างได้ดิบได้ดีหลังความรุนแรงแทบทุกครั้ง?
  • ทำไมเราบอกว่า ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอำนาจเป็นของประชาชน แต่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้าไปหลายครั้ง ถูกทหารแย่งอำนาจแบบหน้าตาเฉย แล้วก็มีความชอบธรรม เพียงแค่กษัตริย์ลงนาม? 
  • ทำไมความผิดใด ๆ ที่หนักหน่วงขนาดถึงกับต้องโทษประหารชีวิต ก็ได้รับการพระราชทานอภัยโทษหมด?  
  • แปลว่ากษัตริย์ร่วมกับทหารและนักการเมืองมักง่าย ปล้นอำนาจประชาชน ใช่หรือไม่ใช่? 
  • เพราะเหตุใด? ทำไมเวลามีการรัฐประหาร การทำม็อบล้มรัฐบาลฝั่งปชต.หรือที่มาจากการเลือกตั้ง หรือเวลามีทหารหรือกองกำลังพลเรือนออกมาฆ่าประชาชนหัวก้าวหน้าหรือเอียงซ้าย จึงต้องมีการใช้สัญลักษณ์ของกษัตริย์หรืออ้างความจงรักภักดี โดยกษัตริย์เองก็ไม่ได้คัดค้านหรือห้าม?
  • ทำไมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จึงมีการรัฐประหารที่สำเร็จถึง 9 ครั้งในรอบ 80 กว่าปี และมีความพยายามรัฐประหารที่ไม่สำเร็จอีกเกือบสิบครั้ง (แปลว่า ล้มรัฐบาลหรือพยายามล้มถึง 20 กว่าครั้ง) และฉีกรัฐธรรมนูญซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเรามีรัฐธรรมนูญราว 20 ฉบับในรอบแปดสิบกว่าปี หรือประมาณสี่ปีต่อฉบับโดยเฉลี่ย?  ประมุข สนับสนุน หรือทำลายระบอบประชาธิปไตย?
  • กษัตริย์อยู่เหนือการเมือง เป็นวาทกรรมที่หลอกลวง หรือเป็นจริง?  
  • อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ต้องผ่านด้วยลายเซ็นต์ของกษัตริย์ทุกครั้ง ใช่หรือไม่? และขั้นตอนในสภาและก่อนนำขึ้นทูลเกล้า มีมือที่มองไม่เห็นหรืออิทธิพลจากทหาร และพลเรือนในเครือข่ายกษัตริย์เกี่ยวข้องด้วยเสมอมา ท่านทราบหรือไม่? 
  • ทำไมทหารที่อยู่ใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ คือกษัตริย์และพระราชินี จึงออกมามีส่วนในกิจกรรมการเมือง จนทำให้มีการยิงหัวประชาชนมือเปล่านับร้อยคน  โดยกษัตริย์ไม่ได้แสดงความเสียพระทัยหรือให้ข้อคิด เตือนสติ หรือห้ามปรามใด ๆ เลย?  
  • ทำไมจึงไม่มีการลงสัตยาบันรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่มันจะช่วยให้ประชาชนมีหลักประกันว่าจะไม่มีคนบ้าอำนาจสั่งฆ่าประชาชนแล้วรวบอำนาจไว้เพื่อไม่ต้องรับผลกรรม? 
  • ทำไมจึงมีการปิดปากประชาชนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์และสถาบันด้วยมาตรา 112?
  • ทำไมกษัตริย์จึงลงนามให้นายทหารที่มีศักดิ์แค่อธิบดีกรม ๆ หนึ่ง ขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือคนทั้งชาติ ตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557?
11. Conspiracy Theory?
  • มีคนกล่าวว่า รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศไทย มีพัฒนาการเชิงเป็นประชาธิปไตยน้อยลง หรือหมกเม็ดเพื่อริดรอนเสรีภาพ และความเสมอภาค ลดอำนาจตัวแทนจากประชาชน แล้วก็สร้างความแตกแยกรุนแรงในชาติไทยเพิ่มยิ่งขึ้นในระยะหลังนี้ เพราะอะไร?  
  • บางคนบอกว่า เพราะประชาชนรู้ความจริง และด้วยความกลัวจะสูญเสียฐานะที่อุดมด้วยอภิสิทธิ์และประโยชน์มหาศาลก็ทำให้คนสำคัญ ๆ ของชาติต้องออกมาใช้อำนาจเผด็จการ ผ่านการสุมหัวกันของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทหาร ศาลที่คณะรัฐประหารตั้ง สื่อที่เอียงขวาและอิงกับพ่อค้าและผู้ดีที่ได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจเคียงข้างหรือได้ผลประโยชน์ร่วมกับเจ้า ถึงกับต้องสั่งฆ่าประชาชน   ท่านเห็นด้วยหรือไม่? เพราะอะไร?
  • ประเทศไทยเจริญขึ้น หรือแย่ลง จากความไม่เป็นประชาธิปไตยและความวุ่นวายทางการเมือง? ใครยังอยู่ในอำนาจและร่ำรวยอย่างต่อเนื่องบนความวุ่นวายระยะสิบปีหลังนี้?
  • ทำไมจึงมีการโยนอุจจาระให้นักการเมือง แล้วเชิดชูทหาร คนดีในเครือข่ายจงรักภักดี และเทิดทูนกษัตริย์ว่าทำดีอย่างไร้ที่ติด เช่นวาทกรรม นักการเมืองให้ปลา พระราชาให้เบ็ด?
  • ท่านเคยได้ เบ็ด ซึ่งคงหมายถึงเครื่องมือหากิน อะไรบ้าง? เอาไปใช้แล้วทำให้ทำกำไรและดอกผลเพิ่มขึ้นเท่าไหร่? มีตัวอย่างจับต้องได้และพิสูจน์ได้ใดบ้าง?
12. Reality & Sensibility?
  • เกิดมาชาตินี้ ท่านเคยเจอกษัตริย์ตัวเป็น ๆ กี่ครั้ง?  
  • พระองค์และครอบครัวได้ทำอะไรที่ให้ประโยชน์กับท่านหรือครอบครัว หรือคนในชุมชนท่านบ้าง? คิดเป็นเงินได้กี่บาท? คิดเป็นความเจริญได้กี่กิโลกรัม?
  • ท่านเคยได้พูดกับกษัตริย์และราชวงศ์กี่คำ? ท่านรับทราบความทุกข์ต่าง ๆ และปัดเป่าให้ในกรณีใดบาง? กี่ครั้ง?
  • การมีกษัตริย์อยู่ ให้คุณประโยชน์อะไรแก่ประเทศชาติ ที่จับต้องได้ อยู่บนหลักเหตุผลมากกว่าอารมณ์ และมีหลักฐานชัดเจนที่ท่านเห็นและรับรู้กับหู กับตา?
  • หากสถาบันกษัตริย์หมดไปจากสังคมไทย หรือไม่มีอำนาจใด ๆ ให้ใครไปอ้างใช้ได้อีก จะมีอะไรเกิดขึ้นที่เป็นผลร้ายที่แก้ไขไม่ได้? 
  • อำนาจกษัตริย์มาจากไหน? ทำไมเราต้องยอมรับ?  
  • คนไทยขาดกษัตริย์ไม่ได้จริง ๆ หรือ? ให้คิดทั้งทางการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และแม้แต่วิถีชีวิตประจำวันของท่าน และระบบราชการในบ้านในเมืองระดับต่าง ๆ?
  • หากกษัตริย์หมดไป หรืออำนาจกษัตริย์หมดไป ประเทศไทยจะได้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง?  ใครจะได้ประโยชน์สูงสุด? ใครจะเสียประโยชน์สูงสุด? 
  • ที่บอกว่ากษัตริย์ไทยทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรี กีฬา เรื่องน้ำ เรื่องเขื่อนฝายกั้นน้ำ เรื่องการพัฒนา เรื่องเทคโนโลยี ฯลฯ  ท่านเห็นด้วยหรือไม่? มีหลักฐานและการตรวจสอบใด ๆ หรือไม่? ท่านทราบได้อย่างไร? 
  • ทำไมกษัตริย์และราชวงศ์จึงไม่ได้เรียนจบอะไรมากมาย? และที่เรียนจบและเก่งนั้น เพราะฝีมือและความฉลาดจริงหรือเพราะความเกรงใจและการเลีย?
  • ทำไมกษัตริย์ภูมิพลและพระราชินีจึงไม่จบปริญญาตรี และลูก ๆ ไม่มีใครเรียนจบปริญญาเอกเหมือนลูกชาวบ้านเลยสักคน?  
12. Interest Groups?
  • ทำไมคนบางกลุ่มถึงอ้างว่าเขาจงรักภักดีกษัตริย์นักหนาและมากกว่าคนอื่น เขารู้ได้อย่างไร เรารู้ได้อย่างไร?   
  • และพวกเหล่านั้น ได้ประโยชน์จากการโหนเจ้า มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนเช่นพวกเราหรือไม่ อย่างไร?  
13. Propaganda & Forces?
  • ทำไมต้องมีการบังคับให้ยืนเคารพในโรงหนัง? 
  • ทำไมต้องมีซุ้มเต็มบ้านเมือง ทำไมต้องจัดงานต่าง ๆ อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเชิดชู อย่างสิ้นเปลืองมหาศาล?
  • ทำไมต้องแสดงภาพการมีคนบริจาคเงินแทบทุกวัน ทำไมต้องมีการบริจาคให้กษัตริย์เอาไปทำบุญต่อ โดยเสด็จพระราชกุศล? กษัตริย์รับบริจาคไปเท่าไหร่ เอาไปทำบุญต่อเท่าไหร? มีบัญชีไหม? มีการตรวจสอบไหม? มีการรายงานให้ประชาชนเหมือนนักการเมืองไหม? 
  • ทำไมจึงต้องห้ามประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ หรือละเมิดไม่ได้เลย?
  • ทำไมเมื่อมีเหยื่อจากความป่าเถื่อนของมาตรา 112 กษัตริย์ถึงไม่เข้ามาแทรกแซงหรือแก้ไขเลย ทั้ง ๆ ที่เคราะห์กรรมมีผลมาจากตัวกษัตริย์เองเป็นสำคัญ?

Monday, December 31, 2012

ปตท. ปล้นชาติ และหลักการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจของประชาชน


Video streaming by Ustream

Tuesday, December 25, 2012

รัฐธรรมนูญคณะปฎิวัติประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2556 (ฉบับสมมุติ)



ผมนั่งสมมุติว่า หากมีประเทศ ๆ หนึ่ง มีกษัตริย์เป็นประมุข แล้วเกิดการปฎิวัติล้มล้างการปกครองแบบเผด็จการราชาธิปไตย ประชาชนคิดการสำเร็จแล้ว แต่กำลังหาคนช่วยร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แล้วก็มาขอให้ผมช่วยร่าง ผมจะทำยังไงดี? อิ ๆ พอเหลียวไปเหลียวมา ไปเจอรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) 2549 ที่ คมช. หรือ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้ให้นิติกรบริการร่างไว้อย่างดี จึงลองเอามาปรับแต่งเล่น ๆ เผื่อประชาชนประเทศตอแหลแลนด์ (สมมุติ) จะได้อำนาจมาแล้วสานต่อได้เลย ต้องขอบคุณ นักกฎหมายเก่ง ๆ ของไทยนะครับ ที่อำนวยความสะดวก (อิ ๆ)

ลองอ่านเล่น ๆ นะครับ

------------------------------------

รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2556

คณะปฎิวัติประชาชนชาวตอแหลแลนด์เพื่อเสรีประชาธิปไตย
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
เป็นปีที่ ๑ ในยุคชาววิไล

สภาปฎิวัติประชาชนชาวตอแหลแลนด์ให้ประกาศว่า

โดยที่หัวหน้าคณะปฎิวัติล้มล้างระบบเผด็จการราชาธิปไตยอันมีหัวหน้าคณะปฎิวัติฯเป็นประมุข ในชื่อ คณะปฎิวัติประชาชนชาวตอแหลแลนด์เพื่อเสรีประชาธิปไตย ซึ่งได้กระทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายนพุทธศักราช ๒๕๕๖ได้มีมติร่วมกับตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่าว่า เหตุที่ทำการยึดอำนาจและประกาศให้ยกเลิก

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรตอแหลแลนด์เสียนั้น ก็โดยปรารถนาจะแก้ไขความเสื่อมศรัทธาในระบอบการปกครองเดิม ที่ความไร้ประสิทธิภาพในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ถูกครอบงำโดยมือที่มองไม่เห็น หรืออำนาจเหี้ย ๆ ของกษัตริย์และสมุนทั้งหลาย ทำให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยไม่อาจหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ เพราะกลไกต่าง ๆ ได้ถูกยึดไปเป็นของพรรคและเครือข่ายกษัตริย์เสียทั้งสิ้น จะเดินหน้าด้วยวิถีประชาธิปไตยแบบสันติวิธี ก็เป็นอันถูกขัดขวาง จนทำให้บ้านเมืองอึมครึม เสียหาย และนับวันแต่จะทวีความร้อนร้ายขึ้นทุกที ถือเป็นเป็นวิกฤติการณ์ร้ายแรงทางการเมืองการปกครองเพียงเพราะพวกอภิสิทธิชนหัวโบราณภายใต้ระบอบการปกครอแบบราชาธิปไตย และปัญหาความขัดแย้งในมวลหมู่ประชาชนที่ถูกปลุกปั่นให้แบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายจนเสื่อมสลายความรู้รักสามัคคีของชนโดยกษัตริย์ไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีทศพิธราชธรรม ใช้เครือข่ายหลอกลวง เป่าหัว และนำไปสู่การฆ่าฟันกันของประชาชน เพียงเพื่อหวังให้ตนเองและครอบครัวอยู่ต่อไปตลอดกาล โดยไม่สนใจว่า ประชาชนและประเทศชาติจะเสียหายปานใด ทำลายความสมดุลย์แห่งอำนาจอธิปไตยของประชาชน ก้าวล่วงจนระบบปกติไม่สามารถทำงานได้ แถมยังใช้ทหารและองค์กรอิสระ พร้อมกับพรรคการเมืองแห่งราชวงศ์ตอแหลปั่นป่วนบ้านเมือง พร้อมกับยุยงให้ประชาชนหลงผิด คิดจงรักภักดีกับตนอย่างไม่ละอาย และยุให้ประชาชนผู้หลงอย่างมืดบอดออกมาทำร้ายประชาชนและตัวแทนของประชาชนอย่างบ้าคลั่ง แม้หลายภาคส่วนที่มาจากประชาชนจริง ๆ ตามระบอบประชาธิปไตย จะได้ใช้ความพยายามแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าวแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล กลับมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขั้นใช้กำลังเข้าปะทะกัน
ซึ่งอาจมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อได้ นับว่าเป็นภยันตรายใหญ่หลวงต่อระบอบการปกครอง ระบบ
เศรษฐกิจ และความสงบเรียบร้อยของประเทศ จำเป็นต้องกำหนดกลไกทางปกครองที่เหมาะสมแก่
สถานการณ์เพื่อใช้ไปพลางก่อน โดยคำนึงถึงหลักประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และไม่มีหัวหน้าคณะปฎิวัติฯเป็นประมุขหรือมาเกี่ยวข้องกับการปกครองอีกต่อไป

คณะปฎิวัติฯ จะให้คำมั่นในการการฟื้นฟูความรู้รักสามัคคี ดูแลระบบเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เสริมสร้างระบบการตรวจสอบทุจริตที่เข้มแข็งและระบบจริยธรรมที่ดีงาม ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ พันธกรณีตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ การส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ การดำรงชีวิตตามหลักเศรษฐกิจทุนนิยมเสรีที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขณะเดียวกันก็เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางจากประชาชนในทุกขั้นตอน โดยตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง และเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านขั้นตอนการร่างและลงประชามติตามกรอบที่คณะปฎิวัติกำหนดแล้ว จะมอบอำนาจโดยเบ็ดเสร็จให้กับรัฐบาลและรัฐสภาของประชาชนต่อไป
จึงขอประกาศให้ใช้บทบัญญัติต่อไปนี้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) จนกว่าจะได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรของประชาชน ภายใต้ระบอบการปกครองแบบเสรีประชาธิปไตยต่อไป

มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ใครจะทำตัวเหนือประชาชนหรือยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลของประชาชนไม่ได้

มาตรา ๒ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ผู้ใช้อำนาจนี้ จะต้องเป็นตัวแทนของประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งทางตรงหรือทางอ้อมเท่านั้น

มาตรา ๓ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามหลักสากลที่ประเทศไทยเคยมีพันธกรณีมาก่อนและตามที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา ๔ ยกเลิกทุกมาตราที่เกี่ยวเนื่องด้วยอำนาจกษัตริย์และองคมนตรีทุกมาตรา และให้กษัตริย์ดำรงตำแหน่งประมุขทางสัญลักษณ์ ไม่มีอำนาจใด ๆ และไม่สามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆ ทั้งสิ้น ให้ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของแผ่นดิน คือของประชาชนทุกคน แต่ให้รัฐสภากำหนดเงินเดือนแก่กษัตริย์และราชวงศ์ตามสมควร โดยรัฐสภาจะต้องควบคุมและอนุมัติก่อนในทุกรายละเอียด
มาตรา ๕ ให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่แต่งตั้งโดยคณะปฎิวัติ ทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และมีการเลือกตั้งตัวแทนด้านบริหารและนิติบัญญัติภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้ว และให้ประธานสภานิติบัตติแห่งชาติทำหน้าที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีหัวหน้าคณะปฎิวัติฯ หรือตัวแทน ทำหน้าที่ประธานาธิบดี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร ส่วนประมุขฝ่ายตุลาการนั้น ให้ประธานตุลาการแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งในลักษณะเดียวกัน

สมาชิกภาพของสมาชิกสภานิติบัญญัติและผู้ปฎิบัติงานด้านบริหารและตุลาการแห่งชาติสิ้นสุดลง เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ถูกปลดโดยหัวหน้าคณะปฎิวัติฯ
(๔) ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
(๕) สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ

มาตรา ๗ หัวหน้าคณะปฎิวัติแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นประธานสภา
คนหนึ่ง และเป็นรองประธานสภาคนหนึ่งหรือหลายคนตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
การพ้นจากตำแหน่งของประธานสภา และรองประธาน ให้เป็นไปตามคำสั่งของคณะปฎิวัติฯ

มาตรา ๘ ในกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติผู้ใดกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสีย
เกียรติศักดิ์ของการเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือมีพฤติการณ์อันเป็นการขัดขวางต่อการปฏิบัติ
หน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบคน
มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ผู้นั้นพ้นจากสมาชิกภาพ
มติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพตามวรรคหนึ่ง ต้องมีคะแนนเสียง
ไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในวันลงคะแนน

มาตรา ๙ การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอำนาจตราข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของ
ประธานสภา รองประธานสภาและกรรมาธิการ วิธีการประชุม การเสนอและพิจารณาร่างประชาบัญญัติ
การเสนอญัตติ การอภิปราย การลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย และ
กิจการอื่นเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

มาตรา ๑๐ หัวหน้าคณะปฎิวัติตรากฎหมายประชาบัญญัติ ที่มีฐานะแทนประชาบัญญัติในการปกครองแบบเดิม โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ภายใต้บังคับมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง ร่างกฎหมายประชาบัญญัติจะเสนอได้ก็แต่โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติร่วมกันจำนวนไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคน หรือคณะรัฐมนตรี แต่ร่างประชาบัญญัติเกี่ยวด้วย
การเงิน จะเสนอได้ก็แต่โดยคณะรัฐมนตรี
ร่างประชาบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินตามวรรคสอง หมายความถึงร่างประชาบัญญัติว่าด้วย
ข้อความดังต่อไปนี้ทั้งหมดหรือแต่อย่างหนึ่งอย่างใด กล่าวคือ การตั้งขึ้น ยกเลิก ลด เปลี่ยนแปลง
แก้ไข ผ่อน หรือวางระเบียบการบังคับอันเกี่ยวกับภาษีหรืออากร การจัดสรร รับ รักษา จ่าย โอน
หรือก่อภาระผูกพันเงินแผ่นดิน การลดรายได้แผ่นดิน การกู้เงิน การค้ำประกัน หรือการใช้เงินกู้ หรือ
ร่างประชาบัญญัติว่าด้วยเงินตรา
ในกรณีเป็นที่สงสัยว่าร่างประชาบัญญัติซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้เสนอจะเป็น
ร่างประชาบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือไม่ ให้เป็นอำนาจของประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่จะ
วินิจฉัย

มาตรา ๑๑ ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกทุกคนมีสิทธิตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี
ในเรื่องใดอันเกี่ยวกับงานในหน้าที่ได้ แต่รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิที่จะไม่ตอบเมื่อเห็นว่าเรื่องนั้นยังไม่ควร
เปิดเผยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือเมื่อเห็นว่าเป็นกระทู้
ที่ต้องห้ามตามข้อบังคับ
ในกรณีมีปัญหาสำคัญ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนจะเข้าชื่อ
เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงจากคณะรัฐมนตรีก็ได้ แต่จะลงมติไว้วางใจหรือ
ไม่ไว้วางใจไม่ได้

มาตรา ๑๒ ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารภารกิจแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรี
เห็นสมควรจะรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานาธิบดีจะแจ้งไปยัง
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายมิได้

มาตรา ๑๓ ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้ใดจะกล่าวถ้อยคำใด ๆ ในทางแถลง
ข้อเท็จจริง หรือแสดงความคิดเห็น หรือออกเสียงลงคะแนน ย่อมเป็นเอกสิทธิ์โดยเด็ดขาด จะนำไป
เป็นเหตุฟ้องร้องว่ากล่าวผู้นั้นในทางใดมิได้
เอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ให้คุ้มครองถึงกรรมาธิการของสภา ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณารายงาน
การประชุมโดยคำสั่งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือคณะกรรมาธิการ บุคคลซึ่งประธานในที่ประชุม
อนุญาตให้แถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจน
ผู้ดำเนินการถ่ายทอดการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ที่ได้รับ
อนุญาตจากประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย แต่ไม่คุ้มครองสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติผู้กล่าว
ถ้อยคำในการประชุมที่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ หากถ้อยคำที่กล่าว
ในที่ประชุมไปปรากฏนอกบริเวณสภานิติบัญญัติแห่งชาติและการกล่าวถ้อยคำนั้นมีลักษณะเป็น
ความผิดอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่งต่อบุคคลอื่นซึ่งมิใช่รัฐมนตรีหรือสมาชิกสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติ
ในกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติถูกควบคุมหรือขัง ให้สั่งปล่อยในเมื่อประธาน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติร้องขอ หรือในกรณีถูกฟ้องในคดีอาญา ให้ศาลพิจารณาคดีต่อไปได้ เว้นแต่
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติร้องขอให้งดการพิจารณาคดี

มาตรา ๑๔ หัวหน้าคณะปฎิวัติแต่งตั้งประธานาธิบดีคนหนึ่ง และรัฐมนตรีอื่นอีกจำนวน
ไม่เกินสามสิบห้าคนตามที่ประธานาธิบดีให้คำแนะนำ ประกอบเป็นคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหาร
ภารกิจแผ่นดิน
หัวหน้าคณะปฎิวัติ มีอำนาจในการให้ประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่งตามที่
คณะปฎิวัติให้คำแนะนำ และให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งตามที่
ประธานาธิบดีให้คำแนะนำ
การแต่งตั้งประธานาธิบดีและการให้ประธานาธิบดีพ้นจากตำแหน่ง ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ
แห่งชาติเป็นผู้ลงนาม
ประธานาธิบดีและรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาร่าง
รัฐธรรมนูญ หรือกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกันมิได้
ประธานาธิบดีและรัฐมนตรีมีสิทธิเข้าร่วมประชุมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภา
นิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

มาตรา ๑๕ ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาแห่งอาณาจักร ความปลอดภัย
ของประเทศ ทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือเมื่อมีความจำเป็น
ต้องมีกฎหมายเกี่ยวด้วยการภาษีอากรหรือเงินตราที่ต้องพิจารณาโดยด่วนและลับ หัวหน้าคณะปฎิวัติฯไว้ซึ่ง
ประชาอำนาจในการตราประชากำหนดให้ใช้บังคับดังเช่นประชาบัญญัติ
เมื่อได้ประกาศใช้ประชากำหนดแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีเสนอประชากำหนดต่อสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติโดยไม่ชักช้า ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติอนุมัติแล้ว ให้ประชากำหนดนั้นมีผลใช้บังคับ
เป็นประชาบัญญัติต่อไป ถ้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่อนุมัติ ให้ประชากำหนดนั้นตกไป แต่ทั้งนี้
ไม่กระทบกระเทือนกิจการที่ได้เป็นไปในระหว่างที่ใช้ประชากำหนดนั้น เว้นแต่ประชากำหนดนั้น
มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายใด ให้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีอยู่ก่อน
การแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกมีผลใช้บังคับต่อไปตั้งแต่วันที่การไม่อนุมัติประชากำหนดนั้นมีผลบังคับ
การอนุมัติหรือไม่อนุมัติประชากำหนดให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีไม่อนุมัติให้มีผล
ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๖ หัวหน้าคณะปฎิวัติฯมีอำนาจในการตราประชากฤษฎีกาโดยไม่ขัดต่อ
กฎหมาย
มาตรา ๑๗ บรรดาบทกฎหมาย หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ มีอำนาจสูงสุดในการอนุมัติหรือไม่ยอมรับตามมติเอกฉันท์ของคณะปฎิวัติฯ เว้นแต่
รัฐธรรมนูญนี้จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา ๑๘ ผู้พิพากษาและตุลาการมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีโดยมีการรับรองด้วยลายมือของหัวหน้าคณะปฎิวัติฯ ให้เป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้

มาตรา ๑๙ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกซึ่งให้แต่งตั้งตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มีจำนวนหนึ่งร้อยคน
หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง
และรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญอีกไม่เกินสองคน ตามมติของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง
ประธานสภาและรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใด
ในพรรคการเมืองภายในเวลาสองปีก่อนวันได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
และต้องไม่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติในขณะเดียวกัน
ให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการของสภา ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณารายงานการประชุม
โดยคำสั่งของสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือคณะกรรมาธิการ บุคคลซึ่งประธานในที่ประชุมอนุญาตให้
แถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ และผู้ดำเนินการถ่ายทอด
การประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญทางวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ที่ได้รับอนุญาตจากประธาน
สภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓ เช่นเดียวกับสมาชิก
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ให้นำมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับแก่องค์ประชุมของสภาร่างรัฐธรรมนูญและให้นำ
ข้อบังคับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติมาใช้บังคับแก่การประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๒๐ ให้มีสมัชชาแห่งชาติ ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งให้แต่งตั้งจากผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี มีจำนวนไม่เกินสองพันคน
ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแต่งตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติตามวรรคหนึ่ง
ให้นำความในมาตรา ๕ วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การสรรหาบุคคลและการได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติด้วยโดยอนุโลม

มาตรา ๒๑ ในการประชุมสมัชชาแห่งชาติ ให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่
ประธานสมัชชาแห่งชาติ และรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รองประธานสมัชชา
แห่งชาติ
การประชุมสมัชชาแห่งชาติและวิธีการคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามที่
ผู้ทำหน้าที่ประธานสมัชชาแห่งชาติกำหนด

มาตรา ๒๒ ให้สมัชชาแห่งชาติมีหน้าที่คัดเลือกสมาชิกด้วยกันเองเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อ
ผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมีจำนวนสองร้อยคน
ให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวันนับแต่วันเปิดประชุมสมัชชาแห่งชาติครั้งแรก และเมื่อได้คัดเลือกสมาชิก
สภาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว หรือเมื่อครบกำหนดเวลาแล้วยังไม่อาจคัดเลือกได้ครบถ้วน ให้สมัชชาแห่งชาติ
เป็นอันสิ้นสุดลง

การคัดเลือกตามวรรคหนึ่ง ให้สมาชิกสมัชชาแห่งชาติมีสิทธิเลือกได้คนละไม่เกินสามรายชื่อ
และให้ผู้ได้คะแนนเสียงสูงสุดเรียงลงไปตามลำดับจนครบสองร้อยคนเป็นผู้ได้รับเลือก ในกรณีที่
มีคะแนนเสียงเท่ากันในลำดับใดอันจะทำให้มีผู้ได้รับเลือกเกินสองร้อยคน ให้ใช้วิธีจับสลาก
มาตรา ๒๓ เมื่อได้รับบัญชีรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกจากสมัชชาแห่งชาติแล้ว ให้คณะมนตรี
แห่งชาติคัดเลือกบุคคลตามบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้เหลือหนึ่งร้อยคน และนำความ
กราบบังคมทูลเพื่อแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ในกรณีที่สมัชชาแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามมาตรา ๒๒
วรรคหนึ่ง ให้คณะปฎิวัติเลือกสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวนหนึ่งร้อยคน
เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอแต่งตั้งต่อไป
ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ให้นำความในมาตรา ๕ วรรคสี่ มาใช้บังคับแก่การได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
และกรรมาธิการตามมาตรา ๒๕ ด้วยโดยอนุโลม
มาตรา ๒๔ ในระหว่างที่สภาร่างรัฐธรรมนูญยังปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญนี้ไม่แล้วเสร็จ
หากมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ
คัดเลือกบุคคลจากบัญชีรายชื่อตามมาตรา ๒๒ ที่เหลืออยู่ หรือจากบุคคลที่เคยเป็นสมาชิก
สมัชชาแห่งชาติ แล้วแต่กรณี เพื่อเสนอแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีตำแหน่งว่าง
ในระหว่างที่ยังมิได้แต่งตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแทนตำแหน่งที่ว่าง ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ
ประกอบด้วยสมาชิกเท่าที่เหลืออยู่

มาตรา ๒๕ ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยผู้คุณวุฒิซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ที่ได้รับการคัดเลือกตามมติของสภาจำนวนยี่สิบห้าคน และผู้คุณวุฒิซึ่งเป็นหรือมิได้เป็นสมาชิก
สภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวนสิบคนตามคำแนะนำของหัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติ ทั้งนี้
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประชากฤษฎีกา

มาตรา ๒๖ เมื่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้จัดทำ
คำชี้แจงว่าร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นใหม่นั้น มีความแตกต่างกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๔๐ ในเรื่องใดพร้อมด้วยเหตุผลในการแก้ไขไปยังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ องค์กร
และบุคคลดังต่อไปนี้ (ซึ่งให้ปลดผู้อยู่ในตำแหน่งก่อนหน้านี้ให้หมด แล้วให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ แต่งตั้งใหม่) เพื่อพิจารณาและเสนอความคิดเห็น
(๑) คณะปฎิวัติ
(๒) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
(๓) คณะรัฐมนตรี
(๔) ศาลฎีกา
(๕) ศาลปกครองสูงสุด
(๖) คณะกรรมการการเลือกตั้ง
(๗) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(๘) ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
(๙) ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
(๑๐) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(๑๑) สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(๑๒) สถาบันอุดมศึกษา

ให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารชี้แจงตามวรรคหนึ่ง
ให้ประชาชนทั่วไปทราบ ตลอดจนส่งเสริมและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนประกอบด้วย

มาตรา ๒๗ เมื่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญได้รับร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารตามมาตรา ๒๖ แล้ว
หากประสงค์จะแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทำได้เมื่อมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญลงชื่อรับรอง
ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มีอยู่และต้องยื่นคำขอแปรญัตติพร้อมทั้ง
เหตุผลก่อนวันนัดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๘
สมาชิกที่ยื่นคำขอแปรญัตติหรือที่ให้คำรับรองคำแปรญัตติของสมาชิกอื่นแล้ว จะยื่นคำขอ
แปรญัตติหรือรับรองคำแปรญัตติของสมาชิกอื่นใดอีกไม่ได้

มาตรา ๒๘ เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ส่งเอกสารตามมาตรา ๒๖ ให้คณะกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาความเห็นที่ได้รับมาตามมาตรา ๒๖ และคำแปรญัตติตามมาตรา ๒๗
พร้อมทั้งจัดทำรายงานการแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่แก้ไขเพิ่มเติมพร้อมทั้งเหตุผล เผยแพร่ให้ทราบ
เป็นการทั่วไป แล้วนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา
การพิจารณาของสภาร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคหนึ่งเป็นการพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบ
หรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและเฉพาะมาตราที่สมาชิกยื่นคำขอแปรญัตติตามมาตรา ๒๗
หรือที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเสนอ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจะแปรญัตติแก้ไข
เพิ่มเติมนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๗ มิได้ เว้นแต่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเห็นชอบ
ด้วยหรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามในห้าเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น

มาตรา ๒๙ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญและพิจารณาให้แล้วเสร็จตาม
มาตรา ๒๘ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก
เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียง
ประชามติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งต้องจัดทำไม่เร็วกว่าสิบห้าวัน
และไม่ช้ากว่าสามสิบวันนับแต่วันที่เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ที่สภาร่างรัฐธรรมนูญประกาศกำหนด
การออกเสียงประชามติต้องกระทำภายในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร

มาตรา ๓๐ เมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมาธิการ
ยกร่างรัฐธรรมนูญดำเนินการยกร่างประชาบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์
ในการจัดให้มีการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ
เพื่อเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติดำเนินการต่อไปซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ
ภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
เพื่อประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามมิให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญลงสมัคร
รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาภายในสองปีนับแต่วันที่พ้นจาก
ตำแหน่งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

มาตรา ๓๑ ในการออกเสียงประชามติ ถ้าประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของ
ผู้มาออกเสียงประชามติเห็นชอบให้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้บังคับแล้ว ให้ประธานสภานิติบัญญัติ
แห่งชาตินำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และเมื่อลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาและใช้บังคับได้

เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและสภาร่างรัฐธรรมนูญได้จัดทำร่างประชาบัญญัติประกอบ
รัฐธรรมนูญตามมาตรา ๓๐ เสร็จแล้ว หรือเมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๓๐ สุดแต่เวลาใด
จะถึงก่อน ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นอันสิ้นสุดลง

มาตรา ๓๒ ในกรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายใน
กำหนดเวลาตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง ก็ดี สภาร่างรัฐธรรมนูญไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ
ตามมาตรา ๒๘ วรรคสอง ก็ดี หรือในการออกเสียงประชามติตามมาตรา ๓๑ ประชาชนโดยเสียงข้างมาก
ของผู้มาออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบให้ใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ดี ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ
สิ้นสุดลง และให้คณะปฎิวัติประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทยที่ได้เคยประกาศใช้บังคับมาแล้วฉบับใดฉบับหนึ่งมาปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายใน
สามสิบวันนับแต่วันออกเสียงประชามติไม่เห็นชอบ และนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อลง
พระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญต่อไป
ในการประชุมร่วมกันตามวรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติทำหน้าที่
ประธานในที่ประชุม
การประกาศใช้รัฐธรรมนูญตามมาตรานี้ ให้ประธานาธิบดีเป็นผู้ลงนาม

มาตรา ๓๓ เงินประจำ ตำ แหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานสภาและ
รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาร่างรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในคณะมนตรี
แห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
และผู้ดำรงตำแหน่งในคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในประชากฤษฎีกา

มาตรา ๓๔ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและแห่งชาติ ให้มี
คณะปฎิวัติ ประกอบด้วยบุคคลตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตย อันมีหัวหน้าคณะปฎิวัติฯเป็นประมุข ฉบับที่ ๒๔ ลงวันที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช
๒๕๕๖
หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติอาจแต่งตั้งสมาชิกคณะปฎิวัติ
เพิ่มขึ้นได้อีกไม่เกินสิบห้าคน
ให้หัวหน้า รองหัวหน้า สมาชิก เลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย อันมีหัวหน้าคณะปฎิวัติฯเป็นประมุข เป็นประธาน รองประธาน สมาชิก
เลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฎิวัติ ตามลำดับ
ในกรณีที่หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน
คณะปฎิวัติตามลำดับที่หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติกำหนดทำหน้าที่
หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติ และในกรณีที่หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติและ
รองหัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้สมาชิกคณะมนตรี
แห่งชาติเลือกสมาชิกคณะปฎิวัติคนหนึ่งทำหน้าที่หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ
แห่งชาติ
ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะปฎิวัติฯแห่งชาติหรือประธานาธิบดีอาจขอให้มี
การประชุมร่วมกันของคณะปฎิวัติและคณะรัฐมนตรี เพื่อร่วมพิจารณาและแก้ไข
ปัญหาใด ๆ อันเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยและแห่งชาติ รวมตลอดทั้งการปรึกษา
หารือเป็นครั้งคราวในเรื่องอื่นใดก็ได้

มาตรา ๓๕ บรรดาการใดที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญหรือเมื่อมี
ปัญหาว่ากฎหมายใดขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้เป็นอำนาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งประกอบด้วย
ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นรองประธาน ผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรง
ตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาโดยวิธีลงคะแนนลับ
จำนวนห้าคนเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ และตุลาการในศาลปกครองสูงสุดซึ่งได้รับเลือกโดยที่ประชุมใหญ่
ศาลปกครองสูงสุดโดยวิธีลงคะแนนลับจำนวนสองคน เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ
ให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมายว่าด้วยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ธุรการ
และการอื่นใดตามที่ประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญมอบหมาย
องค์คณะในการพิจารณาพิพากษา วิธีพิจารณา และการทำคำวินิจฉัย ให้เป็นไปตามที่คณะตุลาการ
รัฐธรรมนูญกำหนดโดยประกาศในประชากิจจานุเบกษา
บรรดาอรรถคดีหรือการใดที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญก่อนวันที่
๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ ให้โอนมาอยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบของคณะตุลาการ
รัฐธรรมนูญ

มาตรา ๓๖ บรรดาประกาศและคำสั่งของคณะปฎิวัติฯ หรือคำสั่งของหัวหน้าคณะปฎิวัติฯ ที่ได้ประกาศหรือสั่งในระหว่างวันที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ จนถึงวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปใดและไม่ว่าจะประกาศหรือ
สั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ ให้มีผลใช้บังคับต่อไปและ
ให้ถือว่าประกาศหรือคำสั่ง ตลอดจนการปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นไม่ว่าการปฏิบัติตามประกาศ
หรือคำสั่งนั้นจะกระทำก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประกาศหรือคำสั่งหรือการปฏิบัติ
ที่ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

มาตรา ๓๗ บรรดาการกระทำทั้งหลายซึ่งได้กระทำเนื่องในการยึดและควบคุมอำนาจ
การปกครองแผ่นดิน เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ ของหัวหน้าและคณะปฎิวัติ รวมตลอดทั้งการกระทำของ
บุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำดังกล่าวหรือของผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฎิวัติ หรือของผู้ซึ่งได้รับคำสั่ง
จากผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหรือคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันได้กระทำไป เพื่อการดังกล่าวข้างต้นนั้น การกระทำดังกล่าวมา
ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ
รวมทั้งการลงโทษและการกระทำอันเป็นการบริหารราชการอย่างอื่น ไม่ว่ากระทำในฐานะตัวการ
ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ และไม่ว่ากระทำในวันที่กล่าวนั้นหรือก่อนหรือหลัง
วันที่กล่าวนั้น หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

มาตรา ๓๘ ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้น
ไปตามวินิจฉัยและคำสั่งของคณะปฎิวัติฯ โดยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวแก่การวินิจฉัยกรณีใดตามความในวรรคหนึ่งเกิดขึ้นในวงงานของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือเมื่อมีกรณีที่คณะรัฐมนตรีขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติวินิจฉัย
ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติวินิจฉัยชี้ขาด

มาตรา ๓๙ ก่อนคณะรัฐมนตรีเข้ารับหน้าที่ ให้หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ
ปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรี


ผู้ลงนาม
xxxxxxxxxxxx

หัวหน้าคณะปฎิวัติฯ



-->
-->