Monday, December 8, 2025

สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา 2025: เกมภูมิรัฐศาสตร์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ และความเสี่ยงจากการท้าทายสหรัฐอเมริกา

สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา 2025: เกมภูมิรัฐศาสตร์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ และความเสี่ยงจากการท้าทายสหรัฐอเมริกา

สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา 2025:

เกมภูมิรัฐศาสตร์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ และความเสี่ยงจากการท้าทายสหรัฐอเมริกา

บทวิเคราะห์เชิงโครงสร้างสำหรับสาธารณชนไทย–กัมพูชา และผู้กำหนดนโยบายระดับนานาชาติ

ฉบับวิเคราะห์กึ่งวิชาการในแนว “คันฉ่องส่องไทย” – เขียนสำหรับผู้อ่านทั่วไปที่ต้องการเข้าใจเกมลึกหลังแนวรบแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ

บทคัดย่อ

การปะทุของความรุนแรงชายแดนไทย–กัมพูชาในเดือนธันวาคม 2025 พร้อมการโจมตีทางอากาศของไทยด้วยเครื่องบินรบ F-16 ต่อเป้าหมายฝ่ายกัมพูชา สะท้อนความล้มเหลวของข้อตกลงหยุดยิงที่อยู่ภายใต้แรงผลักดันของสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และจีน ขณะเดียวกันก็เกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามเครือข่ายสแกมข้ามชาติ ที่โยงถึงบุคคลซึ่งใช้ชื่อว่า Benjamin “Ben Smith” Mauerberger และพันธมิตรทางการเมืองในไทยและกัมพูชา บทความนี้เสนอการ “ชำแหละ” สถานการณ์ออกเป็น 10 ประเด็นหลัก ตั้งแต่โครงสร้างข้อพิพาทชายแดน บทบาทของทรัมพ์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ อาวุธจีน บทบาทตระกูลฮุน และความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ต่อด้วยข้อเสนอเชิงโครงสร้างสำหรับสหรัฐฯ และอาเซียน

  1. โครงสร้างข้อพิพาทชายแดน: จากแผนที่อาณานิคมสู่สงครามปี 2025

    ข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชาไม่ได้เริ่มต้นในปี 2025 แต่ย้อนกลับไปอย่างน้อยถึงสนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยามต้นศตวรรษที่ 20 ที่กำหนดแนวเขตแดนบนสันเขาพนมดงเร็ก แต่การปักปันจริงกลับคลาดเคลื่อน ทำให้พื้นที่รอบวัดพระวิหารและเขตใกล้เคียงกลายเป็น “พื้นที่ซ้อนทับ” ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีแผนที่อ้างสิทธิ์ของตนเอง[1]

    หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ตัดสินในปี 1962 ให้ตัวปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนกัมพูชา ปัญหาไม่จบลง เพราะพื้นที่รอบปราสาทและแนวเขตที่เหลือไม่ถูก demarcate อย่างชัดเจน เมื่อรวมกับการเมืองชาตินิยมในไทยหลังปี 2008 และการเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชา ข้อพิพาทจึงกลายเป็น “วัตถุไวไฟ” ที่พร้อมปะทุเสมอ[2]

    เหตุปะทะในปี 2025 จึงควรมองว่าเป็น “คลื่นลูกใหญ่ล่าสุด” ของข้อพิพาทเชิงโครงสร้างที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ไม่ใช่เหตุการณ์โดดเดี่ยวไร้บริบท

  2. ข้อตกลงหยุดยิงภายใต้เงาทรัมพ์–อนวาร์–จีน: สันติภาพแบบมีเงื่อนไขทางภาษี

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 การสู้รบที่ปะทุขึ้นตามแนวชายแดนได้ขยายตัวจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ความพยายามของผู้นำมาเลเซียและจีนมีบทบาท แต่สิ่งที่ “ปลดล็อก” ให้ไทยยอมเจรจาคือ โทรศัพท์จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่ผูก ceasefire เข้ากับการเจรจาภาษีกับไทยอีกครั้ง[3].

    สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะผูกสถานะหยุดยิงกับสิทธิในการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ของไทย นี่ทำให้ ceasefire ไม่ใช่เพียงเรื่องความมั่นคง แต่เป็น “สินค้าทางเศรษฐกิจ” ที่มีราคาชัดเจน[4].

    ดังนั้น การละเมิด ceasefire ในปลายปี 2025 เป็นสัญญาณว่าผู้นำทั้งสองประเทศยอมเสี่ยงต่อการลงโทษจากสหรัฐฯ เพื่อวาระอื่นที่สำคัญกว่าในมุมของพวกเขา

  3. การโจมตีทางอากาศของไทย: F-16 กับข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธจีน

    การใช้ F-16 ในการโจมตีฐานทหารกัมพูชาเป็นการยกระดับความขัดแย้งไปสู่สงครามเชิงอากาศโดยสมบูรณ์ โดยไทยอ้างว่าเป้าหมายคือจุดยิงของ ระบบจรวด PHL-03 ของจีน และ BM-21 ของรัสเซีย ซึ่งมีพิสัยยิงถึงชุมชนไทย[5].

    หลังทหารไทยเสียชีวิตจากเหตุระเบิด ไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงถอนอาวุธหนักตาม ceasefire[6]. กัมพูชาตอบโต้ว่ามีพลเรือนเสียชีวิต และเรียกร้องประชาคมโลกประณามไทย

    นี่ไม่ใช่แค่การตอบโต้ทางยุทธวิธี แต่เป็นการส่งสัญญาณสู่จีน สหรัฐฯ และภูมิภาคอาเซียนพร้อมกัน

  4. กัมพูชาภายใต้ตระกูลฮุน: ใช้ความขัดแย้งเสริมความชอบธรรม?

    ฮุน มาเนต ต้องการสร้างฐานอำนาจใหม่ท่ามกลางแรงกดดันด้านสิทธิมนุษยชนและเศรษฐกิจ ความขัดแย้งชายแดนจึงเป็นโอกาสสร้างเอกภาพและดึงความสนใจออกจากปัญหาในประเทศ

    การสูญเสียพลเรือนสามารถถูกใช้เป็น “หลักฐาน” หากจะนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาขององค์กรระหว่างประเทศ

  5. รัฐบาลไทยภายใตอนุทิน: วาทกรรมชาติ–ความสงสัยเรื่องวาระกลบข่าว

    อนุทินยืนยันว่าปฏิบัติการ F-16 คือ “การป้องกันตัว” แต่เมื่อไทยเคยรับเงื่อนไขหยุดยิงที่เชื่อมกับภาษีสหรัฐฯ การใช้กำลังทางทหารย่อมถูกตั้งคำถามเชิงความรับผิดชอบทางการทูต[6].

    ในแนว “คันฉ่องส่องไทย” วาทกรรมแข็งกร้าวของรัฐบาลต้องถูกตรวจสอบคู่กับคดีคอร์รัปชัน และข้อสงสัยเรื่องความเชื่อมโยงของนักการเมืองกับเครือข่ายอาชญากรรม

  6. เครือข่ายสแกมข้ามชาติและบทบาทของ Benjamin “Ben Smith” Mauerberger

    ไทยยึดทรัพย์กว่า 300 ล้านดอลลาร์จากเครือข่ายสแกมข้ามชาติที่โยงกับ Ben Smith ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นศูนย์กลางของระบบฟอกเงิน และมีสัมพันธ์ซับซ้อนกับกลุ่มทุนในไทย–กัมพูชา[7][8][9].

    ธุรกิจบังหน้า เช่น อสังหาริมทรัพย์ และสายการบินเอกชนถูกใช้หมุนเงินจากการหลอกลวงระหว่างประเทศ และมีร่องรอยโยงกับผู้มีอิทธิพลชายแดนทั้งสองฝั่ง

  7. พรมแดนอาชญากรรม–การเมือง: ข้อกล่าวหาเรื่องสายสัมพันธ์นักการเมืองไทย–กัมพูชา

    ภาพถ่ายและคำกล่าวอ้างเชื่อมโยง Ben Smith กับนักการเมืองในไทยและกัมพูชากลายเป็นประเด็นสาธารณะ[10][11][12][21]. อนุทินยอมรับว่าเคยพบ Ben Smith แต่ยืนยันว่าไม่สนิท[10][11].

    เมื่อปฏิบัติการทหารเกิดใกล้ช่วงที่คดีนี้ถูกจับตามากที่สุด จึงเกิดคำถามว่า สงครามถูกใช้กลบข่าวหรือไม่ — แม้ยังเป็นสมมติฐาน แต่ควรถูกตรวจสอบอย่างโปร่งใส

  8. จีนในฐานะผู้อุปถัมภ์ใหม่: อาวุธ–ฐานทัพ–Belt and Road

    จีนมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในกัมพูชา โดยเฉพาะการพัฒนาฐานทัพเรือเรียมและการจัดหาอาวุธหนัก[13][14]. อาวุธจีนปรากฏในหลายรายงานเกี่ยวกับการสู้รบปี 2025[5].

    ไทยเองก็ผูกพันกับจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูงและ BRI ซึ่งเพิ่มอิทธิพลของจีนในระดับยุทธศาสตร์[15][16][17].

    ทั้งสองประเทศจึงมี “กันชนทางการทูต” จากจีน ทำให้ผู้นำรู้สึกว่าตนสามารถยืนต่อแรงกดดันสหรัฐฯ ได้มากขึ้น

  9. ทำไมการท้าทายมาตรการภาษีของสหรัฐฯ “ไม่คุ้ม” สำหรับประชาชน

    สหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับต้นของไทยและมีบทบาทถ่วงดุลจีนในภูมิภาค การเสี่ยงถูกตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีอาจทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายอย่างรุนแรง[3][4].

    กัมพูชาก็พึ่งพาตลาดตะวันตกเช่นกัน การถูกมองว่าไม่ยึดมั่นข้อตกลงระหว่างประเทศย่อมกระทบความน่าเชื่อถือ

    ผู้ที่ได้ประโยชน์จากความเสี่ยงนี้คือกลุ่มผู้นำทางการเมือง—not ประชาชน

  10. บทเรียนเชิงโครงสร้าง: สำหรับไทย–กัมพูชา และผู้กำหนดนโยบายสหรัฐฯ

    สำหรับประชาชนไทย–กัมพูชา

    เมื่อสถาบันรัฐอ่อนแอและประชาธิปไตยเปราะบาง “ชายแดน” กลายเป็นทั้งสนามรบทางทหารและทางการเมือง

    คำถามสำคัญคือ: “รัฐบาลใช้กำลังเพื่อปกป้องชาติ หรือเพื่อปกป้องตัวเอง?”

    สำหรับสหรัฐฯ และประชาคมโลก

    การผูก ceasefire เข้ากับเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่แตะโครงสร้างที่เปิดทางให้อาชญากรรมข้ามชาติและทุนผูกขาดแทรกซึมรัฐ

    โลกกำลังอยู่ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างรัฐ–ทุน–อาชญากรรมเลือนรางลงเรื่อย ๆ หากประชาชนไม่ตรวจสอบอำนาจรัฐ พวกเขาอาจถูกใช้เป็น “ตัวประกันทางยุทธศาสตร์” โดยไม่รู้ตัว

บรรณานุกรม (คัดเลือก)

  1. Ratcliffe, R. “Why are Thailand and Cambodia engaged in a border conflict?” The Guardian, 24 July 2025.
  2. Ciorciari, J.D. “Thailand and Cambodia: The Battle for Preah Vihear.” Stanford University, 2009.
  3. “Trump’s call broke deadlock in Thailand-Cambodia border crisis.” Reuters, 31 July 2025.
  4. “US pressures Thailand to recommit to Cambodia ceasefire with threat of tariffs.” The Guardian, 15 Nov 2025.
  5. “China-made rocket among triggers for Thai airstrikes into Cambodia.” Reuters, 8 Dec 2025.
  6. “Thailand launches airstrikes along disputed border…” The Guardian, 8 Dec 2025.
  7. “Thailand the new eye of SE Asia’s scam storm.” Asia Times, 2025.
  8. “Thailand Seizes $300M in Assets…” The Diplomat, 2025.
  9. Khaosod English reports on scam network, Dec 2025.
  10. Thai Newsroom reports on PM’s comments on Ben Smith, Dec 2025.
  11. Nation Thailand reports on political links to Ben Smith, Dec 2025.
  12. Khaosod reports on photos with Ben Smith, Dec 2025.
  13. Lowy Institute, “Ream Naval Base Report,” 2024.
  14. CSIS AMTI, “Two Reams Report,” 2025.
  15. SCMP reports on China–Thailand rail, Feb 2025.
  16. Newsweek report on Sino–Thai HSR, Jan 2025.
  17. Carnegie Endowment report on BRI, 2023.
  18. AP News on China-brokered ceasefire, 30 July 2025.

สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา 2025: เกมภูมิรัฐศาสตร์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ และความเสี่ยงจากการท้าทายสหรัฐอเมริกา

สงครามชายแดนไทย–กัมพูชา 2025: เกมภูมิรัฐศาสตร์ เครือข่ายสแกมข้ามชาติ และความเสี่ยงจากการท้าทายสหรัฐอเมริกา สงครามชายแดนไท...