Monday, April 4, 2016

ประเทศไทยในฝัน ควรเป็นอย่างไร ด้านการเมืองการปกครอง?


เสียงปวงชนชาวไทยที่แท้จริง ไม่ใช่เสียงจากผู้ดีที่ยกตน แต่ทำตัวเป็นโจรกบฏ
ผลจากการออกเสียง ผ่านลิ้งค์ของ ดร. เพียงดิน รักไทย 
ในนามมดแดงล้มช้าง และคณะราษฎรเสรีไทย

อยากจะให้ใช้ระบอบประชาธิปไตยเป็นที่ตั้งค่ะ

เป็นประชาธิปไตย์อันมีประชาชนเป็นผู้นำประเทศ

พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอภาค ไม่มีชนชั้นปกครองตนเอง รัฐบาลคือองค์กร 3 -นิติบัญญัติ-ตุลาการ-บริหาร ทั้ง 3 องค์กรต้องมีพลเมืองเข้าร่วมอย่าปล่อยเจ้าหน้าที่ทำกันเอง มุ่งเน้นความผาสุข ของประชาชนและความเติบโตทางวัฒนธรรม กระบวนการยุติธรรมสำคัญมากควรรื้อทำใหม่

การปกครองในประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า ประเทศไทยต้องปกครองในระบอบประชาธิปไตยระบบประธานาธิบดีเหมือนประเทศเสรีสากล .... ไม่เอาระบอบเผด็จการราชาธิปไตยเอามันไปไถนาปลูกข้าว-ไปเลี้ยงควายจะได้รู้ความทุกยากของประชาชนที่ยากจน...มันสบายมาชั่วนาตาปีแล้ว

เป็นประชาธิปไตย์สมบูรณ์เหมือนต่างประเทศ

ทุกคนเท่าเทียมกัน

ไม่แบ่งชนชั้น

เราควรมีการเลือกตั้งตั้งแต่ตำรวจท้องที่ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการ อบต. อบจ. ปลัดอำเภอ ปลัตจังหวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จนถึง สส. สว. ผู้พิพากษา อัยการ ตุลาการ ทุกอย่างที่ว่ามานี้ควรมาจากการเลือกตั้ง เพราะว่า อยากให้ประเทศไทยไม่มีเส้นมีสาย ข้าราชการต้องแคร์ประชาชน เพราะมาจากการเลือกตั้ง แล้วต้องทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

 

นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้ง และต้องกระจายอำนาจทหาร ไม่ให้มีอำนาจมากเกินไป โดยให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเหนือผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพต้องอยู่ใต้อำนาจของนายกรัฐมนตรี

 

1.ปกครอง แบบ สหพันธ์รัฐ แบบ ประธานาธิบดีเป็นประมุข เพราะ สมัยก่อน ก่อนสุโขทัย ดินแดน ประเทศไทย เป็นอาณาจักรมาก่อน อีกทั้ง พอผมอ่านเรื่องที่จิตร แฉความลับศักดินา ทำให้ผมรู้เลยว่า ความชั่วมีมากเพียงใด

 

อีกทั้ง เมื่อ ปี 2557 ล้านนา อยากแยกประเทศ 3ชายแดน ก็อยากแยก ดังนั้น สมควรรึยังที่สยามจะปกครอง แบบ สหพันธ์รัฐ

 

2.เปลี่ยนชื่อประเทศ เป็น สยาม หรือ สยามประเทศ (Syram แบบนี้ป้องกันไม่ให้ต่างชาติมันอ่านว่า เสียม ยุค เฮียป. แม่งโง่ มันไม่คิดแบบนี้ไง) หรือ (Syram Prathet) เพราะ ผมมีความเชื่อว่า ดวง ประเทศไทย ควรใช้ นำหน้า แปลว่า ศรี หมายถึงดี หมายถึง ทราม หรือ เลวทราม

อ้างอิง http://plutoastrologer.blogspot.com/2014/03/blog-post_14.html

 

3.เปลี่ยนเพลงชาติ ใช้แบบ 2477 เนื่องจาก เฮีย ป. มันทุเรจ เปลี่ยนชื่อประเทศไม่พอ เปลี่ยนเพลงชาติอีก

ถ้าไม่เปลี่ยนทั้งสองอย่าง ก็เหมือนว่า เราอยู่ยุค เฮีย . อยู่ ยุคทหารอยู่

 

เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ แต่ คนไทยอยากให้เปลี่ยนชื่อมากๆ

รายละเอียดเต็ม นี่ครับ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000014299

 

4.ไล่ศักดินา ออกไป ให้คนที่ใช้นามสกุล พระราชทาน หรือ ... เปลี่ยนนามสกุล

ตัวแทนต้องมาจากการ เลือกตั้งเท่านั้น

มีวาระที่ชัดเจน มีเวทีดีเบท ทุกที่

กษัตริย์ ลงมาอยู่ ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง หรือ ถ้าไม่ยอม ก็ล้มไปก่อนเลย อันดับแรก ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ในการเลือกผู้บริหารทุกระดับ นับตั้งแต่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้ว่า สส. กระทั่ง นายก ตัดอำนาจองคมนตรีออกไป มาตรา 112 ตัดออกไปเลย กระจายอำนาจการบริหาร งบประมาณ ภาษี ออกไปจามท้องถิ่นมากกว่านี้ ความจริงแลว การเป็นประชาธิปไตย มันไม่ยากเหมือนที่คิดหรอกครับ แค่ "คิดเพื่อประชาชนส่วนใหญ่" เท่านั้นก็ประชาธิปไตยแล้ว

อยากไห้เป็นแบบ ประเทศญี่ปุ่นค่ะ. นักการเมืองที่ปีะชาชนต้องตรวจสอบได้หรือได้มีส่วนรับรู้การใช้งบประมาณและมีสิทธที่จะเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และตามความเรียกร้องของประชาชนค่ะ

ประชาชนมีส่วนร่วม

Republic.

ยากให้ยกเลิกระบบเส้นสายทุกวงการไม่ใช่ใครมีเงินก็ไปจ้างเข้าทำงานราชการซึ่งได้คนไม่มีคุณภาพทำงานแล้วก็ไปป่วนหน่วยงานครับ

เลือกตั้งทุกองค์กรค์ ตั้งแต่นายอำเภอถึงผู้ว่า และที่สำคัญ หัวหน้าศาลต้องเลือกตั้งมาจากประชาชนครับ

ผู้บัญชาการทหารบกต้องมาจากการเลือตั้งของทหาร ยกเลิก สว ทั้วหมดให้เหลือแต่ผู้แทน

ยกเลิกองค์กรณ์อิสระทั้งหมด เปลื่องงบเฉยๆ เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยประชาชนจะครอบคุมเอบครับ

แบบอเมรืกาครับ

1.ไม่ต้องมีk สิ้นเปืองงบและไม่มีประโยชน์ 2.มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะโดยตรงหรือจากการเลือก สส เข้าสภาแล้วมาเลือกผู้นำอีกที่ 3.มีวาระทำงาน4-5ปีและไม่ควรลงเลือกได้เกิน3ครั้ง 4.ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง ลงได้ไม่เกิน2สมัย 5.ให้ข้าราชการมีรายได้ดีจะได้ไม่คิดโกง เอาเงินที่ยึดจาก kมาเป็นทุนหมุนเวียนในระยะแรกๆ หากข้าราชการยังโกงอีกให้ลงโทษสถานหนักตั้งแต่ติดคุกถึงขั้นประหาร เพราะเราให้มีรายได้ที่ดีอยู่แล้วถ้ายังโกงอีกไม่ควรเอาใว้ กฎระเบียบใช้เหมือนกันทั่วประเทศ ให้ข้าราชการทำงานในบ้านเกิดตัวเองหรือใกล้บ้านจะลดค่าใช้จ่าย และเวลาเดินทาง 6.ประชาชนต้องเคารพกฎหมายผู้นำหรือผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี 7.ทหารต้องทำหน้าที่ของทหารห้ามยุ่งการเมือง 8.การรักษาต้องฟรีไม่มีการแบ่งชนชั้นห้ามหมอเอาเวลาราชการไปเปิดคลีนิก 9.การศึกษาต้องฟรีในระยะแรกอาจให้ถึงม.8หรือจบอาชีวะและถ้ารัฐจัดเก็บภาษีได้ดีก็ให้ขยายภาคการศึกษาถึง ป.ตรี 10.ต้องเร่งเรื่องการศึกษาให้มีคุณภาพคือสร้างคนให้เป็นมนุษย์หรือยอดมนุษย์

อยากให้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์

 

อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ไม่มีกษัตริย์หรือกลุ่มอำนาจอื่นอยู่เหนือกว่า

 

ยกเลิกกษัตริย์ไปเลยได้ยิ่งดี

 

นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดไม่มีการแต่งตั้ง

 

ประชาธิปไตย บวก ธรรมาธิปไตย ยกเลิกระบบกษัตริย์ (ยึดทรัพย์สินกษัตริย์มาเป็นของประเทศ วงศาคณาญาติแบ่งสมบัติให้ตามสมควรแก่อัตภาพ

คืนความเป็นธรรมให้แก่นักโทษการเมือง)

ยกเลิก ระบอบทาส

ตามความคิดของคนความรู้น้อยคะ

1/ผู้แทนต้องประชาชนเลือกมา

2/นักการเมืองต้องแจ้งทรัพสินก่อนรับตำแหน่งและตรวจสอบใด้

3/ห้ามหลอกเรี่องโครงการเอาที่พูด

แล้วทำ

4/ต้องออกภพประชาชนเปันระยะ

5ตั้งตัวแทนขึ้นทุกหมู่บ้านเวลามี...จะใด้รับฟ้งแล้วส่งต่อไป

มีการเลือกตั้งและมีประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นธรรมส่งเสริมความเสมอภาคและสิทธิของบุคคล ความเท่าเทียมกันในสังคม ปราศจากชั้นวรรณะ

ประชาชนควรมีความเท่าเทียมกันทางสังคมในทุกๆด้าน และเป็นประชาธิปไตย 1000 เปอร์เซ็น

ควรเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสมบูรณ์ ไม่ใช่ครึ่งใบอย่างทุกวันนี้

และ มีระบบการให้คุณให้โทษ ที่ไม่เป็นสองมาตรฐาน มีความยุติธรรม

สามารถ มีระบบการตรวจสอบ ที่เข้มแข็ง เป็นธรรม และมีการลงโทษที่ชัดเจน

ต้องให้ประชาชน เป็นผู้ที่มีสิทธิออกเสียง 100% ผ่านการเลือกตั้ง

เป็นประชาธิประตัยทีสมบูณ ควรแยกการบริหารประเทศเป็นสามสว่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั่งฝ่ายที่ตรวดสอบรัฐบาลก็มาจากเลือกตัง่ไม่รวมฝายค้านส่วนศาลก็ให้ประชาชนแต่ละจังหัวดเลือกตั่งเอาหัวหน้าศาลผู้พิภากษาไอญาการ และยากให้มีรัฐบาลกลางและรัฐบาลของแต่ละภาครัฐบาลกลางบริหารระว่างประเทศดูแลผลประโยชของประเทศไม่ให้เสียเปือบประเทศอืนดูแลความมั่นคงและเศฐกิจให้กับประเทศเป็นหลักส่วนรัฐบาลของแต่ละภาคก็ดูแลผลประโยชจัดสรรณทรัพยากรและความเป็นธรรมแก่ประชาชน

เป็นประชาธิประตัยทีสมบูณ ควรแยกการบริหารประเทศเป็นสามสว่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั่งฝ่ายที่ตรวดสอบรัฐบาลก็มาจากเลือกตัง่ไม่รวมฝายค้านส่วนศาลก็ให้ประชาชนแต่ละจังหัวดเลือกตั่งเอาหัวหน้าศาลผู้พิภากษาไอญาการ และยากให้มีรัฐบาลกลางและรัฐบาลของแต่ละภาครัฐบาลกลางบริหารระว่างประเทศดูแลผลประโยชของประเทศไม่ให้เสียเปือบประเทศอืนดูแลความมั่นคงและเศฐกิจให้กับประเทศเป็นหลักส่วนรัฐบาลของแต่ละภาคก็ดูแลผลประโยชจัดสรรณทรัพยากรและความเป็นธรรมแก่ประชาชน

การเมืองการปกครองต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยุติธรรม มีเหตุผล ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างสูงสุด มีจริยธรรม คุณธรรม มีสิทธิเท่าเทียมกัน.

อำนาจสูงสุดในการปกครองต้องมาจากประชาชน โดยการเลือกตั้งตัวแทนประชาชนมาเป็นผู้ใช้ ประชาชนสามาร๔ตรวจสอบถอดถอนได้ กำจัดอำนาจอื่นที่ไม่ได้มาจากประชาชนเลือกและไม่เป้นประชาธิปไตย จัดการเครือข่ายกษัตริย์ เช่น ทหารกษัตริย์,ข้าราชการ,ทุน ที่รับใช้กษัตริย์ ทุกอย่างต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ และอยู่ภายไต้อำนาจประชาชน

(กษัตริย์,องค์มนตรีต้องยกเลิกไปไม่ควรมีเพราะสร้างปัญหาไว้มากมาย)

ประเทศไทยที่คาดหวังอยากจะให้เป็น การเมืองต้องเปิดพื้นที่ให้ทุกกลุ่มทุกคนมีโอกาศเข้าถึงอำนาจและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศ และเป็นประเทศที่มีความเสรีเคารพและให้เกียติกัน สวัสดิการสังคมต้องดีและทั่วถึง การบังคับใช้กฏหมายต้องมีความเป็นธรรมต่อทุกคนทุกกลุ่ม ไม่เลือกปฏิบัติ การเข้าถึงโอกาสต้องเท่าเทียมไม่แบ่งแยกคนนั้นคนนี้ต้องอยู่ที่ความรู้ความสามารถ และที่สำคัญไม่ควรมีสถาบันพระหากษัติอีกต่อไป

อำนาจอธิปไตยอยูู่ที่ประชาชน/ การใช้อำนาจกระทำโดยผู้แทนของประชาชน ประชาชนเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ โดยหลักสากลมนุษยชาตฺิ

ถ้ามีกษัตให้เป็นอย่างญีปุ่ญไม่มายุ่งการเมืองให้รัฐบาลที่มาจากประชาชนบริหารประเทศเพื่อประชาชนจริงและทำให้เป็นรัฐสวัสดิการและศาลควรใช้วิที่เลือกตั่งให้อยู่สี่ปีจะใด้ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน

ล้มระบอบเหี้ยก็จบไม่ต้องทำอะไร

-

*บุคคลากรระดับสูงในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ต้องมาจากการเลือกตั้ง และไม่ต้องมีการโปรดเกล้าฯ

*เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้ว่า นายอำเภอ ฯลฯ ต้องมาจากการเลือตั้ง และไม่ต้องให้ใครมาโปรดเกล้าฯ

*ยกเลิก "ข้าราชการ" ให้เป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ"แทน

 

........การปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่.....การปกครองที่เป็นประชาธิปไตยการปกครองที่ยึดถืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนเท่านั้น

 

คำตอบ

ระบอบประชาธิปไตย ( Democracy ) ที่ไม่มีประมุข

ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนคนไทยเป็นเจ้าของประเทศ ประชาชนจะเป็นผู้เลือกตัวแทนของประชาชนขึ้นมาเป็นผู้นำมาบริหารประเทศ 4ปี มีการเลือกตั้งตัวแทนทุกๆ4ปี และแต่ละท้องถิ่นก็มีการเลือกตั้งเช่นเดียวกันในการเลือกตัวแทนขึ้นมาโดยผ่านการคัดสรรจากการเลือกตั้ง ยกเลิกการปกครองประเทศแบบเดิมๆให้หมด ให้ปกครองแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว.

ประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน

ต้องวิวัฒน์ประเทศใหม่ ด้วยการปกครองในระบอบประประช่ธิปไตย โดยปวงชนไทยอย่างแท้จริง ห้ามฝ่ายอำมาตย์ถือศักดินาเหนือประชาชน หรือกลุ่มอำนาจ กลุ่มผลประโยชน์ หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาบงการขบวนการประชาธิปไตยโดยไม่ยึดหลักผลประโยชน์ของปวงชนส่วนใหญ่ ส่งเสริมหลัก การมีส่วนร่วม สิทธิ เสรีภาค เสมอภาค ของปวงชน ผู้ปกครองต้องมาจากตัวแทนปวงชน โดยยึดหลักการบริหารที่มี คุณธรรม นิติธรรม อย่างแท้จริง มิให้มีผู้ใดมาบงการ ต้องปรับปรุงแก้ไข กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม องค์กรของรัฐที่ใช้อำนาจทั้งหลาย ให้ยึดผลประโยชน์ของชาติส่วนรวมเป็นสำคัญ

มีความเท่าเทียมกันทุกชนชั้น

มีความเท่าเทียมกันทุกชนชั้น

1.มีสภาผู้แทน และวุฒิสภาที่เลือกมาจากประชาชน

2.มีระบบกษัติแบบอังกฤษหรือญี่ปุน ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและไม่เล่นการเมือง ถ้าจะลงการเมืองต้องมาลงเลือกตั้ง

3.มีสภาตำบล หรือ สภาชุมชน ที่่ควบคุมการบริหารของ อบต. ชมาชิกสภาตำบลต้องมาจากการเลือกตั้ง ทีอายุคราวละ 4 ปี

4.การกระทำใดๆต้องโปร่งใสให้ประชาชนได้รับรู้

ยากให้เป็นประชาธิปไตรเรวๆและประชาชนจะใด้มีส่วนรวมในการแบงปันผลประโยชของประเทศยากให้เผด็จการศุนพันไปจากประเทศไทย

มีพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่พรรคของนายทุน หรือกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจ กลุ่มขุนศึก ขุนนาง ต่างๆ และไม่ถูกครอบงำจากมาเฟียพรรค มีจำนวนสมาชิกที่มากพอเป็นกำลังต่อรอง เพื่อผลประโยชน์สาธารณะของส่วนรวมของชาติ

ประชาชนมีส่วนร่วมทุกอาชีพ

มีความเป็นประชาธิปไตยของ (ปวงชนชาวไทย)

ผู้นำต้องมาจากประชาชน

ยกเลิกราชาธิปไตยทั้งหมด

ประชาธิปไตยเต็มใบ

กฎเกณฑ์กติกาเดียวกัน

แบบประชาธิปไตย โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยสูงสุด โดยเน้นสิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาพของประชาชนเท่าเทียมกันทุกคนอย่างแท้จริง ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการปกครองโดยอำนาจอธิปไตยของตนเอง และ หรือ เลือกผู้แทนเข้าไปใช้อำนาจอธิปไตยตน

ด้านการเมืองการปกครอง ทุกคนควรมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันในทุกด้าน มีโอกาสเข้าถึงอำนาจด้านการเมืองการปกครองเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเพศ การศึกษา หรือศาสนา ไม่ควรถูกแบ่งแยกใดๆ

เสรี ที่ต้องแข็งขันอย่างเป็น ธรรม

ประเทศไทยและประชาชนไทยเป็นประเทศที่มีลักษณะเฉพาะที่เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ซึ่งมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ดังนั้นในด้านการเมือง ประเทศไทยสมควรอย่างยิ่งที่จะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ และเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ครอบคลุม และเพียงพอ โดยไม่มีอำนาจนอกระบบอื่นมาควบคุม หรือกำหนดการบริหารแทนอำนาจประชาชน แต่ขณะเดียวกันก็ควรจะรักษาวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนานนั้นเอาไว้ด้วย สิ่งที่น่าจะเปรียบเทียบได้ที่ประเทศไทยควรเป็นก็เช่นประเทศ ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ เป็นต้น

ควรเป็นสังคมนิยม คนในผืนแผ่นดินประเทศควรมีสิทธิเท่าเที่ยมกัน ไม่ว่าจะต่างชาติต่างด้าวต่างศาสนาควรความเทียมกัน เพราะถือว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน และคนในประเทศก็ยังคงมีโอกาสได้ทำงานสูงๆได้มากเหมือนเดิมที่ผ่านมา(แต่ใครผู้ใดที่ถือได้ทำการเป็นใหญ่สร้างอิทธิพลกดขี่ข่มเหงคนทั่วไปถือว่าผิดกฏหมายเพราะขัดกับระบอบการปกครองตามแบบสังคมนิยม)

ทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายอย่างเท่าเทียม ไม่มี2มาตรฐานเด็ดขาด

ต้องเป็น ปชต.โดย ปชช.

ประชาธิปไตย ผู้มีอำนาจทุกระดับต้องยึดโยงกับประชาชน

ทุกอย่างต้องผ่านสภา เพื่อใช้กระบวนการตรวจสอบของสภามาช่วยแก้ไขปัญญาทุจริตของข้าราชการ ผ่านการให้รัฐสภาเป็นคนแต่ตั้งข้าราชการ โดยมีรัฐมนตรีหรือปลัดของกระทรวงนั้นเสนอชื่อขึ้นมาให้สภาตัดสิน และการเคลื่อนย้ายและงบประมาณทางการทหารของประเทศ

 

****มีรัฐธรรมนูญแค่ ไม่กี่มาตรา ส่วนที่เหลือใช้กฏหมายอื่นๆเข้ามา เพื่อความรวดเร็วในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์****

โดยประชาชน เพือประชาชน ให้ประชาชนกำหนดทิศทางด้วยตัวเอง

โดยประชาชน เพือประชาชน ให้ประชาชนกำหนดทิศทางด้วยตัวเอง

ประชาธิปไตย แบบอเมริกา

ปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุข เป็นลักษณะการปกครองแบบกระจายอำนาจ ผู้แทนในพื้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจในบางเรื่อง

ต้องเป็นประชาอธิปไตยจริ่งๆไม่ตอแหล่ไม่มีใครเป็นประมุขประชาชนทุกคนเป็นประมุขของตัวเเองแล้วก็ศาลรัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชนบริหารนิติบัญญัตและตุลาการให้มาจากความรู้ความสามารถเท่านั้น

ความเสมอภาคในสิทธิมนุษย์ชน ไม่ใช่เห็นแก่เงินและอำนาจ

นักการเมืองต้องมาจากการเลือกของปปช.

ไม่มีระบบศักดินา เจ้าขุนมูลนาย

กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเน้นพัฒนาสังคมและชุมชนร่วมถึงการคุมกำเนิดด้วย

ข้าราชการควรมีความเสมอภาค

แก้ไข3จังหวัดชายแดน

รัฐธรรมนูญควรจำกัดให้น้อยมาตราแต่ใช่จริงจัง ไม่ใช่มีวรรคโน้นวรรคนี้เพื่อสร้างช่องโหวและไม่ควรจะเปลี่ยนบ่อยครั้ง

 

 

ปล่อยใก้เลือกตั้ง และห้ามมีการปฏิวัติ สว.ควรมาจากการเลือกตั้ง

จริงๆ ทุกอย้างควรจะมาจากการ้ลือกตั้ง

ไม่ต้องถามเยอะ แค่โหวตว่าอยากให้ไทยเป็นเหมือนประเทศใด จบ.

ประชาชนมีส่วนร่วม

สาธารณรัฐประชาธิปไตย

ปกครองโดยประชาชน เพื่อประชาชน

เหมือนประเทศออสเตรีย

.ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีธรรมาธิปไตยเป็นรัฐธรรมนูญ.ผู้ปกครองทุกระดับชั้นมาจากการเลือกตั้ง

.ให้ชาวพุทธเป็นพลเมืองชั้นหนึ่ง

.ให้ต่างศาสนาอยู่ภายใต้กฎหมายไทยและถูกจำกัดการเพิ่มประชากร

.ใช้คำว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐแทนคำว่า ข้าราชการ

. สถาบันหลักของชาติคือ พุทธศาสน์และประชาชน

.ไม่มีโทษประหารชีวิตทุกกรณี อย่างมากสุดคือจำคุกตลอดชีวิต และอภัยโทษตามสมควร

เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์. อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย มีความยุติธรรม ศาลต้องมีคามสุจริต ซื่อตรง. เที่ยงธรรม. กฏหมายต้องศักดิ์สิทธิ์. ให้ออกกฏหมายเอาผิดพวกรัฐประหารย้อนหลังได้. ยึดทรัพย์ทั้งตระกูลให้หมด ให้ทหารต้องรับใช้ประมาชน. ยกเลิกระบอบอำมาตย์

ไมมีระบอบกษัตริ์

ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ไม่มีกษัตริย์

ควรจะเป็นแบบสวิตครับ

ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันค่ะ

เท่าเทียมกัน หมดชนชั้น อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย

ยึดกฏหมาย ผู้ใดละเมิดมิได้

ปล่อยใก้เลือกตั้ง และห้ามมีการปฏิวัติ สว.ควรมาจากการเลือกตั้ง

จริงๆ ทุกอย้างควรจะมาจากการ้ลือกตั้ง

ประชาธิไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ

ต้องมีการปกครองโดยใช้เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ประชาชนมีสิทธิเท่าเที่ยมกัน มีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม หนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียงประชาชนมีส่วนร่วม ตามหน้าที่ ในการเลือกผู้นำ ในทุกระดับ ทุกองค์กร

ต้องเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตยใหม่แบบประธานาธิปดี

ตัวแทนที่จะมาจัดสรรผลประโยชน์ต้องมาจากประชาชนเท่านั้น เน้นความเท่าเทียมกัน ตรวจสอบได้ รักษาผลประโยชน์ของประชาชน

อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง

สาธารณรัฐ

นักการเมืองต้องมีจิตสำนึกและเรียนรู้มาจาก การเมือง ใช่มาจากอำนาจเงิน

 

 

ประชาชนต้องเข้าใจบทบาทและหน้าตามระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง

 

(ใช่เงินไม่มากาไม่เป็น) ไม่ใช่ทุกๆคนนะหมายถึงพวกหัวคะแนนจะแน้นในด้านนี้

 

 

นักการเมืองควรมีอยู่แค่ สองวาระ ไม่เกิน 8ปี

 

ห้ามประท้วงหรือขับไล่จนกว่าจะหมดวาระ ถ้าบริหารไม่ดีประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอง

นักการเมืองต้องมีจิตสำนึกและเรียนรู้มาจาก การเมือง ใช่มาจากอำนาจเงิน

 

 

ประชาชนต้องเข้าใจบทบาทและหน้าตามระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง

 

(ใช่เงินไม่มากาไม่เป็น) ไม่ใช่ทุกๆคนนะหมายถึงพวกหัวคะแนนจะแน้นในด้านนี้

 

 

นักการเมืองควรมีอยู่แค่ สองวาระ ไม่เกิน 8ปี

 

ห้ามประท้วงหรือขับไล่จนกว่าจะหมดวาระ ถ้าบริหารไม่ดีประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอง

เป็นประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งมาทุกองค์ ครับ

และต้องเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดครับ

ศาลต้องอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ทหารต้องนายกรัฐในตรีเป็นคนแต่งตั้ง ไม่ต้องมีองคในตรีใก้เปลื่องเงินรัฐ

ยกเลิกระบบกษัตไทยใก้หมดครับ

เป็นประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้งมาทุกองค์ ครับ

และต้องเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดครับ

ศาลต้องอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ทหารต้องนายกรัฐในตรีเป็นคนแต่งตั้ง ไม่ต้องมีองคในตรีใก้เปลื่องเงินรัฐ

ยกเลิกระบบกษัตไทยใก้หมดครับ

อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ทุกองค์กรประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง

ประชาชนต้องรู้รายได้แระรายจ่ายของรัฐทุกบาททุกสตาง แระให้ประชาชนเปนคนอนุญาติในการเบิกจ่ายงบประมาณก้

ควรยกเลิกระบบกษัตริย์ให้หมดเนื่องจากเป็นภัยคุมคามต่อประชาธิปไตย. ควรจะปกครองระบอบสาธารณรัฐครับ. อำนาจสูงสุดคือประชาชน

 

สาธารณะรัฐ

ต้องการ ประชาชาธิปไตร

มากจากประชาชนคนไทย

เป็นผู้ร่างเหมือนยุคปี40

แต่ไม่ต้องมีระบอบภูมิพล

และอำมาตย์ ต่างๆ กฏหมาย

ต้องมี ประชาชนทุกศาลที่ได้รับการยอมรับจากชุมชนเป็นลูกขุนเหมือนUSA

ต้องการ ประชาชาธิปไตร

มากจากประชาชนคนไทย

เป็นผู้ร่างเหมือนยุคปี40

แต่ไม่ต้องมีระบอบภูมิพล

และอำมาตย์ ต่างๆ กฏหมาย

ต้องมี ประชาชนทุกศาลที่ได้รับการยอมรับจากชุมชนเป็นลูกขุนเหมือนUSA

#สาธารณรัฐไทย ประกอบด้วย 3 เสาหลักในการบริหารประเทศ

1. นิติบัญญัติ 2. บริหาร 3. ตุลาการ

การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุขฝ่ายบริหาร

 

#ฝ่ายบริหาร (นำโมเดลแบบฝรั่งเศส+เกาหลีใต้มาประยุกต์)

ประธานาธิบดี เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากผู้มีสิทธิออกเสียง โดยมีวาระ 5 ปี และไม่สามารถลงสมัครแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 ได้ เพื่อเป็นการป้องกันการขยายอำนาจ ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึก และมาตรการจำเป็นในยามฉุกเฉิน นอกจากนี้ประธานาธิบดีสามารถเสนอร่างกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจยุบสภา

 

- คณะรัฐมนตรี

ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยประธานาธิบดีในด้านบริหารประเทศ รวมทั้งมีอำนาจในการพิจารณานโยบายต่าง ของประเทศ และการเข้าร่วมประชุมรัฐสภา คณะรัฐมนตรีมีจำนวน 20 คน (ประมาณการ 20 คนคร่าวๆ)นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารยังประกอบด้วย

 

สภาที่ปรึกษา

- สภาความมั่นคงแห่งชาติ National Security Agency Council (NSAC)

- สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติ

- สภาที่ปรึกษาพัฒนาระบบการศึกษา

- คณะกรรมการวางแผนและงบประมาณ

- คณะกรรมการเกี่ยวกับแรงงาน สวัดดิการสังคม และสิทธิสตรี

- สภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

- คณะกรรมการเกี่ยวกับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก

- คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล

- สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ - พลเรือน

(หน่วยสืบราชการลับและข่าวกรอง)

** ยึดแนวทางรูปแบบอย่าง CIA (USA) or MI5-MI6 (UK)

 

โดยประธานของคณะกรรมการชุดต่าง ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ทั้งนี้ หน่วยงานเหล่านี้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำต่อคณะรัฐบาลด้วย

 

#หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง

ด้านความมั่นคงภายใน

- กระทรวงความมั่นคงภายใน (ขึ้นตรงกับประธานาธิบดี)

- สภาความมั่นคงแห่งชาติ ล้านนาเฮาส์ (ขึ้นตรงกับประธานาธิบดี)

- สำนักงานสืบราชการลับและข่าวกรอง (ขึ้นตรงกับประธานาธิบดี)

- สำนักงานตำรวจกลางแห่งชาติ (ขึ้นตรงกับกระทรวงด้านงานบริหาร)

- สำนักงานศุลกากรกลางแห่งชาติ (ขึ้นตรงกับกระทรวงด้านงานบริหาร)

- สำนักงานจัดสรรงบประมาณภาครัฐ (ขึ้นตรงกับกระทรวงด้านงานบริหาร)

 

ด้านการต่างประเทศ

- กระทรวงการต่างประเทศ

 

ด้านเศรษฐกิจ การค้า และภาษี

- กระทรวงการค้าและพาณิชย์

- กระทรวงการคลัง

- สำนักงานภาษีกลางแห่งชาติ

 

ด้านความอำนวยการความยุติธรรม

- กระทรวงยุติธรรม

สำนักงานทัณฑสถากลางแห่งชาติ

สำนักงานคุ้มครองสวัดดิภาพเด็กและเยาวชนกลาง

สถาบันวิจัยและฝึกอบรมตุลาการและเนติบัณฑิต *** สังกัดดูแลหลักสูตรและการรับรองโดย เนติบัณฑิตแห่งสาธารณรัฐไทย

 

 

ด้านความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐ

- กระทรวงกลาโหม

ศาลทหารกลาง

กองทัพบก

กองทัพอากาศ

กองทัพเรือ

สถาบันพัฒนาและวิจัยเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูง

โรงเรียนนายร้อยทหารบกแห่งสาธารณรัฐไทย

โรงเรียนนายเรืออากาศแห่งสาธารณรัฐไทย

โรงเรียนนายเรือแห่งสาธารณรัฐไทย

วิทยาลัยเสนาธิการทหารขั้นสูง

มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์และพยาบาลศาสตร์กองทัพแห่งสาธารณไทย

 

ด้านการศึกษา

- กระทรวงศึกษาธิการและการอุดมศึกษา

 

ด้านสวัดดิการสังคมแก่ประชาชน

- กระทรวงสวัดดิการสังคมและทรัพย์มนุษย์

- กระทรวงแรงงาน

 

ด้านอุตสาหกรรม

- กระทรวงอุตสาหกรรม

สถาบันวิจัยและพัฒนา ระบบอุตสาหกรรม

สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมกลางแห่งชาติ

สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานระบบความปลอดภัยอุตสาหกรรม

กลางแห่งชาติ

สำนักงานบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งชาติ

สำนักงานบริหารจัด วิจัยและพัฒนาระบบความปลอดภัยอุตสาหกรรม

 

ด้านบริหารจัดการคุณภาพชีวิตของประชาชน

- กระทรวงสาธารณสุข

สำนักงานสาธารณสุขกลางแห่งชาติ

สำนักงานส่งเสริมสาธารณสุขขั้นพื้นฐานกลางแห่งชาติ

สำนักงานบริหารจัดการดูแลกิจการโรงพยาบาลภาครัฐ

สำนักสืบสวนป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ

สำนักงานวิจัยและพัฒนาเวชศาสตร์แห่งชาติ

สถาบันฝึกอบรม วิจัยและพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินกลางแห่งชาติ

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับตรวจสอบดูแลมาตรฐาน ด้านกิจการและระบบสาธารณสุขแห่งชาติ

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับตรวจสอบดูแลมาตรฐาน ด้านกิจการการแพทย์ สถานพยาบาลและการรับรองใบประกอบโรคศิลป์

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับตรวจสอบดูแลมาตรฐาน ด้านกิจการเภสัชกรรมและการรับรอง

- สำนักงานเภสัชกรรมกลางแห่งชาติ

- สถาบันวิจัยและพัฒนาเภสัชกรรมและเวชกรรมกลางแห่งชาติ

 

ด้านบริหารจัดการทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

- กระทรวงทรัพย์กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

ด้านศิลปวัฒนธรรม การศาสนา สันทนาการ และ กีฬา

- กระทรวงศิลปวัฒนธรรมและการศาสนา

- กระทรวงการท่องเที่ยว

- กระทรวงกีฬา

 

 

หน่วยงานอิสระในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐไทย

Independent Agency of the Constitution of the Republic of Thai

 

- สำนักงานอัยการสูงสุด

- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปรามปราบการทุจริต

เสรีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ประชาธิปไตย เต็มใบครับ

ประชาชน ต้องมีความเสมอภาค และภราดรภาพ ยกเลิกระบบกษัตรย์ และห้ามยุ่งเกี่ยว กับการเมืองใดๆๆ ทั้งสิ้น และต้องอยู่ภายใต้ กฎหมายและใช่อย่างเท่าเทียมกัน

เอาตามที่ท่าน ดร.เพียงดิน พูดทุกประการ

เป็น ปชต. 100% โดยการเปลียนระบอบ

ประชาชนทุกคนเป้นใหญ่ มีสิทธิเท่าและทัดเทียมกัน

ประชาธิปไตยเช่นเดียวกับอารยประเทศ

ประชาธิปไตยเช่นเดียวกับอารยประเทศ

เป็นประชาธิปไตยเต็มร้อย ฝ่ายทหารห้ามมาก้าวก่าย รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาต้องเป็นที่รับรู้ผ่านการเห็นชอบของประชาชนทุกฝ่าย กลุ่มบุคคลที่ร่วมร่างต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ปกครองด้วยความโปร่งใส ทำเพื่อชาติและเพื่อประชาชน นำพาประชาชนระดับล่างให้พ้นจากความยากจนจะได้กำจัดเรื่องมิจฉาชีพ ยาเสพติด กฎหมายต้องแข็งลงโทษคนที่ผิดทุกระดับชั้น โดยฉะเพาะยาเสพติดต้องลงโทษให้ถึงที่สุด คดีห้ามเงียบหาย

สาธารณะรัฐ

มีประชาธิปไตย มีผู้นำเป็นคนของประชาชนและประชาชนคือผู้ปกครองประเทศ

ต้องเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไทย ที่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ เต็มที่ในการแสดงออก ไม่มีรัฐประหาร รัฐบาลมาจากเสียงของประชาชน

ความยุติธรรม ทุกคนมีสิทธฺิเท่าเทียมกันไม่แบ่งชนชั้น

เหมือนประเทศออสเตรีย

ประชาชนควรมีอำนาจตัดสินใจ จะเลือกการปกครองระบอบใหนดี เช่น แบบประเทศญีปุ่น อังกฤษ เยอรมัน อมริกา ไม่มีชนชั้น

UNITED STATES OF THAILAND

ตามระบอบประชาธิปไตย มีบุคคลที่ได้รับเลือกจากคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นผู้นำการบริหาร ถือว่าเป็นประมุขของประเทศ และเป็นผู้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีาช่วยงานบริหารประเทศ ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งคราวระ4ปี มีอำนาจนิติบ้ญญัติจากสภาผู้แทนราษฤรและอำนาจตุลาการจากศาล(เลือกตั้งกันเองในวงการตุลาการ) มีฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล บุคคลที่ได้รับเงินเดือนจากรัฐควรเรียกว่า "ข้ารัฐการ" ต้องดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกคน

1.ประชาชนเป็นเจ้าของนาจ

2.มีเสรีภาพขั้นพื้นฐานบริบูรณ

 

3.มีภราดรภาพเท่าเทียม

4.ทุกคนเคารพ หรือ เสมอภาคทางกฏหมาย

5.รัฐบาลมาจากการคัดเลือกของประชาชน

ใช้ระบบสาธารณะรัฐ ยกเลิกกษัตริย์

Thais First!

Human right!

Freedom of speech!

1) get rid of dictator monarchy or mafia and share all of their assets with the poor.

2) become Republic of Siam and vote for president (Taksin would be the best)

3) get rid of the evil Bhumipol's gang put them live in jail

4) NoTax for farmers and government find market and support export direct from the community without middle man

5) change all health, education, constitution, legislative

6) welfare for all people

7) build up railway network for the whole country so people and tourists can travel all day and return home safely.

8) look after and support para/disable people education and work free in any organisations

9) support young/student

10) help community and farmers

11) Green environment including Solar system

12) support OTOP

13) expand railway network for the whole country

14) get rid illegal migrants especially ISlam

15) strict the border increase police force therefore increase jobs "open for everyone to be police officer or defense force

16) University must be OPENED to everyone of choice and get rid of ENTRANCE

17) student in remote area can study at home or their own pace with teachers guidance via phone, satellite.

13) Clean up dirty all canals in Bangkok and other regions

14) Parks, playground, Leisure Centre and gym every suburb

15) Clean up drug/corruption

16) Prostitute must have license

17) GET RID OF DEATH PENALTY

18) Buddhism as National Religion

19) Stop destroy Sangkha and let it become independent with government support all monks such as free education and subsidy

20) Animal Right and animal welfare and good shelter (dog, cat, wildlife animals and lifestocks with good care and management)

21) Stop using police for control traffic

22) Police cars should have satellite

23) Police office in every suburb.

24) Build up modern Public Hospital with high quality service and the same standard as private hospital

25) support people go to medical centres

26) clean up fake chemist shop, every medicine must be prescribed by doctor except the common medicine

27) Travel place must have security equipment to serve tourists

28) Support all staff of every organisation do fitness every office must have the gym.

29) build up the bicycle tracks and encourage people bike for work

30) No tax for religious organisation/temple/mosque/church

31) Library every suburb

32) Get rid of Smoke from vehicles with filter

33) Fair Trade for petrol-must be cheap price NOT dollar US price

34) register all Thailand own plant, fruits, rice, herbal medicine and so on

35) Open Uni course for complementary medicine such as acupuncture and Chinese herbal medicine, Thai massage and herbal medicine and so on

36) Get rid of racist or discrimination against human right from job recruitment

อยากได้ประชาธิปไตยเต็มใบครับ

หนึ่งคนหนึ่งเสียง เท่าเทียมกันครับ

เหมือน Usa Uk Japan

สาธารรัฐ โดยประชาชน เท่านั้น ยึดทรัพย์ที่มันโกงเราไป ระบอบประธานาธิบดี

ตั้งศาลประชาชนตัดสินคดีใหม่ทั้งหมด จับพวกกังฉินทั้งหมดเข้าคุก ปล่อย

ประชาชนทั้งหมดและชดเชยค่าเสียหายและเสียโอกาศ.

ปกครอง ด้วยประชาธิปไตยแบบสากลที่ประเทศต่างๆทั่วโลกส่วนใหญ่เขาทำ

 

ประชาชนมีอำนาจ มีสิทธิเสรีภาพตามตัวบทกฏหมายจริงๆ

ประชาธิปไตรสมบูรณ์

1.มีกติกา ทำตามกติตา

2.ใช้หลัก ธรรมาภิบาล (นิติธรรม คุณธรรม โปร่งใส่ มีส่วนร่วม สำนึกรับผิดชอบ คุ้มค่า)

3.ทุกคนอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

4.มีความเสมอภาค วิพากษ์วิจารณ์ได้

.ยึดถือตามระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้นำมาจากเสียงของประชาชน

6.ทุกอย่างเล่นตามกติตา

ปกครองโดยอำนาจประชาชนเป็นใหญ่

ประชาต้องเป็นใหญ่ มีอำนาจในการตัดสินใจให้รัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาฃนส่วนใหญ่ ทำให้การปกครองเป็นประชาธิปไตย์เต็มใบ เข้าสู้ยุกโลกเสรีนิยมใหม่

นักการเมืองควรมาจากเสียงโวตรของประชาชน

สาธารณรัฐ

อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง

ต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยสากลที่ประชาชนมีอำนาจที่แท้จริง อำนาจ3อำนาจคือตุลาการ นิติบัญญัติและบริหารต้องยึดโยงประชาชนและแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน

ผู้ปกครองสูงสุดควรเป็นบุคคลที่ผ่านการโหวตโดยประชาชนเท่านั้น เมื่อผู้ปกครองสูงสุดบริหารบ้านเมืองล้มเหลวก็ให้ประชาชนโหวตอีกครั้งเพื่อให้ออกหรืออยู่ต่อไม่ไช่ฝ่ายค้านเป็นผู้โหวต

อยากมีเสรีภาพแบบประชาธิปไตยที่ดีและสมบูรณ์ครับ

ระบบตัดสินใจแบบเคลือข่าย ให้ประชาชนเสนอและตัดสินใจ เอง ( ความหมายคือ ปัจจุบันระบบ wifi และอินเตอร์เน็ทก้าวหน้ามาก สามารถผ่านโทรศัพท์ได้ง่าย เราสามารถสร้างระบบเคลือข่ายลงความเห็นทางนโยบาย ผ่านทางนี้ได้ ประชาชนลงความเห็นในการปกครอง รัฐบาลทำตามนโยบายประชาชน กำหนดระยะประเมินผล หน่วยงานไหนทำไม่ได้ หรือล่าช้า ก็เชิญออกไป มีคนทำได้อีกเยอะที่ต้องการจะทำงาน ตัดตัวถ่วงความเจริญของชาติออกไปบ้างก็ดี

ประชาธิปไตย ระบบสาธารณรัฐที่มาจากการเลือกฝ่ายบริหารโดยประชาชน ยกเลิกกฎหมายที่ล้าหลังเผด็จการ

ควรจะเป็นเมืองที่ช่วยกันรักษาไว้ ซึ่งการปกครองที่มีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันทุกคน

ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของ สิงคโปร์

โดยประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่บริหารประเทศผ่านกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานในสังกัดราชการอื่นๆ

1.อำนาจสูงสุด เป็นของปวงชนชาวไทย

2. ปกครองด้วย นิติรัฐ นิติธรรม โดย

ปวงชนชาวไทย เป็นผู้กำหนด

3.ต้องมีเสรีภาพ ในหมู่ประชาชน

4.มีความเสมอภาค ในสังคม

5.ปวงชนชาวไทย เป็นผู้เลือก ผู้น

เพื่อบริหารประเทศ โดยมีวาระอย่างน้อย 4 ปี

1.ยกเลิกระบอบกษัตริย์ ใช้ระบบประธานาธิบดี

2.ใช้เพลงชาติ ฉบับเก่า (แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง) เพราะแบบเดิม มีความไพเราะกว่า

3.เปลี่ยนชื่อประเทศจากไทย เป็นสยามประเทศ เพราะชื่อนี้

3.1.มีความไพเราะสละสลวย

3.2.ดวงบอกว่าชื่อนี้ ดีกว่าชื่อไทย เพราะดวงชาติเรา ชื่อประเทศควรขึ้น ถึงจะดี

4.ใช้ระบบการปกครอง สหพันธรัฐ เพราะ เพื่อแก้ปัญหา 3 ชายแดน ภาคใต้ และปัญหาอื่นๆ โดยให้ประเทศไทยมี 14 รัฐ คือ

4.1.ล้านนา เมืองหลวง เชียงใหม่

4.2.โยนกเชียงแสน เมืองหลวง เชียงราย

4.3.พะเยา เมืองหลวง พะเยา

4.4.สุโขทัย เมืองหลวง สุโขทัย

4.5.สุพรรณภูมิ เมืองหลวง สุพรรณบุรี

4.6.อยุธยา เมืองหลวง อยุธยา

4.7.ทวารวดี เมืองหลวง นครปฐม

4.8.โคตบูร เมืองหลวง โคราช

4.9.หริกุญชัย เมืองหลวง ลำพูน

4.10.ตามพรลิงค์ เมืองหลวง นครศรีธรรมราช

4.11.ศรีวิชัย เมืองหลวง ไชยา (สุราษฎร์ธานี)

4.12.ปัตตานี เมืองหลวง ปัตตานี

4.13.กรุงธน เมืองหลวง ธนบุรี (ดินแดนปริมณฑลฝั่งตะวันออกรวมภาคตะวันออก)

4.14.พระนคร เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร (ดินแดนฝั่งปริมณฑลตะวันตก ไม่รวมนครปฐม)

1.ยกเลิกระบอบกษัตริย์ ใช้ระบบประธานาธิบดี

2.ใช้เพลงชาติ ฉบับเก่า (แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง) เพราะแบบเดิม มีความไพเราะกว่า

3.เปลี่ยนชื่อประเทศจากไทย เป็นสยามประเทศ เพราะชื่อนี้

3.1.มีความไพเราะสละสลวย

3.2.ดวงบอกว่าชื่อนี้ ดีกว่าชื่อไทย เพราะดวงชาติเรา ชื่อประเทศควรขึ้น ถึงจะดี

4.ใช้ระบบการปกครอง สหพันธรัฐ เพราะ เพื่อแก้ปัญหา 3 ชายแดน ภาคใต้ และปัญหาอื่นๆ โดยให้ประเทศไทยมี 14 รัฐ คือ

4.1.ล้านนา เมืองหลวง เชียงใหม่

4.2.โยนกเชียงแสน เมืองหลวง เชียงราย

4.3.พะเยา เมืองหลวง พะเยา

4.4.สุโขทัย เมืองหลวง สุโขทัย

4.5.สุพรรณภูมิ เมืองหลวง สุพรรณบุรี

4.6.อยุธยา เมืองหลวง อยุธยา

4.7.ทวารวดี เมืองหลวง นครปฐม

4.8.โคตบูร เมืองหลวง โคราช

4.9.หริกุญชัย เมืองหลวง ลำพูน

4.10.ตามพรลิงค์ เมืองหลวง นครศรีธรรมราช

4.11.ศรีวิชัย เมืองหลวง ไชยา (สุราษฎร์ธานี)

4.12.ปัตตานี เมืองหลวง ปัตตานี

4.13.กรุงธน เมืองหลวง ธนบุรี (ดินแดนปริมณฑลฝั่งตะวันออกรวมภาคตะวันออก)

4.14.พระนคร เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร (ดินแดนฝั่งปริมณฑลตะวันตก ไม่รวมนครปฐม)

อำนาจอธิปไตยอยู่ที่ประชาชน/ การใช้อำนาจ กระทำโดยผู้แทนของประชาชน ประชาชนเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ โดยหลักสากลมนุษยชาติ

ประชาชนทุกคนมีสิทธิมีเสียง มีคุณค่าความเป็นคนเท่าเทียมกัน ไม่มีคนที่วิเศษกว่าใคร

ควรมีประชาธิปไตยที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและเลือกนายกเอง

1.สาธารณรัฐสยาม

2.ชื่อประเทศสยามประเทศ เรียกแบบไทย และไทเลนด์แบบอังกฤษ

3.มีสภาประชาชน และศาลประชาชน

4.ใช้ธงชาติปี 2325 เพลงชาติแบบเดิม ปี 2477

5.ดร.เพียงดิน เป็นประธานาธิบดี

ชูพงศ์ รองประธานาธิบดี

ท่านจารุพงษ์ เป็นนายกครับ นี่คือสิ่งที่ต้องการ

1ปราศจากการแทรกแทรงของสถาบัน2รัฐบาลจะต้องมีเสถียรภาพที่แข็งแรงโดยตั้งอยู่บนความถูกต้องประชาชนอยู่ดีมีสุขเสมอภาค

ควรเป็น Liberal Democracy

วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ประชามติด้วยเหตุผล ไม่ใช่ความกลัว

วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ประชามติด้วยเหตุผล ไม่ใช่ความกลัว https://youtu.be/5gSZWerB-f0




  

ปฏิรูปหรือปฏิกูล

ปฏิรูปหรือปฏิกูล
-

คสช.ปฏิรูปการเมืองด้วยการให้สว.ที่มาจากการลากตั้งทั้งสภา ควบคุมสส.และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
-

คสช.ปฏิรูปการศึกษาด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีการศึกษาต่ำลงจากระดับมัธยมปลายเหลือแค่มัธยมต้น
-

คสช.ปฏิรูปการเงินด้วยการให้แบงค์ชาติเอาเงินสำรองของประเทศ 4% ไปซื้อหุ้นในต่างประเทศในขณะที่หุ้นต่างประเทศขึ้นมาสูงมากโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบต่อเงินสำรองของประเทศ
-

คสช.ปฏิรูปประกันสังคมด้วยการเก็บเงินประกันสังคมเพิ่มขึ้นและหางานให้กับคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
-

คสช.ปฏิรูประบอบประชาธิปไตยด้วยการห้ามวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติ
-

หลังจากเจอคำถามเรื่องขันแดง ไอ้เหล่ก็ออกอาการลงแดงด้วยการฟาดหัวฟาดหางใส่นักข่าวว่าขันใบหนึ่งไม่กี่สตางค์ อยากได้ของฟรีหรือไง ถ้าทักษิณแน่จริงก็แจกตุ่มใส่น้ำซิ แถมยังบอกนักข่าวด้วยว่ามีหิริโอปตัปปะหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีกับเขา ที่หน้าไม่อายสุด ๆ คือบอกว่านักข่าวถือศีลครบทุกข้อหรือเปล่าหรือว่าถือศีลบางข้อ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ผิดศีลเกือบทุกข้อ
-

คงเพราะเก็บกดจากการไปเจอนักข่าวต่างประเทศก็เลยมาลงกับนักข่าวไทยที่เป็นเหมือนโถส้วมให้ไอ้เหล่สำราก ถามหน่อยที่บอกว่าเมืองไทยไม่ใช่เมืองขึ้นทำไมต้องไปแคร์ต่างประเทศนะ ทำไมมึงไม่กล้าพูดกับนักข่าวต่างประเทศแบบนั้นบ้าง ..................ถุยส์ ไอ้กระจอก


-
Cr ปลดแอกประเทศไทย



ปฏิรูปหรือปฏิกูล

ปฏิรูปหรือปฏิกูล
-

คสช.ปฏิรูปการเมืองด้วยการให้สว.ที่มาจากการลากตั้งทั้งสภา ควบคุมสส.และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
-

คสช.ปฏิรูปการศึกษาด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีการศึกษาต่ำลงจากระดับมัธยมปลายเหลือแค่มัธยมต้น
-

คสช.ปฏิรูปการเงินด้วยการให้แบงค์ชาติเอาเงินสำรองของประเทศ 4% ไปซื้อหุ้นในต่างประเทศในขณะที่หุ้นต่างประเทศขึ้นมาสูงมากโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและผลกระทบต่อเงินสำรองของประเทศ
-

คสช.ปฏิรูปประกันสังคมด้วยการเก็บเงินประกันสังคมเพิ่มขึ้นและหางานให้กับคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
-

คสช.ปฏิรูประบอบประชาธิปไตยด้วยการห้ามวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญก่อนการลงประชามติ
-

หลังจากเจอคำถามเรื่องขันแดง ไอ้เหล่ก็ออกอาการลงแดงด้วยการฟาดหัวฟาดหางใส่นักข่าวว่าขันใบหนึ่งไม่กี่สตางค์ อยากได้ของฟรีหรือไง ถ้าทักษิณแน่จริงก็แจกตุ่มใส่น้ำซิ แถมยังบอกนักข่าวด้วยว่ามีหิริโอปตัปปะหรือเปล่า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีกับเขา ที่หน้าไม่อายสุด ๆ คือบอกว่านักข่าวถือศีลครบทุกข้อหรือเปล่าหรือว่าถือศีลบางข้อ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ผิดศีลเกือบทุกข้อ
-

คงเพราะเก็บกดจากการไปเจอนักข่าวต่างประเทศก็เลยมาลงกับนักข่าวไทยที่เป็นเหมือนโถส้วมให้ไอ้เหล่สำราก ถามหน่อยที่บอกว่าเมืองไทยไม่ใช่เมืองขึ้นทำไมต้องไปแคร์ต่างประเทศนะ ทำไมมึงไม่กล้าพูดกับนักข่าวต่างประเทศแบบนั้นบ้าง ..................ถุยส์ ไอ้กระจอก


-
Cr ปลดแอกประเทศไทย



ทรราช คสช.โดยประยุทธ์ งัด ม. 44 ปราบ "ขันแดง"

ทรราช คสช.โดยประยุทธ์ งัด ม. 44 ปราบ "ขันแดง"

-
จากเหตุการณ์ทหารทรราช คสช.ได้บุกเข้ายึดสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงได้เป็นจำนวนมาก กว่า 8862 ชิ้น 

สิ่งของดังกล่าวคาดว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของ ทรราช คสช. เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปใช้ในวันสงกรานต์ ซึ่งคาดว่า วัตถุ ดังกล่าวจะสร้างความทำลายล้างให้กับ ทรราช คสช. อย่างใหญ่หลวง
-
ไม่ว่าจะเป็น ลายเซ็น ของอดีต นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อทักษิญ  ชินวัตร หรือ ข้อความรหัสที่เขียนไว้บน วัตถุ นั้นๆ 
-
นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ เหล่าทรราช คสช. ที่ได้จับวัตถุดังกล่าวได้ในครั้งนี้ หลังจากยึดอำนาจมาเกือบ 2 ปี
-
เผลอๆ หากทรราช คสช. ไม่สามารถจับและยึดได้ก่อน อาจสร้างความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงให้กับ ทรราช คสช. จนไม่สามารถ ประเมินค่าได้ 
-

รหัส ที่เขียนไว้ สามารถ ถอดใจตวามได้อย่างชัดแจ้งว่า

-
สุขสันต์วันสงกรานต์ปี 2559  รักและห่วงใย ลงชื่อพร้อมลายเซ็น  ดร. ทักษิญ  ชินวัตร 
-

โดยสมองหมาปัญญาความของเหล่า สถุน สมุนทรราช คสช .จึงสรูปได้ว่า 
-

"นั้นคือข้ออความที่ส่งความส่งสุขให้กับประชาชน เป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างชัดแจ้ง "

-
ข่าวการจับวัตถุที่สามารถสร้างความสั่นสะเทือนวงการจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกว่าอดีตนายกไทย แจกวัตถุ (ขันน้ำ) เพื่อทำลายความมั่นคงของทรราช คสช. เนื่องในวันสงกรานต์ของไทย

-
สำนักข่าวหลายสำนักทั้ง รอยเตอร์ รวมถึง CIA KGB MR5 FBI และ RKK ของ 3 จังหวัด ชายแดนใต้ ต่างให้ความสนใจและตั้งหัวข้อการประชุมเรื่องนี้ อย่างเร่งด่วนเพราะไม่ต้องไปเที่ยวหาซื้ออาวุธให้เสียเงินเสียทอง แค่ ขันน้ำ ก็ทำลายความมั่นคงของ รัฐบาลทรราช คสช. ลงได้แล้ว

-
แน่นอนครับว่า ขณะที่ ทรราช คสช. โดยประยุทธ์ จันทรโอชา ได้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม -1 เมษายน 2559 และได้ร่วมกับผู้นำผู้แทนจาก 52 ประเทศ และ 4 องค์การระหว่างประเทศ นั้น
-
ทรราช ประยุทธ์ มีเจตนารมณ์ชั่ว อยู่ในใจ

-
 แม้จะได้ร่วมกับประชาคมโลก เพื่อวางรากฐานโครงสร้างด้านความมั่นคง ทางนิวเคลียร์ แต่ในใจ ของทรราช ประยุทธ์ คิดถึงแต่ นิวขัน  เท่านั้น 
-
และในที่ประชุม  ทรราช ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า "นิวขัน"  เฮ้ย...ไม่ใช่ นิวเคลียร์ ไม่ควรตกในมือของผู้ไม่หวังดี จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

-
โดยการประชุมในครั้งนี้ มีผู้นำจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมถึง 52 ประเทศ  และ 4 องค์การสำคัญระหว่างประเทศ  อาทิ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  นาย ฟรองซัวส์ อองลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส  นาย นเรนท รา โมดี นายกรัฐมนตรี อินเดียและ นายชินโซะ   อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น  และ 4 องค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ  ทบวงการพลังงานขันปรมาณูระหว่างประเทศ องค์การตำรวจสากล และสหภาพยุโรป ต่างเป็นงงอย่างโคตร ๆ  กับทรราช ประยุทธ์ ที่สมบท ปากหมาหน้าด้าน ได้สมบทบาท ทหารหมาหน้าเหี้ย อย่างแท้จริง

-
การประชุมครั้งนี้จะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ คือ แถลงการณ์ของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงนิวขัน   เฮ้ย..  นิวเคลียร์   ประจำปี ค.ศ. 2016 ด้วย  (2016 Nu khun Security Summit Communique)  และแผนปฏิบัติการแนบท้าย (Action Plans) ซึ่งทรราช ประยุทธ์ วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว จะต้องนำแผนดังกล่าวมาดัดแปลงใช้ ในประเทศโดยทันที่ที่ถึงเมืองไทย 

-
และแล้วก็ถึงเวลาประกาศ สงครามกับ "ขัน" อย่างถาวร  ด้วยอำนาจ ม. 44 ที่ยึดจากรัฐบาลของประชาชน ที่มีนายกปู เป็นขวัญใจของประชาชน

-
4 เม.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2559 เรื่อง มอบอํานาจการอนุมัตและลงนามคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ป้องกันและปราบปราม ตามคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 โดย ทรราช ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ลงนาม สั่งเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา 

-
โดยระบุว่า ตามที่มีคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตราย ต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นั้น เพื่อให้การแต่งตั้ง เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม ในการปฏิบัติการ ตามคําสั่งดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงมอบอํานาจให้บุคคล ต่อไปนี้ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้า ทรราช คสช. ดังนี้

-
1. เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ในอัตรากําลังของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ทหารที่นอกเหนือจากอัตรากําลังของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
2. ผู้บัญชาการกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่งแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ในอัตรากําลังของกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย ปฏิบัติหน้าที่และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
3. ผู้บัญชาการกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 – 4  มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่ง แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในอัตรากำลังของกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 – 4  ปฏิบัติหน้าที่ และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
กองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย มีภารกิจป้องกันและปราบปราม "ขัน"
เพื่อแสดงความมุ่งมั่นทางการปราบปราม "ขัน" พร้อมทั้งแนวทางความร่วมมือในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความคุกคามให้ ทรราช คสช.อยู่คู่ประเทศ  และเพื่อลดภัยคุกคามจาก " ขัน " สืบต่อไป

-
จบข่าว....................ถุยยยยยยยยยยย

-

เสรีชน



ทรราช คสช.โดยประยุทธ์ งัด ม. 44 ปราบ "ขันแดง"

ทรราช คสช.โดยประยุทธ์ งัด ม. 44 ปราบ "ขันแดง"

-
จากเหตุการณ์ทหารทรราช คสช.ได้บุกเข้ายึดสิ่งที่เป็นภัยต่อความมั่นคงได้เป็นจำนวนมาก กว่า 8862 ชิ้น 

สิ่งของดังกล่าวคาดว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของ ทรราช คสช. เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะนำไปใช้ในวันสงกรานต์ ซึ่งคาดว่า วัตถุ ดังกล่าวจะสร้างความทำลายล้างให้กับ ทรราช คสช. อย่างใหญ่หลวง
-
ไม่ว่าจะเป็น ลายเซ็น ของอดีต นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อทักษิญ  ชินวัตร หรือ ข้อความรหัสที่เขียนไว้บน วัตถุ นั้นๆ 
-
นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ เหล่าทรราช คสช. ที่ได้จับวัตถุดังกล่าวได้ในครั้งนี้ หลังจากยึดอำนาจมาเกือบ 2 ปี
-
เผลอๆ หากทรราช คสช. ไม่สามารถจับและยึดได้ก่อน อาจสร้างความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงให้กับ ทรราช คสช. จนไม่สามารถ ประเมินค่าได้ 
-

รหัส ที่เขียนไว้ สามารถ ถอดใจตวามได้อย่างชัดแจ้งว่า

-
สุขสันต์วันสงกรานต์ปี 2559  รักและห่วงใย ลงชื่อพร้อมลายเซ็น  ดร. ทักษิญ  ชินวัตร 
-

โดยสมองหมาปัญญาความของเหล่า สถุน สมุนทรราช คสช .จึงสรูปได้ว่า 
-

"นั้นคือข้ออความที่ส่งความส่งสุขให้กับประชาชน เป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างชัดแจ้ง "

-
ข่าวการจับวัตถุที่สามารถสร้างความสั่นสะเทือนวงการจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกว่าอดีตนายกไทย แจกวัตถุ (ขันน้ำ) เพื่อทำลายความมั่นคงของทรราช คสช. เนื่องในวันสงกรานต์ของไทย

-
สำนักข่าวหลายสำนักทั้ง รอยเตอร์ รวมถึง CIA KGB MR5 FBI และ RKK ของ 3 จังหวัด ชายแดนใต้ ต่างให้ความสนใจและตั้งหัวข้อการประชุมเรื่องนี้ อย่างเร่งด่วนเพราะไม่ต้องไปเที่ยวหาซื้ออาวุธให้เสียเงินเสียทอง แค่ ขันน้ำ ก็ทำลายความมั่นคงของ รัฐบาลทรราช คสช. ลงได้แล้ว

-
แน่นอนครับว่า ขณะที่ ทรราช คสช. โดยประยุทธ์ จันทรโอชา ได้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม -1 เมษายน 2559 และได้ร่วมกับผู้นำผู้แทนจาก 52 ประเทศ และ 4 องค์การระหว่างประเทศ นั้น
-
ทรราช ประยุทธ์ มีเจตนารมณ์ชั่ว อยู่ในใจ

-
 แม้จะได้ร่วมกับประชาคมโลก เพื่อวางรากฐานโครงสร้างด้านความมั่นคง ทางนิวเคลียร์ แต่ในใจ ของทรราช ประยุทธ์ คิดถึงแต่ นิวขัน  เท่านั้น 
-
และในที่ประชุม  ทรราช ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า "นิวขัน"  เฮ้ย...ไม่ใช่ นิวเคลียร์ ไม่ควรตกในมือของผู้ไม่หวังดี จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

-
โดยการประชุมในครั้งนี้ มีผู้นำจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมถึง 52 ประเทศ  และ 4 องค์การสำคัญระหว่างประเทศ  อาทิ นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา  นาย ฟรองซัวส์ อองลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส  นาย นเรนท รา โมดี นายกรัฐมนตรี อินเดียและ นายชินโซะ   อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น  และ 4 องค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ  ทบวงการพลังงานขันปรมาณูระหว่างประเทศ องค์การตำรวจสากล และสหภาพยุโรป ต่างเป็นงงอย่างโคตร ๆ  กับทรราช ประยุทธ์ ที่สมบท ปากหมาหน้าด้าน ได้สมบทบาท ทหารหมาหน้าเหี้ย อย่างแท้จริง

-
การประชุมครั้งนี้จะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ คือ แถลงการณ์ของการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงนิวขัน   เฮ้ย..  นิวเคลียร์   ประจำปี ค.ศ. 2016 ด้วย  (2016 Nu khun Security Summit Communique)  และแผนปฏิบัติการแนบท้าย (Action Plans) ซึ่งทรราช ประยุทธ์ วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว จะต้องนำแผนดังกล่าวมาดัดแปลงใช้ ในประเทศโดยทันที่ที่ถึงเมืองไทย 

-
และแล้วก็ถึงเวลาประกาศ สงครามกับ "ขัน" อย่างถาวร  ด้วยอำนาจ ม. 44 ที่ยึดจากรัฐบาลของประชาชน ที่มีนายกปู เป็นขวัญใจของประชาชน

-
4 เม.ย. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2559 เรื่อง มอบอํานาจการอนุมัตและลงนามคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ป้องกันและปราบปราม ตามคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 โดย ทรราช ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ลงนาม สั่งเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา 

-
โดยระบุว่า ตามที่มีคําสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทําความผิดบางประการที่เป็นภยันตราย ต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทําลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นั้น เพื่อให้การแต่งตั้ง เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม ในการปฏิบัติการ ตามคําสั่งดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงมอบอํานาจให้บุคคล ต่อไปนี้ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้า ทรราช คสช. ดังนี้

-
1. เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ในอัตรากําลังของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ทหารที่นอกเหนือจากอัตรากําลังของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
2. ผู้บัญชาการกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่งแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ในอัตรากําลังของกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย ปฏิบัติหน้าที่และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
3. ผู้บัญชาการกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 – 4  มีอํานาจอนุมัติและลงนามคําสั่ง แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในอัตรากำลังของกองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 – 4  ปฏิบัติหน้าที่ และพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม และผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม

-
กองกําลังรักษาความสงบเรียบร้อย มีภารกิจป้องกันและปราบปราม "ขัน"
เพื่อแสดงความมุ่งมั่นทางการปราบปราม "ขัน" พร้อมทั้งแนวทางความร่วมมือในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความคุกคามให้ ทรราช คสช.อยู่คู่ประเทศ  และเพื่อลดภัยคุกคามจาก " ขัน " สืบต่อไป

-
จบข่าว....................ถุยยยยยยยยยยย

-

เสรีชน



Saturday, April 2, 2016

จะเป็นไทต้องไม่มีในหลวง

จะเป็นไทต้องไม่มีในหลวง 
ไฟเย็นพบลุงสนามหลวง  เรื่องหลักการหรือต้นตอของปัญหา มิใช่การไปลงประชามติหรือไม่อย่างไร แต่เป็นเรื่องของระบอบการปกครองเผด็จการที่มีกษัตริย์เป็นแกนกลาง

ทรราช คสช. อ่อนไหวถึงขนาด “เพ้อฝัน” และมองข้ามสภาพความเป็นจริง

กรณี ศึกษาจีน รถไฟ ความเร็วสูง น้ำ จากแม่โขง

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยรถไฟ "ความเร็วสูง"

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยภาวะแล้งและผลสะเทือนส่วนหนึ่งจาก "เขื่อน" ในแม่น้ำโขงตอนบน

ทุกสายตามองไปยัง "จีน"

เพราะว่าแนวคิดในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มีจุดเริ่มจากการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากลาว เส้นทางรถไฟจากคุนหมิง

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

เพราะว่าปัญหาว่าด้วยภาวะภัยแล้ง ส่วนหนึ่งมีผลสะเทือนจากเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบน และบังเอิญที่มีการเปิดเขื่อนในห้วงแห่งการประชุม 5 ชาติแม่น้ำโขงที่เกาะไหหลำ

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของปัญหา "ภัยแล้ง" เป็นเรื่องอันเกิดขึ้นภายในไม่ว่าจะเป็นที่ลาว ที่ไทย ที่กัมพูชา หรือที่เวียดนาม

โดยมี "จีน" เป็นเพียง "องค์ประกอบ" 1

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของโครงการรถไฟ "ความเร็วสูง" เป็นความริเริ่มโดยตรงของไทยหรือแม้กระทั่งของลาว โดยมีจีนเป็นเพียงองค์ประกอบ 1 ในองค์ประกอบใหญ่

ความอ่อนไหวทั้งหมดจึงมาจาก "ปัจจัยภายใน"

เป็นความจริงที่แรงผลักดันอย่างสำคัญในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มาจากยุทธศาสตร์ใหญ่ของจีนในการเปิด "เส้นทางสายไหม" ยุคใหม่

เป็นพัฒนาการและความต่อเนื่องจาก "ยุคเจิ้งเหอ" ในราชวงศ์ "หมิง"

กระนั้น ภาวะแปรปรวน พลิกผัน ต้องยอมรับว่าเกิดจากปัญหาและความขัดแย้ง "ภายใน" ของสังคมประเทศไทยเราเองอย่างเป็นด้านหลัก

จากยุค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ในยุคของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จำกัดกรอบแห่งงบประมาณอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท แต่ไม่ว่าเอ่ยปากอะไรออกมาล้วนถูกคัดค้าน ต่อต้าน

ไม่เพียงแต่เสียงคัดค้านอันมาจาก "พรรคประชาธิปัตย์"

หากกระบวนการของการต่อต้านบานปลายและขยายไปยัง "องค์กรอิสระ" กระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ก็เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญ

จำ "ยอดคำเท่" ว่าด้วย "ถนนลูกรัง" ได้หรือไม่

ความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ตรงที่เมื่อถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กระบวนการคัดค้านต่อต้านเดิม หายไปจนหมดสิ้น หลายคนได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลทางการเมือง บางคนนั่งอยู่ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

รถไฟ "ความเร็วสูง" จึงเป็นกระจกอย่างดีในทาง "การเมือง"

รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องเลวๆ ในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเป็นเรื่องดีๆ หากแต่ยังทำให้โฉมหน้าคนดีปรากฏอย่างโจ่งแจ้ง

คนดีๆ เหล่านี้แหละที่ทำให้ภาพของ "จีน" บิดเบี้ยว แปรเปลี่ยน

ไม่ว่าเรื่องเขื่อนในแม่น้ำโขง ไม่ว่าเรื่องรถไฟความเร็วสูง จีนดำรงจุดมุ่งหมายและสะท้อนความเป็นตัวตนของตนไม่แปรเปลี่ยน

นั่นก็คือ ยืนอยู่บน "ผลประโยชน์" จีนด้วยความ "มั่นแน่ว"

มีแต่ไทยเราต่างหากที่เกิดการแปรเปลี่ยน พลิกกลับไป พลิกกลับมา เพราะความอ่อนไหวในความรู้สึกต่อจีน

เมื่อหงุดหงิดจาก "อเมริกา" ก็ผวาเข้าหา "จีน"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" ว่าจีนจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินของตนเองในโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อมอบให้กับไทย

เป็นการให้ฟรีๆ ด้วยน้ำใจอันใหญ่หลวงของ "พี่ใหญ่"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" และมองข้ามสภาพความเป็นจริงที่จีนมีการสร้างเขื่อนตอนต้นของแม่น้ำโขงมากกว่า 5 เขื่อน

จีนนั้นไม่มีอะไร "เปลี่ยน" ไทยต่างหากเล่าที่ "เปลี่ยน"

จีนนั้นเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง ไทยต่างหากเล่าที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

ผู้นำจีนจากยุคของ "เหมาเจ๋อตุง" กระทั่งยุคของ "เติ้งเสี่ยวผิง" มีความเชื่ออย่างหนึ่งในทาง "ความคิด"

นั่นก็คือ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจาก "ความเป็นจริง" และความเป็นจริงนั้นดำเนินการค้นหาจากหลักคิดที่ว่า "หาสัจจะจากความเป็นจริง" ถอดนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมให้จงได้

ความจริงนี้ของจีนไม่ว่าเมื่อ 50 ปีก่อนหรือปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยน
-

ทรราช คสช. อ่อนไหวถึงขนาด “เพ้อฝัน” และมองข้ามสภาพความเป็นจริง

กรณี ศึกษาจีน รถไฟ ความเร็วสูง น้ำ จากแม่โขง

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยรถไฟ "ความเร็วสูง"

ไม่ว่าปัญหาว่าด้วยภาวะแล้งและผลสะเทือนส่วนหนึ่งจาก "เขื่อน" ในแม่น้ำโขงตอนบน

ทุกสายตามองไปยัง "จีน"

เพราะว่าแนวคิดในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มีจุดเริ่มจากการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟจากลาว เส้นทางรถไฟจากคุนหมิง

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

เพราะว่าปัญหาว่าด้วยภาวะภัยแล้ง ส่วนหนึ่งมีผลสะเทือนจากเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบน และบังเอิญที่มีการเปิดเขื่อนในห้วงแห่งการประชุม 5 ชาติแม่น้ำโขงที่เกาะไหหลำ

โดยมี "ต้นทาง" อยู่ที่ "จีน"

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของปัญหา "ภัยแล้ง" เป็นเรื่องอันเกิดขึ้นภายในไม่ว่าจะเป็นที่ลาว ที่ไทย ที่กัมพูชา หรือที่เวียดนาม

โดยมี "จีน" เป็นเพียง "องค์ประกอบ" 1

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ด้านหลักของโครงการรถไฟ "ความเร็วสูง" เป็นความริเริ่มโดยตรงของไทยหรือแม้กระทั่งของลาว โดยมีจีนเป็นเพียงองค์ประกอบ 1 ในองค์ประกอบใหญ่

ความอ่อนไหวทั้งหมดจึงมาจาก "ปัจจัยภายใน"

เป็นความจริงที่แรงผลักดันอย่างสำคัญในเรื่องรถไฟ "ความเร็วสูง" มาจากยุทธศาสตร์ใหญ่ของจีนในการเปิด "เส้นทางสายไหม" ยุคใหม่

เป็นพัฒนาการและความต่อเนื่องจาก "ยุคเจิ้งเหอ" ในราชวงศ์ "หมิง"

กระนั้น ภาวะแปรปรวน พลิกผัน ต้องยอมรับว่าเกิดจากปัญหาและความขัดแย้ง "ภายใน" ของสังคมประเทศไทยเราเองอย่างเป็นด้านหลัก

จากยุค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ในยุคของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จำกัดกรอบแห่งงบประมาณอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท แต่ไม่ว่าเอ่ยปากอะไรออกมาล้วนถูกคัดค้าน ต่อต้าน

ไม่เพียงแต่เสียงคัดค้านอันมาจาก "พรรคประชาธิปัตย์"

หากกระบวนการของการต่อต้านบานปลายและขยายไปยัง "องค์กรอิสระ" กระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ก็เข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญ

จำ "ยอดคำเท่" ว่าด้วย "ถนนลูกรัง" ได้หรือไม่

ความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ตรงที่เมื่อถึงยุค นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กระบวนการคัดค้านต่อต้านเดิม หายไปจนหมดสิ้น หลายคนได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลทางการเมือง บางคนนั่งอยู่ในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

รถไฟ "ความเร็วสูง" จึงเป็นกระจกอย่างดีในทาง "การเมือง"

รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องเลวๆ ในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับเป็นเรื่องดีๆ หากแต่ยังทำให้โฉมหน้าคนดีปรากฏอย่างโจ่งแจ้ง

คนดีๆ เหล่านี้แหละที่ทำให้ภาพของ "จีน" บิดเบี้ยว แปรเปลี่ยน

ไม่ว่าเรื่องเขื่อนในแม่น้ำโขง ไม่ว่าเรื่องรถไฟความเร็วสูง จีนดำรงจุดมุ่งหมายและสะท้อนความเป็นตัวตนของตนไม่แปรเปลี่ยน

นั่นก็คือ ยืนอยู่บน "ผลประโยชน์" จีนด้วยความ "มั่นแน่ว"

มีแต่ไทยเราต่างหากที่เกิดการแปรเปลี่ยน พลิกกลับไป พลิกกลับมา เพราะความอ่อนไหวในความรู้สึกต่อจีน

เมื่อหงุดหงิดจาก "อเมริกา" ก็ผวาเข้าหา "จีน"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" ว่าจีนจะเข้ามาลงทุนด้วยเงินของตนเองในโครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อมอบให้กับไทย

เป็นการให้ฟรีๆ ด้วยน้ำใจอันใหญ่หลวงของ "พี่ใหญ่"

อ่อนไหวถึงขนาด "เพ้อฝัน" และมองข้ามสภาพความเป็นจริงที่จีนมีการสร้างเขื่อนตอนต้นของแม่น้ำโขงมากกว่า 5 เขื่อน

จีนนั้นไม่มีอะไร "เปลี่ยน" ไทยต่างหากเล่าที่ "เปลี่ยน"

จีนนั้นเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง ไทยต่างหากเล่าที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง

ผู้นำจีนจากยุคของ "เหมาเจ๋อตุง" กระทั่งยุคของ "เติ้งเสี่ยวผิง" มีความเชื่ออย่างหนึ่งในทาง "ความคิด"

นั่นก็คือ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจาก "ความเป็นจริง" และความเป็นจริงนั้นดำเนินการค้นหาจากหลักคิดที่ว่า "หาสัจจะจากความเป็นจริง" ถอดนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมให้จงได้

ความจริงนี้ของจีนไม่ว่าเมื่อ 50 ปีก่อนหรือปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยน
-

สมุนทรราช กรธ.ไม่ ‘ขัดใจ’ ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

สมุนทรราช กรธ.ไม่ 'ขัดใจ' ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

——————————–

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ ได้เพิ่มเติมบทเฉพาะกาล กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวาระเริ่มแรกมี 250 คน มาจาการคัดลือกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกือบทั้งหมด และมี ส.ว.โดยตำแหน่งที่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ 6 คน ด้วยเหตุว่าจะเข้ามาประคับประคองประเทศไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

เรื่องที่เป็นประเด็นร้อนและมีการถกเถียงของสังคม ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ คงหนีไม่พ้นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ในวาระแรกเริ่ม ที่มาจากข้อเสนอของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า

"ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เริ่มจัดระเบียบทางการเมืองใหม่ ควรให้ ส.ว. ชุดแรกมาจากการคัดสรร หรือแต่งตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ ปลอดจากพรรคการเมือง สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ช่วยประคับประคองความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูป และการสร้างความสามัคคีปรองดองร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร

ด้านคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ตอบสนองข้อเสนอนี้ โดยกำหนดในบทเฉพาะกาล มาตรา 269 สรุปได้ว่า

ในวาระเริ่มแรก ให้ ส.ว. ประกอบด้วยสมาชิก 250 คน โดยให้ คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่มีความรู้ ประสบการณ์ด้านต่างๆ เป็นกลางทางการเมือง 9-12 คน ทำหน้าที่สรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว. จำนวนไม่เกิน 400 คน เพื่อให้ คสช. คัดเลือกให้เหลือ 194 คน และคัดชื่อสำรองอีก 50 คน

อีกส่วนหนึ่ง มาจากผู้ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

และส่วนสุดท้ายได้จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการจัดให้มีการเลือก ส.ว. โดยให้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์หลายด้าน กลุ่มวิชาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ เลือกกันเองให้ได้ 200 คน แล้วนำรายชื่อให้ คสช. เลือกให้เหลือ 50 คน และคัดชื่อสำรองไว้อีก 50 คน จากที่มาสามทางนี้ก็จะได้ ส.ว.ครบ 250 คนพอดี

ส.ว.ชุดนี้จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีอำนาจหน้าที่ติดตาม เสนอแนะ เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ จัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ดูแลกฎหมายที่จะกระทบต่อการดำเนินการกระบวนการยุติธรรม

ทำไมต้องมี ส.ว.สรรหา 250 คน?

เป็นคำถามที่ผู้สื่อข่าวถาม มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. หลังการแถลงเปิดตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ มีชัยตอบว่าเดิม คสช.ขอมาให้มี ส.ว.สรรหาเลยทั้ง 250 คน แต่ กรธ.ขอว่าให้ คสช. เลือกมา 200 คนก็พอ ส่วนอีก 50 คน ให้มาทดลองระบบใหม่ โดยให้มีการเลือกกันทั้งประเทศ เหลือ 200 คน แล้วให้ คสช. เลือกเหลือ 50 คน

มีชัยกล่าวต่อไปว่า ถ้าถามว่าทำไม กรธ. จึงยอมใส่เรื่องนี้ในร่างรัฐธรรมนูญ ก็เพราะ คสช. ให้เหตุผลมาว่า

ความเรียบร้อยทั้งหลายที่ คสช. เคยมุ่งหมายไว้ยังไม่ดี

การปฏิรูปก็ยังไม่ครบถ้วน จึงอยากทำต่อ แต่ไม่สามารถให้ตัวเองทำได้ จึงควรให้ ส.ว. คอยเร่งรัด ตรวจสอบ ท้วงติง การปฏิรูปต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวม

เทียบข้อเสนอเดิมของ คสช. แทบไม่ต่าง แค่ตัดอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจออก

เมื่อย้อนดูข้อเสนอของ คสช. ก่อนที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเผยโฉม จะเห็นว่า แทบไม่มีความแตกต่างจากเดิมเลย เพียงแต่มีการลงรายละเอียดในส่วนของที่มา ส.ว. ให้ชัดเจนขึ้น และตัดอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป เรียกว่า กรธ. รับเอาข้อเสนอของ คสช. มาเต็มๆ

คสช. เสนอว่า ส.ว. มีวาระ 5 ปี ควรมีจำนวนกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรหรือ 250 คน มาจากการสรรหาของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอิสระและกลาง 8-10 คน และให้มี ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ซึ่งจะเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. คสช. เสนอว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่เลือกหรือกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แต่ควรให้มีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจหรืออื่น ๆ ตามกติการะบบรัฐสภาและกระบวนการยุติธรรมในระหว่างช่วงการเปลี่ยนผ่านด้วย


Cr. โดย iLaw



สมุนทรราช กรธ.ไม่ ‘ขัดใจ’ ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

สมุนทรราช กรธ.ไม่ 'ขัดใจ' ยกให้ ทรราช คสช. ลากตั้ง ส.ว. 250 คนเอง

——————————–

ร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ ได้เพิ่มเติมบทเฉพาะกาล กำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวาระเริ่มแรกมี 250 คน มาจาการคัดลือกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกือบทั้งหมด และมี ส.ว.โดยตำแหน่งที่เป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ 6 คน ด้วยเหตุว่าจะเข้ามาประคับประคองประเทศไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

เรื่องที่เป็นประเด็นร้อนและมีการถกเถียงของสังคม ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับก่อนลงประชามติ คงหนีไม่พ้นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ในวาระแรกเริ่ม ที่มาจากข้อเสนอของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า

"ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เริ่มจัดระเบียบทางการเมืองใหม่ ควรให้ ส.ว. ชุดแรกมาจากการคัดสรร หรือแต่งตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ ปลอดจากพรรคการเมือง สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ช่วยประคับประคองความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูป และการสร้างความสามัคคีปรองดองร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร

ด้านคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็ตอบสนองข้อเสนอนี้ โดยกำหนดในบทเฉพาะกาล มาตรา 269 สรุปได้ว่า

ในวาระเริ่มแรก ให้ ส.ว. ประกอบด้วยสมาชิก 250 คน โดยให้ คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาที่มีความรู้ ประสบการณ์ด้านต่างๆ เป็นกลางทางการเมือง 9-12 คน ทำหน้าที่สรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ว. จำนวนไม่เกิน 400 คน เพื่อให้ คสช. คัดเลือกให้เหลือ 194 คน และคัดชื่อสำรองอีก 50 คน

อีกส่วนหนึ่ง มาจากผู้ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

และส่วนสุดท้ายได้จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการจัดให้มีการเลือก ส.ว. โดยให้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์หลายด้าน กลุ่มวิชาชีพ หรือกลุ่มผลประโยชน์ เลือกกันเองให้ได้ 200 คน แล้วนำรายชื่อให้ คสช. เลือกให้เหลือ 50 คน และคัดชื่อสำรองไว้อีก 50 คน จากที่มาสามทางนี้ก็จะได้ ส.ว.ครบ 250 คนพอดี

ส.ว.ชุดนี้จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีอำนาจหน้าที่ติดตาม เสนอแนะ เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ จัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ดูแลกฎหมายที่จะกระทบต่อการดำเนินการกระบวนการยุติธรรม

ทำไมต้องมี ส.ว.สรรหา 250 คน?

เป็นคำถามที่ผู้สื่อข่าวถาม มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. หลังการแถลงเปิดตัวร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ มีชัยตอบว่าเดิม คสช.ขอมาให้มี ส.ว.สรรหาเลยทั้ง 250 คน แต่ กรธ.ขอว่าให้ คสช. เลือกมา 200 คนก็พอ ส่วนอีก 50 คน ให้มาทดลองระบบใหม่ โดยให้มีการเลือกกันทั้งประเทศ เหลือ 200 คน แล้วให้ คสช. เลือกเหลือ 50 คน

มีชัยกล่าวต่อไปว่า ถ้าถามว่าทำไม กรธ. จึงยอมใส่เรื่องนี้ในร่างรัฐธรรมนูญ ก็เพราะ คสช. ให้เหตุผลมาว่า

ความเรียบร้อยทั้งหลายที่ คสช. เคยมุ่งหมายไว้ยังไม่ดี

การปฏิรูปก็ยังไม่ครบถ้วน จึงอยากทำต่อ แต่ไม่สามารถให้ตัวเองทำได้ จึงควรให้ ส.ว. คอยเร่งรัด ตรวจสอบ ท้วงติง การปฏิรูปต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวม

เทียบข้อเสนอเดิมของ คสช. แทบไม่ต่าง แค่ตัดอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจออก

เมื่อย้อนดูข้อเสนอของ คสช. ก่อนที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเผยโฉม จะเห็นว่า แทบไม่มีความแตกต่างจากเดิมเลย เพียงแต่มีการลงรายละเอียดในส่วนของที่มา ส.ว. ให้ชัดเจนขึ้น และตัดอำนาจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป เรียกว่า กรธ. รับเอาข้อเสนอของ คสช. มาเต็มๆ

คสช. เสนอว่า ส.ว. มีวาระ 5 ปี ควรมีจำนวนกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรหรือ 250 คน มาจากการสรรหาของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอิสระและกลาง 8-10 คน และให้มี ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ซึ่งจะเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงแห่งชาติ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ส่วนอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. คสช. เสนอว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่เลือกหรือกำหนดตัวนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แต่ควรให้มีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ดูแลการขับเคลื่อนการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจหรืออื่น ๆ ตามกติการะบบรัฐสภาและกระบวนการยุติธรรมในระหว่างช่วงการเปลี่ยนผ่านด้วย


Cr. โดย iLaw



ส.ว.แต่งตั้งคุมการเมืองยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ

ส.ว.แต่งตั้งคุมการเมืองยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ
-
สุขุม กล่าวว่า ในยุคนั้น ข้าราชการสามารถเป็น ส.ว. ได้ มาจากการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีคนเดียว พลเอกเกรียงศักดิ์เป็นคนตั้ง ส.ว. ชุดแรก อำนาจของ ส.ว. ตอนนั้นมีอยู่ 2 ช่วง ช่วงแรกมีอำนาจเท่ากับ ส.ส. คือร่วมโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งโหวตกฎหมายสำคัญๆ และการแก้รัฐธรรมนูญ กล่าวได้ว่าเป็นดุลพินิจของรัฐบาลที่จะให้ ส.ว. ร่วมโหวตในเกือบทุกเรื่อง ส่วนช่วงที่ 2 ส.ว. เหลือเฉพาะหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น แต่ ส.ว. ก็ยังมีบทบาทสูงในทางการเมือง
-
"ก็ตัวประธานรัฐสภามาจาก ส.ว. สมัยก่อนการเลือกนายกฯ ไม่ได้ระบุว่าต้องทำในที่ประชุมสภา อย่างตอนปี 2526 ที่คุณอุทัยได้เป็นประธานสภาผู้แทน คุณจารุบุตร เรืองสุวรรณ เป็นประธานวุฒิสภาและก็เป็นประธานรัฐสภาด้วย คุณอุทัยออกมาบอกว่าเดี๋ยวเราจะประชุมเลือกนายกฯ กันแล้วเอาชื่อไปให้ประธานรัฐสภาเพราะต้องเป็นคนรับสนองพระบรมราชโองการ คุณจารุบุตรบอก เปล่า ผมไม่มีสิทธิ์เรียกประชุม ส.ส. ผมเป็นคนหานายกฯ เพราะฉะนั้นขอให้หัวหน้าพรรคมาเสนอชื่อกับผมว่าจะให้ใครเป็นนายกฯ ผมจะดูคะแนนตามที่พรรคต่างๆ เสนอ คือเขาไม่ให้ประชุมสภาผู้แทนเพื่อเลือกนายกฯ"
-
"เรื่องวิ่งเต้นเป็น ส.ว. ไม่ต้องห่วงเลย ทุกยุคทุกสมัย ยุคผม ผมไม่ทราบหรอกครับว่าเขาวิ่งเต้นกันยังไง แต่ว่าก็เคยทราบมา เช่น อาจารย์บางคนในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เป็นอธิการบดีก็ได้เป็น ส.ว. มีคนพูดว่า อาจารย์ไม่รู้เหรอว่าเขาทำยังไงถึงได้เป็น เขาไปกราบเมียของนายพลคนหนึ่ง ปวารณาตัวรับใช้ ซึ่งบางทีเราก็นึกไม่ถึงว่าคนเราจะขายศักดิ์ศรีได้ถึงขนาดนั้น"
-
พรรค ส.ว. พรรคใหญ่สุดหลังรัฐธรรมนูญ 2559
-
รศ.สุขุม วิเคราะห์ว่า ตอนนี้ สิ่งที่ผู้ถืออำนาจพยายามทำคือไม่ให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นรัฐบาล ซึ่งด้วยระบบเลือกตั้งที่วางเอาไว้ไม่สนับสนุนให้มีพรรคขนาดใหญ่ พรรคที่จะมีที่นั่งมากสุดก็ไม่น่าเกินร้อยหกสิบ ร้อยเจ็ดสิบ แต่การจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวต้องมีที่นั่ง 260 ขึ้นไป
-
"ผมไม่แน่ใจว่าพรรคการเมืองขนาดกลางจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นหรือเปล่า แต่ผมว่าจะทำอะไรไม่ค่อยได้ ถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน แล้วมีการเลือกตั้ง มันจะได้รัฐบาลที่ว่านอนสอนง่าย รัฐบาลที่จะถูกควบคุมโดย ส.ว. ถ้า ส.ว. มองดูว่าไม่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่เขาร่างไว้และกำหนดให้รัฐบาลต้องรายงานทุก 3 เดือน ถ้าไม่ทำก็ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จบ รอบนี้ ดูแล้วเขาจะใช้ ส.ว. นี่แหละ ไม่ให้นายกฯ ไม่ให้รัฐมนตรีกระดิกได้ ในยุคชาติชายไม่มีกฎบังคับว่ารัฐบาลต้องทำอะไรบ้าง แต่รอบนี้มียุทธศาสตร์บอกว่าต้องทำอะไรๆ บ้าง คือถ้า คสช. ตั้งนายกฯ เองอาจจะถูกต่อต้าน จึงมาใช้วิธีคุมด้วยกฎ แล้วเอาองค์กรมากำกับ ก็ต้องคอยดูกันว่าอีกฝั่งเขาจะดิ้นยังไง ถ้าเขาได้ขึ้นมา"
-
"การเมืองไทยหลังรัฐธรรมนูญ 2559 พรรค ส.ว. น่าจะเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าเขาใช้ในทางนิติบัญญัติและควบคุม ไม่ได้ใช้อำนาจบริหาร"
-
"วันก่อนมีคนให้ผมไปทอล์คโชว์เรื่องประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ผมบอกว่าถ้าผมปิดตาทุกคน แล้วเดินจูงไป ท่านทั้งหลายก็จะรู้สึกว่าก้าวไปข้างหน้า แต่ทันทีที่ผมเปิดผ้าปิดตาออก พวกท่านก็จะหันมาต่อว่าผม ทำไมพามาเจอของเก่าแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เดินเป็นวงกลม"
-
หน้าตาการเมืองไทยมีโอกาสย้อนหลังกลับสู่ปี 2521 ถึงแม้อำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ในร่างรัฐธรรมนูญ 2559 กับในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่หลักการแย่งยื้ออำนาจจากนักการเมืองและการควบคุมการเมืองไม่ได้แตกต่างกัน ทว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือบริบทแวดล้อมต่างจากเมื่อ 40 ปีก่อนมาก คำถามคือระบบการเมืองที่ถอยหลังไป 4 ทศวรรษจะตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างไร และหากตอบไม่ได้ มันจะนำไปสู่อะไร


42D6BC2C-F33F-4E4E-B376-535C6AB86076

จากไลน์....

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

บทเรียนจากการสอดส่องประชาชนในต่างประเทศ: เมื่อรัฐลุแก่อำนาจและทำลายเศรษฐกิจดิจิทัล

เมื่อ 31 มี.ค. 2559 โดย iLaw
2985
ชุดกฎหมายมั่นคงดิจิทัลกำลังจะกลับมา หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเสร็จสิ้น ก่อนที่จะส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ในหลักการและเนื้อหาสาระของกฎหมายยังคงมีปัญหาที่ควรถกเถียงกันอีกมา โดยบทเรียนจากต่างประเทศก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในกฎหมายจนเกินความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วนเหล่านี้ ไม่มีประสิทธิภาพในการปราบปรามการกระทำความผิด และเสี่ยงต่อการใช้ในทางที่ผิด รวมถึงอาจส่งผลเสียต่อสิ่งที่เรียกว่า "เศรษฐกิจดิจิทัล" อีกด้วย
 
อ่านต่อที่ http://ilaw.or.th/node/4072

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก! (บทความ ดร. เพียงดิน รักไทย)


ประเทศไทย กำลังก้าวไปสู่อนาคตที่น่าสะพึงกลัวนัก!

เนื่องจากเครือข่ายระบอบราชาธิปไตย ได้ตัดสินใจเลือกวิธีอันกดขี่ข่มเหง (oppression) ทั้งด้วยตัวบทกฎหมายที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง กลไกที่เจ้าไทยสร้างไว้เรียกใช้ วัฒนธรรมความเชื่อที่กดจิตสำนึกปวงชนให้สยบยอม รวมถึงมาตรการในการทำให้เกิดความกลัวหลายระดับ  วันนี้ ทางเลือกที่จะเป็นการประนีประนอมของสังคมไทย จึงเหลือน้อยลงทุกที 

รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นเผด็จการเชิงโครงสร้างอย่างสุดโต่ง และพฤติกรรมการบีบจะให้ได้ผลประชามติตามใจพวกตนอย่างบ้าคลั่ง กำลังสร้างให้แรงต้านของฝั่งประชาธิปไตยนิยมยอมรับไม่ได้และเกิดแรงอัดอั้นตันใจชนิดที่รุนแรงถึงขั้นน่าจะใกล้จุดระเบิดเต็มที  

ในเมื่อฝ่ายหนึ่งจะเอาให้ได้ดั่งใจแบบยอมหัก ไม่ยอมงอ เพราะกลัวจะเ "เสียของ"  และอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ยอมไม่ได้ เพราะหากยอมก็แปลว่า พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง "หมดตัว" เช่นกัน หากเป็นเกมบนโต๊ะพนัน ก็เรียกกันว่า เทกันหมดหน้าตัก หรือ Winner takes all! เลยทีเดียว

หากรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ด้วยเล่ห์กลและอำนาจมืด ก็ไม่ได้แปลว่า ฝั่งประชาธิปไตยจะยอมรับได้ แม้ว่าโจรกบฏจะมีข้ออ้างว่าชอบธรรมได้เต็มปากยิ่งขึ้น แต่มันจะไม่สามารถเพิ่มการยอมรับหรือสยบยอมในฝั่งประชาธิปไตย ที่รู้เท่าทันและเห็นถึงอันตรายของการมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยที่เขม็งเกลียวกระชับวงจรให้มีฤทธิ์พิฆาตเหี้ยมโหดยิ่งขึ้น และนั่นก็แปลว่า เผด็จการก็จะได้เปรียบในการอ้างเพื่อจัดการกับผู้หัวแข็งและเรียกร้องประชาธิปไตย  กล่าวคือ การเผชิญหน้าในเชิงท้าทายและการใช้กำลังก็จะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นด้วย



​หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าก็จะไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่ฝั่งเผด็จการ จะหาข้ออ้างด้านความชอบธรรมในการรักษาอำนาจและคุมเกมอำนาจก้าวต่อไปยากยิ่งขึ้น และประชาชนฝั่งนิยมประชาธิปไตย ก็จะมีข้ออ้างในการลุกฮือขับไล่ฝั่งเผด็จการได้มากขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า ฝั่งเผด็จการจะลดเจตนารมย์ในการใช้กำลังสำหรับการกดขี่ให้ศัตรูสยบยอม อันเป็นสันดานของเจ้าของระบอบราชาธิปไตยที่ฝังรากลึกในอวัยวะสำคัญของเครือข่ายเผด็จการหลงยุคนี้

ภารกิจของการช่วยบ้านเมืองให้พ้นจากสงครามกลางเมือง เลือดท่วมท้องช้าง จึงเป็นสิ่งที่คนไทยที่มีบารมีและความสามารถต้องมานั่งระดมสมองและคิดแผนปฏิบัติการกู้ชาติโดยไม่ชักช้า... เพราะนาฬิกาเวลาสู่ความพินาศแบบใกล้สิ้นชาติ มันเดินทุกวินาที ไม่ได้หยุดหย่อน

ให้เป็นห่วงแผ่นดินแม่ยิ่งนัก

piangdin
April 2, 2016
San Francisco, California​

คลังคำไทยที่มักสะกดผิด – สำหรับฝึกความจำให้คนไทยทุกรุ่น

ภาพประกอบชวนขำกลิ้ง คลังคำไทยที่มักสะกดผิด – สำหรับฝึกความจำให้คนไทยทุกรุ่น คลังคำไทยที่มักสะกดผิด ภาษาไทยน...