บทวิเคราะห์นี้รวมเอาภาพรวมการสร้างความแข็งแกร่งทั้งภายในและภายนอกของสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ และวิธีที่สหรัฐฯ ใช้เครื่องมือทางการเงิน-ภูมิรัฐศาสตร์เพื่อรับมือกับแนวทาง de-dollarization ของ BRICS ดังนี้
1. ทรัมป์กำกับสหรัฐฯ กว่า 100 วันนี้ – สะท้อนพลังทางเศรษฐกิจและความร่วมมือระหว่างประเทศ 🏛️
-
ทรัมป์จัดงานรำลึก “100 วันแรก” ที่รัฐมิชิแกน เพื่อเน้นผลงานด้านการลดกฎระเบียบ, ปรับลดงบประมาณ, และเพิ่มการส่งออกสหรัฐฯ
-
ระหว่างทริปตะวันออกกลาง สหรัฐฯ อ้างว่าประเทศในภูมิภาคให้คำมั่นลงทุนในสหรัฐฯ รวมกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้จะมีข้อกังขาว่าตัวเลขนี้ “ปูพรม” แต่ก็ช่วยเสริมภาพว่าสหรัฐฯ ยังเป็นแหล่งลงทุนที่น่าเชื่อถือ
-
ต่อมาในการเยือน UAE อีกครั้ง ทรัมป์ประกาศ 200 พันล้านดอลลาร์ ในดีลใหม่ และเร่งดีลเดิมของ UAE มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น
-
ขณะเดียวกัน ในการพบกับผู้นำอินเดีย ทรัมป์เผยว่า “อินเดียพร้อมให้ศูนย์เปอร์เซ็นต์ภาษี” แก่สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการขยายตลาดสหรัฐฯ ในอินเดีย
2. อุปสรรคที่ 1: Network Effects ของดอลลาร์ – ทรัมป์ใช้ดีลลงทุน “ล็อก” การค้าให้ผูกกับดอลลาร์
-
เหตุผลสำคัญ: ดอลลาร์ถูกใช้ในการตั้งราคา, การชำระหนี้ระหว่างประเทศ, และเป็นแหล่งพักสินทรัพย์ปลอดภัย
-
ทรัมป์เสริมภาพต้องการ “เงินทุนต่างชาติไหลกลับสหรัฐฯ” ด้วยการเจรจาดีลลงทุนหลายล้านล้านดอลลาร์ เพื่อให้คู่ค้าในตะวันออกกลางและอินเดีย “ผูกตลาด” กับดอลลาร์ต่อไป
-
ผลลัพธ์: แม้ BRICS+ จะขยายการค้าภายในกลุ่ม แต่บริษัทและธนาคารยังคงต้องถือดอลลาร์เพราะดีลลงทุนมูลค่ามหาศาลยังคงนับเป็นดอลลาร์ก่อนเสมอ
3. อุปสรรคที่ 2: ความแตกแยกภายใน BRICS – เกม “Divide and Rule” ของทรัมป์ ⚖️
-
ความจริง: จีน-อินเดียมีข้อพิพาทพรมแดน, รัสเซียโดนคว่ำบาตร, บราซิล–แอฟริกาใต้ยังมีจุดยืนใกล้ตะวันตก
-
เกมทรัมป์:
-
หนุนข้อตกลงทวิภาคีกับอินเดียเชิงเศรษฐกิจ เพื่อแบ่งแยกความร่วมมืออินเดีย–จีน
-
ส่งเสริมสัมพันธไมตรีด้านพลังงานและการค้า กับซาอุดีอาระเบียและ UAE เพื่อสร้าง “แกนเศรษฐกิจใหม่” ที่ไม่ใช่ BRICS
-
-
ผลลัพธ์: BRICS จะประสานงานยากขึ้น เมื่อสมาชิกแต่ละคนมีพันธมิตรทางเลือกที่เป็นรายบุคคล
4. อุปสรรคที่ 3: โครงสร้างสถาบันไม่เสถียร – ทรัมป์โปรโมต “ดิจิทัลดอลลาร์” และเสริมกลไกการกำกับดูแล 🔐
-
BRICS ยังขาดธนาคารกลางที่เป็นอิสระ, ตลาดตราสารหนี้เปิดเสรี, และความโปร่งใสทางกฎเกณฑ์
-
ทรัมป์สั่งการศึกษา “ดิจิทัลดอลลาร์” เร่งด่วน พร้อมเชิญพันธมิตร G7 และกลุ่ม NATO ร่วมทดลองระบบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสกุลเงินสหรัฐฯ
-
นอกจากนี้ ยังผลักดันมาตรการ ป้องปรามความเสี่ยง (risk-off) เช่น ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาความน่าสนใจของตราสารหนี้ดอลลาร์
5. อุปสรรคที่ 4: Weaponization of Dollar – เครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ของทรัมป์ 🛡️
-
การคว่ำบาตรผ่าน SWIFT และการอายัดทุนสำรองกลายเป็น “อาวุธลับ” ของวอชิงตัน
-
หลัง 100 วัน ทรัมป์ขยายขอบเขตการคว่ำบาตรไปยังผู้ที่สนับสนุน BRICS+ หรือแม้แต่บริษัทกลางภาคีที่อาจทำธุรกิจกับรัสเซียและจีน
-
เกมต่อรอง: สหรัฐฯ อาจ “ยกเลิก” มาตรการคว่ำบาตรให้เป็นรางวัล หากประเทศใดถอยหนีจากโครงการ de-dollarization
6. อุปสรรคที่ 5: ยังไม่มีคู่แข่งที่พร้อม – ทรัมป์ย้ำ “dollar = freedom” 🔍
-
หยวนยังถูกควบคุมทุน กำลังซื้อจึงถูกจำกัด, รัสเซียถูกคว่ำบาตรลึกซึ้ง, สกุลใหม่ BRICS ยังไม่มีตลาดจริง
-
ทรัมป์ปลุกระดม Narrative ระดับโลกผ่านงานสัมมนาและสื่อว่า “ดอลลาร์คือตัวแทนของเสรีภาพทางเศรษฐกิจ”
-
ใช้การประชาสัมพันธ์ระดับสูง (public diplomacy) ผสมกับการลงนามข้อตกลงวัฒนธรรม–การศึกษา (soft power) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ “เงินสหรัฐเป็นสกุลแห่งเสรีภาพ”
สรุปเกมระยะยาว 🔚
แม้ BRICS+ จะพยายามลดบทบาทดอลลาร์ผ่าน Rio Reset และโครงการ de-dollarization ต่างๆ แต่ ดอลลาร์ยังได้เปรียบในเชิงสภาพคล่อง, เครือข่ายทั่วโลก, และเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่สหรัฐฯ โดยทรัมป์กำลังขยายขอบเขตอย่างรอบด้าน ทั้งการใช้ hard power, soft power, และการเสริมโครงสร้างทางการเงินของตัวเอง
บทบาทของทรัมป์หลัง 100 วัน จึงไม่ใช่แค่กรอกตัวเลขดีลลงทุน แต่เป็นการ “ล็อก” สมดุลอำนาจโลกผ่านการตอกย้ำอิทธิพลของดอลลาร์ในหลากหลายมิติ ทำให้การโค่นดอลลาร์ของ BRICS น่าจะเป็น “สงครามยืดเยื้อ” มากกว่าการปฏิวัติในเร็ววัน