ขณะที่เผด็จการเมืองไทย ได้ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในการกดหัวประชาชน คือใช้กฎหมายทุกรูปแบบ ใช้ความน่าเชื่อถือในตัวบุคคลและสถาบัน ใช้สมุนในสภาและนอกสภา และแม้แต่กำลังทหารที่จงรักภักดี เพื่อกำราบคนที่ใฝ่ประชาธิปไตยทุกรูปแบบ ปิดหูปิดตา ปิดกั้นการแสดงออกทุกรูปแบบ แล้วยกคนของตนเข้าไปคุมทุกเครือข่าย ใช้กำลังและกลไกเหล่านี้อย่างเต็มรูปแบบ ปวงชนไทยหลายส่วนสยบยอม หมอบราบ หรือหันไปใช้ความรุนแรง แต่นักโทษการเมืองที่สู้ด้วยมือเปล่า หรือนักโทษ 112 ที่สู้ด้วยความคิด ข้อมูล และความจริง แม้จะต้องคดีความ ถูกจับกุมคุมขังโดยไม่มีสิทธิต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม แถมถูกตัดสินแบบสองมาตรฐานและไม่มีสิทธิต่อรองแม้แต่การประกันตัว แต่พวกเขาก็ไม่ยอมกลัว ไม่ยอมก้มหัว หรือสยบยอม ทั้งพวกที่ต้องรับโทษอย่างไม่เป็นธรรม แถมถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงหลายแบบ และพวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเถื่อน จึงหลบหนีไปต่อสู้ยังต่างประเทศ
บุคคลเหล่านี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการบันทึกไว้ว่า เป็นผู้ต่อสู้กับอำนาจเถื่อนที่รุนแรงและป่าเถื่อนด้วยสันติวิธี เพื่อหวังให้เผด็จการเปลี่ยนวิธีการ และให้ประชาชนร่วมชาติตาสว่าง ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน จึงเห็นควรโดยมติเอกฉันท์ มอบรางวัลนี้ ให้กับ นักโทษ 112 และนักโทษการเมืองในไทยและทั่วโลก
ในการนี้ ท่านจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคใหญ่ที่สุดในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกปล้นอำนาจโดยรัฐบาลเผด็จการทหารของนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัลนี้ โดย ดร.เพียงดิน รักไทย เป็นผู้แทนนักโทษ 112 และนักโทษการเมืองในไทยและทั่วโลก รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้แทน วิดีโอและภาพประกอบ จะตามมาในเร็ว ๆ นี้
จึงขอประกาศไว้ให้เป็นเกียรติประวัติและจารึกไว้ให้เป็นแบบอย่างแก่สาธารณชนทั่วไป
ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม 2558
ดร.เพียงดิน รักไทย
ประธานบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง
ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.