Translate

Tuesday, January 31, 2012

ตรรกะของจตุพร พรหมพันธุ์ และ นปช. ... เซียนหรือไก่อ่อน?



ตอนที่หนึ่ง


ผมชอบจตุพรมากที่สุด ในบรรดาแกนนำ นปช. และนักการเมืองเพื่อไทยด้วยซ้ำ ชอบจิตวิญญาณนักสู้ ชอบน้ำใจต่อพี่น้องที่สูญเสียและหัวใจที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวกับภัยรอบข้าง และอะไรอีกหลายอย่าง ดังได้ปรากฎแก่สายตาพี่น้องเสื้อแดง ตลอดสี่ปีกว่าของการต่อสู้ที่ผ่านมา


จตุพร เด่นมากในการต่อสู้ในนามของคนเสื้อแดง  ถือว่ารองจาก ดร. ทักษิณแล้ว คนที่ฝ่ายอิงเจ้าหาแดกกลัวกันนักกันหนานั้น หากหยิบมาสามคนในประเทศไทยแล้ว จะต้องมีคนที่นามสกุล พรหมพันธุ์ คนนี้อยู่ด้วยแน่นอน  และในการต่อสู้มาถึงวันนี้ ก็ยังเชื่อในหัวจิตหัวใจว่า ตู่ยืนข้างพี่น้องเสื้อแดงแน่ แต่จะยืนในระดับไหน มีประโยชน์ระดับไหน ต้องจับตาดูสิ่งที่เขาคิด พูด และทำในก้าวต่อ ๆ ไป




รายการชูธง  31 มกราคม 2555
(ชมรายการชูธงวันก่อน ย้อนหลัง ที่ http://youtu.be/5dFdmdJaX8I)


แต่จากการฟังรายการชูธงสองวัน (30-31 มกราคม ศกนี้) ติดต่อกันมานี้ ผมถือว่าตรรกะของจตุพรในการพาดพิงถึง และก้าวก่ายแสดงจุดยืนที่เสนอให้คณะนิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหวนั้น น่าวิพากษ์วิจารณ์ยิ่ง   หากจะมองว่านี่คือการเล่นเกมอย่างเซียนก็พอกล้อมแกล้มเชื่อได้นิดหน่อย เหมือนการแสดงบทบาทที่สมบทบาทชนิดดาราตุ๊กตาทองอายหรือสมุนเหี้ยหลบของ ดร. เฉลิม คือ ออกมาเล่นเกมแยกกันเดินหรือคนละกลุ่มกับคณะนิติราษฎร์ เพื่อให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์รอดจากข้อครหาล้มเจ้า  แล้วครองอำนาจต่อไป เพื่อทำงานให้กับบ้านเมือง (แต่ไม่มีการยืนยันว่าประชาชนจะได้อะไรแน่ ปัญหาของบ้านเมืองที่เป็นหลักในเชิงการเมืองและโครงสร้างอำนาจ)


แต่หากมองในเชิงตรรกะอย่างละเอียดแล้ว ถือว่าตู่ตกสนิท (ถือว่าเป็นคนที่ผมสนิทใจ เชื่อใจ และนับถือว่าเป็นเพื่อนร่วมขบวนการแดง ก็ขอเรียกชื่อเล่นนะครับ) หากผมให้เกรด ก็คงตัองเป็น F หรือ ง. ล่ะครับ  และนี่หรือเปล่าที่ทำให้เวลาที่ผมบอกว่า จตุพรจะยืนอยู่แถวหน้า เป็นแกนนำนักปฎิวัติ ในวันที่ประชาชนต้องก้าวไปให้ถึงปลายฝัน แล้วมีคนบอกว่า เขาไม่เชื่อ   เขาบอกจตุพรไม่ถึงระดับนักปฎิวัติ  หรือมันจะเป็นเพราะกรอบคิดของตู่ นอกจากจะอยู่ในกรอบนักการเมืองและผลประโยชน์ของกลุ่ม มากกว่าการมองการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อย่างที่นักปฎิวัติตัวจริงเขาคิด นำเสนอ และทำกัน


เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ถูกวิพากษ์ ผมจะขยายความนะครับ  จากคลิปที่ยกมาข้างต้น หากท่านฟังช่วงต้น ๆ ที่เกี่ยวกับคณะนิติราษฎร์  ตู่บอกว่า หลักการของนิติราษฎร์ดีมาก ไม่มีข้อต้องถกเถียง และนิติราษร์ไม่ได้คิดร้ายกับสถาบัน  เหมือนที่มีความพยายามใส่ร้ายของสมุนเหี้ย หรือเปรตอิงวัง (คำพูดผมเองทั้งหมด) แต่...   (ความตอแหลกับหลักการ เริ่มแล้วนะครับ)  แต่ ตู่บอกว่า หลักการและวิธีการดี ๆ นี้ เป็นประชาธิปไตย ไม่มีข้อติ แต่คิดว่า จะไม่มีทางบรรลุผล เพราะนักการเมืองทั้งเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ จะไม่มีใครกล้ายกมือสนับสนุน แล้วก็จะตกไปในที่สุด  ซึ่งหากมองแบบนี้ ก็แปลว่า การเคลื่อนไหวตามแนวนิติราษฎร์ ไร้สาระ และจะแค่เป็นการสูญเปล่า โดยที่ตู่แน่ใจ และผมก็ไม่ทราบว่า มีการวิเคราะห์วิจัยดีแล้วขนาดไหน ว่าสส. และสว. จะไม่มีใครกล้าเอาด้วยกับข้อเสนอของนิติราษฎร์เลยสักคน


หลักคิดที่ว่า สิ่งนี้ดี แต่จะไม่มีคนเห็นชอบด้วย ดังนั้นคุณก็ไม่ต้องทำต่อนั้น  ผมถือว่าในเชิงหลักการและคุณธรรม เป็นสิ่งผิด และไม่เคยคิดว่า ตู่จะอยู่ในกรอบคิดแบบ loser หรือ hypocrite ได้ขนาดนี้ เหมือนกับคนไทยจำนวนมากเป็นกัน   สำหรับแกนนำระดับนี้ ถือว่าน่าผิดหวัง ผมคาดหวังจากตู่มากกว่านี้ครับ


นอกจากนี้ ตู่ยังบอกอีกว่า ความเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์ ถูกต่อต้านเป็นวงกว้าง และจะเป็นอันตราย เพราะฝ่ายเหี้ยจะอ้างเอามาเป็นเหตุก่อการรัฐประหาร  ดังนั้น คณะนิติราษฎร์ ต้องหยุดการเคลื่อนไหว
ผมถือว่านี่เป็นตรรกะที่ใช้ไม่ได้เลย   ประการแรก ตู่ขัดแย้งในตัวเองอย่างแรง ก็ในเมื่อเชื่อว่า ยังไงก็ไม่ได้ผล เพราะ สส. สว. จะไม่เอาด้วย ดังนั้น ก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกลัวเกรงนี่นา อย่างมากก็ไปตกในสภา เหมือนร่างรัฐธรรมนูญของหมอเหวง แล้วจะไปกลัวใครลุกมาอ้างทำการรัฐประหารได้อย่างไรเล่า?


ประการต่อมาก็คือ การเอาภาพการต่อต้านหลักการดี ๆ ของนิติราษฎร์ ว่าจะนำไปสู่การรัฐประหารนั้น ยังเป็นแค่การคาดเดา และโดยหลักการแล้ว นิติราษฎร์ไม่ได้ทำการใดอันเป็นข้ออ้างเพื่อนำไปสู่การรัฐประหารได้  เพราะนิติราษฎร์ ไม่แตะต้องสถาบัน จะอ้างการหมิ่นหรือล้มสถาบันย่อมมิได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะใส่ความอย่างไร ก็ฟังไม่ขึ้น หากจะกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนิติราษฎร์จะทำให้เกิดผลเสีย ทำลายการคงอยู่ของรัฐบาลเพื่อไทย  และนำไปสู่การขอของตู่ให้นิติราษฎร์ล้มเลิกการเคลื่อนไหว จึงฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย


ในตอนท้าย แม้ตู่จะไม่ได้พูดตรง ๆ แต่ผมตีความได้ว่า ตู่เห็นว่า การสู้แบบนิติราษฎร์ เป็นการสู้ด้วยความสะใจ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง สมควรหยุด เพื่อให้รัฐบาลอยู่ในตำแหน่งต่อไป   ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ กระแสของมหาชน ต่างสนับสนุนแนวทางนิติราษฎร์   ตู่ออกมาเหมือนตีกันแบบนี้ คนอาจจะแปลเจตนาได้ว่า กลัวนิติราษฎร์ดังกว่า หรือแย่งมวลชนไป หรือไม่?  หรือตู่คิดว่า แนวทางของ นปช. หรือเพื่อไทย ดีกว่า และจะทำให้ได้ประชาธิปไตย และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมือง ใช่หรือไม่?  ซึ่งหากต้องให้ตอบคำถามเหล่านี้ พี่น้องแดงตาสว่าง คงหัวเราะเยาะ แล้วก็ยักไหล่ ส่ายหัว แล้วก็หันไปเชียร์คณะนิติราษฎร์ต่อ


คำถามต่อเนื่องก็คือ การที่ตู่อ้างว่า การเคลื่อนไหวหรือสู้แบบ "สะใจ" ตามแนวทางนิติราษฎร์ จะนำไปสู่การรัฐประหารนั้น ดูเหมือนว่า เพื่อไทยและตู่ จะกลัวรัฐประหารเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ข้ออ้างมันไม่ได้สมเหตุสมผล ดังกล่าวมาแล้ว  และที่สำคัญ การรัฐประหารที่ไม่สมเหตุสมผล ย่อมเกิดขึ้นได้ยาก และหากเกิด ก็เป็นอันตรายต่อคนสั่งและคนทำ  ใครจะกล้า?  และหากกล้า ก็เป็นความชอบธรรมของมวลชนที่จะลุกมาต่อต้าน และนั่น อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการปฎิวัติประชาชน ซึ่งโอกาสชนะแบบรวดเดียวจบ เป็นไปได้มากกว่าการรอแบบลม ๆ แล้ง ให้นปช. สู้ไป ร้องเพลงไป เถียงไป แต่หาผลงานไม่ค่อยได้ เหมือนที่ผ่านมา หรือรอให้เพื่อไทย ที่สู้ไป ทำผิดหลักประชาธิปไตยไป เหยียบย่ำน้ำใจคนเสื้อแดงไป และดึงมวลชนให้กราบเจ้าไป ทั้ง ๆ ที่เจ้าคือตัวปัญหาสำคัญของบ้านเมือง


ขณะนี้ มวลชนจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มไม่พอใจเพื่อไทยอย่างแรงขึ้นเรื่อย ๆ   หรือตู่จะอ้าง เหมือนนักวิเคราะห์ที่เชื่อมั่นในตัว ดร. ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ว่าเพื่อไทยเล่นเกมเหนือการคาดหมายชนิดขอมดำดินหรือมาเหนือเมฆ หรือเพราะการเมืองมีความลึกลับหลายมิติที่มวลชนตามไม่ทัน????   แต่ในฐานะที่อยู่กับการเมืองมานานพอสมควร รู้เช่นเห็นชาติทั้งฝ่ายเราและฝ่ายเหี้ย ผมกลับเห็นว่า มวลชนเข้าใจปัญหาเชิงลึกและเชิงกว้างดี   เพียงแต่มวลชนไม่เชื่อว่า การอยู่ต่อแบบนิ่ม ๆ เนียน ๆ ตอแหล ๆ และรอวันนักการเมืองที่เกี่ยวข้องได้ผลประโยชน์จากเงินเดือน เงินใต้โต๊ะ เงินตามน้ำ และโอกาสต่าง ๆ มากมาย นั้น จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาที่สำคัญกว่าเรื่องปากท้องได้ ไม่ต้องอะไรมาก แค่เรื่องความยุติธรรมก็ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย ณ วันนี้!


และผมอยากถามว่า การเล่นบทอ่อนน้อม ปรองดอง เลี่ยงปัญหาสำคัญ ไม่ปะทะกับสมุนเหี้ย เลี่ยงการแตะประเด็น 112 หรือเลี่ยงการออกหน้าชูประชาธิปไตย นั้น จะรอดกับการจัดการของเหี้ยและสมุนได้หรือ?   คดีความจ่อศาลไว้แล้ว ทหารก็ยังสามารถต่อรองไม่ให้เกิดการลงสัตยาบันกับ ICC ซึ่งแปลว่า หากต้องออกมารัฐประหาร เพื่อปกป้องสถาบันอีก ก็สามารถเอาปืนยิงหัวประชาชนได้อีก  ประชาชนได้อะไรหรือ จากการอยู่มานับหกเดือนของรัฐบาลเพื่อไทย?


แน่นอนล่ะ การด่าและติติงเพื่อไทย และการเขียนบทความติงจตุพร ครั้งนี้ของผม ก็ไม่ใช่เพื่อทำลายกัน  จริง ๆ แล้ว ก็รู้ว่าตู่ต้องการสู้และแสดงออกว่า ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับนิติราษฎร์และไม่มีส่วนกับการแตะต้องสถาบัน  จะเนียนก็เนียนไป เราก็จะเนียนด่าอย่างนี้แหละ  หวังว่าคงรับได้นะครับ  ในเมื่อจะตอแหลกันแล้ว  เราก็ลองมาตอแหลเป็นศัตรูกันเล่น ๆ นะตู่ จะเป็นไรไป  เวลานี้ เราจะเล่นเกมกันไป แล้วตอแหลว่า เจ้าคงยอม และสมุนเจ้า คงไม่รัฐประหาร ไม่จ้องทำลายรัฐบาล ไม่จ้องทำลายเสื้อแดง  ขอเพียงนิ่งเฉย หรือแกล้งขัดขาทำลายกันไปวัน ๆ ให้ฝ่ายเจ้าตายใจ และไม่ทำลายล้างรัฐบาล
หากคิดแบบตื้น ๆ เกมตอแหลเหมือนจะพยุงรัฐบาลหรือประวิงเวลาให้รัฐบาลอยู่ทำงาน และเก็บเกี่ยวผลจากการเป็นรัฐบาลได้อีกหน่อย


แต่หากคิดแบบไม่ใช่เด็กอมมือ จะเห็นว่า การไม่รุกคืบด้วยพลังมวลชน และสนับสนุนกลุ่มที่สู้ได้อย่างมีหลัก และตรงประเด็นอย่างนิติราษฎร์ ที่มวลชนสนับสนุนนั้น เป็นการช่วยศัตรู หรือเผด็จการ สกัดกั้นและชะลอ เพื่อการทำลายขบวนการปฎิวัติประชาธิปไตย หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ อาการบ้องตื้นที่คิดเอาแต่ได้กับความอยู่รอดของรัฐบาลนั้น มันเป็นพฤติกรรม anti revolutionary deeds แบบไม่ได้เจตนาเลยทีเดียว!!!




ตอนที่สอง


ล่าสุด วันพุธ ที่  1 เดือน กุมภาพันธ์ 2555 จตุพร ได้มานั่งโต๊ะแถลงข่าวกับ นปช. (ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นก่อนหน้านี้)   เนื้อหาสาระ ให้พี่น้องวิเคราะห์กันต่อนะครับ)



สำหรับผม ขอเติมความเห็นสั้น ๆ ดังนี้ (แปะไว้ที่ Facebook ด้วยครับ)

การแถลงการณ์ของนปช. ล่าสุด  โดยจตุพรออกมาร่วมเอง

หากฟังแบบหาเรื่องหน่อย ๆ ผมว่า นปช. ชักจะออกแนวนางอิจฉานิด ๆ นะครับ  คืนก่อนผมเขียนบทความวิจารณ์การแสดงความเห็นของจตุพร ในรายการชูธง  วันนี้จตุพรออกมาแถลงข่าวร่วมโต๊ะกับ นปช.  ประเด็นที่นำเสนอ คือ บอกว่า คณะนิติราษฎร์ไม่ได้มีอะไรเด่นกว่าใคร แค่มี "เสื้อแดง" ตามเชียร์ มีคนเสนอแนวคิดคล้าย ๆ นิติราษฎร์อีกมากมายหลายกลุ่ม  และก็ยังยืนยันว่า การเคลื่อนไหวแบบนิติราษฎร์ จะพาคนไป "ตาย" อีก  คณะนิติราษฎร์ เขาใช้วิธีการชุมนุมเหมือน นปช. ที่จะมีคนมายิงหัวอีกหรือไง? แต่เมื่อพูดแล้ว ก็ปรากฎว่า ตัวเองจะนำคนขึ้นเขา ซึ่งตอนแรกขอเป็นล้านคน  ตอนนี้ลดมาเหลือห้าแสนแล้วนับเท้าให้ครบล้านแทน อ้างว่าวิธีการสู้แบบเนียน ๆ เย็น ๆ วนไปวนมาของนปช. เนี่ย มันเป็นการใช้ปัญญาล้ำเลิศ ... แล้ววิธีการเรียกคนไปรวมกันเพื่อสร้างภาพความยิ่งใหญ่ของ นปช. มันเป็นการใช้ปัญญาอันใดเล่า?  และเท่าที่ดู เห็นว่ามั่นใจกันเหลือเกิน ว่าทำตามแนวนิติราษฎร์ไป ก็จะไม่ได้ผล...เอาอะไรมาสนับสนุนการสรุปเช่นนั้น และการกล้ายืนยันแนวที่จะได้ผลคือ พาคนไปโบนันซ่า แล้วทำตาม นปช. ครับผม (ฮา)

นี่บอกว่าจะสร้างมหาวิทยาลัยนปช. ซะอีก คงจะยกตัวเองเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกันอีกละสิ หากฉลาดและก้าวหน้าขนาดนิติราษฎร์จะไม่ว่าสักคำ สำหรับผมนะ เป็นโรงเรียนอย่างเดิมดีแล้วล่ะครับ อย่าถึงกับดึงคนไปอยู่กับมหาวิทยาลัยที่พามวลชนสะดุดและพานาวาการแก้ปัญหาประเทศออกทะเลโดยไม่มีเป้าหมายอีกเลยครับ เราเสียเวลากันมามากพอแล้วครับ

สรุปว่า ฟังไปฟังมาแล้ว ก็ให้งงกับลักษณะคล้าย ๆ "มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
และผมก็ชักจะเห็นด้วยกับบทความที่เขียนไปก่อนหน้านี้มากขึ้นทุกที
หากเป็นไฮโล เขาก็ว่า อ่านยาก เพราะไม่รู้ว่า จะออกหน้าไหน สูง ต่ำ สิบเอ็ดไฮโล ฯลฯ
แต่สำหรับเกมนี้ จะว่าเขาเนียน ล้ำลึกอะไรยังไง ผมเดาได้อย่างเดียว ว่าเกมโขกไฮโลกของ นปช. โดยจตุพรครั้งนี้  ผมว่า "ออกทะเล" ครับ 

ผมคิดเล่น ๆ นะครับ เท่าที่ดูจากสิ่งที่ปรากฎวันนี้  วันข้างหน้า หรือเร็ววันนี้ หากมีการสร้างพรรคแดงจริง ๆ ละก้อ ทั้ง นปช. และเพื่อไทย คงดิ้นเป็นเจ้าเข้า เหมือนที่ นปช. ดิ้นในวันนี้ครับ


ตอนที่สาม

จตุพรได้ออกมาอธิบายความอีกครั้ง พี่น้องพิจารณาและตัดสินกันเองนะครับ


-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวจากเมเนเจอร์ด้วย ดังนี้

“ตู่” ไหลลื่น รับ “เสื้อแดง-นิติราษฎร์” จุดยืนเดียวกัน แต่ไม่หนุนแก้ ม.112 อ้างมีวอร์รูมจ้องล้ม รบ.
2 กุมภาพันธ์ 2555 12:50 น.
       “จตุพร” ยอมรับคนเสื้อแดงกับ “นิติราษฎร์” จุดยืนเดียวกัน โวยผิดตรงไหน ประชาธิปัตย์สั่งฆ่าประชาชนยังไม่ผิด อ้างข้อเสนอแก้ 112 ปกป้องสถาบัน แต่ไม่สนับสนุน เพราะถูกบิดเบือน ซ้ำมีวอร์รูมจ้องล้มรัฐบาลก่อน เม.ย. ไม่มีใครกล้าโหวตหนุนข้อเสนอนิติราษฎร์
     
       วันที่ 2 ก.พ. ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์เปิดคลิปวิดีโอนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่ม นปช. นิติราษฎร์เป็นแขนซ้ายเสื้อแดงเป็นแขนขวา ฉะนั้นจะปฏิเสธความเชื่อมโยงได้อย่างไรว่า เราไม่เคยปฏิเสธ เราได้พูดชัดเจนโดยเฉพาะตน ว่านิติราษฎร์ก็คือนิติราษฎร์ คนเสื้อแดงก็คือคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยก็คือพรรคเพื่อไทย แต่ละฝ่ายก็มีอิสระมีเสรีภาพทางความคิด ที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดคลิปจะมีความลับอะไร เพราะไม่มีความลับถึงพูด พรรคประชาธิปัตย์ควรจะอับอายคนอื่นมากกว่า ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 8 คนยึดสถานีเอ็นบีที ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องหรือไม่ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิยึดทำเนียบรัฐบาล ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องหรือไม่และสั่งฆ่าประชาชนพรรค ประชาธิปัตย์ยังไม่ผิดเลย
     
       “เพราะฉะนั้นเราไม่เคยปฏิเสธว่าจุดยืนของเราเป็นอย่างไร แต่นิติราษฎร์เขาเป็นคนที่มีความคิดความอ่าน ซึ่งวันนี้ผมยืนยันว่าข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์เป็นข้อเสนอที่ปกป้องสถาบัน เพียงแต่ว่าถูกบิดเบือนใส่ร้าย และความจริงนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ควรจะทำความจริงให้ปรากฏ เพราะต้นเหตุของการประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ก็คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
     
       ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจน เพียงแต่ออกมาห้ามกลุ่มนิติราษฎร์ไม่ให้ใช้พื้นที่ จะทำอย่างไร นายจตุพรกล่าวว่า นายสมคิดยิ่งจะต้องระมัดระวังเพราะจุดยืนของ ม.ธรรมศาสตร์คือจุดยืนประชาธิปไตย การที่นายสมคิดไปร่วมเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยุครัฐบาล คมช.ก็สร้างความด่างพร้อยให้กับ ม.ธรรมศาสตร์อยู่แล้ว วันนี้เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาและเป็นคนธรรมศาสตร์ได้นำเสนอมาตรา 112 และถูกบิดเบือน หน้าที่ของผู้บังคับบัญชาก็ควรทำความจริงให้ปรากฏ คำว่าประชาธิปไตยทุกตารางนิ้ว อธิการบดีคนนี้จะรักษาได้หรือไม่
     
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเมื่อคิดว่าข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ปกป้องสถาบันทำไม่ไม่สนับสนุนให้ ชัดเจน นายจตุพรกล่าวว่า ตนยืนยันว่าข้อเสนอของนิติราษฎร์เป็นผลพวงที่มาจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่กลั่น แกล้งประชาชนผู้มีความเห็นที่ต่างกัน และต้องเข้าใจว่ามาตรา 112 ถูกแก้ไขเมื่อเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 เพราะเวลานั้นคณะรัฐประหารไปสร้างสถานการณ์ และหลังจากนั้นไม่มีใครนำมาตรานี้ไปกลั่นแกล้งใคร เพราะมาตรานี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปใช้ต้องดูเจตนาของผู้ใช้เป็นคนดีมาตรา นี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาจนกระทั่งรัฐบาลชุดที่แล้ว เพราะฉะนั้นข้อเสนอข่องนิติราษฎร์เขาเสนอบนพื้นฐานทางวิชาการ
     
       ถามว่า หลังจากนี้กลุ่มนิติราษฎร์ควรดำเนินการอย่างไร นายจตุพรกล่าวว่า ตนคิดว่าข้อเสนอของเขาสังคมต้องอ่าน แต่ในทางความจริงต้องยอมรับว่าถูกบิดเบือน
     
       อ้างมีวอร์รูมล้มรัฐบาลก่อน เม.ย.-ไม่มีใครกล้าโหวต ม.112
     
       นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีวอร์รูมที่จะล้มรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อนเดือน เม.ย. ตนจึงร้องไปที่คณะนิติราษฎร์ว่า เวลานี้เรื่องมาตรา 112 ได้รายชื่อครบ 1 หมื่นรายชื่อ มาถึงที่สภาผู้แทนฯ จะไม่มีสมาชิกคนใดกล้าโหวตแม้แต่คนเดียว เพราะฉะนั้น ยิ่งเดินมาไกลก็จะเป็นช่องว่างสำหรับผู้ที่ต้องการล้มกระดาน พอล้มกระดานก็มาถึงคิวของพวกตนที่ต้องไปต่อสู้และบาดเจ็บล้มตายกันอีก และขณะนี้มีการหารือและวางแผนในการล้มล้างรัฐบาลเพราะในช่วงที่มีศูนย์ดำนวย การบริหารแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในช่วงที่มีการประชุม ตนได้ยินหมด เพราะตนมีคนอยู่ตรงนั้นและรู้ว่ามีคนคิดที่จะกระทำการนี้ และเขาจะไม่ยอมปรองดอง ถ้าปรองดองชาตินี้พรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสเป็นรัฐบาลหรือไม่ และไม่ต้องการให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศจึงต้องการคว่ำกระดาน หน้าที่ของเราคือ การประคับประคองประชาธิปไตย เพราะถ้าประชาธิปไตยรับาลนี้ก็อยู่ได้
     
       นอกจากนี้ นายจตุพรยังกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ จะมีการจัดกิจกรรมชูธงแก้รัธรรมนูญ ที่โบนันซ่าเขาใหญ่ตั้งแต่เวลาเที่ยงวันถึงเช้าวันถัดไป โดยภายในงานจะมีคอนเสิร์ตและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลลหนีคดีอยู่ต่างประเทศ จะวิดีโอลิงก์มาร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300,000 คน
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000014963



Monday, October 24, 2011

Teaching Philosophy

Posted on  by admin
Snea Thinsan, Ph.D.

My teaching philosophy is synthesized from a few decades of my teaching and life experiences. Essentially, I have learned that details associated with teaching vary according to many factors, such as the disciplines and their structures (i.e. math, science, art, humanities), learner factors (i.e. age, background knowledge, cultural and learning experiences, socio-economic backgrounds, learning styles, motivation, and attitudes toward learning), modes of delivery (online, face-to-face, or blended), levels of education, learning goals, and so on. For example, the level of education with which teaching is associated is necessarily a vital factor. Teaching in higher education is quite different from teaching in primary and secondary education. Training students in higher education to teach in primary, middle and high schools, hence, will need to be based on insights into factors and issues related to all these levels of education. At present, when technology is an added ingredient, a lot of interesting research topics emerge, especially in terms of how we learn, interact, construct knowledge, and so on in the new world equipped and driven by technology.  My teaching philosophy below is just a digested version of all the complex possibilities of pedagogical and learning details.
Informed by critical pedagogy and critical literacy, I believe: that teaching should empower the learners, not intimidate or “dehumanize” (Paolo Freire) them; that learners bring with them knowledge and skills that should be built upon, not be suppressed, marginalized, or ignored; that dialogues among the learning community members (teacher/students as co-learners) are vital as they together try to unpack the unjust and often structurally violent sociopolitical and other systems around them; and that, with constant reflections and meaningful actions, the students become an able and active agent of change, not an intellectually and politically submissive citizen.
My dissertation and related literature on critical thinking have also convinced me that people, as learners, begin from different points in their intellectual development. The constructs of intellectuality are relative to different cultural and academic contexts, but it is possible for us to agree on some common, hierarchical intellectual traits.  Critical thinking, which emphasizes higher order thinking, is a tool that helps learners who value knowledge memorization and do not or cannot usually use their analytical, evaluative, and synthetic skills, which are crucial for intellectual development. It can be promoted as skills that carry the learners toward a higher level of intellectuality. Yet, critical thinking involves many micro skills that often require modeling, scaffolding, and, especially, proper and timely feedback by the teacher. At the same time, extended praxis (i.e. reflections and actions) by the learners is also instrumental in ensuring that they are equipped with what they need to move away from their ignorance, laziness, lack of self-confidence, lack of motivation, lack of hope, lack of fair-mindedness, lack of self-efficacy, and so on.
Inspired by constructivism, I firmly believe that knowledge should be generated or constructed in a learning community with the co-existence of various stimuli, multiple perspectives, critical lens, learner reflections on their diverse experiences, open exploration or inquiry, and individualized meaning-making tasks through social interactions. In this light, teaching is both individual and social, but the latter makes the learning tasks more fruitful, motivating, authentic, and, hence, successful in serving real life needs.  Additionally, my doctorate minor courses in Instructional Systems Technology have informed me that, in incorporating instructional technology and other instructional materials, the design and implementation of contents and pedagogical methodology should aim at facilitating individual learners’ cognitive processing, as well as at developing higher order thinking and meaningful actions. Vygotsky’s ZPD (Zone of Proximal Development), hence, should be enhanced not only by the more knowledgeable peers, but also by the thoughtful and procedurally facilitative teacher who can successfully increase the quality of learning without compromising the practices of student-centeredness and interactions.
///…
(Written in 2011)
This entry was posted in About Dr. ThinsanEducation, Love, Morality & PeaceFreire, Marx, Buddha, & Me,Intellectual TransformationLanguage Learning PedagogiesRevolutionary Pedagogies. Bookmark the permalink.

Thursday, November 25, 2010

Who ordered the May 19, 2010 Bangkok Massacre?

"That animal ordered this massacre!!!!!" shouted Thai protestors six months after the tragedy.












A true report on that day:

Wednesday, July 21, 2010

The World's Richest Royals Page 2 of 2 - Forbes.com

The World's Richest Royals Page 2 of 2 - Forbes.com

ประเทศชาติขาดธรรมกรรมคนหนัก
ประเทศไทยไหนหลักปักเลนไหน
ประเทศชาติขาดแบ่งปันคนจัญไร
ประเทศไทยจึงขาดรักสามัคคี

คิดจะเอาเหมาแดกทุกแขกบ่น
กดคนจนเจียมใจไรัศักดิ์ศรี
กินเป็นก๊กยกทรามใส่ไร้ธรรมดี
ปากเทิดศรีธรรมใสใจแม่งมาร

พระราชาข้ารวย ฮ่วย เท่ห์หลาย
พระวรกายทรุดเกินเดินเยี่ยมบ้าน
เหล่าคนไทยไกลปืนเที่ยงทำเมี่ยงทาน
ยังซมซานสานเสียงเพียงไม่พอ....

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย

คันฉ่องส่องไทย: ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบในตำราเรียนไทย การลบความทรงจำของคณะราษฎรในหนังสือเรียนไทยมิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นกระบว...