เตรียมรับแรงกระแทกลูกแรกของ "supernova"
วิกฤติทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
Bill Gross ได้แสดงความคิดเห็นว่า ตราสารหนี้ปริมาณ $10 TN
กำลังจะกลายเป็น "supernova"
ที่พร้อมจะระเบิดที่สร้างความเสียหายอย่างย่อยยับ ในวันใดวันหนึ่ง
ซึ่ง Bill Gross กล่าวอีกว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรต่ำที่สุดในรอบ 500 ปี
George Soros ได้ลงทุนในสภาวะ Bearish ในตลาดหุ้นนิวยอร์คหรือ ใน S&P500
(แต่ข่าวออกกันแต่เรื่องซื้อทอง..เข้าใจใช่มั๊ยครับว่า..ฟังข่าวในทีวีหรือวิทยุแล้วรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ
แทนที่จะช่วยกันเตือน..ยังมั่วแต่ให้ผู้คน..งัด..เงินมาซื้อหุ้นกันอยู่นั้นแหละ)
Soros กล่าวว่า ความฉาวโฉ่กำลังจะถูกเปิดออกมันเป็นสิ่งที่บ้าบอที่สุดในประวัติศาสตร์
ซึ่งความเสี่ยงได้กระจายไปในธนาคารกลาง (central
bank)ทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักการธนาคารกลางทั่วโลกรู้ปัญหานี้ดี
(คือ..รู้จริงๆหรอ)
ธนาคารกลางทั่วโลก..ได้สูญเสียการควบคุมทางเศรษฐกิจไปเรียบร้อยแล้ว(คือ..ประชุมอีกกี่ที่ก็ไร้สาระแล้ว)
"A small change in central bank interest rates risks triggering an
abrupt reversal in global markets, in echoes of the last financial
crisis, the head of the German Bundesbank has warned.
Jens Weidmannn. ได้กล่าวว่า นักลงทุนและผู้จัดการการลงทุนได้กลายเป็น
โรคประสาทกันมากขึ้นจากการติดอยู่กับอัตราดอกเบี้ยติดลบและการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ
ค่าความเสี่ยงทางการลงทุน ( hike in risk premiums)
ผมจะสรุปภาพอีกครั้งนะครับ
เราอยู่บน...ฟองสบู่..ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติพร้อมกันถึง
4 ลูก...ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
1.ฟองสบู่ในตลาดตราสารหนี้..ทั้งรัฐบาล..บริษัทเอกชน..และภาคครัวเรือน..
มีปริมาณรวมกันถึง 200 ล้านล้านเหรียญ
ขณะที่ GDPโลกมีปริมาณ 75 ล้านล้านเหรียญ
และเงินกู้ทั้งหมดนี้...ไม่สามารถ..ขับดันการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกแล้ว
2.ฟองสบู่ในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์ค S&P 500 มี P/E ratio ที่ 24 เท่า ซึ่ง สูงกว่า ปี 2007
เป็น Super Bubble ไปเรียบร้อยแลัว
และ...ไม่มีเงินที่พิมพ์จากอากาศ(คงต้องพิมพ์จากอวกาศแล้วแหละครับ)
และ...EPS ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
และ..GDP อเมริกาและของโลกก็ถูกประมาณการณ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น..มี BOJ ขนเงินเข้าไปซื้อหุ้นใน ETF
ในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อพยุงตลาด
ตลาดหุ้นจีน..มีปริมาณหนี้เสีย..และ..ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่มีโอกาสจะรุนแรง...รัฐบาลกลางอัดเงินเข้าระบบการเงินเกือบ
1 ล้านล้านหยวน .ในเดือนที่ผ่านมา
และยังถูกกดดันจากการโจมตีค่าเงิน...อย่างต่อเนื่อง
และยังขนเงินจากกองทุนต่างๆไปซื้อหุ้นเพื่อพยุงตลาดอย่างต่อเนื่อง
อาเซียน..เมื่อ..จีนถดถอย..การค้าอาเซียนผูกกับจีนในปริมาณมหาศาล...และกำลังจะถดถอย
ตลาดหุ้นยุโรป
- ปัญหา Deutsche Bank ที่ถือ ตราสารอนุพันธ์ เท่ากับ
GDPของโลก..กำลังจะมีชะตากรรมเหมือน lehman brothers
(ขณะที่เขียนอยู่ราคาหุ้นได้ทำ new low ไปแล้ว)
- ปัญหาของกรีซ...ที่ได้พี่ใหญ่คนใหม่คือ..รัสเซีย..กำลังจะถอนตัวจากยูโรและจะ..ชักดาบ..เจ้าหนี้อย่างเยอรมัน
- อิตาลี ...หนี้เสียหรือ NPL ในภาคธนาคารเพื่มขึ้นไม่หยุด
- สเปน ที่เกิดปัญหา toxic real estate assets
จนธนาคารหลักต้องการเงินเพิ่มทุน..ด่วน..ที่ปริมาณ 2.5 พันล้านยูโร
และต้องการออกจากยูโรเช่นกัน
- Brexit โหมเพื่อกลบข่าวอื่น
(ส่วนตัว..มองว่า..ยูโรโซนแตกไปแล้ว...แค่รอเวลาเดินมาถึงเท่านั้น)
และผู้อพยบที่ส่งออกโดยตุรกี..กำลังจะสร้างปัญหาไม่หยุด
3 ฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์
ทั้งใน
- จีน
- อาเซียน
- อินเดีย
- อังกฤษ
- อเมริกา
- แคนาดา
ที่กำลังจะแพลงฤทธิ์กลับไปเป็นหนี้เสียหรือ NLP ในธนาคารและตราสาร MBS.
และ CDO ที่ยังขายกันไม่แพ้ปี 2004 - 2007
ไปดูที่สเปน...กำลังระเบิดไปที่ธนาคารแล้ว
4 ฟองสบู่ในตราสารอนุพันธ์...หรือ..การสร้างมูลค่าจากกระดาษ
GDP ของโลก 75 ล้านล้านเหรียญ
ตราสารอนุพันธ์มี Market Cap 850 ล้านล้านเหรียญ
เมื่อเกิดปัญหาในระบบ..จึงต้องมี Investment Bank
ที่จะต้องล้มละลาย...และคราวนี้หวยน่าจะออกที่ Deutsche Bank
เมื่อเกิดขึ้นจะเกิดภาวะ Credit Crunch ไปทั่วโลก
ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกได้สูญเสียความสามารถในการควบคุมหมดแล้ว..อย่างสิ้นเชิง
เป็นจุดจบของ..ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของเคนท์
ที่
- ให้เอาเงินในอนาคตมาใช้..แล้วค่อยๆจ่ายคืน..และทำให้หนี้ลดลงด้วยการสร้างเงินเฟ้อขึ้นมา
- ให้รัฐบาลใช้นโยบายการเงินเพื่อขับดันเศรษฐกิจ
เมื่อทั้ง 2 อย่างมาไกลเกินกว่า..ที่จะขับดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ...การบริโภค..และเงินเฟ้อได้อีกต่อไปแล้ว
ข้อดีของระบบทุนนิยมที่มีผู้ชักใยคือ...เมื่อเศรษฐกิจดีผู้คนก็จะกู้เงินและมาซื้อของมากมาย...ราคาหุ้น..ค่าธรรมเนียม..และปริมาณดอกเบี้ยจากเงินกู้ก็ขยายตัวอย่างมหาศาล
เมื่อมาถึงจุดสุดท้าย..การพังทลายของระบบเกิดขึ้น..ผู้คนทั้งหลายก็ต้้องจ่ายราคาด้วยเงินภาษีเพื่อไปรักษาระบบ
คุณป้าเยลเลน..จึงบอกว่า..ระบบทุนนิยมคือระบบที่ดีที่สุด
เพราะตามหลักของยิวคือ "
เอาธุรกิจมาให้เก็งกำไรเพื่อวันหนึ่งจะหลุดมาอยู่ในมือเรา
พวกทาสทั้งหลายจะไม่ทันสังเกตุ..เพราะสนใจแต่เรื่องที่เราอยากให้รู้เพื่อการเก็งกำไรเท่านั้น"
เหตุการในอเมริกาใต้...คือการพังทลายแบบซ้ำชาก...ที่ผู้คนทั้ง..โง่..เห็นแก่ตัว..และ..มักง่ายในการใช้ชีวิต
(ไม่เคยที่จะเรียนรู้)
เศรษฐกิจอเมริกาใต้...ไม่สามารถจะหยุดหายนะได้อีกต่อไปแล้วและกำลังจะลามไปทั้งทวีป
และกำลังจะเคลื่อนไป แอฟริกาใต้..เพื่อสะกัดการเติบโตของกลุ่ม Brics....
ผมอนุญาติให้แชร์ได้..ถ้าท่านอ่านแล้วเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นเพื่อเรียนรู้และเตรียมตัวรับมือ
ขณะนี้ คลื่นลูกแรกของ "supernova" เดินทางมาถึงแล้ว
ส่วนคลื่นแม่ที่ใหญ่กว่าจะมาในกลางปีหน้า
เพราะ
This is the crisis.
The greatest crisis in the history of mankind.
ทวีสุข ธรรมศักดิ์
Tuesday, June 14, 2016
เตรียมรับแรงกระแทกลูกแรกของ “supernova” วิกฤติทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดย ทวีสุข ธรรมศักดิ์
ทำไมกษัตริย์ภูมิพล จึงมีอิทธิฤทธิ์ต่อประชาธิปไตย ดุจพญามารร้าย” โดย ดร เพียงดิน รักไทย
ดร เพียงดิน รักไทย ตอน ทำไมกษัตริย์ภูมิพล จึงมีอิทธิฤทธิ์ต่อประชาธิปไตย ดุจพญามารร้าย"
--
piangdin
ไม่ทันข้ามวัน ทหาร ตร ปลดป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติสาขาลำปาง
ไม่ทันข้ามวัน ทหาร ตร ปลดป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติสาขาลำปาง https://www.youtube.com/watch?v=E84eGI7-R0g&feature=youtu.be
14 มิถุนายน 2559 แถลงการณ์วัดพระธรรมกาย

กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ไปยังอัยการ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559 นั้น วัดพระธรรมกายขอเรียนชี้แจงดังนี้
1. เนื้อหาในคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจที่จะแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 ทั้งนี้เทียบเคียงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2481 และเรื่องเสร็จที่ 766/2546 บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกระทำดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2. การที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนีมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้วเผยแพร่ไปยังประชาชนโดยทั่วไป ก่อนที่จะนำหมายเรียกดังกล่าวมาส่งให้แก่พระเทพญาณมหามุนี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนอาจมีอคติต่อพระเทพญาณมหามุนีและ วัดพระธรรมกาย
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้นายมโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้งกับพระเทพญาณมหามุนี เข้าร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวน ชี้นำวิธีการจัดการกับพระเทพญาณมหามุนี การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขาดความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 ขอความร่วมมือจากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 โดยดร.สมศักดิ์ โตรักษา ได้ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด และการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีโดยลำดับ เหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แนะนำให้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนีก็ได้ดำเนินการตามคำแนะนำเรียบร้อย และมีการนัดประชุมของคณะกรรมการครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2559
5.แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2559 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิถุนายน ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ ทั้งการออกหมายจับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว
6.วัดพระธรรมกายรู้สึกเสียใจและขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไม่รักษาข้อตกลง ไม่ให้เกียรติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและการคณะสงฆ์ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าอาจมีเล่ห์กลอุบาย
7.พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงานปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจนและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกายยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับสมาชิกสหกรณ์
8. การดำเนินคดีนี้กับพระเทพญาณมหามุนี จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน
วัดพระธรรมกายยืนยันเคารพกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร
วัดพระธรรมกาย
14 มิถุนายน 2559
14 มิถุนายน 2559 แถลงการณ์วัดพระธรรมกาย

กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 27/2559 เกี่ยวกับพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ไปยังอัยการ เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559 นั้น วัดพระธรรมกายขอเรียนชี้แจงดังนี้
1. เนื้อหาในคดีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนแล้วในคดีพิเศษที่ 146/2556 และเสนอสำนวนการสอบสวนต่อพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่อาจที่จะแยกเรื่องออกมาเป็นคดีใหม่ที่ 27/2559 ทั้งนี้เทียบเคียงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2481 และเรื่องเสร็จที่ 766/2546 บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การกระทำดังกล่าวของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
2. การที่พนักงานสอบสวนได้นำหมายเรียกพระเทพญาณมหามุนีมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนแล้วเผยแพร่ไปยังประชาชนโดยทั่วไป ก่อนที่จะนำหมายเรียกดังกล่าวมาส่งให้แก่พระเทพญาณมหามุนี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน แสดงให้เห็นว่าพนักงานสอบสวนอาจมีอคติต่อพระเทพญาณมหามุนีและ วัดพระธรรมกาย
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้นายมโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้งกับพระเทพญาณมหามุนี เข้าร่วมประชุมกับคณะพนักงานสอบสวน ชี้นำวิธีการจัดการกับพระเทพญาณมหามุนี การกระทำดังกล่าวทำให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายขาดความไว้วางใจในการทำงานของพนักงานสอบสวนชุดนี้
3. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งที่ 531/2559 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2559 ขอความร่วมมือจากพระเดชพระคุณพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และดร.สมศักดิ์ โตรักษา ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมเป็นคณะกรรมการประสานงานในคดีดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทาง มาตรการ และวิธีประสานงาน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. คณะกรรมการชุดนี้ได้ประชุมที่วัดเขียนเขต จังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 โดยดร.สมศักดิ์ โตรักษา ได้ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด และการเจรจามีความคืบหน้าด้วยดีโดยลำดับ เหลือเพียงประเด็นการเปลี่ยนหัวหน้าพนักงานสอบสวน ซึ่งมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวนดังกล่าวแล้วข้างต้น ซึ่งผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แนะนำให้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางทนายความผู้รับมอบอำนาจของพระเทพญาณมหามุนีก็ได้ดำเนินการตามคำแนะนำเรียบร้อย และมีการนัดประชุมของคณะกรรมการครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2559
5.แต่แล้วในวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2559 ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับสั่งฟ้องและส่งสำนวนคดีดังกล่าวไปยังอัยการ โดยไม่รอการประชุมในวันที่ 14 มิถุนายน ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงรีบร้อนรวบรัดกระบวนการผิดปกติ ทั้งการออกหมายจับและการสั่งฟ้องคดีนี้ ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการประชุมแม้แต่ข้อเดียว
6.วัดพระธรรมกายรู้สึกเสียใจและขาดความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ไม่รักษาข้อตกลง ไม่ให้เกียรติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและการคณะสงฆ์ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าอาจมีเล่ห์กลอุบาย
7.พระเทพญาณมหามุนีได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อสร้างศาสนสถานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่ชัดเจน เพราะไม่เคยถอนเป็นเงินสดออกมาเลย ซึ่งสำนักงานปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดโดยชัดเจนและส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว
ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น มีข้อสงสัยถึงที่มาของทรัพย์ที่ได้รับบริจาค คณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกายยังได้ตั้งกองทุนเยียวยาแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจนครบจำนวน และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงได้มีหนังสือขอบคุณและแสดงเจตนารมณ์ ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมกรมสอบสวนคดีพิเศษกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆกับสมาชิกสหกรณ์
8. การดำเนินคดีนี้กับพระเทพญาณมหามุนี จะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อไปการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็อาจถูกดำเนินคดีว่าเป็นการรับของโจรและฟอกเงินได้เช่นเดียวกัน
วัดพระธรรมกายยืนยันเคารพกระบวนการยุติธรรม และจะขอความเป็นธรรมจากพนักงานอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร
วัดพระธรรมกาย
14 มิถุนายน 2559
อนาคตอันน่าสพึงกลัว!! คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย จาก กิจจา หมอนิด ทวีกุลกิจ
กิจจา หมอนิด ทวีกุลกิจ
November 27, 2014 · Bangkok, Thailand ·

คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย (ไม่ใช่คำทำนาย)
ผู้เขียนอนุญาตให้นำบทความนี้ ไปเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างไร
................เกริ่นก่อนอ่าน เพื่อความเข้าใจ บทความนี้มีบางตอนจะเหมือน หรือคล้ายกับคำเตือนครั้งแรก และในวงเล็บที่ว่า (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเจอเรื่องนั้น เจอเรื่องนี้นั้น ยกตัวอย่างเช่น ปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะเจอ "ภัยเศรษฐกิจ" ปีต่อไปประเทศไทยอาจจะเจอ "ภัยธรรมชาติ" และปีต่อไปอาจจะเจอเรื่อง "การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ" ปีถัดไปอาจจะเกิด "การชิงอำนาจ" เกิดขึ้นในบ้านเมือง ขอเรียนว่าผู้เขียน..."ไม่สามารถที่จะระบุ และเรียบเรียงได้ว่าปีไหน จะเกิดอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง"...แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจว่า สิ่งต่างๆที่ผู้เขียนเตือนไว้นี้..."มันต้องเกิด"...อย่างน้อยก็ถูก 80-90 เปอร์เซ็นต์ และบางปีอาจเกิดพร้อมกัน "สองเรื่อง" ในปีเดียวกันก็เป็นไปได้ ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยครับ......และขอกราบเรียนว่าผู้เขียนไม่มีเจตนา ที่จะทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจแต่ประการใด และเหตุการณ์ต่างๆในบทความนี้ อาจจะตรงกันข้ามกับ "คำทำนาย" ของบรรดาโหราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆท่าน อีกทั้งผู้เขียนก็เขียนล่วงหน้าไปหลายปี (พ.ศ.2558-2561ยังมีแถมไปถึงปี พ.ศ.2567) ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดสูงเช่นกัน แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจ และเป็นการท้าทายตัวเอง ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดที่อาจจะเกิดขึ้นทุกประการ โดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใด ขอบคุณครับ
………………………………………
ปล.อยากให้ทุกคนอ่านซ้ำๆหลายครั้ง จะได้เข้าใจมากขึ้น และจำได้แม่นยำ หรือก็อปปี้บทความนี้เอาไว้ ขอให้ทุกคนใช้สติ อย่าตกใจจนขาดสติ สติเป็นตัวแก้ไขได้ทุกอย่าง พึงสวดมนต์ ภาวนาเอาไว้เป็นประจำ ทาน ศีล ภาวนา หมั่นทำไว้ เพราะจะเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาห้อมล้อมปกป้องคุ้มครองท่านได้อย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพ
หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
28 พ.ย.2557
November 27, 2014 · Bangkok, Thailand ·

คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย (ไม่ใช่คำทำนาย)
ผู้เขียนอนุญาตให้นำบทความนี้ ไปเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างไร
................เกริ่นก่อนอ่าน เพื่อความเข้าใจ บทความนี้มีบางตอนจะเหมือน หรือคล้ายกับคำเตือนครั้งแรก และในวงเล็บที่ว่า (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเจอเรื่องนั้น เจอเรื่องนี้นั้น ยกตัวอย่างเช่น ปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะเจอ "ภัยเศรษฐกิจ" ปีต่อไปประเทศไทยอาจจะเจอ "ภัยธรรมชาติ" และปีต่อไปอาจจะเจอเรื่อง "การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ" ปีถัดไปอาจจะเกิด "การชิงอำนาจ" เกิดขึ้นในบ้านเมือง ขอเรียนว่าผู้เขียน..."ไม่สามารถที่จะระบุ และเรียบเรียงได้ว่าปีไหน จะเกิดอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง"...แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจว่า สิ่งต่างๆที่ผู้เขียนเตือนไว้นี้..."มันต้องเกิด"...อย่างน้อยก็ถูก 80-90 เปอร์เซ็นต์ และบางปีอาจเกิดพร้อมกัน "สองเรื่อง" ในปีเดียวกันก็เป็นไปได้ ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยครับ......และขอกราบเรียนว่าผู้เขียนไม่มีเจตนา ที่จะทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจแต่ประการใด และเหตุการณ์ต่างๆในบทความนี้ อาจจะตรงกันข้ามกับ "คำทำนาย" ของบรรดาโหราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆท่าน อีกทั้งผู้เขียนก็เขียนล่วงหน้าไปหลายปี (พ.ศ.2558-2561ยังมีแถมไปถึงปี พ.ศ.2567) ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดสูงเช่นกัน แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจ และเป็นการท้าทายตัวเอง ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดที่อาจจะเกิดขึ้นทุกประการ โดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใด ขอบคุณครับ
………………………………………
นับจากนี้เป็นต้นไป (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องการเมือง ขอให้ทุกคนอดทนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในปีพ.ศ.2558..."เศรษฐกิจร่อแร่"...ถ้าพูดภาษาทางการแพทย์เรียกว่า..."อาการโคม่า"...หรืออาการน่าเป็นห่วง..."รัฐบาลทหาร"...โดยการนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี...และคณะรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ยังไม่สามารถกอบกู้เศรษฐกิจภายในประเทศ ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ทั้งปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนได้ไม่พอใช้จ่าย หนี้สินภาคครัวเรือนจะพุ่งสูงขึ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด ไม่ควรซื้อสิ่งของที่ฟุ่มเฟือย ท่านใดที่ทำการค้าอยู่ ขอให้ประคับประคองธุรกิจของท่านไปพรางๆก่อน ไม่ควรเพิ่มทุนหรือไปกู้เงินเพิ่มแต่อย่างไร หากไม่มีเงินทุนสำรอง หรือการเงินไม่แข็งแกร่งจริงๆ น่าเป็นห่วงที่สุด..."คนดวงดี"...เท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้ ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แล้วทุกคนที่ทำธุรกิจต้องเจ๊งหมดประเทศ..."ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี"...บางคนดวงดีก็จะไม่กระทบกับธุรกิจที่ทำอยู่ แถมยังอาจจะเพิ่ม / หรือขยายการลงทุนด้วยซ้ำ แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม ภาษาทางหมอดูเรียกว่า..."รวยสวนกระแสวิกฤติ"...เพียงแต่มีคนจำพวกนี้เป็นส่วนน้อยเท่านั้น...ในฐานะที่ผู้เขียนเป็น..."หมอดูดวง"...ผู้คนมาแล้วมากมาย ในอดีตประเทศไทยเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี พ.ศ.2539-2540 มีนักธุรกิจจำนวนมาก..."ล้มละลาย"...เจ๊งกันเป็นว่าเล่น แม้แต่ธนาคารก็ยัง "เจ๊ง" กันระนาว แต่มีคนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบเลย แถมยังรวยขึ้นกว่าเก่า นี่คือเรื่องจริง... ..ท่านใดที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ขอให้ขยัน อดทน ประหยัด อย่าคิดลาออกจากงานมาลงทุนค้าขายเองในปี พ.ศ.2558 นี้ ถ้าดวงยังไม่ดีจริงๆ หรือคนไหนไม่มีดวงเป็นเจ้าของกิจการ อย่าฝืนดวงเป็นอันขาด ถ้าฝืนลงทุนทำไปรับรองมีแต่ "เจ๊ง" เท่านั้น...คนเก่งมีเยอะ แต่คนดวงเฮงมีน้อย ส่วนมาก "คนเฮง" จะได้ "คนเก่ง" มาทำงานให้นี่คือความจริง....ถ้าบริษัทที่ท่านทำอยู่มีฐานะการเงินที่มั่นคง ขอให้อดทนทำไป...แต่ถ้าบริษัทที่ท่านทำอยู่ หากฐานะการเงินไม่แข็งแกร่งจริงๆ อาจจะต้องล้มเลิกกิจการ หรือปลดคนงานออกบางส่วน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปีพ.ศ.2558 เศรษฐกิจในประเทศยังสลบไม่ฟื้นตื่นลำบาก กำลังซื้อจะหดตัวลงต่อเนื่องจากปีพ.ศ.2557 แม้แต่การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นตามเป้าที่ตั้งไว้ มีสินค้าบางประเภทเท่านั้นที่ยังทรงตัวอยู่ได้ พืชผลการเกษตรจะเสียหาย หรือราคาจะตกต่ำไม่คุ้มกับการลงทุนเพาะปลูก..."ภัยธรรมชาติ"...เช่น ภัยแล้ง จะสร้างความเสียหายต่อชาวไร่ชาวนาและเกษตรกรทั่วไป ...ดิน ฟ้า อากาศ จะวิปริตแปรปรวนไปทั่ว ไม่เป็นไปตามฤดูกาลเหมือนแต่ก่อน และจะเป็นไปทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น...ปี พ.ศ.2558 จะมีนักการเมือง...หรืออดีต..."นักการเมืองที่มีคดีติดตัว"...เจ็บป่วยหนัก อาจถึงกับ "เสียชีวิต" เพราะปีพ.ศ.2558 เป็น "ปีชง" กับคนที่เกิดปีฉลู ถ้าตัวเองไม่เจ็บป่วย ก็อาจจะเกิดกับคนใกล้ชิดเช่นบุตร ภรรยา ญาติพี่น้อง ทำให้เครียด / เสียเงินหรือเจ็บป่วยแทน และเจออุปสรรคต่างๆ แม้แต่คิดจะทำอะไรก็ไม่สมหวัง มีสิทธิถูกหลอกแดกเงินฟรีๆ ถ้าอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว ผ่านพ้นปี พ.ศ.2558 มาได้ ก็จะมาเจออายุให้โทษในปีพ.ศ.2560 (อายุ 68) ไม่ถือว่าดีเช่นกัน และดาวเคราะห์ใหญ่จะโหมกระหน่ำ "อดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว" ในปีพ.ศ. 2562-2563 เพราะเป็นปี "ธาตุน้ำ" ติดต่อกันสองปี จะมาเล่นงาน "ธาตุไฟ" ของอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัวอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นมีสิทธิ "ต๊ายแหน่ ต๊ายแหน่"...เอ้า แถมให้อีกนิด ยืดเวลาให้อีกหน่อย ถ้าหากว่าอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว อึด ทน แข็ง ใหญ่ จนสามารถฟันฝ่ามรสุมชีวิตพ้นปี พ.ศ.2563 มาได้อีกครั้ง ก็จะมาเจอด่านอรหันต์ในปี พ.ศ.2565-2567 คราวนี้คงตายแน่ๆ ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง...(ผู้เขียนคิดว่า คนที่อ่านเรื่อง อดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว คงจะหงุดหงิดใจไม่น้อย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคนชั่วๆจึงตายยาก ตายเย็นอย่างนี้ ขออธิบายว่านับจากนี้เป็นต้นไป "เขาคนนั้น" ดวงตกสุดๆยากที่จะทำการใดสำเร็จ มีแต่ความหายนะรออยู่ มีแต่ความตายรออยู่ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ให้อโหสิกรรมกันดีกว่า อย่าอาฆาตพยาบาทกันเลย อย่าจองเวรต่อกันและกันเลย..."การอโหสิกรรม เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่"...คนเราเกิดมาแล้ว ต้องตายกันทุกคน ช้าหรือเร็วเท่านั้น)...ในขณะเดียวกันปีพ.ศ.2558 ยังต้องเฝ้าระวังสุขภาพของ..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...ให้ใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะดวงเมืองของประเทศไทยยังน่าเป็นห่วงสำหรับ..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...เป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศเกิดขึ้น บ้านเมืองจะปั่นป่วนไปหมด ประชาชนจะลำบากมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ เหมือนหญ้าแพรก ถูกช้างเหยียบกระจุยกระจายจนแหลกลาญ..."การชิงอำนาจทางการเมือง"...จะเกิดขึ้นระหว่าง..."คนมีสี"...ด้วยกันจะเรียกว่า "ปฏิวัติซ้อน" ก็ว่าได้ถ้าเกิดเหตุการณ์..."ชิงอำนาจทางการเมือง"...ขึ้น อาจจะมีการใช้อาวุธเข้าปะทะกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีกำลังพล และมีอาวุธร้ายแรง..."การเลือกตั้งจะไม่มีอีกหลายปี"...เพราะ "คนมีสี" จะเข้ามาคุมอำนาจทางการเมืองต่อ...ขอให้ประชาชนทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม อย่าประมาท อย่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และใช้สติพิจารณา อย่าตกใจเกินเหตุ เพราะเหตุยังไม่เกิด ผลจึงยังไม่มี บางทีผมอาจจะผิดพลาดก็เป็นไปได้ (น้อยมาก)
………………………………………..
………………………………………..
ถ้าบุคคลสำคัญของประเทศ ผ่านวิกฤติปีพ.ศ.2558 ไปได้ การเลือกตั้ง สส.คาดว่าอาจจะมีขึ้นในปีพ.ศ.2559 หรืออาจจะเป็นปี พ.ศ.2560 แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็น "นายก" ก็ตาม พรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม หรือแม้แต่ทหารเข้ามาคุมอำนาจทางการเมืองก็ตาม ก็ยังไม่สามารถกู้สถานการณ์เศรษฐกิจให้ดีขึ้นมาได้ เพราะประเทศไทยยังไม่หมดเคราะห์ ยังมีเคราะห์หนักติดต่อกันอีกหลายปี นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ส่วนมากไม่มีคุณภาพ ไม่มีฝีมือดีพอ....มีแต่นักการเมืองจำพวก "ดีแต่ปาก เก่งแต่พูด" ทุกตัวล้วนแต่กระสันอยากเป็น "นายก" อยากเป็น "รัฐมนตรี" จนตัวสั่น หางกระดิก...ประชาชนจะไปหวังพึ่งนักการเมืองไม่ได้เพราะ..."คนซวย"...จะได้เป็น "นายก" รวมทั้งคณะรัฐมนตรีต่างๆก็มี..."คนซวย"...จำนวนมากประเทศไทยจึงต้องเจอกับ..."ภัยพิบัติ"...ครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ (พ.ศ.2558-2561) อย่าประมาทเรื่อง..."แผ่นดินไหว"...อย่างรุนแรงจะทำให้เกิด..."ภัยที่มาจากน้ำ"...อย่าประมาทเรื่อง..."ภัยธรรมชาติ"...เป็นอันขาด อาจจะเกิด..."สึนามิ"...ขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ "สึนามิ" ขึ้นที่ทะเลฝั่งทะเลอันดามัน ก็ให้ระวังทะเลฝั่งอ่าวไทยให้มากอาจจะเกิดจากลมพายุที่รุนแรง...ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 24-25 ต.ค. พ.ศ.2505 เกิดพายุโซนร้อน เป็นพายุหมุนที่รุนแรงมาก เข้าถล่ม จ.นครศรีธรรมราช และ แหลมตะลุมพุก จะกระจุยกระจายราบเป็นหน้ากลองมาแล้ว...และเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2532 เกิดพายุใต้ฝุ่นเกย์ เข้าถล่ม ที่ จ. ชุมพร สร้างความเสียหายย่อยยับเช่นกัน...ผู้เขียนเชื่อว่าช้าหรือเร็ว "มันต้องเกิด" ค่อนข้างแน่นอน นับจากนี้ไปไม่น่าเกินสาม-สี่ปี แม้แต่กรุงเทพฯ ก็ยังเสี่ยงภัยอันตรายจาก..."ภัยธรรมชาติ"...เช่นกัน ความเสียหายจะตามมา ตึกสูงบางแห่งอาจจะถึงกับถล่มหรือเสียหายอย่างหนัก บ้านเรือน-ทรัพย์สินประชาชนจะเสียหาย ผู้คนจะล้มหาย ตายจากไปจำนวนมาก อาหารจะขาดแคลนอย่างหนัก ทั้งน้ำดื่ม น้ำใช้ก็จะขาดแคลนเช่นกัน ระบบไฟฟ้า-ประปาบางแห่งจะเสียหาย สะพานและถนนบางแห่ง จะเสียหายเช่นกัน แผ่นดินบางแห่งจะยุบตัวลงเป็นหลุมลึก โรคระบาดจะลามไปทั่ว โจรผู้ร้ายจะชุกชุม การปล้นจี้ ชิงทรัพย์-ข่มขืนจะลามไปทุกแห่ง ความโกลาหลวุ่นวายจะเกิดขึ้น เหมือนผึ้งแตกรัง มันเป็น ..."กรรมของประเทศ"...ที่มาซ้ำเติมคนไทย แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่กุมสินค้าอุปโภค-บริโภคไว้ในกำมือ รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐี นักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้ที่ทำธุรกิจสีเทา และสีดำจะไม่เดือดร้อน กลับจะเฟื่องฟู ร่ำรวยยิ่งขึ้น เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก ประชาชนเหมือนปลาซิว ปลาสร้อย ตาละห้อยเหมือนคนสิ้นหวัง
…………………………………………
…………………………………………
ถ้าหากว่า...."บุคคลสำคัญเบอร์ 1. ของประเทศ"...ผ่านพ้นวิกฤติในปี พ.ศ.2558 มาได้ก็ตาม แต่คงไม่สามารถผ่านปี พ.ศ.2560 หรือพ.ศ.2561 ไปได้...ภายในช่วงปี พ.ศ.2558-2561 ประเทศไทยมีเคราะห์แรงมาก มีแนวโน้มว่าจะเกิดการสูญเสีย..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เขียนเกรงว่าในช่วงปีดังกล่าว (พ.ศ.2558-2561) อาจจะมีการสูญเสีย..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...ที่เป็นแกนหลักของบ้านเมืองติดต่อกัน 2-3 ท่าน...หนึ่งในนั้นเป็นที่เคารพ ของเหล่าบรรดาขุนทหารมาช้านานแล้ว...ขอย้ำอีกครั้งถ้า..."บุคคลสำคัญ เบอร์ 1 ของประเทศ"...สูญเสียเมื่อไหร่ บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ..."การแย่งชิงอำนาจจะเกิดตามมา"...พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ น่าสงสารที่สุด เหมือนลูกขาดพ่อ เหมือนประเทศขาดเสาหลักค้ำจุน บ้านเมืองมืดไปหมด ความโศกเศร้า โศกาดูร จะดังระงมไปทั้งแผ่นดิน
…………………………………………
…………………………………………
ประเทศไทย เป็น..."สวรรค์"...ของนักการเมือง และกลุ่มนายทุนใหญ่ รวมถึงข้าราชการระดับสูง และคนที่อยู่ในคราบของนักการเมือง ในช่วงนี้ (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเหมือน..."นรก"...ของคนระดับล่าง ที่เรียกกันว่า "ชาวรากหญ้า" ที่ครองแชมป์ "ความจน" มาอย่างยั่งยืน ถาวร นานแสนนาน จะยิ่งลำบากมากขึ้น แม้แต่คนระดับปานกลาง และคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็หนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องได้รับผลกระทบจะมากหรือน้อยเท่านั้น...คำว่าเมตตา-ปราณี หาได้ยากยิ่งในหมู่ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และนายทุนใหญ่ รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐีหลายคน...ประชาชนคนธรรมดาจะหากินลำบากยิ่งขึ้น เด็ก-ผู้หญิงต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงชีพ ด้วยการขายตัวจะเพิ่มมากขึ้น ความเดือดร้อนจะแผ่กระจายไปทั่วแผ่นดินไทย บรรดาธนาคารต่างๆจะมีหนี้สูญมากขึ้น คนจะเป็นหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมากมาย...รูดปรี๊ด รูดปรี๊ด รูดแล้วไม่มีเงินจ่าย ธนาคารรับกรรม...ภาคอุตสาหกรรมจะซบเซาลง หรือลดกำลังการผลิต เพราะกำลังซื้อของคนระดับล่าง-และคนระดับปานกลาง ไม่มีเงินซื้อ หรือมีเงินแต่ไม่อยากใช้เงิน จะขายได้เฉพาะสินค้าที่ราคาแพงสำหรับคนรวยเท่านั้น แต่ก็ขายได้น้อยลงเช่นกัน เต็นท์รถมือสอง "เจ๊ง" กันระนาว เพราะพิษรถคันแรกของรัฐบาล "อีเอ๋อ" ที่เธอพ่นพิษไว้เป็นที่ระลึก สะเทือนไปถึง "เชียงกง" ที่จำหน่ายอะไหล่เครื่องยนต์เก่า ร้านค้า / ห้างสรรพสินค้าจะเงียบเหงา มีคนเดินดูมากกว่าคนเดินซื้อ...แม้แต่หมู่บ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย และ /หรือ คนที่ซื้อบ้านจัดสรร ซื้อคอนโดราคาแพง ซื้อเกินกำลังทรัพย์ จะเดือดร้อนจนไม่สามารถผ่อนต่อไปได้ อาจต้องถูกยึดรถ ยึดบ้าน หรือต้องปรับโครงสร้างการชำระหนี้ใหม่กับสถาบันการเงิน....นับจากปีพ.ศ.2558 เป็นต้นไป เศรษฐกิจประเทศไทยจะตกต่ำไปถึงปี พ.ศ. 2561 ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าก็จะลดลง เพราะถูกประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เขมร พม่า ลาว แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนมาก ทั้งข้าว อาหารทะเล พืชผลการเกษตรหลายชนิด สิ่งทอต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่โรงงานผลิตรองเท้าส่งออก รวมทั้งเครื่องประดับ อุปกรณ์อิเล็กเทรอนิกส์ต่างๆ ก็จะถูกประเทศเพื่อนบ้านแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปครอง...แม้แต่ประเทศจีน ก็จะสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยน้อยลง นอกจากการแลกเปลี่ยนสินค้าของไทยเช่นข้าว ยางพารา (ราคายางพารา ยังไม่สามารถขึ้นราคาได้ง่ายๆ) และผลผลิตการเกษตรบางชนิด แต่ประเทศไทยต้องให้ประเทศจีนเหมาทำรถไฟ ในประเทศไทยเป็นการแลกเปลี่ยน...คนจีนไม่โง่หรอก รัฐบาลจีนฉลาดเรื่องการค้ามากกว่า ทหาร นักการเมือง-ข้าราชการ ของประเทศไทย ร้อยเท่า พันเท่า เพราะนักการเมืองไทย ข้าราชการไทย รวมทั้งทหารไทยบางคน เชื่อว่าทหารและนักการเมืองบางคน มีส่วนได้ผลประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้องจำนวนมหาศาล แต่จะอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ...ประชาชนตาดำๆ ต้องเป็นหนี้เจ็ดชั่วโคตร เพราะ นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือ นักการเมืองที่มาจากปากกระบอกปืน คนไทยทั้งประเทศมีหนี้ โดยที่ไม่ได้กู้แม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่ต้องก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ ไปถึงลูก หลาน แหลน ลื้อ ตายแล้วเกิดใหม่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด นี่คือฝีมือและผลงาน นักการเมืองไทย จริงหรือไม่?
…………………………………….
…………………………………….
ขอให้เชื่อเถิดว่า..."ไม่มีคำว่าตกต่ำตลอดกาล"...ฝนตกก็มีวันหยุด ฟ้ามืดก็มีวันสว่าง พระอาทิตย์ไม่มีวันตกจนมืดตลอดทั้งปี ฉันใดก็ฉันนั้น ประเทศไทยก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เช่นกัน หลังจากที่ประเทศไทยพ้นบ่วงกรรม อย่างหนักหนาสาหัสผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆทั้งเรื่อง ภัยธรรมชาติที่รุนแรง ภัยเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ และการแย่งชิงอำนาจผ่านพ้นไปแล้ว จะถึงจุดเปลี่ยนประเทศไทยอีกครั้ง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เหมือนต้นไม้ผลัดใบ ความเจริญรุ่งเรืองจะกลับมาอีกครั้ง พืชผลการเกษตรจะอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยราคาพืชผลการเกษตรจะดีขึ้น ชาวไร่ ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้ พ่อค้าวาณิชย์ นักธุรกิจจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง อุตสาหกรรมต่างๆจะฟื้นตัว และจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น...ประเทศแถบเอเชียเช่นประเทศไทย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศเขมร ประเทศลาว ประเทศพม่าเป็นต้นจะกลายเป็น..."ครัวโลก"...ของการส่งออกอาหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทางกลับกันประเทศแถบอาหรับ และประเทศแถบตะวันตก รวมทั้งยุโรปหลายประเทศ จะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก
………………………………..
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เกิดวันที่ 4 ส.ค. 1961 (พ.ศ.2504 ปีฉลู) มีดิถีธาตุดิน ในปีพ.ศ.2558 เป็น "ปีชง" กับเจ้าชะตา "ธาตุดิน" ของ บารัค โอบามา ถูก "ธาตุไม้" เล่นงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 แล้ว...ผลงานต่างๆของ ปธน. บารัค โอบามา จะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวอเมริกา
ในเมื่อดวง..."ผู้นำประเทศ"...ซวยแบบดับเบิ้ลซวย อย่างนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก คนจะตกงานอีกอื้อ ราคาบ้าน / ที่ดินจะตกต่ำอย่างน่าใจหาย เชื่อว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังไม่สามารถกู้เศรษฐกิจของประเทศอเมริกาให้ฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน และปี พ.ศ.2559 อายุของ ปธน. บารัค โอบามาให้โทษอีก (อายุ 55) ยังอยู่ในช่วง..."ดวงตกแบบไม่มีหูรูด"... เชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกา แทบจะขับไล่ประธานาธิบดีของตนเองด้วยซ้ำ ถ้ากฎหมายหรือรัฐธรรมนูญของประเทศอเมริกา ให้สิทธิประชาชนชาวอเมริกาชุมนุมประท้วงขับไล่นักการเมือง เหมือนประเทศไทยก่อนที่จะมีการรัฐประหารของ คสช...คิดว่า ปธน.บารัค โอบามา คงถูกประชาชนชาวอเมริกาขับไล่ไปนานแล้ว ในช่วงที่ดวงของ ปธน. บารัค โอบามา กำลังตกต่ำอย่างหนัก อาจคิดผิด ทำผิด นำประเทศไปสู่สงครามกับประเทศแถบอาหรับ และความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆจะลดต่ำลงอย่างมาก ประเทศอเมริกายังต้องเสี่ยงกับการถูก..."ก่อวินาศกรรม"...อีกด้วย เมื่อ ปธน. บารัค โอบามา พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ประชาชนชาวอเมริกา จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นผู้หญิง?
………………………………..
ในเมื่อดวง..."ผู้นำประเทศ"...ซวยแบบดับเบิ้ลซวย อย่างนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก คนจะตกงานอีกอื้อ ราคาบ้าน / ที่ดินจะตกต่ำอย่างน่าใจหาย เชื่อว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังไม่สามารถกู้เศรษฐกิจของประเทศอเมริกาให้ฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน และปี พ.ศ.2559 อายุของ ปธน. บารัค โอบามาให้โทษอีก (อายุ 55) ยังอยู่ในช่วง..."ดวงตกแบบไม่มีหูรูด"... เชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกา แทบจะขับไล่ประธานาธิบดีของตนเองด้วยซ้ำ ถ้ากฎหมายหรือรัฐธรรมนูญของประเทศอเมริกา ให้สิทธิประชาชนชาวอเมริกาชุมนุมประท้วงขับไล่นักการเมือง เหมือนประเทศไทยก่อนที่จะมีการรัฐประหารของ คสช...คิดว่า ปธน.บารัค โอบามา คงถูกประชาชนชาวอเมริกาขับไล่ไปนานแล้ว ในช่วงที่ดวงของ ปธน. บารัค โอบามา กำลังตกต่ำอย่างหนัก อาจคิดผิด ทำผิด นำประเทศไปสู่สงครามกับประเทศแถบอาหรับ และความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆจะลดต่ำลงอย่างมาก ประเทศอเมริกายังต้องเสี่ยงกับการถูก..."ก่อวินาศกรรม"...อีกด้วย เมื่อ ปธน. บารัค โอบามา พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ประชาชนชาวอเมริกา จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นผู้หญิง?
………………………………..
"นาง ฮิลลารี คลินตัน"...จะได้เป็น..."ประธานาธิบดี"... คนใหม่อย่างแน่นอน หลังจากนั้นไม่กี่ปี หรือไม่นานประเทศ อเมริกาซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ จะเกิดสงครามกับประเทศมหาอำนาจด้วยกัน หรือทำสงครามกับประเทศแถบอาหรับ และสงครามอาจจะลุกลามไปหลายประเทศ และ / หรือ อาจมีประเทศอื่นแอบหนุนหลังช่วยเหลือเรื่องอาวุธในการทำสงคราม หรืออาจจะส่งทหารเข้าไปช่วยรบด้วย...ประเทศแถบเอเชียจะกลายเป็นขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจ และเป็นขุมทองทางด้านอาหาร การเกษตรจะเฟื่องฟูสุดขีด ชาวไร่ชาวนาจะไม่ยากจนอีกต่อไป พืชผลการเกษตรจะมีราคาสูงขึ้น การส่งออกโดยเฉพาะด้านอาหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะหลายประเทศขาดแคลนอาหาร อาจจะเกิดจากปัจจัยสงคราม จึงทำให้หลายประเทศต่างสะสม-กักตุนน้ำมัน และอาหารมากเป็นประวัติการณ์ บางท่านคงสงสัยว่าถ้าเกิดสงคราม ประเทศไทยไม่เดือดร้อนหรือ? / ไม่ได้รับผลกระทบบ้างหรือ?...ขอเรียนว่า ถ้าเกิดสงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้น ประเทศทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอาหาร มีพืชผลการเกษตรสมบูรณ์ จะได้อานิสงส์มากที่สุด สินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันทั่วโลกเช่นกัน
…………………………………………
…………………………………………
ต้องย้ายเมืองหลวง กรุงเทพฯอยู่ได้อีกไม่กี่สิบปี อาจจะสิบปี หรือยี่สิบปี แต่ไม่น่าจะเกินสี่สิบปีนับจากนี้เป็นต้นไป..."ต้องย้ายเมืองหลวง"...เพราะกรุงเทพฯจะจมบาดาล น้ำทะเลจะสูงขึ้นๆ ทั้งน้ำจากฝนก็จะกระหน่ำจนกรุงเทพฯจมบาดาล หรือเกิดจาก "เขื่อนแตก" เพราะ "แผ่นดินไหว" จนไม่สามารถแก้ไขหรือป้องกันได้...ที่ดินริมแม่น้ำโขง จะถูกน้ำซัดถล่มขาดหายไปจำนวนมาก อาจจะเกิดจากเขื่อนที่ประเทศจีน "แตก" แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเขื่อนแตกเพราะ..."แผ่นดินไหว"...หรือเขื่อนแตกเพราะการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ขอให้ผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ติดริมน้ำโขงให้ระวังเป็นพิเศษ และโปรดอย่าถามว่า..."เขื่อนจะแตกวันไหน? เมื่อไหร่?"...เพราะนี่เป็น..."คำเตือน" (ไม่ใช่คำทำนาย)..."ผู้มีศีล มีธรรม"... จะปลอดภัย จากภัยพิบัติต่างๆ "คนไร้ศีล" จะล้มหายตายจากไปจำนวนมาก // อวสาน
ปล.อยากให้ทุกคนอ่านซ้ำๆหลายครั้ง จะได้เข้าใจมากขึ้น และจำได้แม่นยำ หรือก็อปปี้บทความนี้เอาไว้ ขอให้ทุกคนใช้สติ อย่าตกใจจนขาดสติ สติเป็นตัวแก้ไขได้ทุกอย่าง พึงสวดมนต์ ภาวนาเอาไว้เป็นประจำ ทาน ศีล ภาวนา หมั่นทำไว้ เพราะจะเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาห้อมล้อมปกป้องคุ้มครองท่านได้อย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพ
หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
28 พ.ย.2557
อนาคตอันน่าสพึงกลัว!! คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย จาก กิจจา หมอนิด ทวีกุลกิจ
กิจจา หมอนิด ทวีกุลกิจ
November 27, 2014 · Bangkok, Thailand ·

คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย (ไม่ใช่คำทำนาย)
ผู้เขียนอนุญาตให้นำบทความนี้ ไปเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างไร
................เกริ่นก่อนอ่าน เพื่อความเข้าใจ บทความนี้มีบางตอนจะเหมือน หรือคล้ายกับคำเตือนครั้งแรก และในวงเล็บที่ว่า (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเจอเรื่องนั้น เจอเรื่องนี้นั้น ยกตัวอย่างเช่น ปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะเจอ "ภัยเศรษฐกิจ" ปีต่อไปประเทศไทยอาจจะเจอ "ภัยธรรมชาติ" และปีต่อไปอาจจะเจอเรื่อง "การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ" ปีถัดไปอาจจะเกิด "การชิงอำนาจ" เกิดขึ้นในบ้านเมือง ขอเรียนว่าผู้เขียน..."ไม่สามารถที่จะระบุ และเรียบเรียงได้ว่าปีไหน จะเกิดอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง"...แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจว่า สิ่งต่างๆที่ผู้เขียนเตือนไว้นี้..."มันต้องเกิด"...อย่างน้อยก็ถูก 80-90 เปอร์เซ็นต์ และบางปีอาจเกิดพร้อมกัน "สองเรื่อง" ในปีเดียวกันก็เป็นไปได้ ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยครับ......และขอกราบเรียนว่าผู้เขียนไม่มีเจตนา ที่จะทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจแต่ประการใด และเหตุการณ์ต่างๆในบทความนี้ อาจจะตรงกันข้ามกับ "คำทำนาย" ของบรรดาโหราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆท่าน อีกทั้งผู้เขียนก็เขียนล่วงหน้าไปหลายปี (พ.ศ.2558-2561ยังมีแถมไปถึงปี พ.ศ.2567) ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดสูงเช่นกัน แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจ และเป็นการท้าทายตัวเอง ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดที่อาจจะเกิดขึ้นทุกประการ โดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใด ขอบคุณครับ
………………………………………
ปล.อยากให้ทุกคนอ่านซ้ำๆหลายครั้ง จะได้เข้าใจมากขึ้น และจำได้แม่นยำ หรือก็อปปี้บทความนี้เอาไว้ ขอให้ทุกคนใช้สติ อย่าตกใจจนขาดสติ สติเป็นตัวแก้ไขได้ทุกอย่าง พึงสวดมนต์ ภาวนาเอาไว้เป็นประจำ ทาน ศีล ภาวนา หมั่นทำไว้ เพราะจะเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาห้อมล้อมปกป้องคุ้มครองท่านได้อย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพ
หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
28 พ.ย.2557
November 27, 2014 · Bangkok, Thailand ·

คำเตือนฉบับที่ 2. เตือนครั้งสุดท้าย (ไม่ใช่คำทำนาย)
ผู้เขียนอนุญาตให้นำบทความนี้ ไปเผยแพร่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างไร
................เกริ่นก่อนอ่าน เพื่อความเข้าใจ บทความนี้มีบางตอนจะเหมือน หรือคล้ายกับคำเตือนครั้งแรก และในวงเล็บที่ว่า (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเจอเรื่องนั้น เจอเรื่องนี้นั้น ยกตัวอย่างเช่น ปี พ.ศ.2558 ประเทศไทยจะเจอ "ภัยเศรษฐกิจ" ปีต่อไปประเทศไทยอาจจะเจอ "ภัยธรรมชาติ" และปีต่อไปอาจจะเจอเรื่อง "การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ" ปีถัดไปอาจจะเกิด "การชิงอำนาจ" เกิดขึ้นในบ้านเมือง ขอเรียนว่าผู้เขียน..."ไม่สามารถที่จะระบุ และเรียบเรียงได้ว่าปีไหน จะเกิดอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง"...แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจว่า สิ่งต่างๆที่ผู้เขียนเตือนไว้นี้..."มันต้องเกิด"...อย่างน้อยก็ถูก 80-90 เปอร์เซ็นต์ และบางปีอาจเกิดพร้อมกัน "สองเรื่อง" ในปีเดียวกันก็เป็นไปได้ ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยครับ......และขอกราบเรียนว่าผู้เขียนไม่มีเจตนา ที่จะทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจแต่ประการใด และเหตุการณ์ต่างๆในบทความนี้ อาจจะตรงกันข้ามกับ "คำทำนาย" ของบรรดาโหราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆท่าน อีกทั้งผู้เขียนก็เขียนล่วงหน้าไปหลายปี (พ.ศ.2558-2561ยังมีแถมไปถึงปี พ.ศ.2567) ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดสูงเช่นกัน แต่ผู้เขียนมีความมั่นใจ และเป็นการท้าทายตัวเอง ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด คลาดเคลื่อนไป ผู้เขียนขอน้อมรับความผิดที่อาจจะเกิดขึ้นทุกประการ โดยไม่มีข้อแม้แต่ประการใด ขอบคุณครับ
………………………………………
นับจากนี้เป็นต้นไป (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องการเมือง ขอให้ทุกคนอดทนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในปีพ.ศ.2558..."เศรษฐกิจร่อแร่"...ถ้าพูดภาษาทางการแพทย์เรียกว่า..."อาการโคม่า"...หรืออาการน่าเป็นห่วง..."รัฐบาลทหาร"...โดยการนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี...และคณะรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ ยังไม่สามารถกอบกู้เศรษฐกิจภายในประเทศ ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ทั้งปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่ถีบตัวสูงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนได้ไม่พอใช้จ่าย หนี้สินภาคครัวเรือนจะพุ่งสูงขึ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด ไม่ควรซื้อสิ่งของที่ฟุ่มเฟือย ท่านใดที่ทำการค้าอยู่ ขอให้ประคับประคองธุรกิจของท่านไปพรางๆก่อน ไม่ควรเพิ่มทุนหรือไปกู้เงินเพิ่มแต่อย่างไร หากไม่มีเงินทุนสำรอง หรือการเงินไม่แข็งแกร่งจริงๆ น่าเป็นห่วงที่สุด..."คนดวงดี"...เท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้ ไม่ใช่ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แล้วทุกคนที่ทำธุรกิจต้องเจ๊งหมดประเทศ..."ในดีก็มีเสีย ในเสียก็มีดี"...บางคนดวงดีก็จะไม่กระทบกับธุรกิจที่ทำอยู่ แถมยังอาจจะเพิ่ม / หรือขยายการลงทุนด้วยซ้ำ แม้เศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม ภาษาทางหมอดูเรียกว่า..."รวยสวนกระแสวิกฤติ"...เพียงแต่มีคนจำพวกนี้เป็นส่วนน้อยเท่านั้น...ในฐานะที่ผู้เขียนเป็น..."หมอดูดวง"...ผู้คนมาแล้วมากมาย ในอดีตประเทศไทยเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี พ.ศ.2539-2540 มีนักธุรกิจจำนวนมาก..."ล้มละลาย"...เจ๊งกันเป็นว่าเล่น แม้แต่ธนาคารก็ยัง "เจ๊ง" กันระนาว แต่มีคนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบเลย แถมยังรวยขึ้นกว่าเก่า นี่คือเรื่องจริง... ..ท่านใดที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ขอให้ขยัน อดทน ประหยัด อย่าคิดลาออกจากงานมาลงทุนค้าขายเองในปี พ.ศ.2558 นี้ ถ้าดวงยังไม่ดีจริงๆ หรือคนไหนไม่มีดวงเป็นเจ้าของกิจการ อย่าฝืนดวงเป็นอันขาด ถ้าฝืนลงทุนทำไปรับรองมีแต่ "เจ๊ง" เท่านั้น...คนเก่งมีเยอะ แต่คนดวงเฮงมีน้อย ส่วนมาก "คนเฮง" จะได้ "คนเก่ง" มาทำงานให้นี่คือความจริง....ถ้าบริษัทที่ท่านทำอยู่มีฐานะการเงินที่มั่นคง ขอให้อดทนทำไป...แต่ถ้าบริษัทที่ท่านทำอยู่ หากฐานะการเงินไม่แข็งแกร่งจริงๆ อาจจะต้องล้มเลิกกิจการ หรือปลดคนงานออกบางส่วน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปีพ.ศ.2558 เศรษฐกิจในประเทศยังสลบไม่ฟื้นตื่นลำบาก กำลังซื้อจะหดตัวลงต่อเนื่องจากปีพ.ศ.2557 แม้แต่การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นตามเป้าที่ตั้งไว้ มีสินค้าบางประเภทเท่านั้นที่ยังทรงตัวอยู่ได้ พืชผลการเกษตรจะเสียหาย หรือราคาจะตกต่ำไม่คุ้มกับการลงทุนเพาะปลูก..."ภัยธรรมชาติ"...เช่น ภัยแล้ง จะสร้างความเสียหายต่อชาวไร่ชาวนาและเกษตรกรทั่วไป ...ดิน ฟ้า อากาศ จะวิปริตแปรปรวนไปทั่ว ไม่เป็นไปตามฤดูกาลเหมือนแต่ก่อน และจะเป็นไปทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น...ปี พ.ศ.2558 จะมีนักการเมือง...หรืออดีต..."นักการเมืองที่มีคดีติดตัว"...เจ็บป่วยหนัก อาจถึงกับ "เสียชีวิต" เพราะปีพ.ศ.2558 เป็น "ปีชง" กับคนที่เกิดปีฉลู ถ้าตัวเองไม่เจ็บป่วย ก็อาจจะเกิดกับคนใกล้ชิดเช่นบุตร ภรรยา ญาติพี่น้อง ทำให้เครียด / เสียเงินหรือเจ็บป่วยแทน และเจออุปสรรคต่างๆ แม้แต่คิดจะทำอะไรก็ไม่สมหวัง มีสิทธิถูกหลอกแดกเงินฟรีๆ ถ้าอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว ผ่านพ้นปี พ.ศ.2558 มาได้ ก็จะมาเจออายุให้โทษในปีพ.ศ.2560 (อายุ 68) ไม่ถือว่าดีเช่นกัน และดาวเคราะห์ใหญ่จะโหมกระหน่ำ "อดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว" ในปีพ.ศ. 2562-2563 เพราะเป็นปี "ธาตุน้ำ" ติดต่อกันสองปี จะมาเล่นงาน "ธาตุไฟ" ของอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัวอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นมีสิทธิ "ต๊ายแหน่ ต๊ายแหน่"...เอ้า แถมให้อีกนิด ยืดเวลาให้อีกหน่อย ถ้าหากว่าอดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว อึด ทน แข็ง ใหญ่ จนสามารถฟันฝ่ามรสุมชีวิตพ้นปี พ.ศ.2563 มาได้อีกครั้ง ก็จะมาเจอด่านอรหันต์ในปี พ.ศ.2565-2567 คราวนี้คงตายแน่ๆ ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง...(ผู้เขียนคิดว่า คนที่อ่านเรื่อง อดีตนักการเมืองที่มีคดีติดตัว คงจะหงุดหงิดใจไม่น้อย บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคนชั่วๆจึงตายยาก ตายเย็นอย่างนี้ ขออธิบายว่านับจากนี้เป็นต้นไป "เขาคนนั้น" ดวงตกสุดๆยากที่จะทำการใดสำเร็จ มีแต่ความหายนะรออยู่ มีแต่ความตายรออยู่ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ให้อโหสิกรรมกันดีกว่า อย่าอาฆาตพยาบาทกันเลย อย่าจองเวรต่อกันและกันเลย..."การอโหสิกรรม เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่"...คนเราเกิดมาแล้ว ต้องตายกันทุกคน ช้าหรือเร็วเท่านั้น)...ในขณะเดียวกันปีพ.ศ.2558 ยังต้องเฝ้าระวังสุขภาพของ..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...ให้ใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะดวงเมืองของประเทศไทยยังน่าเป็นห่วงสำหรับ..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...เป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีการสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศเกิดขึ้น บ้านเมืองจะปั่นป่วนไปหมด ประชาชนจะลำบากมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ เหมือนหญ้าแพรก ถูกช้างเหยียบกระจุยกระจายจนแหลกลาญ..."การชิงอำนาจทางการเมือง"...จะเกิดขึ้นระหว่าง..."คนมีสี"...ด้วยกันจะเรียกว่า "ปฏิวัติซ้อน" ก็ว่าได้ถ้าเกิดเหตุการณ์..."ชิงอำนาจทางการเมือง"...ขึ้น อาจจะมีการใช้อาวุธเข้าปะทะกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีกำลังพล และมีอาวุธร้ายแรง..."การเลือกตั้งจะไม่มีอีกหลายปี"...เพราะ "คนมีสี" จะเข้ามาคุมอำนาจทางการเมืองต่อ...ขอให้ประชาชนทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม อย่าประมาท อย่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และใช้สติพิจารณา อย่าตกใจเกินเหตุ เพราะเหตุยังไม่เกิด ผลจึงยังไม่มี บางทีผมอาจจะผิดพลาดก็เป็นไปได้ (น้อยมาก)
………………………………………..
………………………………………..
ถ้าบุคคลสำคัญของประเทศ ผ่านวิกฤติปีพ.ศ.2558 ไปได้ การเลือกตั้ง สส.คาดว่าอาจจะมีขึ้นในปีพ.ศ.2559 หรืออาจจะเป็นปี พ.ศ.2560 แต่ไม่ว่าใครจะมาเป็น "นายก" ก็ตาม พรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม หรือแม้แต่ทหารเข้ามาคุมอำนาจทางการเมืองก็ตาม ก็ยังไม่สามารถกู้สถานการณ์เศรษฐกิจให้ดีขึ้นมาได้ เพราะประเทศไทยยังไม่หมดเคราะห์ ยังมีเคราะห์หนักติดต่อกันอีกหลายปี นักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ส่วนมากไม่มีคุณภาพ ไม่มีฝีมือดีพอ....มีแต่นักการเมืองจำพวก "ดีแต่ปาก เก่งแต่พูด" ทุกตัวล้วนแต่กระสันอยากเป็น "นายก" อยากเป็น "รัฐมนตรี" จนตัวสั่น หางกระดิก...ประชาชนจะไปหวังพึ่งนักการเมืองไม่ได้เพราะ..."คนซวย"...จะได้เป็น "นายก" รวมทั้งคณะรัฐมนตรีต่างๆก็มี..."คนซวย"...จำนวนมากประเทศไทยจึงต้องเจอกับ..."ภัยพิบัติ"...ครั้งใหญ่ในอีกไม่นานนี้ (พ.ศ.2558-2561) อย่าประมาทเรื่อง..."แผ่นดินไหว"...อย่างรุนแรงจะทำให้เกิด..."ภัยที่มาจากน้ำ"...อย่าประมาทเรื่อง..."ภัยธรรมชาติ"...เป็นอันขาด อาจจะเกิด..."สึนามิ"...ขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ "สึนามิ" ขึ้นที่ทะเลฝั่งทะเลอันดามัน ก็ให้ระวังทะเลฝั่งอ่าวไทยให้มากอาจจะเกิดจากลมพายุที่รุนแรง...ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 24-25 ต.ค. พ.ศ.2505 เกิดพายุโซนร้อน เป็นพายุหมุนที่รุนแรงมาก เข้าถล่ม จ.นครศรีธรรมราช และ แหลมตะลุมพุก จะกระจุยกระจายราบเป็นหน้ากลองมาแล้ว...และเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2532 เกิดพายุใต้ฝุ่นเกย์ เข้าถล่ม ที่ จ. ชุมพร สร้างความเสียหายย่อยยับเช่นกัน...ผู้เขียนเชื่อว่าช้าหรือเร็ว "มันต้องเกิด" ค่อนข้างแน่นอน นับจากนี้ไปไม่น่าเกินสาม-สี่ปี แม้แต่กรุงเทพฯ ก็ยังเสี่ยงภัยอันตรายจาก..."ภัยธรรมชาติ"...เช่นกัน ความเสียหายจะตามมา ตึกสูงบางแห่งอาจจะถึงกับถล่มหรือเสียหายอย่างหนัก บ้านเรือน-ทรัพย์สินประชาชนจะเสียหาย ผู้คนจะล้มหาย ตายจากไปจำนวนมาก อาหารจะขาดแคลนอย่างหนัก ทั้งน้ำดื่ม น้ำใช้ก็จะขาดแคลนเช่นกัน ระบบไฟฟ้า-ประปาบางแห่งจะเสียหาย สะพานและถนนบางแห่ง จะเสียหายเช่นกัน แผ่นดินบางแห่งจะยุบตัวลงเป็นหลุมลึก โรคระบาดจะลามไปทั่ว โจรผู้ร้ายจะชุกชุม การปล้นจี้ ชิงทรัพย์-ข่มขืนจะลามไปทุกแห่ง ความโกลาหลวุ่นวายจะเกิดขึ้น เหมือนผึ้งแตกรัง มันเป็น ..."กรรมของประเทศ"...ที่มาซ้ำเติมคนไทย แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่กุมสินค้าอุปโภค-บริโภคไว้ในกำมือ รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐี นักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้ที่ทำธุรกิจสีเทา และสีดำจะไม่เดือดร้อน กลับจะเฟื่องฟู ร่ำรวยยิ่งขึ้น เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก ประชาชนเหมือนปลาซิว ปลาสร้อย ตาละห้อยเหมือนคนสิ้นหวัง
…………………………………………
…………………………………………
ถ้าหากว่า...."บุคคลสำคัญเบอร์ 1. ของประเทศ"...ผ่านพ้นวิกฤติในปี พ.ศ.2558 มาได้ก็ตาม แต่คงไม่สามารถผ่านปี พ.ศ.2560 หรือพ.ศ.2561 ไปได้...ภายในช่วงปี พ.ศ.2558-2561 ประเทศไทยมีเคราะห์แรงมาก มีแนวโน้มว่าจะเกิดการสูญเสีย..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เขียนเกรงว่าในช่วงปีดังกล่าว (พ.ศ.2558-2561) อาจจะมีการสูญเสีย..."บุคคลสำคัญของประเทศ"...ที่เป็นแกนหลักของบ้านเมืองติดต่อกัน 2-3 ท่าน...หนึ่งในนั้นเป็นที่เคารพ ของเหล่าบรรดาขุนทหารมาช้านานแล้ว...ขอย้ำอีกครั้งถ้า..."บุคคลสำคัญ เบอร์ 1 ของประเทศ"...สูญเสียเมื่อไหร่ บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ..."การแย่งชิงอำนาจจะเกิดตามมา"...พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ น่าสงสารที่สุด เหมือนลูกขาดพ่อ เหมือนประเทศขาดเสาหลักค้ำจุน บ้านเมืองมืดไปหมด ความโศกเศร้า โศกาดูร จะดังระงมไปทั้งแผ่นดิน
…………………………………………
…………………………………………
ประเทศไทย เป็น..."สวรรค์"...ของนักการเมือง และกลุ่มนายทุนใหญ่ รวมถึงข้าราชการระดับสูง และคนที่อยู่ในคราบของนักการเมือง ในช่วงนี้ (พ.ศ.2558-2561) ประเทศไทยจะเหมือน..."นรก"...ของคนระดับล่าง ที่เรียกกันว่า "ชาวรากหญ้า" ที่ครองแชมป์ "ความจน" มาอย่างยั่งยืน ถาวร นานแสนนาน จะยิ่งลำบากมากขึ้น แม้แต่คนระดับปานกลาง และคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนก็หนีไม่พ้น ยังไงก็ต้องได้รับผลกระทบจะมากหรือน้อยเท่านั้น...คำว่าเมตตา-ปราณี หาได้ยากยิ่งในหมู่ นักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และนายทุนใหญ่ รวมทั้งบรรดามหาเศรษฐีหลายคน...ประชาชนคนธรรมดาจะหากินลำบากยิ่งขึ้น เด็ก-ผู้หญิงต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงชีพ ด้วยการขายตัวจะเพิ่มมากขึ้น ความเดือดร้อนจะแผ่กระจายไปทั่วแผ่นดินไทย บรรดาธนาคารต่างๆจะมีหนี้สูญมากขึ้น คนจะเป็นหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมากมาย...รูดปรี๊ด รูดปรี๊ด รูดแล้วไม่มีเงินจ่าย ธนาคารรับกรรม...ภาคอุตสาหกรรมจะซบเซาลง หรือลดกำลังการผลิต เพราะกำลังซื้อของคนระดับล่าง-และคนระดับปานกลาง ไม่มีเงินซื้อ หรือมีเงินแต่ไม่อยากใช้เงิน จะขายได้เฉพาะสินค้าที่ราคาแพงสำหรับคนรวยเท่านั้น แต่ก็ขายได้น้อยลงเช่นกัน เต็นท์รถมือสอง "เจ๊ง" กันระนาว เพราะพิษรถคันแรกของรัฐบาล "อีเอ๋อ" ที่เธอพ่นพิษไว้เป็นที่ระลึก สะเทือนไปถึง "เชียงกง" ที่จำหน่ายอะไหล่เครื่องยนต์เก่า ร้านค้า / ห้างสรรพสินค้าจะเงียบเหงา มีคนเดินดูมากกว่าคนเดินซื้อ...แม้แต่หมู่บ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย และ /หรือ คนที่ซื้อบ้านจัดสรร ซื้อคอนโดราคาแพง ซื้อเกินกำลังทรัพย์ จะเดือดร้อนจนไม่สามารถผ่อนต่อไปได้ อาจต้องถูกยึดรถ ยึดบ้าน หรือต้องปรับโครงสร้างการชำระหนี้ใหม่กับสถาบันการเงิน....นับจากปีพ.ศ.2558 เป็นต้นไป เศรษฐกิจประเทศไทยจะตกต่ำไปถึงปี พ.ศ. 2561 ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าก็จะลดลง เพราะถูกประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม เขมร พม่า ลาว แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปจำนวนมาก ทั้งข้าว อาหารทะเล พืชผลการเกษตรหลายชนิด สิ่งทอต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่โรงงานผลิตรองเท้าส่งออก รวมทั้งเครื่องประดับ อุปกรณ์อิเล็กเทรอนิกส์ต่างๆ ก็จะถูกประเทศเพื่อนบ้านแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปครอง...แม้แต่ประเทศจีน ก็จะสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยน้อยลง นอกจากการแลกเปลี่ยนสินค้าของไทยเช่นข้าว ยางพารา (ราคายางพารา ยังไม่สามารถขึ้นราคาได้ง่ายๆ) และผลผลิตการเกษตรบางชนิด แต่ประเทศไทยต้องให้ประเทศจีนเหมาทำรถไฟ ในประเทศไทยเป็นการแลกเปลี่ยน...คนจีนไม่โง่หรอก รัฐบาลจีนฉลาดเรื่องการค้ามากกว่า ทหาร นักการเมือง-ข้าราชการ ของประเทศไทย ร้อยเท่า พันเท่า เพราะนักการเมืองไทย ข้าราชการไทย รวมทั้งทหารไทยบางคน เชื่อว่าทหารและนักการเมืองบางคน มีส่วนได้ผลประโยชน์ส่วนตัว และพวกพ้องจำนวนมหาศาล แต่จะอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ...ประชาชนตาดำๆ ต้องเป็นหนี้เจ็ดชั่วโคตร เพราะ นักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือ นักการเมืองที่มาจากปากกระบอกปืน คนไทยทั้งประเทศมีหนี้ โดยที่ไม่ได้กู้แม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่ต้องก้มหน้าก้มตาใช้หนี้ ไปถึงลูก หลาน แหลน ลื้อ ตายแล้วเกิดใหม่ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด นี่คือฝีมือและผลงาน นักการเมืองไทย จริงหรือไม่?
…………………………………….
…………………………………….
ขอให้เชื่อเถิดว่า..."ไม่มีคำว่าตกต่ำตลอดกาล"...ฝนตกก็มีวันหยุด ฟ้ามืดก็มีวันสว่าง พระอาทิตย์ไม่มีวันตกจนมืดตลอดทั้งปี ฉันใดก็ฉันนั้น ประเทศไทยก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เช่นกัน หลังจากที่ประเทศไทยพ้นบ่วงกรรม อย่างหนักหนาสาหัสผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆทั้งเรื่อง ภัยธรรมชาติที่รุนแรง ภัยเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก การสูญเสียบุคคลสำคัญของประเทศ และการแย่งชิงอำนาจผ่านพ้นไปแล้ว จะถึงจุดเปลี่ยนประเทศไทยอีกครั้ง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เหมือนต้นไม้ผลัดใบ ความเจริญรุ่งเรืองจะกลับมาอีกครั้ง พืชผลการเกษตรจะอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยราคาพืชผลการเกษตรจะดีขึ้น ชาวไร่ ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้ พ่อค้าวาณิชย์ นักธุรกิจจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง อุตสาหกรรมต่างๆจะฟื้นตัว และจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น...ประเทศแถบเอเชียเช่นประเทศไทย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศเขมร ประเทศลาว ประเทศพม่าเป็นต้นจะกลายเป็น..."ครัวโลก"...ของการส่งออกอาหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในทางกลับกันประเทศแถบอาหรับ และประเทศแถบตะวันตก รวมทั้งยุโรปหลายประเทศ จะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก
………………………………..
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เกิดวันที่ 4 ส.ค. 1961 (พ.ศ.2504 ปีฉลู) มีดิถีธาตุดิน ในปีพ.ศ.2558 เป็น "ปีชง" กับเจ้าชะตา "ธาตุดิน" ของ บารัค โอบามา ถูก "ธาตุไม้" เล่นงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 แล้ว...ผลงานต่างๆของ ปธน. บารัค โอบามา จะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวอเมริกา
ในเมื่อดวง..."ผู้นำประเทศ"...ซวยแบบดับเบิ้ลซวย อย่างนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก คนจะตกงานอีกอื้อ ราคาบ้าน / ที่ดินจะตกต่ำอย่างน่าใจหาย เชื่อว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังไม่สามารถกู้เศรษฐกิจของประเทศอเมริกาให้ฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน และปี พ.ศ.2559 อายุของ ปธน. บารัค โอบามาให้โทษอีก (อายุ 55) ยังอยู่ในช่วง..."ดวงตกแบบไม่มีหูรูด"... เชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกา แทบจะขับไล่ประธานาธิบดีของตนเองด้วยซ้ำ ถ้ากฎหมายหรือรัฐธรรมนูญของประเทศอเมริกา ให้สิทธิประชาชนชาวอเมริกาชุมนุมประท้วงขับไล่นักการเมือง เหมือนประเทศไทยก่อนที่จะมีการรัฐประหารของ คสช...คิดว่า ปธน.บารัค โอบามา คงถูกประชาชนชาวอเมริกาขับไล่ไปนานแล้ว ในช่วงที่ดวงของ ปธน. บารัค โอบามา กำลังตกต่ำอย่างหนัก อาจคิดผิด ทำผิด นำประเทศไปสู่สงครามกับประเทศแถบอาหรับ และความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆจะลดต่ำลงอย่างมาก ประเทศอเมริกายังต้องเสี่ยงกับการถูก..."ก่อวินาศกรรม"...อีกด้วย เมื่อ ปธน. บารัค โอบามา พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ประชาชนชาวอเมริกา จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นผู้หญิง?
………………………………..
ในเมื่อดวง..."ผู้นำประเทศ"...ซวยแบบดับเบิ้ลซวย อย่างนี้จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก คนจะตกงานอีกอื้อ ราคาบ้าน / ที่ดินจะตกต่ำอย่างน่าใจหาย เชื่อว่าประธานาธิบดี บารัค โอบามา ยังไม่สามารถกู้เศรษฐกิจของประเทศอเมริกาให้ฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน และปี พ.ศ.2559 อายุของ ปธน. บารัค โอบามาให้โทษอีก (อายุ 55) ยังอยู่ในช่วง..."ดวงตกแบบไม่มีหูรูด"... เชื่อว่าประชาชนชาวอเมริกา แทบจะขับไล่ประธานาธิบดีของตนเองด้วยซ้ำ ถ้ากฎหมายหรือรัฐธรรมนูญของประเทศอเมริกา ให้สิทธิประชาชนชาวอเมริกาชุมนุมประท้วงขับไล่นักการเมือง เหมือนประเทศไทยก่อนที่จะมีการรัฐประหารของ คสช...คิดว่า ปธน.บารัค โอบามา คงถูกประชาชนชาวอเมริกาขับไล่ไปนานแล้ว ในช่วงที่ดวงของ ปธน. บารัค โอบามา กำลังตกต่ำอย่างหนัก อาจคิดผิด ทำผิด นำประเทศไปสู่สงครามกับประเทศแถบอาหรับ และความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆจะลดต่ำลงอย่างมาก ประเทศอเมริกายังต้องเสี่ยงกับการถูก..."ก่อวินาศกรรม"...อีกด้วย เมื่อ ปธน. บารัค โอบามา พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ประชาชนชาวอเมริกา จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็นผู้หญิง?
………………………………..
"นาง ฮิลลารี คลินตัน"...จะได้เป็น..."ประธานาธิบดี"... คนใหม่อย่างแน่นอน หลังจากนั้นไม่กี่ปี หรือไม่นานประเทศ อเมริกาซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ จะเกิดสงครามกับประเทศมหาอำนาจด้วยกัน หรือทำสงครามกับประเทศแถบอาหรับ และสงครามอาจจะลุกลามไปหลายประเทศ และ / หรือ อาจมีประเทศอื่นแอบหนุนหลังช่วยเหลือเรื่องอาวุธในการทำสงคราม หรืออาจจะส่งทหารเข้าไปช่วยรบด้วย...ประเทศแถบเอเชียจะกลายเป็นขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจ และเป็นขุมทองทางด้านอาหาร การเกษตรจะเฟื่องฟูสุดขีด ชาวไร่ชาวนาจะไม่ยากจนอีกต่อไป พืชผลการเกษตรจะมีราคาสูงขึ้น การส่งออกโดยเฉพาะด้านอาหารจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะหลายประเทศขาดแคลนอาหาร อาจจะเกิดจากปัจจัยสงคราม จึงทำให้หลายประเทศต่างสะสม-กักตุนน้ำมัน และอาหารมากเป็นประวัติการณ์ บางท่านคงสงสัยว่าถ้าเกิดสงคราม ประเทศไทยไม่เดือดร้อนหรือ? / ไม่ได้รับผลกระทบบ้างหรือ?...ขอเรียนว่า ถ้าเกิดสงครามระหว่างประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้น ประเทศทั่วโลกย่อมได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอาหาร มีพืชผลการเกษตรสมบูรณ์ จะได้อานิสงส์มากที่สุด สินค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันทั่วโลกเช่นกัน
…………………………………………
…………………………………………
ต้องย้ายเมืองหลวง กรุงเทพฯอยู่ได้อีกไม่กี่สิบปี อาจจะสิบปี หรือยี่สิบปี แต่ไม่น่าจะเกินสี่สิบปีนับจากนี้เป็นต้นไป..."ต้องย้ายเมืองหลวง"...เพราะกรุงเทพฯจะจมบาดาล น้ำทะเลจะสูงขึ้นๆ ทั้งน้ำจากฝนก็จะกระหน่ำจนกรุงเทพฯจมบาดาล หรือเกิดจาก "เขื่อนแตก" เพราะ "แผ่นดินไหว" จนไม่สามารถแก้ไขหรือป้องกันได้...ที่ดินริมแม่น้ำโขง จะถูกน้ำซัดถล่มขาดหายไปจำนวนมาก อาจจะเกิดจากเขื่อนที่ประเทศจีน "แตก" แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเขื่อนแตกเพราะ..."แผ่นดินไหว"...หรือเขื่อนแตกเพราะการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน ขอให้ผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ติดริมน้ำโขงให้ระวังเป็นพิเศษ และโปรดอย่าถามว่า..."เขื่อนจะแตกวันไหน? เมื่อไหร่?"...เพราะนี่เป็น..."คำเตือน" (ไม่ใช่คำทำนาย)..."ผู้มีศีล มีธรรม"... จะปลอดภัย จากภัยพิบัติต่างๆ "คนไร้ศีล" จะล้มหายตายจากไปจำนวนมาก // อวสาน
ปล.อยากให้ทุกคนอ่านซ้ำๆหลายครั้ง จะได้เข้าใจมากขึ้น และจำได้แม่นยำ หรือก็อปปี้บทความนี้เอาไว้ ขอให้ทุกคนใช้สติ อย่าตกใจจนขาดสติ สติเป็นตัวแก้ไขได้ทุกอย่าง พึงสวดมนต์ ภาวนาเอาไว้เป็นประจำ ทาน ศีล ภาวนา หมั่นทำไว้ เพราะจะเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาห้อมล้อมปกป้องคุ้มครองท่านได้อย่างแน่นอน
ด้วยความเคารพ
หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ
28 พ.ย.2557
มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลก 256ปี | ตำนาน ที่ไม่ได้รับการบันทึกในสถิติโลก
มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลก 256ปี | ตำนาน ที่ไม่ได้รับการบันทึกในสถิติโลก | https://www.youtube.com/watch?v=rDAimbvI284
มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลก 256ปี | ตำนาน ที่ไม่ได้รับการบันทึกในสถิติโลก
มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลก 256ปี | ตำนาน ที่ไม่ได้รับการบันทึกในสถิติโลก | https://www.youtube.com/watch?v=rDAimbvI284
มันบ้าไปแล้ว! ชัย ราชวัตร เสนอแบล็กลิสต์ผู้โดยสารแบบยิ่งลักษณ์ หากเป็นต้นเหตุให้นักบินเป็นแบบนี้
ชัย ราชวัตร เสนอแบล็กลิสต์ผู้โดยสารแบบยิ่งลักษณ์ หากเป็นต้นเหตุให้นักบินเป็นแบบนี้
http://hilight.kapook.com/view/138158
http://hilight.kapook.com/view/138158
มันบ้าไปแล้ว! ชัย ราชวัตร เสนอแบล็กลิสต์ผู้โดยสารแบบยิ่งลักษณ์ หากเป็นต้นเหตุให้นักบินเป็นแบบนี้
ชัย ราชวัตร เสนอแบล็กลิสต์ผู้โดยสารแบบยิ่งลักษณ์ หากเป็นต้นเหตุให้นักบินเป็นแบบนี้
http://hilight.kapook.com/view/138158
http://hilight.kapook.com/view/138158
Gays Must Die Says Speaker At Orlando Mosque - WFTV 9 Orlando Report
Gays Must Die Says Speaker At Orlando Mosque - WFTV 9 Orlando Report
Subscribe to:
Comments (Atom)
คลังคำไทยที่มักสะกดผิด – สำหรับฝึกความจำให้คนไทยทุกรุ่น
ภาพประกอบชวนขำกลิ้ง คลังคำไทยที่มักสะกดผิด – สำหรับฝึกความจำให้คนไทยทุกรุ่น คลังคำไทยที่มักสะกดผิด ภาษาไทยน...
-
ลองนึกภาพกัมพูชาและประเทศไทยเป็นสองบ้านที่อยู่ติดกันบนถนนสายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านทั้งสองมีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนพี่น้องที่ทะ...
-
ความเชื่อที่ว่าชาวยิวครองโลกหรือมีตระกูลยิวบงการเหตุการณ์สำคัญในโลก โดยมีศูนย์กลางที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เป็นแนวคิดที่มาจากทฤษฎีสมคบคิด (c...
-
โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2017–2021 และดำเนินนโยบายที่มุ่งเน้นให้ “อเมริกามาก่อน” (America First) ซึ่งเป็นแนว...







