ยินดีต้อนรับ

พลเมืองที่รอบรู้เท่าทัน คือ พลังประชาธิปไตยที่แท้จริง
Well-informed citizens are the true democratic forces.

Monday, June 20, 2016

สาสน์จากเจ้าคุณเบอร์ลินถึงศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก

สาสน์จากเจ้าคุณเบอร์ลินถึงศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก

ตายเพื่อพระศาสนา ถือเป็น เกียรติยศเหนือเกียรติยศใด ๆ ของ พุทธบุตร : ท่านธัมมชโย ยอมตายคาผ้าเหลือง - เจ้าสัวบุญชัย ยอมตายคาผ้าขาว จะมีอะไรสุดประเสริฐไปกว่านี้อีกเล่า. 
------
- โพสต์นี้ ผมจะขออนุญาตมาแบบตรง ๆ เลยนะครับ อาจแรงกับคนกันเองบ้าง แต่ย้ำต่อหน้า "พระประธาน" ผมเจตนาบริสุทธิ์แท้ครับ.

- ขอเปิดหน้า เปิดใจ เล่นกันกับพวกบ้าสักโพสต์นะครับ.

- พวกนี้ จะมาใจดีกับมันเหมือนทุกครั้ง คงไม่ได้ผลหรอก ครับ นอกจากเลือกจังหวะดี ๆ แล้วใส่หนักๆ ไปเลย เพราะไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว คงไม่ต้องยั้งอะไร...

"เมื่อชักกระบี่ออกจากฝักแล้ว ไฉนยั้งไมตรี ต่อศัตรู".
------
- มาเปิดแผนเล่นกันซื่อ ๆ แลกหมัดกัน แบบนักเลงโบราณไปเลยดีกว่า เกมส์มันจะได้จบ ๆ ไปสักที

ไอ้ที่ผ่านมานานนะ.."เสียเวลาภาวนาหมด".

- ปล่อยให้ยืดเยื้อจนถึงฎีกา แบบมองไม่เห็นวันจบสักทีนั้น มันเสียเวลาดูบอลยุโรปไปเปล่า ๆ แถมทำเอาบรรดา..

"กองเชีย์เซ็งเป็ด" ครับ.
----
- ที่สำคัญผมอยากจะให้ฝ่ายมาร ที่มันชอบนึกกระหยิ่มตลอดมาว่า ..

"ตัวมันเองเท่านั้น
ที่ฉลาด เหนือคนอื่น 
มีคุณธรรมเหนือผู้คนทั้งแผ่นดิน 
รักบูชาพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว
มีความเคร่งครัดกว่าสงฆ์ทั้งปวง
มีความเก่ง และแม่นพระวินัย
ถือกฎหมายเป็นหลัก 
ยึดขบวนการความยุติธรรมของชาติ

แล้วก็ออกมาแหกปากตะโกน
ร้องให้คนอื่นยึดกฎหมาย

สาระพัดที่จะพูด จะทำ
เพื่อให้ตนเอง และพวกตนเอง

ดูแล้วดีทุกตารางนิ้ว
ดูแล้ววิเศษ
เหนือคนอื่น
เลิศยังกับเทวดาก็ไม่ปาน".

- ทั้ง ๆ ที่ "ทั้งหมดล้วนเป็นตรงกันข้าม กับที่มันพูด และประพฤติ".
-------
- ต่อจากนั้น พวกมันก็สมคบคิด วางแผน 
เพื่อทำลายพระศาสนา 
ทำลายการปกครองสงฆ์ทั้งมวล
หยิบประเด็นนั่นนี่ สารพัดมาป่วนเมือง
เอามาสร้างเรื่อง แบบแฝงนัยยะ.

- เช่น พยายามทุ่มเทจะเอาเป็นตาย 
กะเพื่อทำลายวัดพระธรรมกายให้ได้
เพื่อให้เป็นด่านแรกตามแผนชั่ว

ที่จริงใครก็มองออกว่า งานนี้มี
เป้าหมายเพื่อมุ่งทำลายพระศาสนา
ให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทย.

- เพราะเห็นว่า หากปล่อยให้คณะสงฆ์เข้มแข็ง 
เป็นปึกแผ่น การคิดกดหัวก็จะยาก ดัดยาก กำหลาบยาก คุมยาก.

- นี้คือเป้าหมายแผนชั่วของฝ่ายทำลายพระศาสนา ที่กำลังดำเนินอยู่ในไทยเราขณะนี้.

----

- ว่าไปแล้ว โพสต์ในครั้งนี้ คือ ผมอยากจะให้พวกบ้าเหล่านี้ ได้รู้เสียทีว่า..

"ไอ้ที่มึงคิด มึงทำนั้น 
อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่ 
รู้ไม่ทัน ไล่ไม่จนกับแผนชั่ว ๆ พวกมึงกันนะ

ไอ้เรื่องบ้องตื้นแค่นี้

ทำไมคนอื่นเขาจะไม่รู้
ทำไมเขาจะคิดไม่เป็น จะทำไม่ได้

แต่ที่ชาวบ้านเขาไม่ทำเหมือนพวกมึงทำนั้น

ก็เพราะพวกเขามีสติปัญญาทางบวกทางสูง
ที่พยายามยับยั้งจิตใจตนตั้งให้สูงไว้

ไม่ให้กิเลสทางต่ำครอบงำใจได้

รู้จักแยกแยะดีกว่าพวกมึง
ถูกผิดรู้ชัดมากกว่า ต่างหากเล่า !!!!

ไม่ใช่ออกอาการเหมือนหมาบ้ารายวัน

คิดพากันทำ เห็นมีแต่เรื่องท้านรกทั้งสิ้น 
กุศลหาไม่มีเลย
วัน ๆ สมองคิดแต่เรื่องทำชั่วไม่ว่างเว้น

อาการอย่างที่พวกมึงทำกันนี้ 
คนไม่ชั่วพอแบบพวกมึงนี้ 
เขาคิดกันไม่ออกหรอก

ไอ้งั่งเอ้ย.. (ชักเหลืออด)".
----
เข้าเรื่องเลยครับ
--------

การประกาศยอมตายคาผ้าเหลือง
มันคือ เกียรติยศ เหนือ เกียรติยศใดๆ 
ของเหล่าพุทธบุตร.
--------

- ผม และทีมงาน ได้วิเคราะห์ และสรุปตรงกันว่า ..

"กรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย" นั้น.

- เชื่อได้ว่า..

ชาวพุทธทั่วโลกล้วนต่างภาวนาในใจตรงกันว่า ..

"งานนี้ ขอภาวนาให้ ท่านธัมมชโย 
ยอมตายคาวัดไปเลย".

- เพราะสิ่งนี้สำคัญยิ่งยวดนัก โอกาสแบบนี้ก็หายากด้วย เพราะมัน คือ "เกียรติ ของ พระสงฆ์ ที่เป็นพุทธสาวก ทั้งโลก".

- อันคนเรานั้น อย่าว่าแต่เป็นพระมหาเถระสงฆ์ที่บวชปฎิบัติดีมาขนาดนี้เลย ต่อให้แค่พระหนุ่มเณรน้อย ก็ตาม.

- เมื่อมาถึงขั้นสูงสุดระดับนี้แล้ว อย่าว่าแต่คดีแค่นี้เลย.

- ต่อให้มีมาร หรือมีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ หลายร้อยหลายพันเท่า.

- มันก็คงไม่สามารถ ที่จะมาสร้างความหวั่นไหวต่อปณิธานในการถือ "เพศบรรพชิต" ของตนเองไปได้หรอกครับ.
------
- อีกทั้งด้วยสภาพการณ์ ณ ปัจจุบัน ยังไง ๆ ก็ยังดีกว่า ..

"การเดินออกไปเสี่ยง
ให้ความ" อยุติธรรม" 
เรื่องสมมติโลก 
มันมาทำลายเกียรติยศ
แห่งความเป็น" พุทธบุตร" 
ของตนลงป่นปี้เป็นแน่แท้".

- เรื่องนี้ จริงหรือไม่จริง จะได้รู้กันเร็ว ๆ นี้.
----

เปิดหน้าเล่นเลยครับหลวงพ่อ.

- ในยามบ้านเมืองเกิด "ทุรยุค" เช่นในทุกวันนี้.

- จะหาความยุติธรรมได้ที่ไหน เหลียวมองไป ก็เห็นแต่ความ "อยุติธรรม" เท่านั้น ที่มันปรากฏไปทั่วในแผ่นดินในทุกวันนี้.

- เหล่าสมณชีพราหมณ์ ที่ปฎิบัติธรรมเพื่อเผากิเลส ซึ่งไร้เกาะป้องกันตัว มีแต่ผ้าพันกาย 3 ผืน.

- ก็ย่อมถูกขุนนางผู้กังฉิน แอบอ้างอำนาจรัฐ ของอาณาจักร ให้กำลังเข้าบีทาย่ำยีทำการ"เบียดเบียน"ให้เกิดความลำบาก ขัดข้องไปทั้งกายใจ ดังเป็นมาทุกยุคสมัย ที่แผ่นดินแตกแยก.

- สภาพการณ์เช่นนี้ วงการศาสนาที่เคยสงบสุข ร่มเย็นด้วยธรรม จึงต่างเดือดร้อนไปทั่วหัวระแหง.
-----
- ดังนั้น ในวันนี้ ผม เจ้าคุณเบอร์ลิน ใยเลยจะเสวยสุขแต่เฉพาะตน ที่เหมือนเนรคุณพระศาสนา.

- จึงขอออกมาเรียกร้องให้ ..เหล่าชาวพุทธ ทราบว่า ..

"พวกเราจะต้องออกมาดูแลกันเอง 
ขออย่าได้หวังไปพึ่งรัฐใด ๆ เลยครับยามนี้".

- เรื่องนี้ ผมไม่ใช่พูดลอย ๆ นะครับ 
อันนิสัยผมนั้น ไม่เคยพูดอะไร โดยไม่มีข้อมูล
หรือไม่มีการวิเคราะห์.

- ชาวพุทธเรา ณ วันนี้ หวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว (ขอได้โปรดอ่านย้ำ).

- หากท่านเอาแต่นิ่ง เป็นประเภท "ธุระไม่ใช่" ดังที่ผ่านมานั้น แล้วพากันไม่เชื่อผม..ขอบอกว่า...

"ทุกอย่างเกี่ยวกับความมั่นคง ของ พระศาสนา ในประเทศไทย อาจจะสายเกินแก้ก็ได้ในเร็ว ๆ นี้".

- ผมพูดได้แค่นี้แหละครับ.
----
ต้องการสื่อตรง ต่อ ศิษย์ธรรมกายทั่วโลก.

- ผมขอสื่อมุ่งตรง ถึง เหล่าศิษย์ วัดพระธรรมกายทุกมุมโลก ว่า...

"งานนี้ ณ วันนี้ พวกท่านรอไม่ได้อีกแล้วนะครับ ".
-------

- ผมอยากบอกดัง ๆ ว่า ..

"พวกท่านจะต้องรีบแสดงตัว รีบตื่นตัว และลุกขึ้นมาต่อสู้กับความ "อยุติธรรม" ในครั้งนี้ โดยทันที เพื่อร่วมปกป้องภัยพระศาสนา".

- มาสร้างมหากุศลครั้งใหญ่ ร่วมปกป้องไปกับ "หลวงพ่อ ของ พวกท่าน อาจารย์ และเพื่อน ของ พวกท่าน"

- โดยทันทีนะครับ ขอย้ำว่า "โดยทันที" รีรอไม่ได้แล้ว.
-----

- ขอเตือนด้วยความเป็นห่วงสุด ๆ ว่า ..

"รีบก่อนที่อะไร ๆ มันจะสายเกินแก้ 
ไม่เช่นนั้น พวกท่านจะเสียใจไปจนวันตาย 
และจะเรียกคืนอะไรมาไม่ได้อีกแล้ว".

- คิดว่า ทุกท่านคงทราบว่า ผมหมายถึงอะไร.
------
- ก็ในเมื่อเรา....

"เป็นฝ่ายถูกต้อง ไม่ว่าทั้งทางโลก และทางธรรม 
ทั้งยังเกิดในบุญ ตายก็ในบุญ 
จะมาเสียเวลาคิดทำไมละครับ".
-------
มาไงก็ไปงั้น เปิดหน้าเล่นกันเลย.

- อันสติปัญญาคนเรานั้น ไม่ได้มีไว้แกงกิน ใช่จะมีแต่คนอื่นเสียที่ไหน.

- ตัวเราก็มี ผม เจ้าคุณเบอร์ลินก็มี จะเอาเท่าไหร่ กะอีแค่ปัญญาไว้สู้ความอยุติธรรม และหาใช่ฝ่ายตรงข้ามจะคิด จะทำได้อยู่ฝ่ายเดียวไม่.

- ยอมอะไรกันง่าย ๆ ครับ ใครยอมง่าย ๆ ก็ไปตายชะ ยิ่ง ...

"พ่อตัวเองแท้ ๆ กำลังประสบภัย" อยู่เช่นนี้.

- ผมอยากจะบอก กับ ชาววัดพระธรรมกายทั้งโลก ว่า ..

"ทำไมอ่อนแอกันจังเลย ตั้งรับมานานเกินแล้ว 
วันนี้ มันถึงเวลาที่จะต้องรุกกลับ ตอบโต้คนโฉดแล้วนะครับ".

- ปล่อยให้เขาทุบ เขาตี อยู่ทุกวัน หรือจะปล่อยให้เขาใส่สีตีไข่กับสำนักเรา พ่อเรา ต่อไปเช่นนั้นหรือ รอไม่ได้อีกแล้วนะครับ.

- ผมจะบอกความจริงที่น่าเจ็บปวดอะไรให้ทราบอย่างหนึ่ง คือ ในตอนนี้นั้น ..

"สังคมคนภายนอกร้ัวธรรมกายนั้น 
เขาพากันมองวัดธรรมกาย 
ชนิดหมดความน่าเชื่อถือไปหมดแล้ว 
เพราะถูกฝ่ายตรงข้าม
เขาได้สร้างสื่อประโคมข่าว
ที่หลอกลวงกันป่าวๆ ต่อเนื่อง
พวกท่านก็มัวแต่โลกสวยกันอยู่นั่นแหละ 
จึงได้พากันเน่ากันหมดในทุกวันนี้".

- กว่าความจริงจะปรากฎ ก็เละไปแล้ว จะไม่เชื่อผมก็ได้.
-------
- พวกท่านเหล่าศิษย์ฆราวาส พวกท่านพากันทราบกันไหม ว่า..

"ทุกวันนี้ 
ตัวหลวงพ่อ หลวงพี่ ของพวกท่านนั้น
ยิ้มแต่เพียงภายนอกกันเท่านั้น

ส่วนภายในร้องไห้น้ำตาตกกันทุกคน
กับสารพัดปัญหาที่ถาโถมเข้ามาสู่สำนัก

ทั้งยังต้องทำงาน หามรุ่งหามค่ำ 
อดทนแรงปะทะสารพัดขนาดไหน

กลางคืนแทบไม่ได้นอน 
ต้องคอยแก้เกมส์หาทางสกัดวิชามาร
ของคนที่มารังแกสารพัดอยู่ทุกวัน

พากันมองเห็นแต่ภายนอก
ที่สวย ๆ กันอยู่นั้นแหละ

มามองความจริงกันเถอะครับ".

- แล้วจงพากันคิดต่อไปว่า "พวกเรา ที่เป็นศิษย์ จะแสดงออก ในเรื่องความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณอย่างไร".
-----
- เหตุหนึ่ง ที่ดูเหมือนเป็นลูกไล่ให้พวกมารมาตลอด ก็เพราะพวกท่าน ...

"พากันนิ่งมาตลอดนี้แหละ"

มันนิ่งเกินไปครับ ..

มัวแต่พากันหลับตาเพ่งลูกแก้วอยู่ได้

ถามว่า แล้วคนชั่วมันจะกลับใจไหม

ต่อให้เพ่งจนลูกแก้วแตก 
พวกคิดชั่วมันก็คิดชั่วอยู่วันยังค่ำ".

- อันธรรมะนั้น ต้องใช้กับคนมีธรรมะครับ นำไปใช้กับคนอันธพาลไม่ได้ผลหรอกครับ.

- คนอันธพาลนั้น ต้องโดนสันขวาน แบบวิธีของเจ้าคุณเบอร์ลินครับ จึงจะหยุดได้ ไปพูดดีไม่ได้ผลหรอกครับ.
------
ทำไม? ทำไม ? และทำไม? กับสะโลแกนหรู.

- พูดมาถึงขนาดนี้ ผมก็ขอพูดต่อแบบไม่เกรงใจ แต่รับรองว่า "หวังดี" ตรงนี้สักหน่อยนะครับ มันอึดอัดใจมานานแล้ว นั้นก็คือว่า....

"ไม่ทราบว่า ใครคิดสะโลแกนคำหรูว่า..

"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป" ครับ.
-----
- รู้ไหมครับ พอคำนี้ ออกมาเผยแพร่ โดยไม่จำกัดวงเผยแพร่.

- พวก "ศิษย์รอบใน" หมายถึง คนทำงาน ก็งงซีครับแบบนี้ จะเดินเกมส์กันยังไง คนทำงานก็ยังงง.

- ผมอยากจะถาม และเป็นคำตอบในตัวว่า ..

"ไอ้ตำรานี้น่ะ มันเคยไปเอาใช้
กับพุทธอิสระ ได้ผลหรือ?
มันเคยไปเอาใช้กับไพบูลย์ 2 คน บวกไพสิฐ อีก 1 ได้ผลหรือ ?".

- แค่ไอ้ "มโนบ้า" ยังใช้กับมันไม่ได้ผลเลย 
คิดออกมาได้ไงครับ.
-------
- เพราะอย่าลืมนะครับว่า...

"อันเมตตานั้น จะต้องใช้กับคน
ที่มีเมตตาด้วยกันเท่านั้น 
จะใช้เมตตากับงูเห่า 
เช่นเรื่องชาวนาได้อย่างไร 
เพราะมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน 
มันจะรู้ภาษาคนได้อย่างไร
มันจะรู้อย่างไรว่า ชาวนาต้องการช่วยมัน 
พออุ่นมันก็กัดตายเอาเท่านั้น
ซึ่งก็น่าจะสมควรตายแหละครับ 
เพราะดันโง่เอง
ที่ไปช่วยสัตว์เดรัจฉานแบบไร้สมอง ".
------
- ผมมันคนชอบตรง ๆ แบบนี้แหละ หากไม่สบอารมณ์ก็ต้องขออภัยกันนะครับ.

- หรือเอาง่าย ๆ ผมขอถามว่า ..

"มีพ่อแม่ครูบาจารย์ที่ไหนกันละครับ 
ที่สอนให้ลูก "กลัวคน ไม่สู้คน"

มีแต่สอนว่า ..

"อย่ารังแกคน
อย่าเบียดเบียนคนอื่นทั้งนั้น"".

- นี่อะไร!!!!! ศัตรูมันถือไฟจะมาเผาวัด เผาพระศาสนาอยู่แล้ว ..

"พวกท่าน หากยังมัวแต่พากันเพ่งลูกแก้วภาวนา ...

"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป"

ขืนอยู่กันแบบนี้อีกละก็.

- ก็คอยเป็น "นาลันทา 2 " ก็แล้วกัน.

- รู้ไหม เขาคิดจะพังทะลายลงมาตั้งแต่ลูกแก้วบนยอดเจดีย์ยันพื้นนะแหละ.

- ไม่เชื่อก็คอยดู.

- ชัดนะครับ.
------
แนะกลยุทธ : เปิดหน้าตอบโต้ทันที

- อันแนวรบด้านสื่อ ก็อย่าหยุด ระดมกันเขียน กันโพสต์ อย่ามัวมารอแค่ว่า...

"ปล่อยเจ้าคุณเบอร์เขียน หรือหาที่อื่นมาแปะแล้วมาค่อยแชร์ คอยไลน์ต่อก็พอ คิดแค่นี้ไม่ได้ เพราะมันจะไม่ทันการณ์".
-----
ทำ! ทำไม? สารพัดดีกรีในสำนัก ทำไมเงียบจัง.

- เขียนออกมาเลยสิครับ ขอเพียงเราคิดอะไรก็ได้ โดยเขียนออกจากหัวใจเรา แสดงธรรมชาติออกมาว่า..

"ใครมานั่งดูให้พ่อตัวเอง ถูกกระชากลากถูไปต่อหน้าต่อตาได้ มันก็หมาเท่านั้นแหละ"

ตั้งใจอย่างนี้ แล้วช่วยกันเขียนกระจายให้มาก ๆ.

- สำนักเรา ก็มีเป็นประโยค 8 ประโยค 9 เป็นดอกเตอร์ ตั้งมากมายในวัด ปัญญาเขาเอาไว้ใช้ตอนนี้แหละครับ ตอนปกป้องพ่อนี้แหละ พ่อเป็นคนส่งเราเล่าเรียนจนจบมิใช่หรือครับ.

- เอาวินาทีต่อวินาที นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวันไปเลย ให้ถือว่า "เป็นการปฎิบัติธรรมอย่างหนึ่งไปเลย".

- ลูก ๆ พระธรรมที่เป็นฆรวาสด้วย ทุกเพศทุกวัย ใครถนัดทางไหน มีช่องทางทางไหน วิ่งเข้าหา ขอให้พี่น้องเพื่อนฝูงช่วยเลย ร่วมแรงกันมาก ๆ มันจะเป็นพลังมหาศาลไปเอง.

- ให้แก้ทุกดอก โต้ทุกข้อกล่าวหา รุกคืน ทุกมุมที่เขาพลาด หรือเปิดช่อง อย่าให้เขายึดหน้าสื่อ หน้าเฟสบุ๊ค หน้าไลน์ในแต่ละวัน อย่ามัวมานั่งโทษสื่อว่า ไม่รายงานข่าวตน หรือเขาเขียนด่าเขียนบิดเบือนอยู่เลย ไม่เกิดประโยชน์หรอก สร้างศัตรูเปล่า ๆ.

- ปลุกใจขึ้นมา รุมกันทำทุกทิศทาง เปรียบเหมือนการไล่ล่าเหยื่อ ของ ฝูงสิงห์โต.

- เพราะขึ้นชื่อว่า "การต่อสู้" มันแปลว่า "การต่อสู้" ย่อมไม่เลือกวิธีการ ที่จะนำไปสู่ชัยชนะทั้งสิ้น.

- ท่องไว้ นักต่อสู้ทั้งหลาย ไม่งั้น ก็ไม่ต้องสู้ เดินไปให้เขาขย้ำซะ หมดเรื่อง หมดราว.
-----
บุญชัย ชื่อ ผู้เสียสละเพื่อพระศาสนา

การเสียสละเพื่อพระศาสนา หาใช่แค่วัดพระธรรมกายไม่.

- เจ้าสัวบุญชัย ยอมเสียสละตน ออกมาชี้ทางชนะ ทางรอด ของ วัดพระธรรมกาย / ปักหมุดนำร่องแก่มวลศิษย์ทั่วโลก.

- ว่าไปแล้ว ณ วันนี้ วัดพระธรรมกาย จะอยู่รอดหรือผ่านพ้นอุปสรรคในวันนี้หรือไม่นั้น ผมเชื่อตามผู้ใหญ่ที่ประเมินไว้ว่า ..

"อยู่ที่แนวรบ ด้านมวลชน เป็นหลักสำคัญที่สุด".

"ร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม ก็แพ้เพียงหนึ่งแห่งการเหนียวแน่นมวลชน".
----
- ดังนั้น คณะศิษย์ลูกพระธรรมทุกท่าน พวกท่านเห็นช่องทางแล้ว จะต้องเหนียวแน่นเอาไว้ พูดภาษาเดียวกันให้ก้องโลกว่า....

"หลวงพ่อต้องตายอยู่ในวัดเท่านั้น เป็นอื่นไปไม่ได้"

ให้มันรู้ไปเลย ท่องกันไว้.

- เพราะสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นหัวใจอันสำคัญ เป็นกำแพงที่แข็งแกร่ง อันเป็นที่เกรงกลัวของฝ่ายคิดทำลาย ที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าเข้ามาปะทะในขณะนี้ ก็เพราะมวลชนที่เหนียวแน่นนั้นเอง.

- แม้แต่หน่วยงานรัฐบาลเอง ก็ยังเกิดความคร้ามต่อมวลชนลูกศิษย์ ของ วัดพระธรรมกาย อันนี้ใคร ๆ ก็รู้.

- แล้วก็ขอร้องว่า อย่าไปคิดใช้ไม้แข็งเอา "อาวุธ" มาต่อกรกับอำนาจรัฐ ดังที่ผ่านมานะครับ เดี๋ยวจะพลาดไปเปิดคางให้เขาอีก.

- เพราะหากรัฐเขายกกำลังมาจริง ๆ ด้วยแสนยานุภาพของกองทัพ บวกความชอบธรรมที่เขาอ้าง ซึ่งหากมีการต่อต้านด้วยลักษณะอาวุธ ที่เขาพยายามหาช่องใส่ร้ายอยู่แล้ว.

- อย่าว่าแต่แค่สำนักวัดธรรมกายเลย ต่อให้ภูเขาทั้งลูก เขาก็ทะลายลงได้ และยังถูกนำไปขยายว่าเป็น รัฐอิสระ แข็งเมืองไปอีก มีแต่เสียกับเสีย ด้วยวิธีแบบนี้.
-----

- ในตอนนี้ คุณบุญชัย ซึ่งถือว่า เป็นคนที่มีน้ำหนักในสังคมไทยคนหนึ่ง ในฐานะศิษย์รุ่นใหญ่ของธรรมกาย ก็ได้เปิดตัว ออกมาป้องวัดเต็มพิกัดไปแล้ว.

- แรงประกาศคุณบุญชัยในครั้งนี้ ส่งแรงสะเทือนมากถึงมากที่สุด.

- เหมือนหมุดที่ปักแน่นลงในเขตวัดพระธรรมกาย ไปแล้ว.

- นั้นคือ ...

"ได้ประกาศชัดในเจตนารมณ์ ที่จะปักหลัก และหยัดสู้จนตัวตายคาผ้าขาวของตน และสื่อไปยังการขอตายคาผ้าเหลือง ของ ผู้เป็นหลวงพ่อ ของ เหล่าศิษย์ธรรมกายด้วย".
-----
- การเปิดหน้าเล่น ของ คุณบุญชัย ในครั้งนี้

"ถือเป็นความกล้าหาญ ที่พุทธบุตรต้องถือเป็นแบบอย่างที่ดี ที่สุด และสมควรได้รับการยกย่อง จากเหล่าพุทธบริษัท และคณะศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก".

- เพราะย่อมเสี่ยงที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามเอาขี้มาใส่เอาคดีมาแปะว่า..

"ปลุกม๊อบ ขัดขวาง ศาล หรือเจ้าหน้าที่ได้".

- ต้องถือว่า...

"การกระทำของคุญบุญชัยในครั้งนี้ หากศรัทธาไม่มั่นคงจริง ใจไม่ถึงจริง คงทำไม่ได้".

- เพราะแม้แต่ อธีบดี DSI เอง ก็ยังง่าว ...คิดจะไปแจ้งความเอาผิด ตามกองเชียร์โง่ ๆ ไปโน้น.

- เรื่องนี้ หากไม่หูหนวก ก็ให้ไปเปิดฟัง คุณบุญชัยแกพูดอีกรอบนะครับว่า ..

"เชิญชวนมาปฎิบัติธรรม อธิษฐานให้หลวงพ่อเราพ้นผิด".

- มีตรงไหนที่แกมายุให้ไปจับไม้มาลุย กับ เจ้าหน้าที่ หรือไปขัดขวางศาลละครับ.

- ตรงนี้ หากกองเชียร์ที่คิดมั่ว มัวแต่จะทำลาย วัดพระธรรมกาย หรือ อธิบดี DSI ที่อาจว่างมาก.

- ก็ให้พากันเดินไปจูงมือ พล.อ ไพบูลย์ คนเป็นนาย ด้วยก็ได้ ให้ไปเปิดคลิป "บิ๊กปัอม" แกพูดแบบชัด ๆ ไม่ต้องตีความ ดูอีกรอบก็ได้นะ ว่า..

"เขาชวนคนมาปฎิบัติธรรม".

- งานนี้ จะได้หายเมากันสักที.
----
- ระดับคุณบุญชัย เขาคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกครับ ที่แค่นี้ยังจะไม่รู้ว่า "อะไรเป็นอะไร".

- แม้แต่ เจ้าคุณเบอร์ลินเองก็ตาม ถามว่า..

"ที่ผ่านมามีตรงไหนที่พูดผิด 
มีแต่ไหนที่ยุให้คนทำผิดศีล ผิดกฎหมาย
มีตรงไหนที่ยุให้คนหนีคดี อยู่เหนือกฎหมายบ้าง

ก็เห็นมีแต่
ร้องบอกช่วยปกป้องพระศาสนา
ป้องมหาเถรสมาคม
ช่วยผดุงความยุติธรรม
ช่วยกันรักษาสถาบันสำคัญของชาติ

ถือหลักผิด/ถูกเป็นที่ตั้งทั้งสิ้น

ส่วนมันจะไปตรงข้ามกับคนพาลนั้น
มันจะหลีกพ้นกันได้ไงละครับ".

---
วัดไหน ๆ ก็คือวัด ล้วนเป็นฐาน และสัญลักษณ์ความเจริญ และความเสื่อม ของ พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น.
-----
- ว่าไปแล้ว อันวัดพระธรรมกาย นั้น ก็คือ เกียรติของคณะสงฆ์ไทยโดยรวมนั้นเอง ซึ่งทั่วโลกย่อมไม่มีใครปฎิเสธในข้อนี้ได้.

- ดังนั้น การที่รัฐบาล คล้ายปล่อยให้กลุ่มแอบแฝงเข้ามาทำลาย วัดพระธรรมกาย โดยไม่เลือกวิธีดังที่ปรากฎนั้น.

- มันก็คือ การทำลายเกียรติ ของ คณะสงฆ์เถรวาทไทย นั้นเอง.

- ซึ่งก็คือ จุดจบ ของ พระพุทธศาสนา บนผืนแผ่นดินไทยด้วย.
-----

เรื่องศรัทธาเป็นเรื่องอ่อนไหวง่ายควรระวังให้มาก.

- ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งปัญหาวัดพระธรรมกาย ณ วันนี้นั้น ผมขอเตือนรัฐบาลดังๆ อีกครั้งว่า ..

"อย่าคิดล้อเล่นกับศรัทธา"

และผมคิดว่า รัฐบาลเอง ก็น่าจะ..

"เกรงสถานการณ์อ่อนไหวแห่งศรัทธา จะเกิดกระแสจุดติด เป็นเชื้อลุกลาม มากกว่าเรื่องอื่นใดๆ".

- อาจมากกว่าเรื่อง ประชามติด้วยซ้ำ.

- สังเกต สภาพการณ์ท่าที เช่น คนหนึ่งออกมาขู่ แต่อีกคนหนึ่ง ดันออกมาปลอบ.

- แต่พอเผลอก็ซัดพระสงฆ์ทันที.

- แม้ตอนนี้รัฐบาล ก็ดูเหมือนทำทีเป็นปลอบ พยายามเอาน้ำเย็นลูบ.

- อาจเพราะเห็นแรงกระเพื่อม จึงปลอบเพื่อให้ตายใจ และสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายตนเอง.

- ซึ่งก็ใช่ว่า จะไว้วางใจได้ เพราะลูกทีมเดินยังไม่ถึงธงที่ปักไว้แต่แรก.
---
สุดท้าย

- ผมอยากจะแนะนำสั้น ๆ ตรง ๆ แบบมาไงไปงั้น แก่มวลซิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อสื่อเนื่องไปยังฝ่ายตรงข้ามว่า..

"มึงคิดว่ามึงฉลาดคนเดียวหรือ?"

ด้วยวิธีย้อนศรนั้นก็คือ...

"ในส่วนแนวรบด้านพุทธอิสระ/ไพบูลย์และพวก นั้น
ก็อย่าให้เขาได้ทำงานได้สะดวก เหมือนที่ผ่านมา

ให้จัดหาคน ไปยื่นเรื่องขัดแข้งขัดขาไว้ 
พัวพันไว้ 
มึงยื่น กูก็ยื่น 
มึงแจ้ง กูก็แจ้ง 
มึงทวงถาม กูก็ทวงถาม
มึงไปที่ไหน กูก็ไปที่นั้น".

- ง่าย ๆ แค่นี้ ผมว่า มันก็มึนแล้วครับ.
----

- ผมก็ไม่อยากจะประมาทศัตรูหรอกครับ แต่อยากจะบอกตรง ๆ ว่า..

"ผมดูหน้าตาพวกปั่นศาสนานี่ แต่ละคนนี่
หน้ามันเหมือนคนปัญญาอ่อน ไม่เต็มบาท
ยังไงยังงั้นทุกคนเลยครับ"
---- 
- ผมคิดว่า เมื่อโพสต์นี้ออกไปแล้ว พวกบ้ามันคงตาเหลือกว่า..

"ไอ้เจ้าคุณเบอร์ลินนี่ ลูกบ้ามันเยอะกว่ากูเสียอีก".
----

- ขอปิดท้ายด้วย...

"การได้ตายในผ้าเหลือง 
ตายในผ้าขาว 
เพื่อพระศาสนานั้น
ไปเกิดสูงแน่นอน

ส่วนใครตายในผ้าลาย
ที่ก่อกรรมหนักทุกวี่วัน
จะเป็นลายดอก ลายผ้าขาวม้า 
หรือแม้แต่ "ลายพราง"
ก็ น..า...รก ลูกเดียวครับ".

- ก็เลือกกันเอาเองครับว่า จะขอตายแบบไหน.

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ

เจ้าคุณเบอร์ลิน

Berlin,den 20.06.2016

- แนบภาพประกอบเรื่อง..






สาสน์จากเจ้าคุณเบอร์ลินถึงศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก

สาสน์จากเจ้าคุณเบอร์ลินถึงศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก

ตายเพื่อพระศาสนา ถือเป็น เกียรติยศเหนือเกียรติยศใด ๆ ของ พุทธบุตร : ท่านธัมมชโย ยอมตายคาผ้าเหลือง - เจ้าสัวบุญชัย ยอมตายคาผ้าขาว จะมีอะไรสุดประเสริฐไปกว่านี้อีกเล่า. 
------
- โพสต์นี้ ผมจะขออนุญาตมาแบบตรง ๆ เลยนะครับ อาจแรงกับคนกันเองบ้าง แต่ย้ำต่อหน้า "พระประธาน" ผมเจตนาบริสุทธิ์แท้ครับ.

- ขอเปิดหน้า เปิดใจ เล่นกันกับพวกบ้าสักโพสต์นะครับ.

- พวกนี้ จะมาใจดีกับมันเหมือนทุกครั้ง คงไม่ได้ผลหรอก ครับ นอกจากเลือกจังหวะดี ๆ แล้วใส่หนักๆ ไปเลย เพราะไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว คงไม่ต้องยั้งอะไร...

"เมื่อชักกระบี่ออกจากฝักแล้ว ไฉนยั้งไมตรี ต่อศัตรู".
------
- มาเปิดแผนเล่นกันซื่อ ๆ แลกหมัดกัน แบบนักเลงโบราณไปเลยดีกว่า เกมส์มันจะได้จบ ๆ ไปสักที

ไอ้ที่ผ่านมานานนะ.."เสียเวลาภาวนาหมด".

- ปล่อยให้ยืดเยื้อจนถึงฎีกา แบบมองไม่เห็นวันจบสักทีนั้น มันเสียเวลาดูบอลยุโรปไปเปล่า ๆ แถมทำเอาบรรดา..

"กองเชีย์เซ็งเป็ด" ครับ.
----
- ที่สำคัญผมอยากจะให้ฝ่ายมาร ที่มันชอบนึกกระหยิ่มตลอดมาว่า ..

"ตัวมันเองเท่านั้น
ที่ฉลาด เหนือคนอื่น 
มีคุณธรรมเหนือผู้คนทั้งแผ่นดิน 
รักบูชาพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว
มีความเคร่งครัดกว่าสงฆ์ทั้งปวง
มีความเก่ง และแม่นพระวินัย
ถือกฎหมายเป็นหลัก 
ยึดขบวนการความยุติธรรมของชาติ

แล้วก็ออกมาแหกปากตะโกน
ร้องให้คนอื่นยึดกฎหมาย

สาระพัดที่จะพูด จะทำ
เพื่อให้ตนเอง และพวกตนเอง

ดูแล้วดีทุกตารางนิ้ว
ดูแล้ววิเศษ
เหนือคนอื่น
เลิศยังกับเทวดาก็ไม่ปาน".

- ทั้ง ๆ ที่ "ทั้งหมดล้วนเป็นตรงกันข้าม กับที่มันพูด และประพฤติ".
-------
- ต่อจากนั้น พวกมันก็สมคบคิด วางแผน 
เพื่อทำลายพระศาสนา 
ทำลายการปกครองสงฆ์ทั้งมวล
หยิบประเด็นนั่นนี่ สารพัดมาป่วนเมือง
เอามาสร้างเรื่อง แบบแฝงนัยยะ.

- เช่น พยายามทุ่มเทจะเอาเป็นตาย 
กะเพื่อทำลายวัดพระธรรมกายให้ได้
เพื่อให้เป็นด่านแรกตามแผนชั่ว

ที่จริงใครก็มองออกว่า งานนี้มี
เป้าหมายเพื่อมุ่งทำลายพระศาสนา
ให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทย.

- เพราะเห็นว่า หากปล่อยให้คณะสงฆ์เข้มแข็ง 
เป็นปึกแผ่น การคิดกดหัวก็จะยาก ดัดยาก กำหลาบยาก คุมยาก.

- นี้คือเป้าหมายแผนชั่วของฝ่ายทำลายพระศาสนา ที่กำลังดำเนินอยู่ในไทยเราขณะนี้.

----

- ว่าไปแล้ว โพสต์ในครั้งนี้ คือ ผมอยากจะให้พวกบ้าเหล่านี้ ได้รู้เสียทีว่า..

"ไอ้ที่มึงคิด มึงทำนั้น 
อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่ 
รู้ไม่ทัน ไล่ไม่จนกับแผนชั่ว ๆ พวกมึงกันนะ

ไอ้เรื่องบ้องตื้นแค่นี้

ทำไมคนอื่นเขาจะไม่รู้
ทำไมเขาจะคิดไม่เป็น จะทำไม่ได้

แต่ที่ชาวบ้านเขาไม่ทำเหมือนพวกมึงทำนั้น

ก็เพราะพวกเขามีสติปัญญาทางบวกทางสูง
ที่พยายามยับยั้งจิตใจตนตั้งให้สูงไว้

ไม่ให้กิเลสทางต่ำครอบงำใจได้

รู้จักแยกแยะดีกว่าพวกมึง
ถูกผิดรู้ชัดมากกว่า ต่างหากเล่า !!!!

ไม่ใช่ออกอาการเหมือนหมาบ้ารายวัน

คิดพากันทำ เห็นมีแต่เรื่องท้านรกทั้งสิ้น 
กุศลหาไม่มีเลย
วัน ๆ สมองคิดแต่เรื่องทำชั่วไม่ว่างเว้น

อาการอย่างที่พวกมึงทำกันนี้ 
คนไม่ชั่วพอแบบพวกมึงนี้ 
เขาคิดกันไม่ออกหรอก

ไอ้งั่งเอ้ย.. (ชักเหลืออด)".
----
เข้าเรื่องเลยครับ
--------

การประกาศยอมตายคาผ้าเหลือง
มันคือ เกียรติยศ เหนือ เกียรติยศใดๆ 
ของเหล่าพุทธบุตร.
--------

- ผม และทีมงาน ได้วิเคราะห์ และสรุปตรงกันว่า ..

"กรณีปัญหาวัดพระธรรมกาย" นั้น.

- เชื่อได้ว่า..

ชาวพุทธทั่วโลกล้วนต่างภาวนาในใจตรงกันว่า ..

"งานนี้ ขอภาวนาให้ ท่านธัมมชโย 
ยอมตายคาวัดไปเลย".

- เพราะสิ่งนี้สำคัญยิ่งยวดนัก โอกาสแบบนี้ก็หายากด้วย เพราะมัน คือ "เกียรติ ของ พระสงฆ์ ที่เป็นพุทธสาวก ทั้งโลก".

- อันคนเรานั้น อย่าว่าแต่เป็นพระมหาเถระสงฆ์ที่บวชปฎิบัติดีมาขนาดนี้เลย ต่อให้แค่พระหนุ่มเณรน้อย ก็ตาม.

- เมื่อมาถึงขั้นสูงสุดระดับนี้แล้ว อย่าว่าแต่คดีแค่นี้เลย.

- ต่อให้มีมาร หรือมีอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ หลายร้อยหลายพันเท่า.

- มันก็คงไม่สามารถ ที่จะมาสร้างความหวั่นไหวต่อปณิธานในการถือ "เพศบรรพชิต" ของตนเองไปได้หรอกครับ.
------
- อีกทั้งด้วยสภาพการณ์ ณ ปัจจุบัน ยังไง ๆ ก็ยังดีกว่า ..

"การเดินออกไปเสี่ยง
ให้ความ" อยุติธรรม" 
เรื่องสมมติโลก 
มันมาทำลายเกียรติยศ
แห่งความเป็น" พุทธบุตร" 
ของตนลงป่นปี้เป็นแน่แท้".

- เรื่องนี้ จริงหรือไม่จริง จะได้รู้กันเร็ว ๆ นี้.
----

เปิดหน้าเล่นเลยครับหลวงพ่อ.

- ในยามบ้านเมืองเกิด "ทุรยุค" เช่นในทุกวันนี้.

- จะหาความยุติธรรมได้ที่ไหน เหลียวมองไป ก็เห็นแต่ความ "อยุติธรรม" เท่านั้น ที่มันปรากฏไปทั่วในแผ่นดินในทุกวันนี้.

- เหล่าสมณชีพราหมณ์ ที่ปฎิบัติธรรมเพื่อเผากิเลส ซึ่งไร้เกาะป้องกันตัว มีแต่ผ้าพันกาย 3 ผืน.

- ก็ย่อมถูกขุนนางผู้กังฉิน แอบอ้างอำนาจรัฐ ของอาณาจักร ให้กำลังเข้าบีทาย่ำยีทำการ"เบียดเบียน"ให้เกิดความลำบาก ขัดข้องไปทั้งกายใจ ดังเป็นมาทุกยุคสมัย ที่แผ่นดินแตกแยก.

- สภาพการณ์เช่นนี้ วงการศาสนาที่เคยสงบสุข ร่มเย็นด้วยธรรม จึงต่างเดือดร้อนไปทั่วหัวระแหง.
-----
- ดังนั้น ในวันนี้ ผม เจ้าคุณเบอร์ลิน ใยเลยจะเสวยสุขแต่เฉพาะตน ที่เหมือนเนรคุณพระศาสนา.

- จึงขอออกมาเรียกร้องให้ ..เหล่าชาวพุทธ ทราบว่า ..

"พวกเราจะต้องออกมาดูแลกันเอง 
ขออย่าได้หวังไปพึ่งรัฐใด ๆ เลยครับยามนี้".

- เรื่องนี้ ผมไม่ใช่พูดลอย ๆ นะครับ 
อันนิสัยผมนั้น ไม่เคยพูดอะไร โดยไม่มีข้อมูล
หรือไม่มีการวิเคราะห์.

- ชาวพุทธเรา ณ วันนี้ หวังพึ่งใครไม่ได้แล้ว (ขอได้โปรดอ่านย้ำ).

- หากท่านเอาแต่นิ่ง เป็นประเภท "ธุระไม่ใช่" ดังที่ผ่านมานั้น แล้วพากันไม่เชื่อผม..ขอบอกว่า...

"ทุกอย่างเกี่ยวกับความมั่นคง ของ พระศาสนา ในประเทศไทย อาจจะสายเกินแก้ก็ได้ในเร็ว ๆ นี้".

- ผมพูดได้แค่นี้แหละครับ.
----
ต้องการสื่อตรง ต่อ ศิษย์ธรรมกายทั่วโลก.

- ผมขอสื่อมุ่งตรง ถึง เหล่าศิษย์ วัดพระธรรมกายทุกมุมโลก ว่า...

"งานนี้ ณ วันนี้ พวกท่านรอไม่ได้อีกแล้วนะครับ ".
-------

- ผมอยากบอกดัง ๆ ว่า ..

"พวกท่านจะต้องรีบแสดงตัว รีบตื่นตัว และลุกขึ้นมาต่อสู้กับความ "อยุติธรรม" ในครั้งนี้ โดยทันที เพื่อร่วมปกป้องภัยพระศาสนา".

- มาสร้างมหากุศลครั้งใหญ่ ร่วมปกป้องไปกับ "หลวงพ่อ ของ พวกท่าน อาจารย์ และเพื่อน ของ พวกท่าน"

- โดยทันทีนะครับ ขอย้ำว่า "โดยทันที" รีรอไม่ได้แล้ว.
-----

- ขอเตือนด้วยความเป็นห่วงสุด ๆ ว่า ..

"รีบก่อนที่อะไร ๆ มันจะสายเกินแก้ 
ไม่เช่นนั้น พวกท่านจะเสียใจไปจนวันตาย 
และจะเรียกคืนอะไรมาไม่ได้อีกแล้ว".

- คิดว่า ทุกท่านคงทราบว่า ผมหมายถึงอะไร.
------
- ก็ในเมื่อเรา....

"เป็นฝ่ายถูกต้อง ไม่ว่าทั้งทางโลก และทางธรรม 
ทั้งยังเกิดในบุญ ตายก็ในบุญ 
จะมาเสียเวลาคิดทำไมละครับ".
-------
มาไงก็ไปงั้น เปิดหน้าเล่นกันเลย.

- อันสติปัญญาคนเรานั้น ไม่ได้มีไว้แกงกิน ใช่จะมีแต่คนอื่นเสียที่ไหน.

- ตัวเราก็มี ผม เจ้าคุณเบอร์ลินก็มี จะเอาเท่าไหร่ กะอีแค่ปัญญาไว้สู้ความอยุติธรรม และหาใช่ฝ่ายตรงข้ามจะคิด จะทำได้อยู่ฝ่ายเดียวไม่.

- ยอมอะไรกันง่าย ๆ ครับ ใครยอมง่าย ๆ ก็ไปตายชะ ยิ่ง ...

"พ่อตัวเองแท้ ๆ กำลังประสบภัย" อยู่เช่นนี้.

- ผมอยากจะบอก กับ ชาววัดพระธรรมกายทั้งโลก ว่า ..

"ทำไมอ่อนแอกันจังเลย ตั้งรับมานานเกินแล้ว 
วันนี้ มันถึงเวลาที่จะต้องรุกกลับ ตอบโต้คนโฉดแล้วนะครับ".

- ปล่อยให้เขาทุบ เขาตี อยู่ทุกวัน หรือจะปล่อยให้เขาใส่สีตีไข่กับสำนักเรา พ่อเรา ต่อไปเช่นนั้นหรือ รอไม่ได้อีกแล้วนะครับ.

- ผมจะบอกความจริงที่น่าเจ็บปวดอะไรให้ทราบอย่างหนึ่ง คือ ในตอนนี้นั้น ..

"สังคมคนภายนอกร้ัวธรรมกายนั้น 
เขาพากันมองวัดธรรมกาย 
ชนิดหมดความน่าเชื่อถือไปหมดแล้ว 
เพราะถูกฝ่ายตรงข้าม
เขาได้สร้างสื่อประโคมข่าว
ที่หลอกลวงกันป่าวๆ ต่อเนื่อง
พวกท่านก็มัวแต่โลกสวยกันอยู่นั่นแหละ 
จึงได้พากันเน่ากันหมดในทุกวันนี้".

- กว่าความจริงจะปรากฎ ก็เละไปแล้ว จะไม่เชื่อผมก็ได้.
-------
- พวกท่านเหล่าศิษย์ฆราวาส พวกท่านพากันทราบกันไหม ว่า..

"ทุกวันนี้ 
ตัวหลวงพ่อ หลวงพี่ ของพวกท่านนั้น
ยิ้มแต่เพียงภายนอกกันเท่านั้น

ส่วนภายในร้องไห้น้ำตาตกกันทุกคน
กับสารพัดปัญหาที่ถาโถมเข้ามาสู่สำนัก

ทั้งยังต้องทำงาน หามรุ่งหามค่ำ 
อดทนแรงปะทะสารพัดขนาดไหน

กลางคืนแทบไม่ได้นอน 
ต้องคอยแก้เกมส์หาทางสกัดวิชามาร
ของคนที่มารังแกสารพัดอยู่ทุกวัน

พากันมองเห็นแต่ภายนอก
ที่สวย ๆ กันอยู่นั้นแหละ

มามองความจริงกันเถอะครับ".

- แล้วจงพากันคิดต่อไปว่า "พวกเรา ที่เป็นศิษย์ จะแสดงออก ในเรื่องความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณอย่างไร".
-----
- เหตุหนึ่ง ที่ดูเหมือนเป็นลูกไล่ให้พวกมารมาตลอด ก็เพราะพวกท่าน ...

"พากันนิ่งมาตลอดนี้แหละ"

มันนิ่งเกินไปครับ ..

มัวแต่พากันหลับตาเพ่งลูกแก้วอยู่ได้

ถามว่า แล้วคนชั่วมันจะกลับใจไหม

ต่อให้เพ่งจนลูกแก้วแตก 
พวกคิดชั่วมันก็คิดชั่วอยู่วันยังค่ำ".

- อันธรรมะนั้น ต้องใช้กับคนมีธรรมะครับ นำไปใช้กับคนอันธพาลไม่ได้ผลหรอกครับ.

- คนอันธพาลนั้น ต้องโดนสันขวาน แบบวิธีของเจ้าคุณเบอร์ลินครับ จึงจะหยุดได้ ไปพูดดีไม่ได้ผลหรอกครับ.
------
ทำไม? ทำไม ? และทำไม? กับสะโลแกนหรู.

- พูดมาถึงขนาดนี้ ผมก็ขอพูดต่อแบบไม่เกรงใจ แต่รับรองว่า "หวังดี" ตรงนี้สักหน่อยนะครับ มันอึดอัดใจมานานแล้ว นั้นก็คือว่า....

"ไม่ทราบว่า ใครคิดสะโลแกนคำหรูว่า..

"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป" ครับ.
-----
- รู้ไหมครับ พอคำนี้ ออกมาเผยแพร่ โดยไม่จำกัดวงเผยแพร่.

- พวก "ศิษย์รอบใน" หมายถึง คนทำงาน ก็งงซีครับแบบนี้ จะเดินเกมส์กันยังไง คนทำงานก็ยังงง.

- ผมอยากจะถาม และเป็นคำตอบในตัวว่า ..

"ไอ้ตำรานี้น่ะ มันเคยไปเอาใช้
กับพุทธอิสระ ได้ผลหรือ?
มันเคยไปเอาใช้กับไพบูลย์ 2 คน บวกไพสิฐ อีก 1 ได้ผลหรือ ?".

- แค่ไอ้ "มโนบ้า" ยังใช้กับมันไม่ได้ผลเลย 
คิดออกมาได้ไงครับ.
-------
- เพราะอย่าลืมนะครับว่า...

"อันเมตตานั้น จะต้องใช้กับคน
ที่มีเมตตาด้วยกันเท่านั้น 
จะใช้เมตตากับงูเห่า 
เช่นเรื่องชาวนาได้อย่างไร 
เพราะมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน 
มันจะรู้ภาษาคนได้อย่างไร
มันจะรู้อย่างไรว่า ชาวนาต้องการช่วยมัน 
พออุ่นมันก็กัดตายเอาเท่านั้น
ซึ่งก็น่าจะสมควรตายแหละครับ 
เพราะดันโง่เอง
ที่ไปช่วยสัตว์เดรัจฉานแบบไร้สมอง ".
------
- ผมมันคนชอบตรง ๆ แบบนี้แหละ หากไม่สบอารมณ์ก็ต้องขออภัยกันนะครับ.

- หรือเอาง่าย ๆ ผมขอถามว่า ..

"มีพ่อแม่ครูบาจารย์ที่ไหนกันละครับ 
ที่สอนให้ลูก "กลัวคน ไม่สู้คน"

มีแต่สอนว่า ..

"อย่ารังแกคน
อย่าเบียดเบียนคนอื่นทั้งนั้น"".

- นี่อะไร!!!!! ศัตรูมันถือไฟจะมาเผาวัด เผาพระศาสนาอยู่แล้ว ..

"พวกท่าน หากยังมัวแต่พากันเพ่งลูกแก้วภาวนา ...

"ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป"

ขืนอยู่กันแบบนี้อีกละก็.

- ก็คอยเป็น "นาลันทา 2 " ก็แล้วกัน.

- รู้ไหม เขาคิดจะพังทะลายลงมาตั้งแต่ลูกแก้วบนยอดเจดีย์ยันพื้นนะแหละ.

- ไม่เชื่อก็คอยดู.

- ชัดนะครับ.
------
แนะกลยุทธ : เปิดหน้าตอบโต้ทันที

- อันแนวรบด้านสื่อ ก็อย่าหยุด ระดมกันเขียน กันโพสต์ อย่ามัวมารอแค่ว่า...

"ปล่อยเจ้าคุณเบอร์เขียน หรือหาที่อื่นมาแปะแล้วมาค่อยแชร์ คอยไลน์ต่อก็พอ คิดแค่นี้ไม่ได้ เพราะมันจะไม่ทันการณ์".
-----
ทำ! ทำไม? สารพัดดีกรีในสำนัก ทำไมเงียบจัง.

- เขียนออกมาเลยสิครับ ขอเพียงเราคิดอะไรก็ได้ โดยเขียนออกจากหัวใจเรา แสดงธรรมชาติออกมาว่า..

"ใครมานั่งดูให้พ่อตัวเอง ถูกกระชากลากถูไปต่อหน้าต่อตาได้ มันก็หมาเท่านั้นแหละ"

ตั้งใจอย่างนี้ แล้วช่วยกันเขียนกระจายให้มาก ๆ.

- สำนักเรา ก็มีเป็นประโยค 8 ประโยค 9 เป็นดอกเตอร์ ตั้งมากมายในวัด ปัญญาเขาเอาไว้ใช้ตอนนี้แหละครับ ตอนปกป้องพ่อนี้แหละ พ่อเป็นคนส่งเราเล่าเรียนจนจบมิใช่หรือครับ.

- เอาวินาทีต่อวินาที นาทีต่อนาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวันไปเลย ให้ถือว่า "เป็นการปฎิบัติธรรมอย่างหนึ่งไปเลย".

- ลูก ๆ พระธรรมที่เป็นฆรวาสด้วย ทุกเพศทุกวัย ใครถนัดทางไหน มีช่องทางทางไหน วิ่งเข้าหา ขอให้พี่น้องเพื่อนฝูงช่วยเลย ร่วมแรงกันมาก ๆ มันจะเป็นพลังมหาศาลไปเอง.

- ให้แก้ทุกดอก โต้ทุกข้อกล่าวหา รุกคืน ทุกมุมที่เขาพลาด หรือเปิดช่อง อย่าให้เขายึดหน้าสื่อ หน้าเฟสบุ๊ค หน้าไลน์ในแต่ละวัน อย่ามัวมานั่งโทษสื่อว่า ไม่รายงานข่าวตน หรือเขาเขียนด่าเขียนบิดเบือนอยู่เลย ไม่เกิดประโยชน์หรอก สร้างศัตรูเปล่า ๆ.

- ปลุกใจขึ้นมา รุมกันทำทุกทิศทาง เปรียบเหมือนการไล่ล่าเหยื่อ ของ ฝูงสิงห์โต.

- เพราะขึ้นชื่อว่า "การต่อสู้" มันแปลว่า "การต่อสู้" ย่อมไม่เลือกวิธีการ ที่จะนำไปสู่ชัยชนะทั้งสิ้น.

- ท่องไว้ นักต่อสู้ทั้งหลาย ไม่งั้น ก็ไม่ต้องสู้ เดินไปให้เขาขย้ำซะ หมดเรื่อง หมดราว.
-----
บุญชัย ชื่อ ผู้เสียสละเพื่อพระศาสนา

การเสียสละเพื่อพระศาสนา หาใช่แค่วัดพระธรรมกายไม่.

- เจ้าสัวบุญชัย ยอมเสียสละตน ออกมาชี้ทางชนะ ทางรอด ของ วัดพระธรรมกาย / ปักหมุดนำร่องแก่มวลศิษย์ทั่วโลก.

- ว่าไปแล้ว ณ วันนี้ วัดพระธรรมกาย จะอยู่รอดหรือผ่านพ้นอุปสรรคในวันนี้หรือไม่นั้น ผมเชื่อตามผู้ใหญ่ที่ประเมินไว้ว่า ..

"อยู่ที่แนวรบ ด้านมวลชน เป็นหลักสำคัญที่สุด".

"ร้อยเล่ห์พันเหลี่ยม ก็แพ้เพียงหนึ่งแห่งการเหนียวแน่นมวลชน".
----
- ดังนั้น คณะศิษย์ลูกพระธรรมทุกท่าน พวกท่านเห็นช่องทางแล้ว จะต้องเหนียวแน่นเอาไว้ พูดภาษาเดียวกันให้ก้องโลกว่า....

"หลวงพ่อต้องตายอยู่ในวัดเท่านั้น เป็นอื่นไปไม่ได้"

ให้มันรู้ไปเลย ท่องกันไว้.

- เพราะสิ่งนี้สิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นหัวใจอันสำคัญ เป็นกำแพงที่แข็งแกร่ง อันเป็นที่เกรงกลัวของฝ่ายคิดทำลาย ที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าเข้ามาปะทะในขณะนี้ ก็เพราะมวลชนที่เหนียวแน่นนั้นเอง.

- แม้แต่หน่วยงานรัฐบาลเอง ก็ยังเกิดความคร้ามต่อมวลชนลูกศิษย์ ของ วัดพระธรรมกาย อันนี้ใคร ๆ ก็รู้.

- แล้วก็ขอร้องว่า อย่าไปคิดใช้ไม้แข็งเอา "อาวุธ" มาต่อกรกับอำนาจรัฐ ดังที่ผ่านมานะครับ เดี๋ยวจะพลาดไปเปิดคางให้เขาอีก.

- เพราะหากรัฐเขายกกำลังมาจริง ๆ ด้วยแสนยานุภาพของกองทัพ บวกความชอบธรรมที่เขาอ้าง ซึ่งหากมีการต่อต้านด้วยลักษณะอาวุธ ที่เขาพยายามหาช่องใส่ร้ายอยู่แล้ว.

- อย่าว่าแต่แค่สำนักวัดธรรมกายเลย ต่อให้ภูเขาทั้งลูก เขาก็ทะลายลงได้ และยังถูกนำไปขยายว่าเป็น รัฐอิสระ แข็งเมืองไปอีก มีแต่เสียกับเสีย ด้วยวิธีแบบนี้.
-----

- ในตอนนี้ คุณบุญชัย ซึ่งถือว่า เป็นคนที่มีน้ำหนักในสังคมไทยคนหนึ่ง ในฐานะศิษย์รุ่นใหญ่ของธรรมกาย ก็ได้เปิดตัว ออกมาป้องวัดเต็มพิกัดไปแล้ว.

- แรงประกาศคุณบุญชัยในครั้งนี้ ส่งแรงสะเทือนมากถึงมากที่สุด.

- เหมือนหมุดที่ปักแน่นลงในเขตวัดพระธรรมกาย ไปแล้ว.

- นั้นคือ ...

"ได้ประกาศชัดในเจตนารมณ์ ที่จะปักหลัก และหยัดสู้จนตัวตายคาผ้าขาวของตน และสื่อไปยังการขอตายคาผ้าเหลือง ของ ผู้เป็นหลวงพ่อ ของ เหล่าศิษย์ธรรมกายด้วย".
-----
- การเปิดหน้าเล่น ของ คุณบุญชัย ในครั้งนี้

"ถือเป็นความกล้าหาญ ที่พุทธบุตรต้องถือเป็นแบบอย่างที่ดี ที่สุด และสมควรได้รับการยกย่อง จากเหล่าพุทธบริษัท และคณะศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก".

- เพราะย่อมเสี่ยงที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามเอาขี้มาใส่เอาคดีมาแปะว่า..

"ปลุกม๊อบ ขัดขวาง ศาล หรือเจ้าหน้าที่ได้".

- ต้องถือว่า...

"การกระทำของคุญบุญชัยในครั้งนี้ หากศรัทธาไม่มั่นคงจริง ใจไม่ถึงจริง คงทำไม่ได้".

- เพราะแม้แต่ อธีบดี DSI เอง ก็ยังง่าว ...คิดจะไปแจ้งความเอาผิด ตามกองเชียร์โง่ ๆ ไปโน้น.

- เรื่องนี้ หากไม่หูหนวก ก็ให้ไปเปิดฟัง คุณบุญชัยแกพูดอีกรอบนะครับว่า ..

"เชิญชวนมาปฎิบัติธรรม อธิษฐานให้หลวงพ่อเราพ้นผิด".

- มีตรงไหนที่แกมายุให้ไปจับไม้มาลุย กับ เจ้าหน้าที่ หรือไปขัดขวางศาลละครับ.

- ตรงนี้ หากกองเชียร์ที่คิดมั่ว มัวแต่จะทำลาย วัดพระธรรมกาย หรือ อธิบดี DSI ที่อาจว่างมาก.

- ก็ให้พากันเดินไปจูงมือ พล.อ ไพบูลย์ คนเป็นนาย ด้วยก็ได้ ให้ไปเปิดคลิป "บิ๊กปัอม" แกพูดแบบชัด ๆ ไม่ต้องตีความ ดูอีกรอบก็ได้นะ ว่า..

"เขาชวนคนมาปฎิบัติธรรม".

- งานนี้ จะได้หายเมากันสักที.
----
- ระดับคุณบุญชัย เขาคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกครับ ที่แค่นี้ยังจะไม่รู้ว่า "อะไรเป็นอะไร".

- แม้แต่ เจ้าคุณเบอร์ลินเองก็ตาม ถามว่า..

"ที่ผ่านมามีตรงไหนที่พูดผิด 
มีแต่ไหนที่ยุให้คนทำผิดศีล ผิดกฎหมาย
มีตรงไหนที่ยุให้คนหนีคดี อยู่เหนือกฎหมายบ้าง

ก็เห็นมีแต่
ร้องบอกช่วยปกป้องพระศาสนา
ป้องมหาเถรสมาคม
ช่วยผดุงความยุติธรรม
ช่วยกันรักษาสถาบันสำคัญของชาติ

ถือหลักผิด/ถูกเป็นที่ตั้งทั้งสิ้น

ส่วนมันจะไปตรงข้ามกับคนพาลนั้น
มันจะหลีกพ้นกันได้ไงละครับ".

---
วัดไหน ๆ ก็คือวัด ล้วนเป็นฐาน และสัญลักษณ์ความเจริญ และความเสื่อม ของ พระพุทธศาสนาทั้งสิ้น.
-----
- ว่าไปแล้ว อันวัดพระธรรมกาย นั้น ก็คือ เกียรติของคณะสงฆ์ไทยโดยรวมนั้นเอง ซึ่งทั่วโลกย่อมไม่มีใครปฎิเสธในข้อนี้ได้.

- ดังนั้น การที่รัฐบาล คล้ายปล่อยให้กลุ่มแอบแฝงเข้ามาทำลาย วัดพระธรรมกาย โดยไม่เลือกวิธีดังที่ปรากฎนั้น.

- มันก็คือ การทำลายเกียรติ ของ คณะสงฆ์เถรวาทไทย นั้นเอง.

- ซึ่งก็คือ จุดจบ ของ พระพุทธศาสนา บนผืนแผ่นดินไทยด้วย.
-----

เรื่องศรัทธาเป็นเรื่องอ่อนไหวง่ายควรระวังให้มาก.

- ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งปัญหาวัดพระธรรมกาย ณ วันนี้นั้น ผมขอเตือนรัฐบาลดังๆ อีกครั้งว่า ..

"อย่าคิดล้อเล่นกับศรัทธา"

และผมคิดว่า รัฐบาลเอง ก็น่าจะ..

"เกรงสถานการณ์อ่อนไหวแห่งศรัทธา จะเกิดกระแสจุดติด เป็นเชื้อลุกลาม มากกว่าเรื่องอื่นใดๆ".

- อาจมากกว่าเรื่อง ประชามติด้วยซ้ำ.

- สังเกต สภาพการณ์ท่าที เช่น คนหนึ่งออกมาขู่ แต่อีกคนหนึ่ง ดันออกมาปลอบ.

- แต่พอเผลอก็ซัดพระสงฆ์ทันที.

- แม้ตอนนี้รัฐบาล ก็ดูเหมือนทำทีเป็นปลอบ พยายามเอาน้ำเย็นลูบ.

- อาจเพราะเห็นแรงกระเพื่อม จึงปลอบเพื่อให้ตายใจ และสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายตนเอง.

- ซึ่งก็ใช่ว่า จะไว้วางใจได้ เพราะลูกทีมเดินยังไม่ถึงธงที่ปักไว้แต่แรก.
---
สุดท้าย

- ผมอยากจะแนะนำสั้น ๆ ตรง ๆ แบบมาไงไปงั้น แก่มวลซิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อสื่อเนื่องไปยังฝ่ายตรงข้ามว่า..

"มึงคิดว่ามึงฉลาดคนเดียวหรือ?"

ด้วยวิธีย้อนศรนั้นก็คือ...

"ในส่วนแนวรบด้านพุทธอิสระ/ไพบูลย์และพวก นั้น
ก็อย่าให้เขาได้ทำงานได้สะดวก เหมือนที่ผ่านมา

ให้จัดหาคน ไปยื่นเรื่องขัดแข้งขัดขาไว้ 
พัวพันไว้ 
มึงยื่น กูก็ยื่น 
มึงแจ้ง กูก็แจ้ง 
มึงทวงถาม กูก็ทวงถาม
มึงไปที่ไหน กูก็ไปที่นั้น".

- ง่าย ๆ แค่นี้ ผมว่า มันก็มึนแล้วครับ.
----

- ผมก็ไม่อยากจะประมาทศัตรูหรอกครับ แต่อยากจะบอกตรง ๆ ว่า..

"ผมดูหน้าตาพวกปั่นศาสนานี่ แต่ละคนนี่
หน้ามันเหมือนคนปัญญาอ่อน ไม่เต็มบาท
ยังไงยังงั้นทุกคนเลยครับ"
---- 
- ผมคิดว่า เมื่อโพสต์นี้ออกไปแล้ว พวกบ้ามันคงตาเหลือกว่า..

"ไอ้เจ้าคุณเบอร์ลินนี่ ลูกบ้ามันเยอะกว่ากูเสียอีก".
----

- ขอปิดท้ายด้วย...

"การได้ตายในผ้าเหลือง 
ตายในผ้าขาว 
เพื่อพระศาสนานั้น
ไปเกิดสูงแน่นอน

ส่วนใครตายในผ้าลาย
ที่ก่อกรรมหนักทุกวี่วัน
จะเป็นลายดอก ลายผ้าขาวม้า 
หรือแม้แต่ "ลายพราง"
ก็ น..า...รก ลูกเดียวครับ".

- ก็เลือกกันเอาเองครับว่า จะขอตายแบบไหน.

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ

เจ้าคุณเบอร์ลิน

Berlin,den 20.06.2016

- แนบภาพประกอบเรื่อง..






“สัมมา อะระหัง” นำสุข ลองนำมาใช้ดู เพื่อสร้างสมาธิและสติกัน

"สัมมา อะระหัง" นำสุข
เรื่อง : พระบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช

 

 

ภาวนา
"สัมมา อะระหัง" ๕๐๐ ครั้ง
ดวงใจพบสุข

 

 

          ไม่ว่าเราจะทำอะไรหรืออยู่ในอิริยาบถไหน ถ้าใจผูกพันกับพระรัตนตรัย ณ ตอนนั้น วินาทีนั้น พระรัตนตรัยย่อมลงซ้อนในกลางจิต คอยกลั่นแก้ คุ้มครองรักษาตลอดเวลา และอานุภาพแห่งพระรัตนตรัยนั้นเป็นอานุภาพที่ไม่อาจจะประมาณได้ ดังนั้นผู้มีปัญญาหรือนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายพึงหมั่นนำพาจิตใจของตนเองให้คุ้นเคยและผูกพันกับพระรัตนตรัยสม่ำเสมอในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะด้วยการตรึกนึกถึงองค์พระไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หรือ การภาวนา "สัมมา อะระหัง"อย่างต่อเนื่องด้วยจิตใจที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัยซึ่ง ไมว่าใครก็ตาม หากสามารถปฏิบัติได้เช่นนี้ ท่านผู้นั้นย่อมประจักษ์ถึงอานุภาพอันมหัศจรรย์ ดังเรื่องราวตัวอย่างของกัลยาณมิตรผู้ยึดมั่นในพระรัตนตรัยด้วยการภาวนา "สัมมา อะระหัง" ๕๐๐ครั้ง ดังต่อไปนี้....

 

กัลฯ ทพ.ญ.พุทธธิดา วังศรีมงคล
  คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น


          "ก่อนที่ลองใช้วิธีภาวนา 'สัมมา อะระหัง' เวลานั่งสมาธิจะฟุ้ง เพราะเป็นคนคิดมาก นั่งหลับบ่อย ตื่นมาก็ไม่สดชื่น รู้สึกเพลีย ทำให้ช่วงหนึ่งไม่อยากนั่งสมาธิเลย แต่เมื่อฟังเทศน์จากพระอาจารย์ปรเมษฐ์ทำให้ได้เทคนิคดี ๆ ท่านบอกว่า เวลานั่งสมาธิให้คิดว่าเป็นเรื่องสนุก เหมือนกับเวลาที่เราทำอะไรสนุก ๆแล้วเราจะมีความสุขกับมัน ก็เลยลองคิดว่าการนั่งสมาธิเป็นเรื่องสนุก พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกมีความสุขทุกครั้งเวลานั่งสมาธิ

           "เมื่อลองนำเทคนิค 'สัมมา อะระหัง' ๕๐๐ ครั้ง มาใช้ คือ เวลาทำกิจกรรมทุกกิจกรรมก็ภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ ๕๐๐ ครั้ง ถ้าไม่ครบก็ภาวนาใหม่ไปเรื่อย ๆ แล้วจดบันทึกทุกครั้ง ทำให้สามารถจรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายได้ง่าย เวลานั่งสมาธิก็นั่งได้ดีขึ้น การคิดว่านั่งสมาธิแล้วสนุก ทำความรู้สึกให้มีความสุขกับมัน ทำให้นั่งได้ดีมากขึ้น

          "ตอนนี้รู้สึกชอบการนั่งสมาธิมากขึ้น ก็เลยอยากเชิญชวนผู้มีบุญทั้งหลายลองนำเทคนิค'สัมมา อะระหัง' ๕๐๐ ครั้ง ไปใช้ดูนะคะ ไม่ว่าจะทำอะไร ใจเราจะนิ่ง ไม่วอกแวกไปกับสิ่งรอบตัว ทำให้เราจรดใจที่ศูนย์กลางกายได้ง่ายขึ้น นั่งสมาธิก็ดีขึ้น"

 

กัลฯอิศรา ผลประเสริฐวานิช
คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

 

          "ก่อนรู้จักเทคนิคการภาวนา 'สัมมา อะระหัง' เป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย บางทีเห็นเพื่อนอารมณ์ดีมา เราก็อารมณ์เสียใส่ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เวลานั่งสมาธิก็หลับ แต่หลังจากที่พระอาจารย์สอนเทคนิคการภาวนา 'สัมมา อะระหัง' แล้ว ในตอนแรก ๆ ก็ยังไม่ชิน ภาวนาได้ ๖๐ กว่าครั้ง ก็หลับ อีกเหมือนเดิม

          "ระยะหลัง ๆ เริ่มปรับปรุงตัวใหม่ มีสติมากขึ้น ตั้งเป้าภาวนาให้ได้อย่างน้อยวันละ ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังดี สำเร็จค่ะ ไม่หลับอีกเลย อารมณ์ก็เย็นขึ้น เวลาเพื่อนทำอะไรไม่ถูกใจ เรายิ้มอย่างเดียว ภายในใจก็ภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ไปด้วย เพื่อเก็บอารมณ์ตอนนั้นไม่ให้ปะทุออกมา ไม่อยากทำให้เพื่อนเสียใจ

           "อยากแชร์ประสบการณ์ว่า ชอบภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ก่อนนอนกับเวลาเดิน เพราะเคยได้ยินพระอาจารย์เล่าว่า ท่านนำวิธีนี้ไปให้พระธุดงค์ทำหนูลองทำและรู้สึกดีค่ะ รู้สึกนิ่งและได้อยู่กับตนเองจริง ๆ ก่อนนอนก็ภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ไปเรื่อย ๆ จนหลับ พอตื่นขึ้นมาเห็น องค์พระผุดขึ้นมาเฉยเลยค่ะ แรก ๆ ก็ไม่คิดอะไร ภาวนาไปเฉย ๆ สุดท้ายเห็นองค์พระขึ้นมา ประสบการณ์แบบนี้มีน้อยคนที่จะได้เจอ อยากเชิญชวนให้ทุกคนลองมาภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ด้วยกันค่ะ และใช้ 'สัมมา อะระหัง' เปลี่ยนโลกนี้ค่ะ"

 

กัลฯศิกิต อุดมคุณากร
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

 

          "ก่อนหน้านี้เคยนั่งสมาธิดี เห็นองค์พระ แต่พอไปอยู่ที่มหาวิทยาลัย ใจก็เผลอหลุดออกจากกลาง ทำให้องค์พระหาย ใช้เวลาปีกว่าแล้วก็ยังไม่ได้องค์พระกลับคืนมา จนกระทั่งได้เข้ามาอบรมธรรมทายาทหญิง พระอาจารย์แนะนำเทคนิค 'สัมมา อะระหัง' พอท่านแนะนำปุ๊บ ก็นำมาปรับใช้เลยค่ะ

"ท่านบอกให้ภาวนา 'สัมมา อะระหัง' ๕๐๐ ครั้ง เราอาจจะทำไม่ถึงก็ได้ค่ะ แต่ให้เน้นที่ความสบายของใจ ตอนนั้นเริ่มท่องเลย วันรุ่งขึ้นได้นั่งธรรมะ องค์พระก็กลับมา วันนั้นรู้สึกดีใจมาก และหลังจากรอบนั้นก็นั่งเห็นองค์พระเกือบทุกรอบเลย

           "ขอเชิญชวนทุกคนให้ลองใช้เทคนิค 'สัมมา อะระหัง' ดูค่ะ ทั้งเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ยังไม่เคยเข้าถึงประสบการณ์ภายใน หรืออาจเข้าถึงแล้วแต่ทำหายเหมือนตัวหนู อยากให้ลองใช้เทคนิคนี้ดูค่ะ ช่วยได้จริง ๆ นะคะ และไม่ได้ช่วยให้นั่งสมาธิดีอย่างเดียวนะคะ เวลาเราออกจากการทำสมาธิ จะสังเกตได้ว่า ตัวเราเปลี่ยนไป อารมณ์เย็นลง สามารถรับปัญหาทุกอย่างได้ค่ะ"    

          จากเรื่องราวอานุภาพอันมหัศจรรย์ของการภาวนา 'สัมมา อะระหัง' เราจะเห็นได้ว่าคำภาวนานี้ไม่ใช่ถ้อยคำธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่มีอานุภาพมาก ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านได้กลั่นกรองถ้อยคำอันเป็นที่สุดให้เป็นบริกรรมภาวนาเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นบทพุทธคุณที่ท่านใช้สอนสานุศิษย์เป็นพิเศษทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรมเพื่อให้ใจระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะพุทธานุสติเป็นธรรมให้จิตตื่น สว่างไสวมีกำลัง มีความกล้าที่จะปฏิบัติธรรมสืบต่อไป

 

 

 

ความหมายของคำว่า... "สัมมา อะระหัง"

            คำว่า "สัมมา อะระหัง" เป็นภาษาบาลี มีศัพท์ควบคู่กันอยู่ ๒ ศัพท์ คือ "สัมมา" และ"อะระหัง"

         "สัมมา" เป็นศัพท์ที่มีความหมายสูง แปลว่า ชอบ ในพระพุทธคุณ ๙ บท ท่านเอาศัพท์นี้เข้าคู่กับ "สัมพุทโธ" เป็นสัมมาสัมพุทโธ เป็นบทแสดงพระคุณของพระพุทธเจ้า แปลว่าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ นอกจากนี้ยังมีใช้ในอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วย เช่น สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็นต้น

           "อะระหัง" เป็นพระพุทธคุณบทต้น แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระอรหันต์ เมื่อเข้าคู่กันเป็น "สัมมา อะระหัง" ก็แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระอรหันต์โดยชอบ

            บทบริกรรม "สัมมา อะระหัง" ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ จึงมีความหมายสูงและอยู่ในขอบข่ายของพุทธานุสติ

            บท "สัมมา อะระหัง" นี้ โบราณาจารย์ท่านแยกพรรณนาพระพุทธคุณทีละอักษร คือสัม, มา, อะ, ระ, หัง ซึ่งท่านให้ความหมายแต่ละอักษรไว้ดังต่อไปนี้

       (สัม)

                           สงฺขตาสงฺขเต ธมฺเม สมฺมา เทเสติ ปาณินํ
                           สํสารสฺส วิฆาเฏติ สมฺพุทฺธํปิ นมามิหํ ฯ

                ๑. พระพุทธองค์ทรงแสดงสังขตธรรมและอสังขตธรรมโดยชอบแก่สัตว์ทั้งหลาย
                ๒. พระพุทธองค์ทรงทำลายการเวียนเกิดเวียนตายได้
                ๓. พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง

ข้าพเจ้าขอนมัสการ

           พระคาถาบทนี้ท่านบอกวิธีใช้ไว้ว่า ให้ภาวนาก่อนจะเข้าสู่สงคราม หาผู้ทำร้ายมิได้แล

       (มา)

                           มาตาว มานปาลิเต มานสตฺเต ปมทฺทิ โย
                           มานิโต เทวสงฺเฆหิ มานฆาตํ นมามิหํ ฯ

               ๑. พระพุทธองค์ทรงย่ำยีสัตว์ผู้มีมานะ (ความถือตัว) ที่มานะ (ความถือตัว) เลี้ยงไว้ดุจมารดา
               ๒. พระพุทธองค์อันหมู่ทวยเทพยอมรับนับถือ
               ๓. พระพุทธองค์ทรงทำลายมานะได้

ข้าพเจ้าขอนมัสการ

        พระคาถาบทนี้ ภาวนาเพื่อทำคนแข็งให้อ่อน หมายความว่า ถ้าบังเอิญต้องเผชิญกับคนใจแข็ง แข็งข้อ แข็งกระด้างกับท่าน โบราณาจารย์ท่านแนะนำให้ใช้คาถาบทนี้แก้ไขเหตุการณ์

       (อะ)

                           อนุสฺสาหสพฺพสตฺตานํ อนุสฺสาเหติ โย ชิโน
                           อนนฺตคุณสมฺปนฺโน อนฺตคามี นมามิหํ ฯ

              ๑. พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนคนไม่มีอุตสาหะ ให้มีความอุตสาหะ
              ๒. พระพุทธองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมไม่สิ้นสุด
              ๓. พระพุทธองค์ทรงถึงที่สุดแห่งทุกข์

ข้าพเจ้าขอนมัสการ

          พระคาถาบทนี้ ภาวนาป้องกันเสือและจระเข้ หมายความว่า ถ้าท่านต้องเข้าป่าที่มีสัตว์ร้ายชุกชุม หรือต้องลงน้ำในย่านที่มีสัตว์น้ำอันตราย ถ้าทำใจให้เป็นสมาธิ ภาวนาคาถาบทนี้จะป้องกันสัตว์ร้ายได้

       (ระ)

                           รโต นิพฺพานสมฺปตฺโต รโต โส สตฺตโมจโน
                           รมาเปติธ สตฺเต โย รมทาตํ นมามิหํ ฯ

            ๑. พระพุทธองค์ทรงยินดีในธรรม ทรงบรรลุถึงพระนิพพาน
            ๒. พระพุทธองค์ทรงปลดเปลื้องสัตว์ให้พ้นทุกข์
            ๓. พระพุทธองค์ทรงยังสัตว์ให้ยินดีในพระนิพพาน
            ๔. พระพุทธองค์เป็นผู้ทรงประทานให้ซึ่งพระนิพพานอันเป็นที่ยินดี

ข้าพเจ้าขอนมัสการ

พระคาถาบทนี้ ถ้าใครยึดมั่นท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ สามารถป้องกันการกระทำคุณผีและคุณคนทั้งปวงได้

       (หัง)

                            หญฺ ติ ปาปเก ธมฺเม หํสาเปติ ปทํ ชนํ
                            หํสมานํ มหาวีรํ  หนฺตปาปํ นมามิหํ ฯ

             ๑. พระพุทธองค์ทรงฆ่าบาปธรรม
             ๒. พระพุทธองค์ยังชนให้ยินดีซึ่งทางฆ่าบาปนั้น
             ๓. พระพุทธองค์ทรงร่าเริง
             ๔. พระพุทธองค์ทรงกล้าหาญยิ่งใหญ่
             ๕. พระพุทธองค์ทรงฆ่าบาปได้แล้ว

ข้าพเจ้าขอนมัสการ

      พระคาถาบทนี้ โบราณาจารย์ท่านแนะนำว่า ให้หมั่นเพียรภาวนาเมื่อจะเข้าสู่สงครามจะทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้

      แต่ละอักขระของบท "สัมมา อะระหัง" ที่นำมาลงไว้พร้อมทั้งวิธีใช้นี้ สำหรับผู้ที่นับถือและเชื่อมั่นภาวนาให้จริงจังจนจิตเป็นสมาธิมั่นคง ย่อมได้ผลจริงดังใจหมาย..