Translate

Saturday, March 21, 2015

ดร.เพียงดิน บ่ยั่น งานประชุมประจำปี 22 มีนาคม นี้ เดินหน้าต่อ เต็มสตรีม





 
ดร.เพียงดิน เชิญชวนร่วมประชุมใหญ่ ภาคีไทยฯ
22 มีนาคม 2558 ณ เมือง  Paramount
เพื่อฟ้องชาวโลก โดยไม่ย่นย่องอกลัวต่อเผด็จการ



ส ส สุนัย จุลพงศธร กรณี ทหารความทารุณต่อน้องแหวน พยานเอกคดี 6 ศพวัดปทุม เจตนาใด???

ส ส สุนัย จุลพงศธร กรณีน้องแหวน พยานเอกคดี6ศพวัดปทุม. 03 18 2015
 

ส ส สุนัย จุลพงศธร กรณีน้องแหวน พยานเอกคดี6ศพวัดปทุม 03 18 2015 กรณีน้องแหวน เป็นแค่หนึ่งในหลาย ๆ กรณี ที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายกาจของทหารไทย
คณะทรราชย์สมบูรณ์แบบ


Friday, March 20, 2015

อ่านระหว่างบรรทัด แถลงการณ์นายกยิ่งลักษณ์ หลังถูกชี้มีมูลและถูกสั่งฟ้องคดีอาญา


ท่านคิดอย่างไร?
นายกยิ่งลักษณ์ หวังจะได้รับความเป็นธรรมจริงหรือ?
นายกยิ่งลักษณ์ จะสู้จริง หรือจะหนี?
การต่อรอง ณ เวลานี้ เป็นไปได้อีกหรือไม่ เพียงใด?
จุดจบของคดีจะเป็นเช่นไร?​
อนาคตข้างหน้า การเมืองไทยจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดีขึ้นหรือเลวลง อย่างไร?

ฝากพี่น้องลองช่วยคิด และลองวิพากษ์ดูนะครับ
มีที่ว่างข้างล่าง ในส่วน comment ที่ดูเหมือนพี่น้องยังไม่ถนัดหรือคุ้นเคยกับการใช้
ลองเริ่มแสดงความเห็นดูนะครับ



Post by Yingluck Shinawatra.



พวกคนไทยใจแคบ หลงตัวเอง และดูถูกคน "อีสาน" คงเงิบ เพราะเจอสาวสวยเป๊ะ แถมสอนอย่างเหนือชั้น ไปดูเองครับ


มักสาวอีสานที่ไม่ใช่ดีแค่หน้าตาบ่? เปอร์เฟ็กต์ บ่ล่ะ? สังคมที่ด้อยพัฒนา คือสังคมที่คนตัดสินคนอื่นบนพื้นฐานหน้าตา ผิวพรรณ ชาติพันธุ์ ถิ่นกำเนิด ฯลน แต่คนที่ด้อยพัฒนาอย่างหนัก หรือเรียกว่าโง่บรม คือ คนที่ดูถูกคนอื่น โดยลืมชะโงกหน้าดูโอ่งซะก่อน (อิ ๆ)


Post by ตุ๋ม บ้านใหม่.





แถลงการณ์ คุณอเนก ซานฟราน ปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการบงการปาระเบิด และขอลาออกจากทุกตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับภาคีฯ​



ผมได้รับการยืนยันจากพี่อเนก ซานฟราน ในฐานะพี่น้องที่รักในน้ำใจกัน และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ย้ำชัดและผมเชื่อตามนั้น ว่าพี่อเนก ไม่ได้มีส่วนว่าจ้างหรือบงการให้มีการปาระเบิดหน้าศาลอาญา รัชดา เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา   

ส่วนเรื่องภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนนั้น เรามั่นใจในหลักการทำงานของเรา และไม่เกรงว่าใครจะทำร้ายภาคีฯ ได้ เพราะความจริงก็คือความจริง และความจริงก็คือ ทั้งทางนโยบายและการปฏิบัติ
เราไม่มีการเกี่ยวข้องกับก่อการร้ายแน่นอน 

อนึ่ง การลาออกจากตำแหน่งของพี่อเนก ซานฟรานนั้น แม้ว่าท่านจะมีเจตนาอันบริสุทธิ์ แบบสุภาพบุรุษ  แต่ภาคีฯ เห็นว่า ไม่มีความจำเป็น และคณะกรรมการบริหารทุกท่าน ยืนข้างแชร์แมน (ประธาน) คณะกรรมการอำนวยการ และเราจะมีการพิจารณาเรื่องราวต่าง ๆ ร่วมกัน อย่างเป็นทางการในโอกาสต่อไป และจะแจ้งให้ท่านทราบเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม

ส่วนเรื่องเงื่อนงำและวาระซ่อนเร้น ที่เผด็จการทหารได้สำแดงออกมา จนสาธารณชนรับรู้เต็มตานั้น แม้ว่าทหารจะตีเซ่อแล้วแกล้งชี้นิ้วใส่ร้ายมาที่พี่อเนกอย่างหน้ามืดและโฉดเขลานั้น   แม้กระทั่งพี่น้องที่เป็นฝั่งสนับสนุนการรัฐประหาร เพราะคิดว่าทหารเป็นน้ำดี รักพ่อ และจะปฏิรูปประเทศเอง ก็ยอมรับไม่ได้ และเข้าใจว่า เป็นการสร้างสถานการณ์กลบเกลื่อนเรื่องชั่วร้ายที่ตนเองก่อขึ้น ทั้งด้วยเจตนา และด้วยความไร้ฝีมือ รวมถึงความต่ำต้อยทางจิตสำนึก

อย่างไรก็ตาม ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ไม่ได้มีความกังวล และไม่ได้มองการกระทำของเผด็จการที่ผ่านมาและจะทำต่อไป (รวมถึงการส่งคนนามสกุลขึ้นต้นด้วยตัว "พ"  เข้ามายังอเมริกานั้น ว่าจะเป็นอันตรายใด ๆ กับทางภาคีฯ ได้ พวกเรายังยืนหยัดทำงานเพื่อหาทางออกโดยสันติ และเน้นการพิทักษ์หลักสิทธิมนุษยชน และหลักการประชาธิปไตยต่อไปอย่างมุ่งมั่น  ศัตรูของคนไทยวันนี้ ไม่ใช่แค่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ศัตรูของพวกเราคนไทยทุกคน คือความชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างทั้งระดับมหาภาคและจุลภาคของประเทศนั่นเอง







ว้าว...! อเนก ซานฟราน ท้าแบ่งประเทศ ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการทุกรูปแบบ (เพลงโดยวงไฟเย็น)





ตื่นมา ได้ยินเพลงนี้แล้วคึกคักดีครับ เมื่อวานคุยกับพี่อเนก สบายใจครับ ผมไม่เคยถามพี่เลย ตั้งแต่มีข่าว เพราะถือมารยาท และแยกระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว และแยกระหว่างเรื่องควรถามและไม่ควรถาม เมื่อได้โอกาสคุยกันและพี่ก็บอกความจริงอย่างมั่นใจว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งการบึ้มขอบกั้นที่จอดรถ กว้างยาวครึ่งคืบ ส่วนที่ีมีคนจะโยงเรื่องเข้ามาล้มภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนั้น ผมไม่เคยหวั่น กรรมการบริหารคุยกันแล้ว เรายังขำกันไม่หายครับ เราทำงานไม่มั่ว และมีหลักการ หลักเกณฑ์ และหลักฐานเสมอครับ

เรื่องท้าแยกประเทศ คงไม่ยัดข้อหาความมั่นคงให้อีกคดีนะครับ ทหารไทย....เอิ๊ก
เห็นว่าจะส่งรายชื่อคนหมิ่นเจ้าให้ต่างชาติส่งกลับ ...​บอกตรง ๆ นะครับ ควายยังไม่คิดได้แย่ขนาดนี้

ไปอ่านปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และสนธิสัญญาเจนีวา และอื่น ๆ ซะก่อน
จะได้ไม่ออกมาโชว์โง่รายวัน

บอกด้วยความปรารถนาดี ไม่อยากให้ทหารเลียเจ้า ออกมาทำให้ทหารดี ๆ เขาเสียหายไปทั้งสถาบันครับ

 

ว้าว...! อเนก ซานฟราน ท้าแบ่งประเทศ ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการทุกรูปแบบ  (เพลงโดยวงไฟเย็น)



สตรีไทยในยุโรป (สวิสเซอร์แลนด์)ขอก เรียกร้องให้คนไทย ลุกมาช่วยหนุนนักศึกษา เปลี่ยนประเทศ




เห็นความตั้งใจและความคิดสร้างสรรค์ของเธอ เลยอยากนำมาเผยแพร่ต่อให้ ขอให้พี่น้องทุกท่าน โดยเฉพาะมดแดงล้มช้าง นักศึกษามหาวิทยาลัยประชาชน และสมาชิกและมิตรของภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ช่วยกันพิจารณา ร่วมกันเอากระแสความจริง ความถูกต้อง ความเป็นอารยะ ออกมาต้านกระแสอธรรม ที่ฝ่ายอภิสิทธิชนและพวกศักดินาหลงยุค เพื่อล้มอำนาจอธรรม แล้วสถาปนาบ้านเมืองให้มีฐานเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ สืบเป็นเสาหลักให้ลูกหลานตลอดไป

ขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณ ต่อคุณ Kheatareeya มา ณ​ ที่นี้ด้วย







Post by Kheatareeya Odermatt.




Thursday, March 19, 2015

ความรุนแรงของไอซิล ในอิรัก เริ่มคลั่งจนเข้าข่าย Genocide (การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์) และWar crimes



 การไล่ฆ่าแบบบ้าคลั่ง ไม่เลือกหน้า ขอให้เป็นคนที่ต่างจากพวกตน ข่มขืนแบบไม่มีการยั้ง แม้แต่เด็กอายุหกขวบ   ถือเป็นการตกต่ำสุด ๆ อีกครั้งของสังคมมนุษย์    ผมเชื่อว่า ในรุ่นเรานี้ จะมีการจัดการในระดับสากลที่ก้าวล่วงเข้าไปในอำนาจปกครองบรรดาสมาชิกประเทศมากขึ้น  หรือไม่นโยบายที่เกี่ยวกับการจัดการด้านภัยพิบัติ ภาวะโลกร้อน และการก่อการร้าย จะมีความเป็นศูนย์กลาง หรือเป็นหนึ่งร่วมกันมากขึ้น  เพราะหากปล่อยให้โลกเป็นไปโดยไม่จัดการ หรือจัดการแบบหน่อมแน้มเหมือนที่เลขาธิการยูเอ็นคนนี้และที่ผ่าน ๆ มาทำนั้น มัน Too little and too late ครับ



ดร.สุนัย: สภาไทยพลัดถิ่นประนามประยุทธ์เป็นทรราช

สภาไทยพลัดถิ่นประนามประยุทธ์เป็นทรราช
------------
สส.สุนัย เปิดอภิปรายในสภาไทยพลัดถิ่น:



  • ประยุทธใช้ทหารข่มขู่ทำร้ายยัดข้อหา112ให้น้องแหวนพยานปากสำคัญที่เป็นอันตรายต่อ 3 ป. ที่ได้สั่งฆ่าประชาชนเพื่อปิดปาก, 
  • 10 เดือนการรัฐประหารใช้ปืนเป็นกฏหมาย,ใช้ทหารคุมศาล, กฎหมายสองมาตรฐาน, ทำครบชุดสูตรทรราช











Credit: https://www.youtube.com/watch?v=hdxcJw-rog8

ความจริง ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยทีมงานกฎหมายภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน

โดย ทีมงานกฎหมายภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
เครดิตจาก http://tahr-global.org/?page_id=22168 และ http://tahr-global.org/?p=22171


S__1032655การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็น ช่องทางหนึ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศ ใช้ในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด หรือผู้ถูกกล่าวหา ที่หนีไปประเทศอื่น โดยปกติแล้ว อำนาจอธิปไตยของรัฐย่อมจำกัดเฉพาะภายในดินแดนหรืออาณาเขตของตนเท่านั้น ตามกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐหนึ่งจะใช้อำนาจอธิปไตยเหนือกว่าอีกรัฐหนึ่งโดยที่รัฐนั้นไม่ยินยอมไม่ ได้ ดังนั้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยได้ไปอยู่ต่างประเทศ รัฐเจ้าของสัญชาติของผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลย จะส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐไปจับกุมในต่างประเทศไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของรัฐอื่น ดังนั้น รัฐเจ้าของสัญชาติจึงต้องร้องขอให้มีการช่วยเหลือที่จะติดตามจับกุมผู้ต้อง หาหรือจำเลยมาให้ โดยปกติแล้ว ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะกระทำในรูปของสนธิสัญญาทวิภาคีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นฐานของความร่วมมือระหว่างรัฐที่ร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Requesting state) กับรัฐที่ถูกร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Requested state) อย่างไรก็ดี หากไม่มีสนธิสัญญาระหว่างกัน รัฐก็สามารถใช้ “หลักต่างตอบแทน” (Reciprocity) ได้ (ซึ่งผิดกับกรณี “การโอนตัวนักโทษ” ที่ต้องมีสนธิสัญญาระหว่างรัฐที่ร้องขอกับรัฐที่ได้รับการร้องขอเสมอ)





อย่างไรก็ดี แม้จะมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ตาม ก็มิได้หมายความว่าเมื่อมีการร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว รัฐที่ได้รับการร้องขอจะต้องส่งให้ตามคำร้องเสมอ โดยปกติแล้ว ตามสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือกฎหมายภายในเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จะระบุเงื่อนไขหรือเกณฑ์ที่ใช้พิจารณารวมถึงข้อยกเว้นบางประการด้วย เกณฑ์หรือเงื่อนไขของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่สำคัญคือ
  
ประการเเรก ความผิดที่จะส่งให้แก่กันได้นั้นต้องเป็นความผิดของทั้งสองประเทศ คือทั้งของประเทศที่ร้องขอ และประเทศที่ได้รับการร้องขอ ไม่ว่าจะเรียกฐานความผิดในชื่อใดก็ตาม เกณฑ์นี้นักกฎหมายเรียกว่า Double-criminality หรือ Double-jeopardy

ประการที่สอง โทษขั้นต่ำของฐานความผิด (เช่น ต้องไม่ต่ำกว่า 1 ปี)

ประการที่สาม ความผิดที่จะถูกดำเนินคดีได้เมื่อมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามคำขอนั้น รัฐที่ร้องขอจะพิจารณาคดีเเละลงโทษได้เฉพาะความผิดที่ร้องขอเท่านั้น จะไปดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการร้องขอให้มีการส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนไม่ได้ เกณฑ์ข้อนี้มีไว้เพื่อป้องกันมิให้มีการดำเนินคดีในความผิดที่ไม่อาจส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนให้เเก่กันได้ แต่รัฐได้อาศัยช่องทางของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในความผิดฐานหนึ่ง เพื่อไปดำเนินคดีหรือลงโทษในอีกความผิดฐานหนึ่ง เกณฑ์นี้เรียกว่า “Specialty”


ความผิดทางการเมือง (Political Offenses)

เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ประเทศตะวันตกหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสว่า การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นสิ่งปกติในสังคมระบอบ ประชาธิปไตย และเป็นสิทธิมนุษยชนที่สำคัญยิ่ง ดังนั้น หากบุคคลได้กระทำความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองแล้ว ความผิดทางการเมืองย่อมไม่อยู่ในข่ายที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ปัญหาก็คือ สนธิสัญญาทวิภาคีส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ดี กฎหมายภายในของรัฐเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ดี ไม่ได้มีการให้คำนิยามว่า ความผิดทางการเมืองคืออะไร โดยปกติแล้ว การพิจารณาว่าความผิดใดเป็นความผิดอาญาธรรมดาหรือความผิดทางการเมืองนั้น เป็นดุลพินิจหรือเป็นปัญหาการตีความขององค์กรตุลาการของรัฐ ที่ได้รับการร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่เกี่ยวกับรัฐที่ร้องขอแต่อย่างใด ปัญหาขอบเขตของความหมายความผิดทางการเมืองนั้นเป็นปัญหาที่มีความยุ่ง ยากอยู่มิใช่น้อย เนื่องจากเกณฑ์ที่ใช้พิจารณานั้นมีอยู่หลายเกณฑ์ และในหลายกรณีศาลก็มิได้อาศัยเกณฑ์หนึ่งเกณฑ์ใดเป็นปัจจัยชี้ขาด แต่ศาลอาจพิจารณาเกณฑ์อื่นๆ ควบคู่กันไป อีกทั้งทางปฏิบัติของแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกันไปด้วย การกระทำบางอย่างอาจมองว่าเป็นความผิดทางการเมืองอย่างแจ้งชัด เช่น การประท้วงทางการเมือง การก่อกบฏ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือต่อสู้เรียกร้องเอกราช การวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง เป็นต้น การกระทำเหล่านี้นักกฎหมายใช้เกณฑ์ที่เรียกว่า “Incident test”

อย่างไรก็ดี ความผิดทางการเมืองในปัจจุบันมิได้จำกัดแค่ “ความผิดทางการเมือง” (political offense) แต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจรวมถึง “ความผิดที่เกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับความผิดทางการเมือง” (an offense connected with a political offense) ด้วยอย่างเช่น กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศอังกฤษกับไอร์แลนด์ ฉะนั้น ปัจจุบันนักกฎหมายบางท่านจึงใช้คำว่า ความผิดที่มีลักษณะทางการเมือง (Political character) แทน

นอกจากนี้ ความผิดทางการเมืองมิได้จำกัดเพียงแค่ “การกระทำ” (act) ของผู้กระทำแต่เพียงอย่างเดียวอย่างที่เข้าใจกัน แต่รวมถึงปัจจัยอย่างอื่นด้วย เช่น แรงจูงใจของรัฐบาลที่ร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ ที่เรียกว่า “Political Motive of the Requesting State” หรือ การปฏิบัติต่อผู้ต้องหาหรือจำเลยในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (Fair Trail) หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า สิทธิมนุษยชนต่างๆ ของจำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหาจะถูกละเมิด ศาลก็อาจปฏิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยจะต้องแสดงให้ศาล เห็นว่า สิทธิการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมหรือสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ของตนจะถูกละเมิดได้

ยิ่งไปกว่านั้น ศาลของหลายประเทศยังได้ให้ความสำคัญกับระบอบการปกครองของประเทศที่ร้องขอให้ มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วยว่ามีระบอบการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยมากน้อย แค่ไหน มีการรับรองหลักนิติรัฐหรือไม่ เกณฑ์นี้เรียกว่า “The Political Structure of the Requesting State” เกณฑ์นี้ศาลอังกฤษเคยใช้ในคดี Kolczynski โดยศาลอังกฤษปฏิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปให้ประเทศโปแลนด์ ซึ่งพิจารณาตามมาตรฐานของประเทศอังกฤษ (หรือประเทศตะวันตก) แล้ว โปแลนด์ในเวลานั้นยังไม่เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานของประเทศตะวันตก



Ten Principles of the “Red Ants Topple the Elephant” Revolution บัญญัติ 10 ประการมดแดงล้มช้าง

ภาษาไทย English บัญญัติ 10 ประการของอภิวัฒน์มดแดงล้มช้าง Ten Principles of th...