เหตุผลที่ความเป็นมหาอำนาจของจีนเป็นภาพที่เกินจริง

ภาพประกอบ: เมืองจีนที่ดูทันสมัยแต่มีรอยร้าวและเงาของการกดขี่
ต่อไปนี้คือมุมมองของแฟรงค์ ดิเคิตเตอร์ (Frank Dikötter) จากรายการ Uncommon Knowledge (1 เมษายน 2568) และหนังสือ China After Mao: The Rise of a Superpower พร้อมสถิติที่เกี่ยวข้อง
1. การเติบโตทางเศรษฐกิจถูกบิดเบือนและไม่ยั่งยืน
- ดิเคิตเตอร์โต้แย้งว่า CCP ไม่ได้ “ยก” คน 800–900 ล้านคนพ้นความยากจน แต่ประชาชนฟื้นตัวเองเมื่อนโยบายผ่อนคลายหลังยุคเหมา
- สถิติ: ธนาคารโลก (2022) ระบุว่า 25% ของประชากรจีน (ราว 350 ล้านคน) ยังมีรายได้ต่ำกว่า 6.85 ดอลลาร์สหรัฐ/วัน แสดงถึงความยากจนในชนบทที่ถูกซ่อน
- สถิติ: หนี้ท้องถิ่นจีนพุ่งถึง 35 ล้านล้านหยวน (4.9 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2566 (IMF, 2023) จากการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น อสังหาริมทรัพย์
- ตัวเลข GDP มักถูกปรับแต่ง ดิเคิตเตอร์ชี้ว่าไม่มีวินัยตลาด ทำให้เกิดวิกฤต เช่น บริษัทอสังหาฯ อย่าง Evergrande ล้มละลายในปี 2564
2. การพึ่งพาการกดขี่และควบคุม
- CCP ใช้การกดขี่เพื่อรักษาอำนาจ ไม่ใช่ความชอบธรรม สะท้อนความไม่มั่นคงภายใน
- สถิติ: จีนมีกล้องวงจรปิด 626 ล้านตัวในปี 2564 (Comparitech) มากที่สุดในโลก เพื่อสอดแนมประชาชน
- ตัวอย่าง: การกักขังชาวอุยกูร์กว่า 1 ล้านคนในค่าย “ฝึกอาชีพ” (UN Report, 2022) และการปราบปรามในฮ่องกง (2563)
- ดิเคิตเตอร์ระบุว่า CCP หวาดกลัวประชาชนของตัวเอง ส่งผลให้ขาดนวัตกรรมและความไว้วางใจในสังคม
3. ความเปราะบางของ “จักรวรรดิ” คล้ายโซเวียต
- ดิเคิตเตอร์เปรียบจีนกับสหภาพโซเวียตที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งแต่ล่มสลายจากจุดอ่อนภายใน เช่น การขาดเสรีภาพ
- สถิติ: อัตราการเกิดของจีนลดลงเหลือ 6.77 ต่อ 1,000 คนในปี 2566 (National Bureau of Statistics of China) สะท้อนวิกฤตประชากร
- ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ (เช่น ทิเบต อุยกูร์) ทำให้จีนต้องใช้กำลังรักษาความเป็นเอกภาพ คล้ายจักรวรรดิชิง
4. โฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพเกินจริง
- CCP ใช้โฆษณาชวนเชื่อ เช่น โครงการ Belt and Road เพื่อฉายภาพมหาอำนาจ แต่หลายโครงการล้มเหลว
- สถิติ: 42% ของโครงการ Belt and Road เผชิญปัญหาการเงินหรือความล่าช้า (AidData, 2021)
- เมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ เป็น “หน้ากาก” ที่ซ่อนความยากจนในชนบท ซึ่งประชากร 60% ยังอยู่นอกเมือง (World Bank, 2022)
5. ความเข้าใจผิดของตะวันตก
- ตะวันตกเคยประเมินจีนสูงเกินไปจนถึงปี 2561–2563 และตอนนี้บางฝ่ายมองเป็นภัยคุกคามที่ทรงพลังเกินจริง
- ดิเคิตเตอร์ย้ำว่าจีนกลัวการเปลี่ยนแปลงภายใน เช่น “วิวัฒนาการสันติ” สู่ประชาธิปไตย
- สถิติ: การลงทุนด้านกลาโหมของจีน (2.24 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2566, SIPRI) ยังน้อยกว่าสหรัฐฯ (8.77 แสนล้านดอลลาร์)
ดิเคิตเตอร์มองว่าความเป็นมหาอำนาจของจีนเป็นภาพลวงตา เพราะเศรษฐกิจที่เปราะบาง การกดขี่ประชาชน ความคล้ายคลึงกับโซเวียตที่ล่มสลาย โฆษณาชวนเชื่อที่เกินจริง และความเข้าใจผิดของโลกตะวันตก สถิติยืนยันถึงความเหลื่อมล้ำ หนี้สิน และการควบคุมที่เข้มงวด ซึ่งบ่งชี้ว่าจีนห่างไกลจากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมหาอำนาจ